The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1133 เผชิญหน้า
แมนิสันไม่ติดเบ็ด เขามองหานเซี่ยวขึ้นลงและพยักหน้า”นายมีอารมณ์ขันดี ฉันคือประธานสมาคม ฉันไม่มีทางพลาดการประชุมอยู่แล้ว”
หานเซี่ยวกอดอก”ในฐานะประธาน สิ่งที่นายทำดูไม่ค่อยเหมาะกับตำแหน่งเลยนะ ไม่ใช่ทุกคนที่สนับสนุนนาย แต่นายยังตัดสินใจทำอะไรเอง”
วินาทีที่เขาเห็นแมนิสัน เขาก็ลืมเรื่องการไม่ยั่วยุไปซะสนิท ในความเป็นจริง ทั้งหมดที่เขาอยากทำตอนนี้คือยั่วยุเขา
เมื่อรู้ถึงแนวโน้มของสมาคม เขาก็จงใจพยายามทำให้คนรอบข้างยิ่งไม่พอใจ ซึ่งการยั่วยุค่อนข้างได้ผล หลายคนมองแมนิสันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร พวกเขาล้วนเป็นคนสำคัญ ไม่มีใครชอบให้มีคนมาตัดสินใจแทนพวกเขา
ตอนนี้ทั้งสองคนวาดเส้นกันชัดเจนแล้วและเป็นคู่แข่งกันเต็มตัว การทำลายชื่อเสียงของแมนิสันไม่ใช่เป้าหมายหลัก ความพึงพอใจต่างหาก
พันธมิตรของสหพันธ์รู้สึกอึดอัดสุด แมนิสันยังเป็นพันธมิตรของสหพันธ์บนหน้ากระดาษ แต่พวกเขาไม่อยากอยู่ข้างแมนิสันเลย เหล่าคนที่เคยสนับสนุนแมนิสันต่างรู้สึกไม่สบายใจ
แมนิสันไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะมองเขาอย่างไร เขาพูดเสียงเย็น”ในที่สุดฉันก็มองนายออก จุดประสงค์ที่เราสร้างสมาคมขึ้นก็เพื่อได้รับอำนาจเพิ่มและไม่โดนควบคุมโดยอารยธรรมขั้นสูง นายอ้างว่าคิดแทนผู้อยู่เหนือ แต่จริงๆแล้วกลับเป็นสุนัขรับใช้ของสามอารยธรรม ทุกอย่างที่ฉันทำก็เพื่อผู้อยู่เหนือในระยะยาว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เสี่ยง..น่าเศร้า นายอยากเกาะติดสามอารยธรรมและไม่เสียชื่อเสียงตัวเองในหมู่ผู้อยู่เหนือ นายจึงเลือกทำลายความหวังของเรา ในสายตาฉัน นั่นไม่มีอะไรนอกจากการกระทำที่เห็นแก่ตัว” “โอ้ ฉันไม่คิดว่าจักรพรรดิจักรกลผู้ยิ่งใหญ่จะพูดแถเป็นกับเขาด้วย ความแก่มีประโยชน์จริงๆ แม้แต่วิธีการบิดเบือนความจริงก็ยังดูชำนาญ”หานเซี่ยวไม่สนใจและพูด”น่าเศร้า สายตาของทุกคนยังมองชัดดี สิ่งที่นายกำลังพยายามใส่ร้ายฉันไม่ได้ผลหรอก ทุกคนมีความคิดของตัวเองเกี่ยวกับความจริง ในฐานะรองประธาน ฉันมีหน้าที่หยุดนายจากการบังคับทุกคนให้เดินบนเส้นทางเดียวกันจนจบ”
“ฮี่ๆ..นายคิดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษแค่เพราะนายสวมชุดของสามอารยธรรมจักรวาลหรือ?”
“ตอนนี้นายมีเรื่องให้พูดมากมาย แต่ฉันอยากรู้มาก นายจะมีหน้าไปเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลที่จะถ่ายทอดสดไปทั่วจักรวาลไหม?”
“ทำไมจะไม่?ถ้าไม่ใช่ฉัน สามอารยธรรมจักรวาลจะพบไวรัสเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?โปรแกรมป้องกันไวรัสจะคิดคนได้เร็วขนาดนี้?หากไม่มีฉัน ไวรัสก็คงอาละวาดไปทั่วแล้วในแง่ของความดีความชอบ ฉันไม่ด้อยไปกว่านาย แต่สามอารยธรรมไม่เคยพูดสักคำเกี่ยวกับมัน เจตนาพวกเขาคืออะไรนะ?”
ทั้งสองเริ่มปะทะฝีปากโดยไม่มีใครยอมใคร
พวกเขาเริ่มเถียง…และผู้อยู่เหนือก็มองการแสดงอย่างสนุกสนาน
หลังเถียงกันสักพัก แมนิสันก็กวาดตามองรอบๆและพูดเสียงเย็น”ฉันไม่คิดมาเถียงกับนายเล่น จุดประสงค์ของสมาคมคือแก้ไขความขัดแย้งระหว่างผู้อยู่เหนือ ในฐานะประธาน ฉันต้องทำให้เป็นแบบอย่าง ไม่ต้องห่วง แม้เราจะต่างกัน ฉันก็จะไม่ทำอะไรนาย”
“นายพูดมันได้ดี ฉันคิดว่านายคงยุ่งกับสามอารยธรรมจักรวาลและไม่กล้ามายุ่งกับฉันซะมากกว่า”หานเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
แมนิสันหรี่ตา”นายดูเหมือนจะคิดว่าเราสูสีกันจริง แต่เราทั้งคู่ต่างรู้ความริง นายคิดจริงๆเหรอว่าจะสู้ฉันได้?” “นั่นคือความจริง ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด”หานเซี่ยวหัวเราะ”ถ้านายไม่ยอมรับ ฉันก็ว่างตลอด”
เขาได้ของดีมามากจากแมนิสัน รวมถึงพรสวรรค์เฉพาะของเขา ดังนั้นเขาจึงอยากสู้กับแมนิสันอีก
“จุดประสงค์ของสมาคมคือแก้ไขความขัดแย้งระหว่างผู้อยู่เหนือ ฉันจะไม่ลดตัวเองไปอยู่ระดับเดียวกับนาย”
แมนิสันหมุนตัว เดินหนีออกไปไม่สนใจหานเซี่ยว
เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็ลอบเม้มปาก
ตาแก่แมนิสันอดทนได้ดี ถ้าฉันยั่วยุเขาแบบนี้ในอดีต เขาต้องฟาดดาบใส่ฉันแน่
แต่ทว่า จักรพรรดิจักรกลควรโมโหเหมือนกัน เขามั่นใจว่าเอาชนะฉันได้ แต่โดนบังคับให้หยุดด้วยสามอารยธรรมจักรวาล ตอนนี้เขาต้องอดทนรอโอกาสเพื่อรับตำแหน่งคืน จนถึงตอนนั้น เขาทำได้แค่ดูชื่อเสียงของเขาลดลง”
แต่ทว่า ไม่เพียงเขาจะได้รับพรสวรรค์เฉพาะตัวมา แต่ยังลอบได้รับพิมพ์เขียวไม่สมบูรณ์ของไวรัสกบฏเสมือนที่เขาฝันถึงมาด้วย ฉันได้ความสามารถใหมที่โต้ตอบกับเขาได้…แต่ในความคิดเขา พลังของฉันยังเหมือนเดิม
ถ้าฉันสู้กับเขาอีกครั้ง ฉันจะทำให้เขาประหลาดใจได้แน่
ขณะที่หานเซี่ยวกำลังยิ้มในหัว คาซูยิก็เดินมา”ฉันไม่เห็นแมนิสันโดนบังคับแบบนี้มานานแล้ว นายคือไม่กี่คนที่สามารถทำให้เขาเสียหายได้”หานเซี่ยวหันไปมองเขา”ฉันคิดว่านายจะสนิทกับแมนิสันซะอีก แต่นายดูมีความสุขนะ”
คาซูยิยิ้ม”ฮี่ๆ อย่าเข้าใจผิด ฉันรู้จักแมนิสันมานาน และเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เขาก็คือเขา ส่วนฉันก็คือฉัน พูดตรงๆ ฉันก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพยายามจะทำ ต่อให้นายไม่หยุดเขา ฉันก็จะหยุดเขาเอง” หานเซี่ยวพยักหน้า”โดยปราศจากเรื่องนี้ จักรพรรดิจักรกลกับฉันอาจยังเป็นเพื่อนกันได้ น่าเศร้า แนวคิดของเราต่างกัน ฉันแค่หวังว่าเรื่องนี่จะไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรา”
“ไม่ต้องห่วง ความขัดแย้งของนายกับเขาไม่เกี่ยวกับเรา ฉันไม่สนใจแนวคิดที่ต่างกันเพราะฉันคิดว่าทุกคนต่างมีสิ่งที่ต้องการ…อย่างไรก็ตาม แม้วิธีการของแมนิสันจะไม่ถูกต้อง เขาก็พูดถูกเรื่องหนึ่ง สามอารยธรรมจักรวาลแค่ใช้นายเพื่อทำให้เขาเสียหาย และเมื่อนายหมดค่า…นายอาจกลายเป็นรายต่อไป”
“ฉันรู้จักเส้นแบ่งดี ไม่ต้องเป็นห่วง”
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน เสียงที่สามก็ดัง”ดังนั้น…ขณะที่เรายังโดนอารยธรรมขั้นสูงใช้ เราก็ต้องรีบรับเอาผลประโยชน์มาให้มากที่สุด นี่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม”ทั้งสองมองไป เห็นโซโรคิน
“โอ้ นายนี่เอง”หานเซี่ยวเหลือบมองเขา”นายมีความคิดเห็นว่าไง?”
“ท่านแบล็คสตาร์ก็ให้เกียรติผมเกินไป ผมแค่ผู้อยู่เหนือทั่วไป ผมคงไม่มีสิทธิ์คุยเรื่องใหญ่โตแบบนั้น ผมไม่มีความคิดดีๆหรอก ผมแค่เสนอจากมุมมองของนักธุรกิจ หวังว่ามันจะช่วยท่านแบล็คสตาร์มีความคิดจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบันได้”
หานเซี่ยวกอดอก สำรวจโซโรคิน
“มันดูเหมือนว่านายจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยนะ นายต้องการอะไร?”
“ฮ่าๆ ไม่มีอะไรเล็ดลอดสายตาท่านแบล็คสตาร์ไปได้จริงๆ”โซโรคินฉีกยิ้ม”ผมหวังคุยเรื่องหุ้นส่วนกับท่าน..”
หานเซี่ยวฟังเขาสักพักและในที่สุดก็เข้าใจความหมาย เขาไม่แปลกใจกับความหน้าด้านของโซโรคินเลย
เขากลายเป็นที่ปรึกษาของสามอารยธณรม ตอนนี้เขาจึงมีแรงสนับสนุนของทั้งสามอารยธรรม โซโรคินเห็นโอกาสทางธุรกิจ เขาจึงอยากกระชับความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนอย่างเขา หานเซี่ยวได้ตำแหน่งหุ้นส่วนนี้มาโดยการปล้น และโซโรคินก็ไม่พอใจมันในตอนแรก แต่ทว่า ตอนนี้ที่เขาเห็นผลกำไร เขาจึงโยนทิ้งความไม่พอใจทั้งหมดไปและมาคุยกับหานเซี่ยว
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา หานเซี่ยวยุ่งกับการจัดการไวรัส ส่วนโซโรคินยุ่งกับการรับมือสามอารยธรรมจักรวาล หลังจ่ายราคา ในที่สุดเขาก็สามารถเลี่ยงความเสียหายได้
ไม่ใช่แค่นั้น ผ่านการเคลื่อนไหวนี้ โซโรคินสามารถพิสูจน์จุดยืนของเขาต่อสามอารยธรรมได้ รวมถึงได้รับสายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่สหพันธ์กับศาสนจักรบางคน เขายังใช้ตำแหน่งผู้อำนวยการของเขาในสมาคมเพื่อสร้างเครือข่ายผลกำไรใหม่
หานเซี่ยวพลันมีความคิด”แล้ว แมนิสันเองก็เป็นผู้ถือหุ้นของกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัดเช่นกัน สิ่งที่เขาทำจะไม่ส่งผลกับนายงั้นเหรอ?หรือสามอารยธรรมจักรวาลอนุญาตให้เขาเป็นหุ้นส่วนต่อ?”
“อืม มันมีผลกระทบบ้าง แต่ นั่นไม่หยุดผมจากการร่วมมือกับเขา และวันปันผลก็ยังเหมือนเดิม”
“สามอารยธรรมจักรวาลอนุญาต?”
“ก่อนอื่น กลุ่มการเงินผมเป็นเอกชนและถูกต้องตามกฏหมาย ผมจึงมีสิทธิ์เลือดว่าใครอยู่ในกลุ่มการเงินผมบ้าง สอง ฮี่ๆ…”โซโรคินหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร
งั้นมันก็เป็นเขา ไม่แปลกใจที่สามอารยธรรมจักรวาลจะไม่พูดอะไรที่ทั้งสองเป็นหุ้นส่วน พวกเขากำลังใช้กลุ่มการเงินไรขีดจำกัดเพื่อรับเอาข้อมูลเกี่ยวกับจักรพรรดิจักรกล นี่ต้องเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้โซโรคินได้รับการสนับสนุนของสามอารยธรรม แน่นอน เขาไม่อยากพัฒนาความสัมพันธ์ุลึกซึ้งกับโซโรคิน เขาจึงไม่เคยได้รับคำตอบตรงๆจากอีกฝ่ายย
กลุ่มคนคุยกันสักพัก และมันก็ได้เวลาเริ่มประชุม พวกเขากรูกันเข้าห้อง และนั่งลง หานเซี่ยวไม่เถียงกับมนิสันต่อ ตามการประชุม ทั้งสองต้องจัดการทีละเรื่องเหมือนการประชุมปกติ
แต่ทว่า แม้ทั้งสองจะไม่คุยเรื่องตัวเอง บรรยากาศก็ยังแปลกไป หลังสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่จึงได้รับอิทธิพลและไม่สามารถทำตัวตามปกติได้ ไม่ช้า หัวข้อสุดท้ายก็มาถึง แมนิสันมองทุกคน”เนื่องจากการระบาดของไวรัส ความขัดแย้งระหว่างสามอารยธรรมจักรวาลกับพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอดจึงระงับไปครึ่งปี ตอนนี้ที่ไวรัสโดนจัดการ ท้้งสองฝ่ายจึงกำลังเริ่มสู้กัน สมาคมผู้อยู่เหนือเราต้องเลือกข้าง”
“อย่างที่ทุกคนรู้ สามอารยธรรมจักรวาลยึดความรู้ขั้นสูงสุดไว้ เงื่อนไขที่พวกเขาให้เราคือจัดการกับพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอด ซึ่งฉันไม่ตั้งใจเห็นด้วย ดังนั้น ฉันขอเสนอให้เรารั้งจุดยืนเดิม ไม่เข้าร่วมสงครามระหว่างอารยธรรมขั้นสูง”
ผู้คนพยักหน้า แม้พวกเขาจะไม่พอใจแมนิสัน การตัดสินนี้ก็เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่
สำหรับสมาชิกสายตรงของสามอารยธรรมจักรวาล พวกเขามักไม่แสดงความคิดเห็นเหมือนครั้งนี้ เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีประเด็นอะไรที่พวกเขาจะทำได้
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ แมนิสันหันมาหาหานเซี่ยวและถาม”รองประธาน นายคิดว่าไง?”
ดวงตาของหานเซี่ยวไหววูบ และเขาก็เริ่มไตร่ตรอง เขาสังเกตเห็นว่าแมนิสันต้องการจะทำอะไร
ตอนนี้เขาเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เหตุผลเบื้องหลังคำชมของสามอารยธรรมที่มีต่อเขาอาจไม่เรียบง่าย พวกเขาอาจอยากให้เขาเป็นตัวแทนของสมาคมที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา ไม่เพียงพวกเขาจะหวังว่าเขาจะแข่งขันกับแมนิสัน แต่ยังหวังให้เขาพูดเพื่อพวกเขาในสมาคม
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในจุดประสงค์การสร้างสมาคมนี้คือช่วยผู้อยู่เหนือให้หลบหนีจากอารยธรร พวกเขาจึงไม่ต้องเข่นฆ่ากันเองในฐานะเครื่องมือ บนเรื่องนี้ หานเซี่ยวตระหนักว่าไม่ว่าเขาจะเลือกฝ่ายไหน เขาก็ยังโดนผลกระทบด้านลบ
การสนับสนุนโดยรวมของคนไม่ใช่ปัญหากับฝ่ายสมาคม แต่แม้สามอารยธรรมจักรวาลจะไม่แปลกใจ พวกเขาก็คงผิดหวัง ซึ่งต้องลดการสนับสนุนของเขา พันธมิตรคนอื่นสามารถเลือกแบบนี้เพราะพวกเขาคือ’ฝูงชน’ ส่วนเขาคือ’ตัวแทน’ที่สามอารยธรรมจักรวาลหวังไว้สูง ผลกระทบต่างกันแม้ทางเลือกจะเหมือนเดิม
ถ้าเขาพูดเพื่อสามอรายธณรมและกระตุ้นให้ทุกคนจัดการกับพันธมิรตกลุ่มดาวชั้นยอด มันคงเลวร้าย เขาจะดูเหมือนคนที่อยู่ข้างสามอารธรรมและกลายเป็นสุนัขแบบที่แมนิสันพูด ซึ่งต้องทำให้ทุกคนไม่พอใจ นอกจากนี้ แนวคิดที่เขาอ้างยังดูแตกต่าง
หานเซี่ยวเงยหน้าขึ้น ทุกคน รวมถึงสมาชิกสายตรงของสามอารยธรรมกำลังมองเขา พวกเขาชัดเจนดีถึงผลกระทบของการตัดสินใจนี้
คำถามขยองแมนิสันไม่ใช่การโยนขี้หรืออะไร มันคือการใช้โอกาสก็เท่านั้น
“แน่นอน ฉันเห็นด้วยกับทุกคน นั่นทำให้เราถึงมาที่นี่กัน..แต่ทว่า ฉันกำลังจะจัดการกับหนี่งในอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอด ฉันมีความแค้นส่วนตัวกับพวกเขา”หานเซี่ยวพูดอย่างสงบ
ตอนสามอารยธรรมชมเชยและสนับสนุนเขา หานเซี่ยวรู้ว่าวินาทีที่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองต่อผู้อยู่เหนือคนอื่นก็มาถึงแล้ว
เมื่อได้ยินคำตอบ คนอื่นก็พอใจ
หลังธุระจบ การประชุมก็จบและผู้อยู่เหนือก็หายไปทีละคน
แต่หานเซี่ยวไม่จากไปทันที เขากลับลากฮีล่าออกไปห้องหนึ่งและปิดประตู
“นายกลับมาแล้ว”ฮีล่าพูด”นายดูเหมือนจะผอมลงนะ”
“ฉันควรเป็นคนที่พูดแบบนั้น โลกใต้พิภพเป็นไงบ้าง?”หานเซี่ยวยิ้ม
“มันมั่นคงและกำลังฟื้นฟู.. ฉันมีบางเรื่องต้องบอกนาย มันเกี่ยวกับโลกใต้พิภพ”
“บังเอิญจริง ฉันมีเรื่องอยากถามเธอถึงโลกใต้พิภพเหมือนกัน เธอพูดก่อนเลย”
ฮีล่าพยักหน้า
“นายเคยได้ยินเกี่ยวกับวิหารไหม?”
ใบหน้าของหานเซี่ยวเต็มไปด้วยความตกใจ เขาเผลอกดหน้าอกโดยไม่รู้ตัว
ตอนนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าผู้รักษาสัจจะรู้สึกอย่างไร