The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1214 ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว
“เห้อ การแสดงค่อนข้างเหนื่อย แต่ฉันสามารถจัดการเขาได้”
เทพอำนวยทรงพลัง ซ่อนในที่มืดตั้งแต่อดีต แต่ทว่า ตอนนี้เขากลับสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาได้ เหมือนเป็นการถืออำนาจลับไว้ในมือแบบอ้อมๆ นอกจากนี้ เขายังรู้ที่อยู่ของผู้คืนชีพ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในเกมนี้
ในลักษณะนี้ เขาสามารถแทรกแซงเหตุการณ์หายนะแห่งผู้ใช้พลังเพื่อกลายเป็นผู้เล่นหมาก แทนที่จะรอให้สถานการณ์เกิดขึ้นเหมือนในชีวิตก่อนหน้า
นี่เป็นแค่เค้าโครงทั่วไป ยังมีปัญหาอื่น เช่นผลกระทบของการที่เหล่าบรรพชนเปิดเผยตัวตน และอื่นๆ เนื่องจากเขาจะเป็นประธานสมาคม รายละเอียดดังกล่าวก็ต้องได้รับการจัดการ
“ดูเหมือนว่าฉันมีหลายเรื่องต้องทำ การไปเยือนและช่วยเหลือพวกคนแก่เหล่านี้ให้รวมเข้ากับยุคปัจจุบันจะทำให้ฉันเป็นเหมือนหัวหน้าหมู่บ้าน’
หานเซี่ยวส่ายหัวและหัวเราะ
ตามที่ผู้รักษาสัจจะพูด บรรพชนถูกพรากไปจากยุคสงคราม เลือดและไฟของพวกเขายังไม่สลาย พวกเขาเกิดมาในยุคสงคราม แต่ตอนนี้กลับตกอยู่ในยุคที่ไม่ใช่ของพวกเขา ความคิดของส่วนใหญ่จึงยังไม่ได้รับการปรับเปลี่ยน
ถ้าเขาอยากเชิญคนเหล่านี้ให้ยอมรับและสนับสนุนเขา แค่ปากยังไม่พอ มันต้องโน้มน้าฝว มันดีสุดสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับการทุบตี ช่วยให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นจริงและเข้าใจความหมายของคำว่า’ของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่า’
แต่ทว่า อีกฝ่ายยังเป็นหุ้นส่วนในอนาคต มันจึงไม่ดีถ้ารุนแรงไป มันดีกว่าสำหรับเขาที่จะทำตัวให้สุภาพก่อน ค่อยให้’การสั่งสอน’แก่พวกเขาถ้าพวกเขาทำตัวไม่ดี ในเรื่องนี้ หานเซี่ยวค่อนข้างมั่นใจ บรรพชนเป็นผู้อยู่เหนือรุ่นแรกและแม้จะไม่อาจตัดความจริงที่ว่าอาจมีสุดยอดอัจฉริยะที่ไปถึงระดับสูงสุด แต่จำนวนก็คงไม่เยอะ พลังเฉลี่ยของบรรพชนน่าจะเหมือนกับผู้อยู่เหนือสมัยใหม่ และนี่ก็เพราะการต่อสู้ยาวนานที่พวกเขาเคยผ่าน ไม่งั้น พลังของพวกเขาคงเทียบเคียงกับผู้อยู่เหนือสมัยนี้ไม่ได้
แต่ทว่า เขาไม่ได้เอาตัวเองไปเทียบด้วย มีปัญหาที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะเขายังเป็นอันดับสองในสมาคม ตาแก่แมนิสันยังเกาะเก้าอี้ตัวเองไว้แน่น ซึ่งอาจหมายความว่าบรรพชนบางคนอาจลงเอยด้วยการสนับสนุนแมนิสัน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาไม่ใหญ่นัก ใครก็ตามที่มีสายตาจะเข้าใจว่าเขาคือหุ้นที่มีศักยภาพน่าลงทุน ส่วนแมนิสันแค่หุ้นเก่าใกล้ตก
“สำหรับข้อมูลเฉพาะ มันควรคุยเกี่ยวกับมันหลังติดต่อบรรพชน ฉันจะรอให้ผู้รักษาสัจจะจัดการมัน ก่อนหน้านั้น ฉันจะศึกษาลักษณะของมัน”
ตามคำพูดที่ว่า’รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ หานเซี่ยวนำรายชื่อบรรพชนที่คืนชีพขึ้นมา และตามข้อมูลบนเครือข่ายและความทรงจำเขา เขาเริ่มสร้างแบบจำลองข้อมูลสำหรับบรรพชนเหล่านี้
ในยานอวกาศของเทพอำนวย ผู้รักษาสัจจะได้ยกเลิกความสามารถ ทันทีที่เขาลืมตา เขาก็เห็นบรรพชนมองมาที่เขา
“เป็นไง?แบล็คสตาร์พูดว่าไง?”
ทุกคนกังวลเกี่ยวกับท่าทีของคนวงใน
“ฉันได้สื่อสารกับเขาแล้วและมีความตั้งใจร่วมมือกัน เขาบอกว่าเขาจะไม่เปิดเผยความลับใด แถม เขายังควบคุมสมาคมผู้อยู่เหนือและหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพวกนาย นายสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสมาคมได้ผ่านเครือข่าย สุดท้าย เขายังอยากพบพวกนายทุกคน”ผู้รักษาสัจจะเล่า
“เขาอยากเจอเรา?” ทุกคนมองหน้ากัน หลายคนมีรอยยิ้มแปลกๆ
“นั่นก็ดี เราอยากเห็นว่าเขามีเจตนาอะไรถึงช่วยเราคืนชีพ”
ไม่มีความรักใดที่ปราศจากเหตุผลในโลกนี้ ไม่มีใครเชื่อคำอธิบายของผู้รักษาสัจจะที่มีต่อแบล็คสตาร์ ที่คิดว่าแบล็คสตาร์แค่อยากเพิ่มจำนวนผู้อยู่เหนือ มันควรมีความทะเยอทะยานและคงเกี่ยวข้องกับแผนการของเขา
ในสายตาพวกเขา แบล็คสตาร์อยากใช้พวกเขา แม้พวกเขาจะมีความรู้สึกเชิงบวกต่อเขา พวกเขาก็ไม่คิดโดนหลอกใช้
ทุกคนมีสีหน้าผ่อนคลายตอนพูดถึงมัน
“แบล็คสตาร์รู้การคืนชีพของเรา คิดว่าเขาอยากใช้นี่มาข่มขู่ให้เราทำอะไรแทนเขาไหม?”
“ฮี่ๆ ถ้าเขาคิดแบบนั้นจริง เขาจะรู้ตัวว่าเขาคิดผิด อยากใช้เรา?น่าหัวเราะ!” “เขาอาจขอพบเพราะอยากสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเราก็ได้ ต่อให้เป็นจริง เราก็สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อดึงเขาลงมา ปัดเป่าความคิดของเขาเกี่ยวกับความพยายามใช้เรา”
“ยังมีสมาคมผู้อยู่เหนือนั่น เขามาขอการสนับสนุนจากเรา ในความคิดฉัน เราสามารถตั้งองค์กรอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องไปฟังคำสั่งใคร ต่อให้เราอยากเข้าร่วมมัน เราก็ไม่ต้องสนับสนุนแบล็คสตาร์หรือใคร ทำไมเราไม่ตั้งให้ตัวเองอยู่ด้านบนแทน?”
“ฉันได้ตรวจสอบการกระทำของแบล็คสตาร์แล้ว มันไร้สาระมาก เขาทำลายสถิติการยกระดับที่เร็วสุด เขายังขับไล่การโจมตีของผู้อยู่เหนือกว่าสิบเพียงลำพัง”
“โอ้?พลังของผู้อยู่เหนือในยุคนี้ถกถอยไปมาก คนกว่าสิบล้มเหลวในการฆ่าเด็กใหม่ที่เพิ่งก้าวเป็นผู้อยู่เหนือได้ไม่กีี่สิบปี จิ๊ จิ๊”
“อย่าดูถูกพวกเขา ถ้ามันไม่ใช่เพราะความสามารถเขา เขาคงไม่กล้ามาหาเรา” ด้านข้าง ผู้รักษาสัจจะฟังคำพูดนี้เงียบๆ ไม่มีเจตนาแก้ไขการเข้าใจผิดๆ
มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับบรรพชนที่จะดูถูกเด็กรุ่นหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเป็น’ผู้ก่อตั้ง’อาณาจักรผู้อยู่เหนือ สถานะของพวกเขาสูงส่ง ด้วยความคิดที่ว่าลูกหลานในปัจจุบันคงไม่มีวันบรรลุแบบพวกเขาได้
แต่จากมุมมองของเขา คนโง่กลุ่มนี้ต้องโดนสั่งสอนเพื่อปรับความคิด
นี่ก็เพื่อผลประโยชน์ของพวกนายเองนะ
ผู้รักษาสัจจะส่ายหัวขณะลอบถอนหายใจ
หลังผ่านไปครึ่งเดือน บนดาวร้างแห่งหนึ่งในทะเลทรายดวงดาวโบราณ คนหกคนยืนบนพื้น ผู้รักษาสัจจะกับบรรพชนอีกห้า เพราะพวกเขาไม่อยากให้แบล็คสตาร์รู้จำนวนคนที่คืนชีพทั้งหมด พวกเขาจึงเลือกห้าคนมาเป็นตัวแทนโดยเป็นคนที่มีพลังสูงสุด
ผู้คืนชีพคนอื่นไม่เปิดเผยตัวแต่อยู่ในกองยานที่ห่างออกไปสองวัน คอยจับตาดูจากระยะไกล
“เขาควรมาที่นี่ในไม่ช้า มาฟังสิ่งที่เขาพูดกันก่อน อย่าเพิ่งขู่เขาให้กลัวละ”บีเกอร์พูด
“แค่ทำตามแผนที่ตกลงกันก่อนหน้า ไม่ว่าเขาจะคุยอะไร มันก็ต้องให้เขาได้เห็นพลังของเรา”ผานกอนตอบ
ด้านข้าง ผู้รักษาสัจจะหลับตา สงบสติราวกับเขาไม่ได้ยินอะไร
ไม่นาน ดาวหางก็พุ่งผ่านอวกาศมืด ทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็ว มันคือหานเซี่ยว ผู้กำลังใช้กายเนื้อข้ามอวกาศ
“ฉันมาสายหรือเปล่า?”
หานเซี่ยวทิ้งตัวต่อหน้าทุกคน ขณะกวาดตามอง
ผู้รักษาสัจจะเริ่มแนะนำตัว”ไม่ ทั้งห้าคนที่นี่คือตัวแทนที่คนอื่นคัดเลือก ขอฉันแนะนำให้นายรู้จักพวกเขา” แต่หานเซี่ยวกลับพูดตัด”ทุกคนที่นี่คือบรรพชน ชื่อเสียงโด่งดังเหมือนฟ้าร้อง ฉันจะไม่รู้จักพวกเขาได้ยังไง?’
คำพูดของเขาช่างรื่นหูมาก อย่างที่พูดไป ใครจะไม่สวมรอยยิ้มบนหน้า แม้พวกเขาจะคุยกันว่าวันนี้จะอวดว่าหมัดใครแข็งกว่า แต่เนื่องจากแบล็คสตาร์เป็นผู้มีบุญคุณและยังมีมารยาทดี ทั้งห้าจึงทักทายเขา แสดงเจตนาเป็นมิตร
ขณะที่หานเซี่ยวกำลังคุย เขาก็ลอบคำนวณ
[ราชาสงคราม]ผานกอน [เทพจอมเวทย์]บีเกอร์ [จักรพรรดิม่วง]ท่านหญิงราคะ ทั้งห้าคือผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มบรรพชน พวกเขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเพราะพวกเขาเหมาะสมกับเป้าหมายที่แตกต่างกันในหมู่บรรพชน ผานกอนเป็นตัวแทนของกลุ่มล้างแค้น เมย์จิเป็นตัวแทนของฝ่ายเสรีนิยม และบีเกอร์เป็นตัวแทนของผู้ไล่ตามอำนาจ มันดูเหมือนว่าปัญหาด้านนี้ในหมู่ผู้คืนชีพจะกลายเป็นประเด็นสำคัญ
หลังทุกคนทักทายกัน ผานกอนก็พูด”นายมาด้วยร่างหลักจริงๆงั้นเหรอ?”
“มันเป็นการพบกันครั้งแรกของเรา ฉันต้องแสดงความจริงใจสิ มันคงดูไม่สุภาพถ้ามาด้วยกายสถิต”หานเซี่ยวยิ้ม
“ฉันชื่นชมความกล้าของนาย ไม่เลว”น้ำเสียงของผานกอนดูไม่แยแส
ผู้รักษาสัจจะกระแอม”มาคุยธุระกันก่อน ตอนนี้แบล็คสตาร์เป็นพันธมิตรของเรา และเขาก็ร้องขอการพบปะนี้ แสดงเจตนาจะมอบทรัพยากรเพื่อช่วยให้พวกนายกลมกลืนกับยุคปัจจุบันนี้ได้เร็วขึ้น”
เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็ยิ้มและพยักหน้า”ทุกคนเพิ่งคืนชีพและความคิดก็หยุดแค่ช่วงยุคสำรวจ ฉันเดาว่าพวกนายคงยังปรับตัวกับยุคใหม่ไม่ได้ ฉันจึงอยากช่วย แต่ทว่า ฉันอยากรู้เป้าหมายพวกนายหลังคืนชีพ”
“ขอฉันพูดให้ชัด ถ้าเป้าหมายของเราไม่ตรงกับนาย งั้นนายจะทำอะไร?”บีเกอร์ถาม
“มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่พวกนายสามารถมั่นใจได้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีส่วนร่วมในความขัดแย้งของอารยธรรมนั้นไม่สูง สมาคมผู้อยู่เหนือที่ฉันอยู่เป็นผู้เชีี่ยวชาญด้านแก้ปัญหาดังกล่าว ฉันจะไม่ป้องกันไม่ให้พวกนายทำตามเป้าหมาย เว้นแต่เป้าหมายนี้จะทำร้ายทุกคน”หานเซี่ยวตอบ
“จริงเหรอ?”ผานกอนพูดเสียงเย็น”สหพันธ์แห่งแสงทำลายบ้านเกิดฉัน ฉันจะล้างแค้นพวกมัน นายคิดอย่างไรกับเป้าหมายนี้?”
“การล้างแค้นให้อารยธรรมตัวเองเป็นเรื่องชอบธรรม แต่ถ้ามันทำให้เกิดผลไม่ดีกับเรา งั้นสมาคมก็นั่งเฉยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ฉันอยากพูดบางอย่าง ฉันไม่ขอแนะนำให้นายทำภารกิจฆ่าตัวตายแบบนี้”หานเซี่ยวโบกมือ
“ฉันแค่อยากเป็นอิสระไปตลอด โดยปราศจากการถูกจำกัด สมาคมผู้อยู่เหนือที่นายพูดดูเหมือนจะมีกฏมากมาย”ท่านหญิงราคะเลิกคิ้ว
“กฏมีไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของทุกคนเป็นหลัก โดยพื้นฐานแล้ว สมาคมเป็นกลุ่มเป็นกลาง ทุกอย่างสามารถตกลงกันได้ผ่านการเจรจา ตราบเท่าที่ไม่เบี่ยงเบนไปจากผลประโยชน์ของกลุ่ม คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับอิสรภาพส่วนใหญ่ได้ ไม่มีใครจะบังคับคุณให้ทำอะไรและด้วยการเปลี่ยนแปลงในจักรวาล กลุ่มผู้อยู่เหนือจึงเป็นแนวโน้มที่เลี่ยงไม่ได้ มีเพียงการหาที่พักพิงถึงมีอิสระ”หานเซี่ยวตอบขณะสำรวจท่านหญิงราคะ
ผู้อยู่เหนือคนนี้มีรูปลักษณ์โดดเด่น แต่งหน้าจัดเต็ม ทาลิปสติกสีม่วงและอายแชโดว์สีม่วง ผมของเธอมัดรวบสูง เธอมีกลิ่นอายน่าเกรงขาม ในบรรดาผู้หญิงที่หานเซี่ยวพบเจอ เออแรนเรลถึงเทียบเคียงได้
กลุ่มนี้ได้ถามคำถามที่พวกเขากังวล ด้วยการตอบของหานเซี่ยวทีละกลุ่ม อธิบายว่าสมาคมจะช่วยพวกเขายังไง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเชิงบวด ทั้งห้าไม่ตกลงกับข้อเสนอของเขาและตรงข้าม พวกเขาอยากสร้างกลุ่มกันเองมากกว่า
ระหว่างหารือ หานเซี่ยวสามารถรู้สึกได้ว่าทั้งห้ากำลังหยั่งเชิงเขา ราวกับอยากดูเล่ห์เหลี่ยมของเขา
ทันใดนั้น ผานกอนก็พูดแทรก”ฉันอยากรู้ อะไรคือแรงจูงใจเบื้องหลังที่นายช่วยเรา”
เมื่อได้ยิน ทุกคนก็จับจ้องหานเซี่ยว
หานเซี่ยวยังนิ่งเฉย”ฉันได้บอกผู้รักษาสัจจะไปแล้ว อาณาจักรผู้อยู่เหนือต้องการกำลังคนเพิ่ม จากนั้นเราถึงได้รับอิสรภาพของเรา”
ผานกอนส่ายหัว”นี่ไม่พอโน้มน้าวฉัน นายกำลังยึดถือข้อมูลคืนชีพเราและข้อมูลของเทพอำนวย นายไม่ตั้งใจข่มขู่เรางั้นเหรอ?”
“ไม่จำเป็น เราได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน”หานเซี่ยวสวมรอยยิ้มจอมปลอมที่โซโรคินชอบใช้ “ฉันหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ฉันขอแนะนำให้นายลบความคิดเลวร้ายอื่นออกไปให้หมด ไม่งั้นนายจะต้องเสียใจ”ผานกอนเตือน
“นายคิดมากไป”หานเซี่ยวหัวเราะกลับ
ครั้งนี้ บีเกอร์พูด”เราได้ยินจากผู้รักษาสัจจะว่านายอยากได้รับการสนับสนุนของเรา ขอพูดให้ชัดก่อน แม้เราจะขอบคุณที่นายคืนชีพเรา แต่ส่วนตัวแล้ว ฉันเคารพเฉพาะผู้แข็งแกร่ง”
“โอ้ งั้นนายอยากเชิญฉันให้ประลองด้วย?”คิ้วของหานเซี่ยวขมวด
“ถ้าอยากให้ฉันสนับสนุน นายควรแสดงฝีมือเพื่อโน้มน้าวฉัน ถ้านายไม่รังเกียจ ฉันอยากลองวัดฝีมือกับนาย”บีเกอร์หรี่ตา
หานเซี่ยวกวาดมองคนอื่น”พวกนายคิดเหมือนกันไหม?”
“ผู้อยู่เหนือจะคุยกันด้วยหมัด”ผานกอนตอบเสียงเย็น
คนอื่นเองก็พยักหน้า จ้องหานเซี่ยวด้วยสีหน้าขี้เล่น
หลังติดต่อกัน พวกเขาก็พบว่าหานเซี่ยวเป็นคนช่างพูด โดยปราศจากบรรยากาศของยอดฝีมือ มันเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะสงสัยและประเมินพลังต่อสู้เขาต่ำ
“ฉันไม่มีปัญหา แต่ใครจะเล่นกับฉัน?”
“นายสามารถเลือกใครก็ได้ในหมู่เราห้าคน มันไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร เนื่องจากนายได้ช่วยเรา”
บีเกอร์ฟังดูสบายๆ แต่เขามั่นใจในพลังของพวกเขาทั้งหมด
เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็หันไปเห็นผู้รักษาสัจจะกำลังถูจมูกด้วยความลำบากใจและพลันเข้าใจ
เขาส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม เผชิญหน้ากับสายตาพวกเขา แค่ทว่า คำพูดของเขากลับทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป
“นั่นไม่ดี ไม่ว่าฉันจะเลือกใคร มันก็จะทำให้คนคิดว่าฉันกำลังเก็บลูกพลับอ่อน ซึ่งจะทำให้พวกเขาไม่พอใจ เอาแบบนี้เป็นไง พวกนายทั้งหมดเข้ามาพร้อมกันเลย?นี่จะช่วยฉันจากข่าวลือว่าฉันรังแกคนแก่ได้”
ความเงียบเข้าปกคลุม
ทั้งห้าไม่คิดว่าแบล็คสตาณ์ ผู้มีมารยาทจะแสดงความหยิ่งผยองแบบนี้ ดวงตาพวกเขาเบิกกว้าง แสดงอารมณ์เช่นไม่เชื่อ ไม่มั่นใจและโกรธ
“นายกำลังดูถูกฉันอย่างงั้นเหรอ?”สีหน้าของผานกอนสลดลง จิตสังหารแผ่ออกมา
“ไม่ ไม่ เข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่นาย”
หานเซี่ยวยิ้ม กวาดตามองทุกคน
“ฉันกำลังบอกว่าพวกนายทั้งหมดมันเป็นพวกอ่อน!”
หยุดพยายามแสร้งทำเป็นหมาป่าต่อหน้าฉัน ตื่นได้แล้ว วันแสนรุ่งโรจน์ของพวกแกผ่านไปแล้ว!��