The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1215 ลูกไม้เก่า
“ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า?เขาอยากสู้กับเราห้าคนพร้อมกัน?”บางคนสับสนมาก
“เขาอวดดีไปหรือเปล่า?ฉันคิดว่าเขาจะมารยาทดีกว่านี้ซะอีก”
“ฮี่ๆ ดูเหมือนเขาจะทะเยอทะยานจริง”
“ฉันได้ยินว่าเขาเอาชนะผู้อยู่เหนือสิบคนพร้อมกัน นั่นทำให้เขามั่นใจเกินไป?”
“เป็นไปได้ เขาอาจคิดว่าเราอยู่ระดับเดียวกันกับผู้อยู่เหนือยุคใหม่ ฮี่ๆ เขาคิดว่าเขาแข็งแกร่งเพราะเขารังแกเด็กที่เกิดในยุคแสนสงบสุขหรือไง?เขาอาจไม่เคยเห็นพลังที่แท้จริง”
“น้ำเสียงของเขาอวดดีมาก พวกผานกอนต้องทนไม่ไหวแน่”บางคนดีใจ.”รอดูเถอะ พวกเขาจะต้องสอนบทเรียนให้คนคนนี้ โดยเฉพาะผานกอง เขาอารมณ์ร้อนมาก”
“หวังว่าเขาจะยังอึดได้เหมือนเดิม”บางคนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ทั้งหมดอยากรอดูการแสดง
สิ่งที่หานเซี่ยวพูดเป็นการเจาะจงบรรพชนทั้งหมด รวมถึงพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงโดนดูถูกไปด้วย แม้พวกเขาจะไม่โดนตรงๆ พวกเขาก็ยังอยากเห็นหานเซี่ยวถูกทำให้อับอาย
ในทางกลับกัน ทั้งหกรวมถึงผู้รักษาสัจจะต่างได้ยินสิ่งที่หานเซี่ยวพูดต่อหน้าและสีหน้าก็เปลี่ยนไป
แกบอกว่าเราเก่าเกิน!
“อวดดี!”เปลวไฟแห่งความโกรธปรากฏในดวงตาของผานกอน
พวกเขาจะเคยโดนดูถูกแบบนี้มาก่อนได้ยังไง?
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดกับพวกเขาแบบนี้!
แม้กระทั่งผู้รักษาสัจจะก็ยังรู้สึกอึดอัด
เมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียด เขาก็ลอบกังวลแทนหานเซี่ยว
ผู้รักษาสัจจะหวังว่าแบล็คสตาร์จะสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาบ้าง แต่แบล็คสตาร์กลับอยากสู้ทั้งห้าพร้อมกัน เขาตกใจและกังวลว่าแบล็คสตาร์อาจแพ้
แบล็คสตาร์มั่นใจเกินไป เขาจะชนะไหม?’
ผู้รักษาสัจจะเสียใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าแบล็คสตาร์ยื่นข้อเสนอแบบนี้ไปเพราะเขาไม่รู้ถึงพลังของบรรพชนเหล่านี้ดี
ในสายตาเขา แม้แบล็คสตาร์จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มากขนาดนั้น ภาพลักษณ์ของหานเซี่ยวยังเป็นเหมือนเดิมก่อนเขาเข้าวิหาร
ฉันจะบอกใบ้แบล็คสตาร์ล่วงหน้าถ้ารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกดิด ทั้งห้าคนนี้ไม่ใช่ผู้อยู่เหนือธรรมดา
ครั้งนี้ บีเกอร์หรี่ตาลงและยืนยัน”แน่ใจนะว่าอยากสู้กับพวกเราห้าคนพร้อมกัน?” “อะไร ไม่เต็มใจ?”ดวงตาของหานเซี่ยวกวาดมองทุกคนและเห็นสีหน้าของทุกคนชัด
“ไม่จำเป็น”ท่านหญิงราคะขมวดคิ้ว”ถ้าเราห้าคนสู้กับนายพร้อมกัน มันจะไม่พิสูจน์อะไรเลยต่อให้เราชนะ นายกลัวว่าการสู้กับเราตัวต่อตัวจะทำลายชื่อเสียงนาย?ฉันรับปากว่าการประลองของเราสมเหตุสมผล เราแค่อยากทดสอบว่านายมีความสามารถแค่ไหน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นไง เราจะถือว่ามันเสมอ นายพอใจไหม?”
“คุณค่อนข้างรอบคอบ”หานเซี่ยวยิ้ม
“ไม่ว่ายังไง นายก้ช่วยเราไว้”
ก่อนท่านหญิงราคะจะพูดจบ ผานกอนก็พูดแทรกด้วยเสียงเย็น”อย่ามายุ่ง ฉันจะสู้กับเขาคนเดียว”
เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็รักษารอยยิ้ม”มาพร้อมกันเลยเถอะ การเอาชนะทีละคนยุ่งยากไป”
ทั้งห้าโดนดูถูกจนหน้าชา เราให้ทางออก แต่แกไม่รับ แกยังล้ำเส้น!
แกต้องโดนทุบตี!
บีเกอร์มองหานเซี่ยวอย่างมีความหมาย”นายเลือกเองนะ”
“อย่างที่ฉันบอก ฉันคนเดียวก็พอ”ผานกอนหันไปมองคนอื่นและดูเหมือนจะสู้กับพวกเขาถ้าพวกเขายังแย้ง
เมื่อรู้ถึงนิสัยของผานกอน บางคนก็พูด”เราจะอยู่รอบนอก”
ผานกอนคิดและไม่เถียง เขากระทืบพื้นอย่างแรง คลื่นกระแทกขยายออกไป สร้างระลอกเหมือนคลื่นบนพื้น
ปัง!
เขาพุ่งขึ้นฟ้า บินไปในอวกาศเหมือนเขาอดใจรอไม่ไหวอีก
คนอื่นไม่แปลกใจและตามหลังไป เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือนักสู้และนักสู้ก็เป็นคนไร้เหตุผล คนอื่นจึงชินกับนิสัยของผานกอน
หานเซี่ยวเหลือบมองผู้รักษาสัจจะและบินขึ้นไปด้วย ครั้งนี้ การแจ้งเตือนผุดบนหน้าต่างสถานะ
ท่านได้กระตุ้นภารกิจลับ[คุยกันด้วยหมัด}
คำแนะนำภารกิจ : บรรพชนที่คืนชีพขอบคุณที่ท่านช่วยแต่ไม่มั่นใจในพลังท่าน ท่านต้องแสดงพลังเพื่อรับความเคารพจากพวกเขา
ข้อกำหนดภารกิจ : ได้รับความเคารพจากบรรพชนผ่านการลงมือ
รางวัล : ขึ้นอยู่กับผลการกระทำ ยิ่งคะแนนสูง รางวัลยิ่งดี
เคล็ดลับ : นี่เป็นภารกิจชุด การกระทำท่านจะส่งผลกับภารกิจที่ตามมา โปรดเลือกอย่างระมัดระวัง
มาแล้ว นี่ควรเป็นภารกิจต่อเนื่องเหมือนกับ[การหวนกลับของวีรชน]
ขณะที่เขาดูภารกิจ ทั้งห้าก็ประจำตำแหน่งแล้ว พวกเขาสี่คนยืนคนละทางและออกจากพื้นที่สนามรบ ขณะที่ผานกอนยืนตรงข้ามกับหานเซี่ยว
“จะเริ่มกันเลยไหม?”น้ำเสียงของผานกอนหงุดหงิด
“แล้วแต่.
ก่อนหานเซี่ยวจะพูดจบ ผานกอนก็หมดความอดทน เปลวไฟสีแดงทองปะทุขึ้นจากภายในตัวเขา ขณะที่เขาเปลี่ยนเป็นดาวหาง พุ่งชนหานเซี่ยว
โดยปกติ เมื่อนักสู้ประลองกระชับมิตรกับช่างกล พวกเขามักจะถอยห่างไปเพื่อให้ช่างกลได้ปลดปล่อยกองทัพ แต่ทว่า ผานกอนได้พัฒนานิสัยใช้ทุกอย่างให้เป็นประโยชน์มากที่สุดผ่านสงคราม
หานเซี่ยวหรี่ตา ยืนนิ่ง และเปิดกล่องกองทัพมิติที่สอง แต่ทว่า ก่อนกองทัพจักรกลชุดแรกจะปรากฏ ผานกองก็ได้ทุบหน้าอกเขาแล้ว
ปัง! เมื่อหมัดเข้าทุบบนหน้าอกหานเซี่ยว ผานกอนก็แปลกใจที่ตระหนักว่าหานเซี่ยวไม่หลบมัน ดังนั้น เขาจึงรีบเปลี่ยนการโจมตีปกติเป็นความสามารถ เปลวเพลิงนักสู้หนาไหลเข้าหมัดเขาและเข้าตัวหานเซี่ยว เปลี่ยนเป็นคลื่นกระแทกรุนแรง
นี่คือความสามารถประเภทควบคุม ใช้เพลิงนักสู้เพื่อกระตุ้นอะตอมในร่างกายอีกฝ่ายให้สั่นสะเทือน ตราบเท่าที่พละกำลังเขาเหนือกว่า เขาจะสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ชั่วคราว
ผานกอนมีประสบการณ์มากในการรับมือกับช่างกลระดับสูง เขารู้ว่าการได้เข้าประชิดช่างกลเป็นโอกาสหายากและเขาก็ไม่คิดเสียมัน คอมโบจำนวนมากไหลผ่านหัว เขาตัดสินใจใช้คอมโบที่มีความเสียหายสูงสุดทันทีและตัวของเขาก็พลันเคลื่อนไหวตามความทรงจำกล้ามเนื้อ เมือ่หานเซี่ยวขยับตัวไม่ได้ เขาจะสร้างความเสียหายได้ทันที
แต่ทว่า ขณะที่เขากำลังจะใช้ท่า ฝ่ามือก็พลันกระทบหน้าเขา
เพี้ย!
การตบนี้รุนแรงมาก ดวงตาของผานกอนเบิกกว้าง สมองของเขาสั่นคลอน เขาสามารถได้ยินเสียงกระดูกหน้าแตกร้าว
ก่อนเขาจะได้สติ พายุหมัดก็มาถึง
การโจมตีนับไม่ถ้วนซัดใส่ตัวเขาทุกวินาที ทำลายเพลิงนักสู้บนตัวเขา สร้างระลอกและรอยบุบบนกล้ามเนื้อเขา ความเจ็บปวดซัดเส้นประสาทเหมือนสึนามิ
ผานกอนรีบยกมือขึ้นป้องกันจุดตาย เขายังอยู่ในอาการตกใจ
รอก่อน ในฐานะช่างกล ไม่เพียงเขาจะไม่ถอยหลังฉัน นักสู้เข้าใกล้ แต่เขายังสู้ด้วยมือเปล่ากับฉัน?
ลืมเรื่องการสู้กลับไปก่อน แต่พลังนี้มันอะไร?มันแข็งแกร่งมาก!
หลังโดนหานเซี่ยวต่อยอยู่หลายวินาที ในที่สุดผานกอนก็พบโอกาสเพื่อจับแขนหานเซี่ยว จับเขาไว้กับที่
“อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้!”ผานกอนพูด เพลิงนักสู้ไหลทะลัก กล้ามเนื้อของเขาปูดโปน และพละกำลังของเขาก็พลันเพิ่มขึ้น
เขาเตรียมหยุดความพยายามของหานเซี่ยวด้วยการจับตัว
ตราบเท่าที่เขาจับตัวหานเซี่ยวไว้ได้สักสองวินาที เขาก็จะระเบิดพลังโจมตีใส่หานฌซี่ยวได้
ทุกส่วนของนักสู้คืออาวุธ แม้ผานกอนจะตกตะลึงกับพละกำลังของหานเซี่ยว แต่ด้วยความสามารถนักสู้กับพรสวรรค์ เขาจึงยังสวนกลับได้
แต่ทว่า วินาทีต่อมา เขาก็ต้องตกใจที่ตระหนักว่าหานเซี่ยวนั้นไม่คิดหลบหนีเลย แต่หานเวี่ยวยังกอดเอวเขาไว้ จับเขาไว้แทน
“รูปแบบการต่อสู้นี้มันอะไรกัน?”แม้จะรอบรู้ ผานกอนก็ยังมึนงง
“อะไร อยากรู้?น่าเสียดาย นายคงเรียนไม่ได้ต่อให้ฉันสอน”หานเซี่ยวหัวเราะ
ครั้งนี้ กองทัพจักรกลชุดแรกที่บินออกมิติที่สองระดมยิงใส่ทั้งสองโดยไม่ลังเล ตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ กลยุทธ์ที่สำคัญสุดคือยิงใส่เจ้านายมันเมื่อเจ้านายมันจับเป้าหมายได้ หานเซี่ยวจึงไม่ต้องควบคุมพวกมันเลย
เมื่อเห็น สีหน้าของผานกอนก็เปลี่ยนไป
กลยุทธ์ฆ่าตัวตาย?บัดซบ ชายคนนี้อำมหิตยิ่งกว่าฉัน!
แม้ร่างกายของเขาจะแข็ง เขาก็ไม่อยากโดนระเบิดไปพร้อมศัตรู!
ผานกอนกลายเป็นคนที่พยายามหลบหนี เขารีบสลัดตัวให้หลุดพ้นการจับของหานเซี่ยว แต่ทว่า เอวของเขาก็โดนรัดไว้ด้วยแขนทรงพลังอย่างน่าตกใจของหานเซี่ยวและไม่สามารถหลบหนีได้
“อย่าเสียแรงเลย ฉันแปลกใจจริงๆ พวกนายรู้ว่าฉันจะมาหาตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน แต่ยังไม่ศึกษาฉันบนเครือข่าย ถ้าศึกษาบันทึกการต่อสู้ของฉันสักครั้ง พวกนายคงไม่โง่วิ่งมาหาฉันเหมือนที่ทำ พวกนายอวดดีหรือผู้รักษาสัจจะตัดอินเทอร์เน็ตพวกนาย?”
หานเซี่ยวพูดไม่ออก
เขาไม่คิดใช้กลยุทธ์นี้เลย เขาคิดว่าตราบเท่าที่บรรพชนค้นหาข้อมูลของเขา ลูกไม้เก่าๆนี้คงไม่ได้ผล ไม่ว่ายังไง ถ้าพวกเขาเห็นฉายา’กายอมตะ’ของเขาบ้าง พวกเขาก็ต้องระวังตัว
แต่ทว่า ด้วยความแปลกใจ ผานกอนกลับพุ่งเข้าอ้อมแขนของเขาตั้งแต่เริ่ม แม้กระทั่งหานฌซี่ยวก็ยังไม่ประมาทบรรพชนและสร้างรูปแบบข้อมูลพวกเขาล่วงหน้าก่อนมา นี่พิสูจน์แล้วว่าบรรพชนเหล่านี้ดูถูกเขาแค่ไหน
งั้นก็อย่ามาโทษกัน
“รับไปซะ!”
บูม!
แสงสว่างจากการระเบิดพลันกลืนกลินทั้งสอง การปูพรมกินเวลาประมาณสามวินาที ดาวหางสีแดงทองรีบบินออกจากจุดระเบิด กลิ้งไปไกลในอวกาศก่อนหยุดลง
เสื้อผ้าของผานกอนขาดเละเทะ ผิวเขาส่วนใหญ่มีรอยไหม้ บางจุดยังแหว่ง
หานเซี่ยวบินออกจากจุดระเบิดเช่นกัน เขาสำรวจผานกอนและถอนหายใจ
เวลารวมกองทัพสั้นไป จำนวนของทหารัจกรกลที่เขาเรียกมาจึงน้อยไป ความเสียหายจึงไม่มากพอ มันทำได้แค่ให้ผานกอนบาดเจ็บเล็กน้อย
หานเซี่ยวได้เห็นค่าสถานะของผานกอนจากข้อมูลต่อสู้แล้ว ขั้นพลังงานของผานกอนประมาณ 71000 และสถานะของเขาก็เหมือนกับหานเซี่ยวตอนระดับ 300 ก่อนการยกระดับของหานเซี่ยว เขาอาจจัดการกับผานกอนได้ยาก แต่ตอนนี้เขาสามารถจัดการเขาได้ทุกเมื่อ แต่ทว่า เขายังรู้ว่าบรรพชนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด การเสียค่าสถานะและการอยู่ในสภาพอ่อนแอเนื่องจากเพิ่งตื่นเป็นเหตุผลหนึ่ง เหตุผลสำคัญสุดคืออาวุธของพวกเขาไม่ได้คืนชีพมาด้วย ตัวอย่างเช่น ฉายาของผานกอนมาจากอุปกรณ์ชุดที่เขาใช้ ซึ่งทำให้ถูกเรียกว่า’ราชาแห่งสงคราม’ มันถูกสร้างโดยอารยธรรมที่เขาอยู่และเป็นสมบัติจักรวาลโล่ หอกและเกราะ โดยปราศจากอุปกรณ์ชุดนี้ เขาจึงอ่อนแอลงไปประมาณ 30%
นี่ยิ่งแย่สำหรับช่างกลที่คืนชีพ พวกเขาเสียกองทัพทั้งหมดและต้องสร้างใหม่ มันน่าเศร้ามาก เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่ทุกคนที่ผลิตได้เร็วเหมือนเขากับแมนิสัน
เมื่อเห็น อีกสี่ที่คอยรักษาสนามรบอยู่ด้านข้างก็ตกตะลึง สีหน้าของพวกเขากลายเป็นจริงจัง
“เห็นไหม?พลังที่ชายคนนี้แสดง?”
“อืม ช่างกลที่ร่างกายควรอ่อนแอกับมีพลังสูงเช่นนี้ ไม่รู้ว่าขั้นพลังงานของเขาจะเหนือกว่าผานกอนไหม ซึ่งหมายความว่ารากฐานของเขาสูงกว่า หรือช่างกลสมัยใหม่จะบุกเบิกเส้นทางใหม่โดยไม่เน้นเครื่องจักร แต่เป็นร่างกายแทน!”
“ฉันคิดว่าอย่างหลังมีโอกาสกว่า”
ขณะที่ทั้งสี่คุยกัน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังแพ้ ผานกอนก็ระวังตัวขึ้น ก่อนจะได้เข้าใจสถานการณ์ เขาไม่กล้าพุ่งเข้าหาหาเนซี่ยว เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรในตอนนี้
แต่หานเซี่ยวก็ไม่โจมตีต่อ พลังจักรกลสีทองระเบิดจากตัวเขาเหมือนตาข่าย จับเครื่องจักรทั้งหมดรอบตัวเขา ดึงพวกมันมาหาเขา ภายในกลุ่มแสงสว่างของสายฟ้าพลังจักรกล เทพจักรกลปรากฏตัวออกมา
วินาทีต่อมา เทพจักรกลก็สะบัดคมดาบลงทัณฑ์สวรรค์และปลดปล่อยพลังงานไซโอนิคสีฟ้าเงิน
ซวบ!
คลื่นดาบขยายตัว แม้กระทั่งสี่คนที่ขอบสนามรบก็ตกเป็นเป้าการโจมตีนี้ ด้วยแสงสว่างวาบ วงเวทย์ ความสามารถเอสเปอร์และพลังจิตปรากฏออกมา บีเกอร์ ท่านหญิงราคะและอื่นๆต่างป้องกันพลังนี้ด้วยวิธีของตัวเอง
ในเวลาเดียวกัน เสียงยั่วยุของหานเซี่ยวก็ดัง”ฉันบอกว่าฉันจะสู้กับพวกนายห้าคน และฉันก็จะทำมัน พวกนายอยากดูข้างๆ?อย่าได้คิด!”
พวกบีเกอร์หน้าเปลี่ยนสีและเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
เมื่อเห็นพลังของแบล็คสตารา์ พวกเขาก็ไม่กล้าประมาทอีก ถ้าพวกเขาปล่อยให้ผานกอนสู้คนเดียว ผานกอนน่าจะแพ้ นอกจากนี้ หานเซี่ยวยังโจมตีพวกเขา บังคับให้พวกเขาสู้ การไม่สู้กลับคงไม่เหมาะ
พวกเขาไม่ปฏิเสธความคิดที่จะสู้กับศัตรูร่วมกัน นี่เป็นบรรทัดฐานที่สมบูรณ์ในยุคสำรวจ ผลของการใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากเกินไปคือความตาย บรรพชนทุกคนชินกับการต่อสู้ด้วยกัน พวกเขาไม่โดนขัดด้วยศีลธรรม
“ในที่สุด เข้ามาเลย ให้ฉันได้รับส้นเท้าของพวกนายกันหน่อย!” เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็แสยะยิ้ม เทพจักรกลสะบัดคมดาบลงทัณฑ์สวรรค์ ปลุกปั่นกระแสพลังงานสีน้ำเงินและพุ่งเข้าหาทั้งห้า