The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1222 การพูดหลอกก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ
“อย่างที่ฉันบอก เราจะได้เจอกันอีกในไม่ช้า….แต่ฉันแค่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้”
น้ำเสียงของเทพเอสเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
รูม่านตาหานเซี่ยวหดลง
ร่างนี้ไม่ใช่แค่เปลือกเปล่า?!
ความคิดแรกของเขาคือเขาเข้าใจตัวตนของกอดด์ผิด
แต่ทว่า เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เทพเอสพูด ดวงตาของเขาก็เป็นประกายและถาม”ทำไมแกถึงแน่ใจว่าฉันจะปล่อยแกออกมา?”
“โอ้?แกไม่ได้ปล่อยฉันเพื่อขอความช่วยเหลือจากฉันงั้นเหรอ?”คิ้วของเทพเอสเลิกขึ้น”แกไม่ได้ส่งทหารมามากเพื่อเปิดอำพันและดูว่าฉันตายแล้วหรือยังงั้นเหรอ?”
ขอความช่วยเหลือ?ไอสารเลวนี่รู้เกี่ยวกับอารยธรรมต้นไม้โลกและทิ้งข้อมูลรูหนอนไว้เบื้องหลัง เขาอาจคิดว่าเมื่ออารยธรรมขั้นสูงพบอารยธรรมต้นไม้โลก พวกเขาน่าจะปล่อยเขาออกมาเพื่อถามข้อมูล นั่นทำให้เขาบอกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง?
กาลอวกาศแอมเบอร์ได้หยุดทุกอย่างยกเว้นวิญญาณที่ติดภายในตัว เทพเอสไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกภายนอกตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความประทับใจของเขาที่มีต่อจักรวาลยังเหมือนเดิมกับตอนโดนจับ
บทสนทนาในหัวเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แต่การเคลื่อนไหวของทั้งสองไม่หยุดเลยระหว่างนั้น
หู่!
เทพเอสถอยออกไปและกำลังจะเคลื่อนย้าย แต่ก็ตระหนักว่ามิติเวลารอบตัวเขาเสถียรและเขาไม่สามารถย้ายออกไปได้ เขาวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของวงล้อมที่เขาอยู่และได้ข้อสรุปว่าเขาคงฝ่าไม่ได้ดว้ยวิธีการปกติ ดังนั้น เขาจึงรีบคิดหาทางอื่นเพื่อหลบหนี และเริ่มใช้ความสามารถแยกมิติ ตราบเท่าที่เขาสามารถรอยแยกได้สักเล็กน้อย เขาก็จะหลบหนีออกไปได้
แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมจักรวรรดิถึงปล่อยเขา แต่สำหรับเขา การหลบหนีเป็นเรื่องสำคัญสุด
หานเซี่ยวลงมือทันที เขานำอาวุธอัครฑูตนับสิบและทหารจักรกลมากมายเข้าล้อมเทพเอส มันไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเทพเอส ตราบเท่าที่ร่างนี้ไม่ใช่เปลือกเปล่า เขาก็ต้องผนึกมันใหม่
กองยานจักรวรรดิเริ่มโจมตี อาวุธประเภทควบคุมทุกชนิดยิงไม่หยุด พลังงานสีแดงเลือดปกคลุมอวกาศ
การต่อสู้แตกหักทันที!
เทพเอสจมอยู่ใต้การโจมตีนับไม่ถ้วนในชั่วพริบตา
“ตอนนั้น พวกแกต้องใช้ 11 ผู้อยู่เหนือเพื่อจับฉัน แบล็คสตาร์ ตอนนี้แกตัวคนเดียวแกจะจับฉันได้ยังไง?”
เสียงเยาะเย้ยของเทพเอสดังในหัวของหานเซี่ยว แม้จะโดนล้อม เขากลับไม่ตื่นตระหนกเลย
หลังเขาวิวัฒนาการ ภาระในพันธุกรรมของเขาก็ลดลงมาก พลังของเขาอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาลอย่างไม่ต้องสงสัย แม้เขาจะเพิ่งออกจากอำพัน ดวงวิญญาณของเขาอยู่ในสภาพอ่อนแอและมไ่มีเวลาเตรียมร่างแยกผู้อยู่เหนือนับสิบ เขาก็ยังมีความสามารถแปลงพลังชีวิต-พลังงาน
การใช้[ความสามารถเอสเปอร์-หลุมดำ] เทพเอสสามารถแปลงการโจมตีที่เขาได้รับเป็นพลังงาน จากนั้นก็ใช้ความสามารถเอสเปอร์ฟื้นฟูเพื่อรักษา ความสามารถของหานเซี่ยวเองก็ได้รับมาจากเทพเอสเช่นกัน
ถ้าเทพเอสมีเวลาเตรียมร่างแยกนับสิบล่วงหน้า เขาอาจจัดการกับโลกพันธมิตรดาวสวรรค์ที่หานเซี่ยวเจอได้ด้วยตัวคนเดียว ปัจจุบัน ผู้อยู่เหนือส่วนใหญ่ไม่ใช่คู่มือเทพเอสเลย นอกจากนี้ ด้วยความสามารถเอสเปอร์ที่เกี่ยวกับมิติมากมายของเขา เขาจึงไร้เทียมทาน
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นหานเซี่ยวมีผนึกเอสเปอร์ ทำให้ความสามารถเอสเปอร์ทั้งหมดของเขาหยุดทำงานและร่างแยกทั้งหมดของเขาสลายหายไป แม้กระทั่งผู้อยู่เหนือ 11 คนก็คงไม่สามารถจับเขาได้
โชคดี ตอนนั้น หานเซี่ยวกับจักรวรรดิเตรียมการไว้ล่วงหน้า ความสามารถหลบหนีของเทพเอสจึงเปล่าประโยชน์ ด้วยควาามสามารถที่จัดการได้ยากสุดหายไป ระดับภัยคุกคามของเขาจึงลดลง ไม่งั้น เขาคงสามารถหลบหนีได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
แต่ทว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าเทพเอสจะไม่สามารถหลบหนีได้แน่ แม้จักรวรรดิจะใช้อุปกรณ์ปรับเสถียรมิติเวลาแล้ว แต่หากใช้เวลานานไป เทพเอสคงหาโอกาส’ขุดหลุม’ได้และหลบหนีไป
“แกจะรู้ว่าฉันไม่เหมือนเดิมอีก ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อจัดการกับแก”
หานเซี่ยวเลือกใช้ทหารจักรกลบางส่วนและประกอบพวกมัน พลังจักรกลไหววูบ เทพจักรกลพลันปรากฏและไล่ตามเทพเอส ฟันใส่เขา ลากเป็นประกายไฟฟ้าเบื้องหลัง
แม้เทพเอสจะมีความสามารถมากมาย เขาก็ใช้มันพร้อมกันมากไม่ได้ เขาแก้ปัญหานี้โดยใช้ร่างแยก มอบความสามารถบางอย่างให้พวกมัน ยิ่งมีร่างแยกอยู่มากพร้อมกัน เขายิ่งใช้ความสามารถได้มาก
การสร้างร่างแยกต้องใช้พลังงานจำนวนมากและเขาก็สามารถดูดซับพลังงานในการต่อสู้ ยิ่งสู้ จำนวนร่างแยกยิ่งเพิ่ม เทพเอสคือคนที่จะยิ่งสู้ยิ่งแกร่ง
แต่ทว่า เทพเอสไม่ได้เตรียมร่างแยกไว้ล่วงหน้าในครั้งนี้ แม้เขาจะสามารถสร้างพวกมันได้ช้าๆระหว่างต่อสู้ อาวุธอัครฑูตของหานเซี่ยวก็ไม่ได้มีไว้ประดับ ทันทีที่เขาสร้างร่างแยก มันก็จะโดนอาวุธอัครฑูตรุมฆ่า จำนวนของร่างแยกที่เขามีไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น สถานการณ์ปัจจุบันจึงชัดเจน ปัจจัยทั้งหมดที่มีทำให้เทพเอสเสียเปรียบมาก ทั้งหมดที่เขาทำได้คือโดนกระทืบ
แม้จะสามารถแปลงพลังงานเป็นพลังชีวิตได้ แต่อัตรานี้ก็ช้ากว่าหานเซี่ยวมาก [ความสามารถเอสเปอร์-หลุมดำ]มีขีดจำกัดและไม่สามารถรับความเสียหายได้ทั้งหมด แถมควาามเร็วการฟื้นฟูของเขาก็มีขีดจำกัดด้วย ความเสียหายที่หานเซี่ยวสร้างตอนนี้ยังหลุดไปจากกรอบเดิม แถม กองยานจักรวรรดิยังให้การสนับสนุนอยู่ด้านข้าง พลังชีวิตของเทพเอสจึงลดลงเร็วกว่าฟื้นฟู
หลังผ่านไปหลายสิบปี ความแตกต่างระหว่างหานเซี่ยวกับเทพเอสก็ยิ่งหดเล็ก เขาเปิดหน้าต่างสถานะ มองข้อมูลต่อสู้ และเห็นข้อมูลของเทพเอสมากกว่าเดิม
เขารีบตรวจดูแต่ก็ไม่เห็น[ความสามารถเอสเปอร์-เกิดใหม่]ในรายชื่อความสามารถของเทพเอส เขาสงสัยว่ามันเป็นหนึ่งในเครื่องหมายคำถามที่เขามองไม่เห็นหรือเปล่า แต่ทว่า แถบสถานะของเทพเอสก็ทำให้หานเซี่ยวพบความผิดปกติ
ท่านอยู่ในสถานะ[วิญญาณอ่อนแอปานกลาง] ความต้านทานจิตท่านลดลง 30% สติปัญญากับลี้ลับของท่านลดลง 15% ระยะเวลา : ไม่รู้
ท่านอยู่ในสถานะ [วิญญาณฉีกขาด] ท่านเสียสติปัญญาและลี้ลับจำนวนมาก ความต้านทานจิตลดลง 60% ระยะเวลา : ถาวร
“นี่..”หานเซี่ยวหรี่ตา
วิญญาณอ่อนแอควรเป็นผลข้างเคียงของการถูกขังโดยอำพัน ซึ่งเทพเอสสามารถฟื้นฟูได้ แต่ทว่า สถานะวิญญาณฉีกขาดเห็นได้ชัดว่าไม่เกี่ยวกับอำพัน และมันก็ดันตรงกับสถานะที่สูงผิดปกติของกอดด์
งั้น ฉันก็เดาไม่ผิด เทพเอสต้องเกี่ยวข้องกับกอดด์แน่
ความเป็นไปได้ที่กอดด์จะเป็นร่างแยกที่เทพเอสสร้างมีจำกัด ความสามารถเอสเปอร์ทั้งหมดของเขาจะไม่มีประโยชน์เมื่อโดนผนึกเอสเปอร์ กอดด์ยังไม่มีอะไรเกี่ยวกับความสามารถที่เทพเอสยังมีอยู่ ตอนจับเทพเอส เขาไม่มีโอกาสได้สร้างร่างแยกอะไร ทั้งหมดที่เขาทำได้คือใช้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ
ดังนั้น เทพเอสจึงไม่เพียงย้ายวิญญาณเขา แต่ยังใช้ควาามสามารถเอสเปอร์บางอย่างเพื่อฉีกวิญญาณตัวเองออกและผสานมันเข้ากับร่างของกอดด์ ทิ้งดวงวิญญาณที่เหลือไว้ในร่างเดิม
กาลอวกาศแอมเบอร์ได้หยุดทุกอย่าง ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เทพเอสจะควบคุมกอดด์จากภายในได้ สิ่งที่อยู่ในโลกภายนอกมาหลายปีควรเป็นจิตสำนึกหลักของเทพเอสในตัวกอดด์
ตอนนี้ อุปกรณ์ตรวจจับต่างๆของกองยานจักรวรรดิไม่พบระลอกวิญญาณแปลกๆ หมายความว่า’เทพเอส’ไม่ได้โดนควบคุมจากระยะไกล
ดังนั้น วิญญาณทั้งสองตอนนี้แยกเป็นบุคคลสองคนอย่างสมบูรณ์ นี่หมายความว่า’เทพเอส’ตรงหน้าเขาอาจไม่ใช่เทพเอสที่เขารู้จักแต่เป็นบุคลิกใหม่ จิตสำนึกใหม่ที่เกิดจากวิญญาณที่หลงเหลือและความทรงจำของเทพเอส เหมือนร่างโคลน สำหรับจิตสำนึกหลักของเทพเอส มันเป็นกอดด์จริง…หรือมันเป็นอีกทาง?
ถ้าเป็นแบบนั้น เทพเอสก็ยังเป็นเทพเอส และกอดด์ก็ยังเป็นกอดด์ ถึงแม้บุคลิกกับความทรงจำจะแทบไม่ต่างกัน พวกเขาก็เป็นคนสองคน..หรือคำว่า’เกิดใหม่’ใน[ความสามารถเอสเปอร์-เกิดใหม่]จะหมายความถึงแบบนี้?!
ร่างเดิมคือผู้อยู่เหนือและกอดด์ก็ยังกลายเป็นผู้อยู่เหนือ สารเลวนี่แยกเป็นสองผู้อยู่เหนือ..ถ้าจิตสำนึกหลักของเขาคือกอดด์ งั้นก็แสดงว่าเขาไม่มความปราณีต่อตัวเองเลย
ความคิดทุกประเภทแวบผ่านหัว
ถ้าวิญญาณทั้งสองยังเชื่อมโยงและมีความทรงจำร่วม มันก็จะเป็นข้อบกพร่องที่เห็นได้ชัด ตัดสินใจจากนิสัยของเทพเอส ถ้าเขาคิดล้างให้หมดจด เขาต้องไม่ทิ้งข้อผิดพวาดไว้ ดังนั้น เขาน่าจะตัดการเชื่อมต่อของทั้งสองวิญญาณโดยสิ้นเชิง
เขาไม่เพียงละทิ้งร่างกายตัวเอง แต่ยังไม่คิดสร้าง’เขา’ขึ้นมาอีกในจักรวาล มอบพลังทัั้งหมดที่เขาสะสมในอดีตให้’คนอื่น’
ถ้านี่เป็นแบบนั้นจริง ความทรงจำเกี่ยวกับกอดด์ที่’เทพเอส’คนนี้มีอาจโดนลบไปหมดโดยจิตสำนึกหลักของเทพเอสตอนแยกวิญญาณ แบบนั้น ถ้าจักรวรรดิชำแหละ’เทพเอส’คนนี้ในอนาคต พวกเขาก็จะไม่พบอะไรในความทรงจำ
นี่คือเหตุผลที่เขาได้รับขนานนามว่า’เทพเจ้าแห่งเอสเปอร์’ ไม่มีใครนอกจากเขาที่จะทำอะไรบ้าๆแบบนี้ได้
ขณะที่ทำการคาดเดาในหัว การโจมตีของหานเซี่ยวยังไม่หยุด การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด
สถานการณ์เป็นฝ่ายเดียวอย่างสมบูรณ์ เทพเอสกำลังโดนอาบด้วยพลังงานไซโอนิคเนื้อของเขาหลอมละลายและสร้างใหม่ทุกเสี้ยววินาที ภายใต้การโจมตีไม่หยุด เขาทำได้แค่ตั้งรับ เขาไม่กล้าหยุดฟื้นฟูพลังชีวิตแม้แต่วินาทีเดียว
วิธีที่เขาฟื้นฟูคือผ่านการเร่งการแบ่งตัวของเซลล์ ทุกครั้งที่ร่างกายของเขาฟื้นฟู พลังชีวิตของเซลล์เขาจะเพิ่มและอายุขัยจะลดลง ถ้าไม่ใช่เพราะลูกบาศก์วิวัฒนาการ เขาคงไม่สามารถทนการต่อสู้รุนแรงแบบนี้ได้
เมื่อรับรู้ถึงพลังโจมตีที่ทรงพลังของหานเซี่ยว เทพเอสก็ตกใจเช่นกัน
เขาจำได้ว่าตอนเขาถูกขัง แบล็คสตาร์ยังไม่ถึงจุดสูงสุดเลย แต่ทว่า ด้วยพลังที่หานเซี่ยวแสดงตอนนี้ แม้กระทั่งเทพเอสก็ไม่กล้าพูดว่าจะเอาชนะเขาได้ ต่อให้เขาอยู่ในสภาพพร้อมสุด ถ้าพวกเขาสู้กัน เขารู้สึกว่ามันน่าจะจบลงด้วยการเสมอ
มันผ่านไปกี่ปีแล้ว ทำไมแบล็คสตาร์ถึงไล่ตามทันระดับขชองฉัน แม้กระทั่งยังดูเหนือกว่าฉันด้วย?! “การเติบโตของแกน่าเหลือเชื่อมาก!ฉันไม่เคยเห็นใครที่มีพรสวรรค์เท่าแกมาก่อน!”เทพเอสประหลาดใจอย่างแท้จริง
“อย่าคิดว่าฉันจะออมมือเพราะแกชมฉัน!”
หานเซี่ยวระดมโจมตีต่อด้วยใบหน้าเฉยชา ท่ามกลางสายอาชีพทั้งหมด ตอนนี้เขาจัดการกับเอสเปอร์ได้ถนัดสุด เขาได้รับโบนัสสถานะมากมายและเพิ่มความเสียหายตอนสู้กับเอสเปอร์
นอกจากนี้ ความสามารถ[นักฆ่าคนแก่]ยังได้ผลกับเทพเอส..
แม้เทพเอสจะแข็งแกร่ง หานเซี่ยวก็ไม่ได้อ่อนเลย!
การโจมตีระเบิดใส่เทพเอสต่อเนื่อง ระเบิดปรากฏทั่วทุกที่ที่เทพเอสผ่านไป
หลังโจมตีอยู่สักพัก หานเซี่ยวก็ประเมินว่าโบนัสของพรสวรรค์ต่างๆเขาได้มาถึงขีดสุดแล้ว และพลังจักรกลก็ปะทุจากตัวเขา เปรี้ยยยย
เกราะตรงหน้าผากของเทพจักรกลพลันเปิด กองอะไหล่จักรกลยื่นออกมา เปลี่ยนเป็นมงกุฏจักรกลที่ครอบหัวเทพจักรกล
วินาทีต่อมา คลื่นที่มองไม่เห็นก็ระเบิดจากมงกุฏ รวมกันเป็นลำแสง และยิงใส่เทพเอส
ร่างของเทพเอสสั่นสะท้าน มันเหมือนกับค้อนขนาดใหญ่ที่ทุบใส่จิตสำนึกเขา
นี่คือสมบัติจักรวาลที่หานเซี่ยวเรียนรู้จากเทคโนโลยีของเจซ อาวุธพิเศษของเทพจักรกล[มงกุฏทำลายวิญญาณ]!
ชื่อมันฟังดูเหมือนของวิเศษ แต่จริงๆแล้วเป็นเครื่องจักรชิ้นหนึ่ง มันทำงานโดยรับพลังงานวิญญาณจากพลังงานไซโอนิค มงกุฏทำลายวิญญาณสามารถมอบความต้านทานจิตสูงมากให้กับผู้ใช้ของเทพจักรกล ในขณะเดียวกันก็สามารถยิงการโจมตีทางจิตได้
โดยปกติ จุดอ่อนของช่างกลคือร่างหลักและจิต พวกเขายังขาดวิธีการโจมตีทางจิตผลของอุปกรณ์ทองชิ้นนี้สามารถกลบจุดอ่อนนั้นได้..แม้หานเซี่ยวจะไม่ใช่ช่างกลธรรมดา มงกุฏนี้ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อเขา
ดีบัฟของเทพเอสทำให้จิตของเขาอ่อนแอมาก หานเซี่ยวชินกับการเล่นงานจุดอ่อนศัตรู ดังนั้นเขาจึงไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป
ก่อนเทพเอสจะฟื้นฟูตัวได้ หานเซี่ยวรีบใช้วิญญาณเสมือน ลากวิญญาณของเทพเอสเข้าโลกเสมือนและกระทืบ
เมื่อจุดสำคัญโดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง เทพเอสก็ได้รับความเสียหายมากมาย
ขณะที่เทพเอสยังมึนงง ร่างเดิมของหานเซี่ยวก็ได้ออกเทพจักรกล บีบคอเทพเอส กระตุ้นอำพันและเริ่มสร้างผนึก
เทพเอสรีบตั้งสติและกำลังจะต่อต้าน เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็กดลงบนหน้าอกกว้างของเขาและพูด”อย่าขยับ แกยังจำได้ไหมว่าครั้งก่อนฉันจับแกยังไง?ถ้าแกทำมันอีก แกจะไม่ใช่แค่ใช้ชีวิตที่เหลือในคุก แต่แก่จะตาย” เมื่อได้ยิน การเคลื่อนไหวของเทพเอสก็หยุดลงไปชั่วขณะ ขณะนึกถึงบาดแผลจากการโดนผนึกเอสเปอร์ตอนนั้น
เขาไม่รู้เกี่ยวกับบัตรอัญเชิญตัวละคร หรือไม่รู้ว่าทำไมแบล็คสตาร์ถึงใช้ความสามารถนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงอดคิดไม่ได้ว่าแบล็คสตาร์ยังมีความสามารถนี้
“เทียบกับการโดนขังไปจนตาย ทำไมฉันถึงไม่ควรสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย?”เทพเอสหรี่ตา
เขาอยู่ในสถานการณ์ที่มากพอจะคุกคามชีวิตของเขา ผ่านการต่อสู้ก่อนหน้า เทพเอสรู้ดีว่าไม่มีโอกาสที่เขาจะหลบหนีได้สำเร็จ ถ้าแบล็คสตาร์ใช้ผนึกเอสเปอร์ เขาอาจตายจริง
“แกแน่ใจนะว่าอยากตาย?”หานเซี่ยวกระซิบ”แกไม่อยากเห็นวันที่อารยธรรมต้นไม้โลกมาถึงงั้นเหรอ?”
ตัวของเทพเอสแข็งทื่อ และในที่สุดความตกใจก็ปรากฏบนหน้าเขา เขามักคิดมาตลอดว่าเขาเป็นคนเดียวในจักรวาลที่รู้เรื่องนี้ เขาไม่คิดว่าจะได้ยินมันจากหานเซี่ยว
แบล็คสตาร์รู้ได้ไง?!
“ข้อมูลนั่น..พวกแกศึกษามันเสร็จแล้ว?!”
ดวงตาของหานเซี่ยวเปล่งประกาย
แต่หานเซี่ยวไม่ตอบ เขาจงใจพูดด้วยเสียงต่ำ”หยุดต่อต้าน แกจะยังมีโอกาสเป็นอิสระเพื่อเห็นเรื่องราวทั้งหมด ถ้าแกตายที่นี่ จะไม่มีความหวังอีก”
“..”สีหน้าของเทพเอสเปลี่ยนไป เขาตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่ทว่า เขาก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเพื่อเข้าใจสถานการณ์ที่เขาเป็นอยู่ ร่างของเขาผ่อนคลายและหยุดต่อต้าน
เขาสบตาหานเซี่ยว”ฉันไม่เชื่อว่าแกจะปล่อยฉันออกไป..แต่ฉันเต็มใจเดิมพัน เหนือสิ่งอื่นใด ฉันแพ้อยู่แล้ว”
“นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันแพ้แก บางทีแกอาจสามารถก้าวสู่ระดับนั้นและเป็นสักขีพยานในทิวทัศน์นั้นแทนฉัน..”
ครั้งนี้ หานเซี่ยวก้าวถอยโดยไม่พูดอะไร คุกสมบูรณ์แล้ว
ร่างของเทพเอสโดนผนึก เขาถูกขังในอำพันอีกครั้ง
ความแตกต่างเดียวคือเขาอยู่ในท่าที่ต่างจากเดิม
เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็พ่นลมหายใจยาว ส่ายหัว
“ถ้าแกยังขัดขืนต่อ ฉันอาจจับแกไม่ได้ ..โทษที การพูดหลอกก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์”��