The Legendary Mechanic - ตอนที่ 348
อารยธรรมซันนิลสนับสนุนพวกพิเศษและกองทัพ และจิตวิญญาณแห่งการบริจาคก็ปลูกฝังพวกเขามาแต่เด็ก ลาน่าใฝ่ฝันที่จะเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่ยังเด็ก เขาอยากกลายเป็นทหารเพื่อปกป้องเผ่าพันธ์เขา และเขาก็ฝึกหนักเพื่อมัน เพื่อนบ้านเขาเป็นทหารผ่านศึก ดังนั้นลาน่าและเด็กใกล้เคียงจึงขอให้ทหารคนนั้นสอนพวกเขาอยู่เสมอ
หายนะจะมาทุก2-3ปี ดังนั้นเวลาระหว่างนั้นถือเป็นช่วงพัฒนาของพวกเขา สะสมทรัพยากร สร้างอาวุธเพิ่มและฝึกทหารกลุ่มใหม่ พวกซันนิลมักเริ่มรับสมัครกองทัพหลังหายนะ แม้ประชากรพวกเขาจะน้อยกว่า10%ของประชากรสูงสุดหลังภัยพิบัติดาราทมิฬ จำนวนก็ยังถือว่าสูงเมื่อถูกบีบรวมเข้าเมืองใหญ่
มีการรับสมัครสองประเภท หนึ่งคือเข้าด้วยตนเอง ซึ่งไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม และอีกอันก็คือการเกณฑ์ทหาร เป้าหมายคือพวกนักโทษและครอบครัวที่มีเด็กหลายคน เด็กทุกคนที่อายุยังน้อยต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเพื่อเข้ารับการฝึกพื้นฐาน เผื่อกรณีอันตราย
แน่นอน ลาน่าอยากเข้าร่วมกองทัพ เขาอยากขอเข้ากองทัพและกลายเป็นทหารเต็มตัว แต่ก็พบเจอการคัดค้านจากพ่อแม่
“พ่อแม่พูดอย่างนี้ได้ยังไง?การปกป้องเผ่าพันธ์ถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง ผู้คนมากมายต้องเสียสละตัวเอง ผมเต็มใจอุทิศชีวิตให้กับมันเช่นกัน!’ลาน่ากล่าว
“ลูกยังเด็กและไม่เข้าใจอะไร”พ่อแม่ลาน่ากล่าว”มีหลายคนเข้าร่วมกองทัพทุกปี มันไม่แตกต่างอะไรต่อให้ลูกไม่ไป”
“ไม่ มันเป็นเรื่องน่าอับอายมาก!ความฝันของผมคือการปกป้องเผ่าพันธ์!”ลาน่ากล่าวอย่างหลงใหล
“งั้นลูกไม่คิดถึงพ่อแม่งั้นหรอ?”แม่ลาน่าร้องไห้”ลูกเอาแต่ไปหาคุณเนวิลล์บ้านข้างๆให้ฝึก เมื่อวาน เขาถูกฆ่าตายในหน้าที่ ศพเขาถูกส่งกลับมาในสภาพเละเทะ ลูกไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ภรรยาเขาเป็นลมจากการร้องไห้หลายครั้งและเขาก็ทิ้งลูกให้อยู่กับแม่เพียงลำพัง สามารถผ่านพ้นแต่ละวันไปได้ด้วยเงินบำเหน็จเท่านั้น มันช่างน่าเวทนา เขายังมีลูกอายุไม่กี่ปีให้เลี้ยง และเราก็แก่แล้ว เรามีลูกแค่คนเดียว หากลูกตาย เราจะทำยังไง?ลูกยังอยากให้เรามีชีวิตต่อไปยังไง?”
ลาน่าพูดไม่ออก”นี่ไม่ถูก…”
“ลาน่า ไม่ว่าจะเป็นยอดซันนิล กองทัพหรือคุณเนวิลล์ พวกเขาเป็นคนที่สุดยอด แต่เราเป็นแค่คนธรรมดา พ่อก็รักเผ่าพันธ์พ่อ และพ่อก็ทำงานเพื่อสนับสนุนเผ่าพันธ์ สนามรบไม่ใช่เรื่องของเรา”พ่อวางมือบนไหล่ลาน่าและพูด เขาเคารพพวกพิเศษและก็เคารพกองทัพเหมือนกัน
ลาน่าลดหัวลงและหยุดพูด
“ลาน่า ลูกต้องสัญญากับเรา!”แม่กล่าวอย่างกังวลใจ
“…ผมสัญญา”ลาน่ากล่าวอย่างไม่เต็มใจ”ผมจะเข้าร่วมฝ่ายดูแลทหาร ไม่ใช่กองทัพ”
พ่อแม่เขาถอนหายใจโล่งอก
ด้านนอก เฮอลัสเอนพิงขอบหน้าต่างพลางแหงนมองขึ้นฟ้า
ในท้องฟ้า ยานรบทั้งเก้าลำได้บดบังแสงอาทิตย์ที่ควรส่องเข้าเมือง เครื่องยนต์ที่อยู่ด้านล่างสร้างกระแสอากาศลงเมือง กลิ่นฉุนจากนอกเมืองแทบไม่ได้กลิ่นเพราะมีแต่กลิ่นเครื่องยนต์
ความทรงจำมากมายปรากฏในใจเขา รอยยิ้มขมขื่นของเฟอร์นาส ความหลงใหลของลาน่า สนามรบเลือด ทหารที่ตาย ความชื่นชม เวลานับไม่ถ้วนได้ดึงเขาออกห่างจากความเป็นจริง ทุกวันเขาจะใช้ชีวิตอย่างเน่าเปื่อย และภัยพิบัติดาราทมิฬที่เขาไม่คิดถึงนาน นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นพี่ชายเขา เดลวิส
ในความทรงจำเขา เดลวิสยังคงใส่แว่นตาหนา ผมยุ่งเหยิงที่ไม่ได้สระมานาน ชุดนักวิจัยสีขาวเขาดูเหมือนเสื้อคลุมตัวสั้น ทำให้เขาดูตลก ในวิดิโอ เขายืนตรงหน้าแล็บวิจัยที่เละเทะ เดลวิสผลักแว่นตาอย่างเคยชิน จากนั้นก็พูดกับน้องชายเขา”น้องพี่ พี่ได้ทิ้งบางสิ่งไว้ให้น้องในห้องวิจัยที่บ้าน รหัสผ่านคือวันเกิดพ่อแม่เรา”
น้ำเสียงเขาเหมือนปกติ เต็มไปด้วยความผิดหวังและความคาดหวัง การสื่อสารจบลงแค่นั้น ตอนนั้น เฮอลัสมองออกนอกหน้าต่าง ตรงไปยังทางห้องวัจัยทหารที่เดลวิสเคยทำงาน มียานรบดาราทมิฬนับไม่ถ้วนบินอยู่บนนั้น พร้อมกับเมฆเห็ดที่ระเบิดขึ้น
เขาใช้รหัสผ่านเพื่อเปิดห้องวิจัยส่วนตัวของเดลวิส เฮอลัสมักอยากลอบเข้ามาเสมอ แต่ทว่า เขาไม่เคยรู้รหัสผ่าน ภายใน เขาเห็นมรดกที่พี่ชายเขาทิ้งไว้ให้
ความทรงจำมากมายผุดขึ้น เฮอลัสยังคงจำได้ว่าตอนเขาเป็นตัวประโยชน์ เอาแค่ผลาญเงินเดือนพี่ชาย กลายเป็นยอดซันนิลระดับBตั้งแต่เด็ก เขาแข็งแกร่งกว่าเดลวิสเป็นพันเท่า แต่ก็มักทำตัวด้อยกว่าพี่ชายเขา มักถูกตำหนิและดุ กระนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
“พี่…”เฮอลัสพึมพำ
ความทรงจำเหมือนฟองสบู่ ความคิดเขาหยุดที่ดวงตาสีดำของหานเซี่ยว รูม่านตาเขาดูเหมือนจะอัดแน่นไปด้วยความลี้ลับ
สีหน้าเฮอลัสพลันหนักแน่น เขากลับไปบาร์ เข้าห้องใต้หลังคา เปิดตู้เสื้อผ้าที่ถูกปิดมาเป็นเวลานาน ข้างในเป็นอุโมงค์ไปยังห้องใต้ดินลับซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น เขาเดินลงไปช้าๆ เปิดไฟ จ้องไปยังกองกล่องในห้องติ้น ส่วนใหญ่เป็นมรดกของเดลวิส
เขาเดินตรงไปยังมุมห้อง ดึงกล่องไม้ออกมา ปาดฝุ่นบนนั้นและเปิดฝา
ข้างในเป็นชุดสีดำ มันคือมรดกที่เดลวิสทิ้งไว้ให้เขา เกราะที่สร้างขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ-[แสงกระจาย]!
ในช่วงภัยพิบัติดาราทมิฬ เฮอลัสได้พึ่งพาเกราะนี้เพื่อเอาตัวรอด และเขาก็ไม่เคยใช้มันอีก ดังนั้น มันจึงถูกเก็บไว้ในห้องใต้ดินเสมอมา เป็นของที่ระลึกถึงพี่ชายเขา
มันอาจเป็นเกราะชั้นบัญชาการชิ้นสุดท้ายที่ยังใช้งานได้
เฮอลัสจ้องมองเกราะ และดวงตาเขาก็ค่อยๆแหลมคม
“มันนานแล้วที่ฉันไม่ได้สู้…หวังว่าฝีมือฉันจะยังไม่ขึ้นสนิมนะ”
…
สัตว์ร้ายนั้นแกแร่งมาก พวกมันอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารของดาว และบางตัวก็เกินระดับของสัตว์ร้ายไปแล้วและอาจเรียกได้ว่าสัตว์ประหลาด
สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งคือด้วงแมลงวันกรด มันมีปีกที่ยาวกว่าร้อยเมตร และต่อให้ถูกปืนใหญ่แม่เหล็กไฟฟ้ารุมยิงใส่นับสิบก็ยังไม่ตาย มันสามารถยิงกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงออกจากปาก เกาะติดกับเกราะของยานรบและทำให้เกิควัน สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งจัดการได้ง่ายๆ แต่พวกมันกลับปรากฏเป็นกลุ่ม และพลังยิงของค่ายก็ไม่อาจหยุดพวกมัน ดังนั้น โล่ของยานจึงพัง และเกราะชั้นนอกก็เสียหาย มันถูกบังคับให้ต้องลงจอดและซ่อมแซมฉุกเฉิน
“สัตว์ประหลาดบนดาวนี้มันกินอะไรลงไปกัน?!”
ทหารรับจ้างตกใจ สัตว์ประหลาดที่มีปีกกว้างร้อยเมตรนั้นใหญ่พอๆกับยานรบขนาดเล็กของซันนิล นี่แค่สัตว์ป่าบนดาว แต่มันกลับเติบโตจนเทียบได้กับยานรบ สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ทีมสอดแนมภาคพื้นดิน เครื่องบินลาดตระเวนสามารถหามันพบได้ง่ายๆ
ขีปนาวุธระเบิดอย่างอึกทึกบนท้องฟ้า ทันใดนั้น เสียงเตือนภัยก็ดังจากภายในวงแหวนป้องกัน มันเป็นประกาศฉุกเฉิน
“เตรียมรับมือกับแรกกระแทก!เตรียมรับมือกับแรงกระแทก!ตรวจพบสัตว์ภูเขากำลังใกล้เข้ามา เวลาโดยประมาณคือ14นาที ทหารทุกนาย เตรียมตัว ทำการชาร์จปืนใหญ่อนุภาคพลังงานสูง!”
ที่แนวป้องกันห้า พื้นเริ่มแตกเปิด เผยให้เห็นโลหะน่ากลัวและซับซ้อน ปากกระบอกปืนมันเป็นรูปหกเหลี่ยมและมันก็ถูกฝังเข้ากับอุปกรณ์รักษาอนุภาค เหมือนกับว่าปืนใหญ่นี้ถูกแบ่งเป็นส่วนๆ ชุดจักรกลของหานเซี่ยวออกคำเตือนถึงปฏิกิริยาพลังงานสูงทันที
ปืนใหญ่อนุภาคพลังงานสูงเป็นของที่หลุดออกมาจากรูหนอนกลางของวงแหวนดาวกระจาย อาวุธสงครามระดับกาแล็กซี่ และมันก็ไม่รู้ว่ามาจากอารยธรรมไหน มันถูกพวกกินซากเก็บมาเพื่อขาย และชาวซันนิลก็จ่ายเงินก้อนโตไปเพื่อมัน นี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้หลังการสูญเสียครั้งใหญ่จากหายนะแรก พวกเขาต้องมีไพ่ตายไว้ต่อต้านสัตว์ประหลาด
แม้มันจะเป็นของเสียหาย มันก็ยังช่วยได้ มันเป็นเทคโนโลยีจากอารยธรรมชั้นสูง ไม่อาจซ่อมแซมหรือศึกษาได้ และใช้ได้อย่างเดียว ทุกการยิงจะผลาญพลังงานจำนวนมาก ซึ่งถือว่าล้ำค่าบนดาวซันนิล ทุกการยิงหมายถึงผารเผาไหม้อนาคต เพราะเทคโนโลยีพลังงานของพวกขไม่ตรงกับอารยธรรมชั้นสูง มันจึงต้องใช้เวลาชาร์จนานก่อนทำการยิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดใช้ปืนใหญ่นี้เล่นๆ
พวกซันนิลได้สำรวจดาวนี้มากว่าสิบปี และก็บันทึกสัตว์ร้ายจำนวนมากลงฐานข้อมูล สัตว์ภูเขาเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดชั้นบน พวกมันอันตรายมาก
หานเซี่ยวประหลาดใจ เขาบังเอิญเข้าไปใกล้เสือดาวสายฟ้า หันมามองปืนใหญ่อนุภาคและรู้สึกเหมือนกำลังจะน้ำลายไหล
ความรู้สึกนี้…..