The Legendary Mechanic - ตอนที่ 352
จากการซ่อมแซม หานเซี่ยวได้พิมพ์เขียวใหม่มา รวมถึงตัวกลึง ปืนกลป้องกันลำกล้องสูง และเกราะชั้นพลทหารสายสอดแนม ป้องกัน โจมตี ตามคาด เกราะชั้นสิบเอกต้องใช้[การดัดแปลงจักรกลหนัก] ดังนั้นความคืบหน้าจึงติดขัด
ช่างกลหานไม่คิดกลับมือเปล่า ดังนั้นเขาจึงใช้ความสัมพันธ์ ซื้อชุดเกราะชั้นสิบเอกมาสามประเภทด้วยเงิน2000อีนาสต่อตัว เมื่อเขากลับไปศูนย์จูเบอรี่และเรียนรู้[การดัดแปลงจักรหนัก] เขาคงสามารถได้รับพิมพ์เขียว จากนั้นเขาก็จะสร้างชุดเกราะต่างๆและขายมันให้ผู้เล่น ต้นทุนทำเกราะสามารถรับกลับคืนได้ง่ายๆ
ทุกคนได้รับเงินหมื่นสอง ดังนั้นกำลังซื้อพวกเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก หานเซี่ยวเบิกบาน ชุดเกราะที่ผลิตได้จำนวนมากนี้ย่อมขายได้ดี และคุณสมบัติมันก็จะเพิ่มขึ้นตามค่าประสบการณ์ที่เขาใช้เลื่อนพิมพ์เขียว นอกจากนี้ เขายังได้รับการสนับสนุนจากความสัมพันธ์กับเครื่องจักร ดังนั้นเกราะที่เขาผลิตจึงดีกว่าอันจากสายผลิต หลังขายพวกมัน เขายังได้รับเงินค่าซ่อมระยะยาว
ค่าธรรมเนียมที่เขาได้รับจากการจ้างสามารถซื้อความรู้ขั้นกลางได้อันเดียว แต่จากการแสวงหากำไร เขายังได้รับหลายเท่าจากผู้เล่น
คะแนนความน่าเชื่อถือของกลุ่มทหารรับจ้างแบล็คสตาร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยและในที่สุดดพวกเขาก็ได้มีประสบการณ์ครั้งแรก พวกซันนิลให้ละเอียดภารกิจ รวมถึงขอให้พวกเขาทำภารกิจอันตรายและเขาก็ทำภารกิจอย่างสมบูรณ์แบบ ข้อมูลใหม่นี้มีค่ามาก
ความสัมพันธ์กับซันนิลปลดล็อค และมันก็เพิ่มขึ้นพันแต้มทันที ถึงระดับเป็นมิตร
เหนือสิ่งอื่นใด ชื่อเสียงพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกห้าหน่วย สองหน่วยมาจากรางวัลดั้งเดิม ดังนั้นชื่อของแบล็คสตาร์จึงเริ่มกระจายออกไป การเพิ่มโดยตรงมากสุดคือโควต้ารางวัลภารกิจเดียวที่เพิ่มหมื่นค่าประสบการณ์ ซึ่งหมายความว่ามากถึง260000ต่อวันเพราะการคูณ26เท่า
หลังรางวัลถูกมอบ ทหารรับจ้างก็ทยอยกันออกไป แต่หานเซี่ยวอยู่ในเมืองป่า ผู้เล่นอยู่สองวามวันและรู้สึกกระวนกระวาย
วันนี้ ผู้เล่นพบหานเซี่ยว และดาบคลั่งก็ถาม”ปีศาจทมิฬ คุณ”
“เรียกฉันว่าแบล็คสตาร์”หานเซี่ยวเคาะหัวดาบคลั่ง
ดาบคลั่งกล่าว”แบล็คสตาร์ เราจะกลับไปตอนไหนครับ?เรามาพีกที่นี่เพื่ออะไร?”
“รอใครบางคน”
ผู้เล่นคิดว่าหายนะนั้นจบลงแล้ว แต่ในสายตาหานเซี่ยว มันเพิ่งเริ่ม!
..
หนึ่งวันต่อมา ทหารซันนิลส่งคนมาบอกหานเซี่ยวว่าเฮอลัสอยากพบเขา หานเซี่ยวหรี่ตาและยิ้ม
“ในที่สุด”
เมื่อตามทหารไปฐานทัพ เขาก็เข้าห้องส่วนตัวที่เฮอลัสกำลังรอ เขายืนขึ้น โบกมือและให้ทหารออกไป จากนั้นก็ปิดประตู
มีเครื่องดื่มมึนเมาอยู่สองแก้วบนโต๊ะ หานเซี่ยวเหลือบมามองและนั่งลง”ฉันคิดว่านายจะเรียกฉันเร็วกว่านี้ซะอีก”
“มีเรื่องให้ช้า ฉันต้องร่วมมือกับกองทัพอย่างเต็มที่และให้ยืมเกราะที่พี่ชายฉันทิ้งไว้”เฮอลัสถอนหายใจ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แต่มันก็เกิดจากเหตุผลสามประการ หนึ่ง พวกเขาต้องล้างผลของการแตกแยก สอง เฮอลัสแข็งแกร่งและเป็นคนสำคัญ มียอดซันนิลระดับBแค่สองคนในเผ่า เฟอร์นัสจากไปแล้ว และเฮอลัสก็ปรากฏตัวขึ้น สาม ตอนนี้พวกเขามีโอกาสรื้อฟื้นเกราะชั้นบัญชาการ
“ดูเหมือนว่านายจะมีคำถามอยู่มาก แต่ฉันขอถามนายก่อน..”หานเซี่ยวยกแก้วขึ้น หมุนมันเบาๆและกล่าว”นายเชื่อว่าฉันเป็นผู้พยากรณ์งั้นหรอ?”
“ครึ่งหนึ่ง”ดวงตาเฮอลัสเป็นประกาย”นายเห็นอนาคตว่าฉันต้องปกป้องเผ่าพันธ์ และนั่นทำให้นายมาติดต่อฉันงั้นหรอ?”
“แน่นอน ฉันไม่รู้ว่าเจ้าของบาร์จริงๆแล้วคือยอดซันนิลระดับB และฉันก็ไม่รู้ว่าเขาสวมเกราะชั้นบัญชาการชื่อแสงกระจายเพื่อสู้กับหายนะ”หานเซี่ยวล้อเลียน
เฮอลัสยิ้มขมขื่น ไม่มีใครรู้ว่าเกราะเขาชื่อแสงกระจาย ดังนั้นตัวตนเขาย่อมได้รับการพิสูจน์ แต่ก็ยังเหลืออีกคำถาม”นายมองเห็นมากแค่ไหน?นายมองไปในอนาคตได้ไกลแค่ไหน?”
“ฮ่าๆๆ เอาจริงๆแล้ว ฉันเห็นแค่ส่วนหนึ่ง เล็กน้อยมาก ฉันไม่รู้มาก หากฉันไม่เผลอมองเห็นอนาคตของซันนิล ฉันย่อมไม่มา”หานเซี่ยวพูดตรงไปตรงมา
“ฉันเข้าใจ แม้ฉันจะไม่รู้อะไรมากเรื่องกาแล็กซี่ ฉันก็ได้ยินว่าการมองอนาคตมักมีข้อจำกัด”เฮอลัสเข้าใจ และเขาก็ดีใจที่หานเซี่ยวเห็นอนาคตของซันนิลแทนจะเป็นของคนอื่น บางทีนี่อาจเป็นโชคของเผ่าพันธ์พวกเขา
ทันใดนั้น ดวงตาเฮอลัสก็แหลมคม เขาจ้องหานเซี่ยวและกล่าวเสียงต่ำ”แล้ว แรงจูงใจของนายคืออะไร?”
บรรยากาศพลันรุนแรง และเพลิงสลัวก็กระพริบรอบตัวเฮอลัส เขารู้สึกว่าหานเซี่ยวต้องมีเป้าหมาย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มา ชายลึกลับคนนี้ต้องการอะไรบางอย่างจากเผ่าซันนิล
หานเซี่ยววางแก้วลงและกล่าว”ฉันจะเล่าเรื่องหนึ่งให้นายฟัง..”
“ในดาวเคราะห์ที่อารยธรรมล้าหลัง มีหนุ่มหล่อคนหนึ่งกลายเป็นหนูทดลอง วันหนึ่ง เขาผ่นาการทดลอง ตื่นมาด้วยความสามารถทำนายอนาคตและเห็นอนาคตมากมาย ด้วยการพึ่งพาการมองอนาคตเขา เขาหลบหนีมาได้สำเร็จและได้รับอิสรภาพ จากนั้นเขาก็ทำลายศัตรูผู้ชั่วร้ายทิ้ง กลายเป็นตำนานที่โด่งดังไปทั่วดาว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เขาเห็นอนาคตใหม่ ภัยพิบัติได้เกิดขึ้นกับดาวบ้านเกิดเขา คนเบื้องหลังมันอยู่ส่วนลึกในจักรวาล ดังนั้นเขาจึงออกจากดาวและเข้าสู่โลกกว้าง ค้นหาทางเพื่อช่วยดาวบ้านเกิดเขา..”
หานเซี่ยวจัดคอเสื้อเขา”แน่นอน ฉันคือหนุ่มหล่อคนนั้น”
เฮอลัสไม่อาจรักษาสีหน้าจริงจังและ ริมฝีปากเขากระตุก เขาไม่รู้ว่าการชมตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติในกาแล็กซี่ แต่มันเป็นเรื่องไร้ยางอายในอารยธรรมซันนิล…
“เรามาจากเผ่าพันธ์ที่ต่างกัน ดังนั้นมันจึงมีเรื่องต่างกัน”หานเซี่ยวกล่าว
“เข้าใจแล้ว…”หลังตกตะลึง เฮอลัสก็จำได้ว่าเขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน”งั้น นายก็กำลังบอกว่านายเข้าจักรวาลเพื่อช่วยดาวนาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับซันนิล?”
หานเซี่ยวยิ้ม”ดาวบ้านเกิดฉันอยู่ในกาแล็กซี่กาตอน ซึ่งกำลังจะเผชิญกับภัยพิบัติ ฉันคิดว่าพวกนายคงคุ้นเคยกับชื่อของตัวต้นเหตุดี”
เฮอลัสกระพริบตา จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป”ดาราทมิฬ?!”
เขารู้สึกว่าทุกอย่างสมเหตุสมผลและทุกอย่างก็เชื่อมต่อกัน!
ดาราทมิฬเป็นศัตรูของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงมาซันนิล นี่คือแรงจูงใจ!
“ทหารรับจ้างภายใต้ฉันก็คือนักรบจากดาวฉัน”หานเซี่ยวกล่าวเสริม”พวกเขารู้เรื่องนี้เหมือนกัน และก็ตามฉันเพราะอยากหาทางช่วยดาว พวกเขาสามารถรับรองฉันได้ ฉันช่วยนายไม่ใช่เพราะเราจะแบ่งปันประสบการณ์ที่น่าเศร้าร่วมกัน แต่เพราะฉันกำลังมองหาพันธมิตร ในเมื่อนายรู้แล้วว่าฉันมาทำไม นายก็ไม่ต้องกังวลอีก”
สีหน้าเฮอลัสลดลง และเขาก็เคารพหานเซี่ยว”งั้น นายก็เหมือนกับผู้พิทักษ์ของซันนิล วีรบุรุษที่อยากปกป้องดาวตัวเอง”
หานเซี่ยวพูดอย่างถ่อมตน”ฉันไม่ใช่วีรบุรุษ ฉันแค่มีความรับผิดชอบอยู่บนไหล่”
ช่างกลหานรู้สึกเหมือนเขาเดินทางย้อนเวลากลับไปตอนเขาทำตัวเหมือนคนโดนล้างสมอง จิตวิญญาณแห่งนักแสดงเขากำลังลุกโชน
วินาทีนี้ เฮอลัสรู้สึกเหมือนหานเซี่ยวยิ่งใหญ่ขึ้น และก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย
หานเซี่ยวมีความตั้งใจมองหาหนทางช่วยดาวเขาทันทีเพราะเห็นอนาคต อย่างไรก็ตาม เขากลับมองดูหายนะมาหลายปีโดยไม่ทำอะไร แค่คิดก็ทำให้หน้าเขาร้อนแล้ว เขาอายและไม่อาจสู้หน้าหานเซี่ยวได้