The Legendary Mechanic - ตอนที่ 361 ประลอง
ขณะที่เฮอลัสกำลังฟันซ้ายขวา ศัตรูก็หายไป และหานเซี่ยวก็เปิดประตูเดินเข้ามา”นายมาทำไม?”
หานเซี่ยวหัวเราะ”การฝึกคนเดียวมันน่าเบื่อจะตายไป มาสู้กัน”
หลังมาถึงรับB เขาก็ยังไม่ได้สู้ และเขาก็อยากลองฝีมือตัวเอง เขาเป็นชนชั้นผู้ดีและไม่ชอบรังแกผู้เล่น แถมเฮอลัสยังเป็นยอดซันนิลระดับB มันคงคุ้มค่าที่จะได้สู้กับศัตรูระดับเดียวกัน และมันก็เหมาะให้เขาทำความเข้าใจถึงพลังแท้จริง
เขาจะพบปัญหา…แค่ก
“ประลอง?”เฮอลัสมีเพียงความคิดเดียวในหัวว่า กับนาย?
ระดับของพวกพิเศษนั้นแตกต่างตามขนาดถ้วย ความแตกต่างระหว่างCและBกว้างใหญ่มาก พวกเขาอยู่คนละระดับกัน การต่อสู้จะเป็นการยำฝ่ายเดียว มีเพียงกรณีที่คู่ต่อสู้มีพลังระดับเท่ากันถึงเรียกว่า’ประลอง’
เฮอลัสไม่เต็มใจ เขาแข็งแกร่งมากจนกลัวว่าจะทำร้ายหานเซี่ยว
อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกว่าการกระทำของหานเซี่ยวนั้นเหมือนสมาชิกคนอื่นๆของกลุ่มทหารรับจ้าง มันควรเรียกว่า’การขอคำชี้แนะ’ เฮอลัสเข้าใจทันที งั้น นั่นก็คือความหมายของเขา..หัวหน้าอยากได้รับการชี้แนะบางอย่าง
“ไม่มีปัญหา นายอยากเตรียมตัวอะไรไหม?”เฮอลัสตอบรับ เขามีความสุขที่ได้สอนสหาย บวกกับ ความปลอดภัยของหานเซี่ยวเป็นเรื่องสำคัญต่อเขา การทำให้หานเซี่ยวแข็งแกร่งขึ้นก็หมายความว่าเขาจะกังวลน้อยลง
หานเซี่ยวไม่ได้อายเลย เขาบอกเฮอลัสให้รอ จากนั้นก็ย้ายกล่องอุปกรณ์เข้ามา เขาอยากทดสอบอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อเคารพคู่ต่อสู้เขา
เดิมที เฮอลัสสงบมาก แต่ยิ่งเขาเห็นกล่องถูกนำเข้ามาเรื่อยๆ หน้าเขาก็เริ่มกระตุก เมื่อหานเซี่ยวถือปืนใหญ่ไฟฟ้ารุ่นต้นแบบมา เขาก็สูดหายใจและตะโกน”เห้ย!พอได้แล้ว!”
และนั่นทำให้หานเซี่ยวจำต้องล้มเลิกการทดสอบความต้านทานความเสียหายของนักสู้ระดับB เขาสวมชุดจักรกลและอบอุ่นร่างกาย
การต่อสู้ระยะประชิดเป็นความพิเศษของนักสู้ และเนื่องจากพื้นที่ในห้องจำลองนั้นมีจำกัด มันจึงเป็นจุดอ่อนต่อหานเซี่ยว ดังนั้น เขาจึงทิ้งระยะห่างก่อนการต่อสู้”พร้อมนะ?”
“มาเลย”เฮอลัสสงบมาก การสู้กับคนที่ระดับต่ำกว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว
ทันทีที่เฮอลัสพูดจบ หานเซี่ยวก็พลิกมือ ปืนพกแม่เหล็กไฟฟ้าสองกระบอกพลังพุ่งออกจากเกราะขาเขา และเขาก็กราดยิงมัน กระบอกปืนกระพริบด้วยไฟฟ้าสีน้ำเงิน และเสียงนั้นก็แตกต่างจากอาวุธดินปืน มันเป็นเสียงกระแสไฟฟ้า กระสุนเข็มพุ่งใส่เฮอลัส ลากเส้นแสงสีฟ้าจางๆ
ดาบผ่ายานรบเขายกขึ้นทัน ขวางตรงหน้าเฮอลัสเหมือนล่ ทำให้เกิดเสียงดังจากการปะทะ และสีหน้าของเฮอลัสก็พลันเปลี่ยนไป”ปืนแม่เหล็กไฟฟ้า?!”
ความสามารถหลักของช่างกลคือการสร้างเครื่องจักรสำหรับต่อสู้ และการสามารถสร้างอาวุธแม่เหล็กไฟฟ้าได้ก็หมายความว่าพลังโจมตีเขาต้องไม่อาจประมาทได้ ปืนแม่เหล็กไฟฟ้ามีอัตรายิงสูง ดังนั้นเขาจึงเกือบตอบสนองไม่ทัน เฮอลัสเริ่มจริงจัง แม้เขาจะมีพลังงานป้องกัน ร่างเขาก็ไม่ได้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆ
เฮอลัสไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับช่างกล แต่เขารู้ว่ายิ่งช่างกลมีระดับสูง พวกเขาก็จะสามารถสร้างอาวุธได้ดีขึ้น แน่นอน เขาสับสนเล็กน้อยที่ช่างกลระดับCจะสามารถสร้างปืนแม่เหล็กไฟฟ้าได้
เฮอลัสพุ่งด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่ารถหรู เข้าหาหานเวี่ยวด้วยความเร็ว เท้าของหานเซี่ยวเลื่อนถอยหลัง รักษาระยะห่าง มีอาวุธปืนมากมายภายใต้เกราะเขา ปืนพก ปืนไรเฟิลจู่โจม และปืนไรเฟิลซุ่มยิง นั่นล้วนเปลี่ยนเป็นปืนแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งสิ้น
เฮอลัสเป็นยอดซันนิลเกรดB ความเร็วการตอบสนองเขาเร็วมาก และดาบในมือเขาก็เหมาะแก่การป้องกัน หานเซี่ยวยิงไปหลายร้อยนัด แต่ก็เข้าเป้าไม่ถึง5% นอกจากนี้ ความเสียหายยังลลง้วยพลังงานของนักสู้และร่างกายสุดแกร่ง
เมื่อทำความเสียหายได้ หานเซี่ยวก็เห็นข้อมูลของเฮอลัส
“ระดับ98 นักสู้ระดับB มีพลังโจมตีและความทนทานสูง กึ่งรถถัง ค่อนข้างมีพรสวรรค์ เกือบมากเท่าฉัน และแข็งแกร่งในทุกด้าน…บัดซฐ เขาก็มีโชคเรืองแสงเหมือนกัน”
หานเซี่ยวอิจฉามาก ตามคำอธิบายของเฮอลัส เขาเป็นคนขี้เกียจตั้งแต่เด็ก เขามีพรสวรรค์สูง แต่ไม่เคยฝึก จากนั้น เขาก็ละทิ้งการต่อสู้มากว่า10ปี แต่ก็ยังงเป็นระดับB นี่อาจเป็นสิ่งที่มีแต่อัจฉริยะ…
หานเซี่ยวอดคิดไม่ได้ หากเฮอลัสไม่ตายเหมือนในเนื้อเรื่งเดิม เขาอาจเป็นยอดซันนิลเกรดA
เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น ความคิดของหานเซี่ยวก็เร็วขึ้น แม้กระทั่งการคิดในช่วงต่อสู้ก็ไม่ได้รบกวนเขา
ครั้งนี้ เฮอลัสหยุดไล่ล่า ไฟสีเงินเขาขยายออกมา จากนั้นก็หดตัว ควบแน่นระหว่างฝ่ามือและกลายเป็นแสงสีเงินแพรวพราว
บูม!
เส้นเลือดปูดบนใบหน้าเฮอลัส ดูเหนื่อยล้ามาก จากนั้นเขาก็คำรามพร้อมผลักฝ่ามือไปข้างหน้า ปล่อยเป็นคลื่นลำแสงสีเงินคล้ายมังกรที่กำลังโกรธ
หานเซี่ยววางแขนไว้ตรงหน้า และวินาทีต่อมา ลำแสงก็ปะทะกับแขนเขา ส่งเขาลอยออกไปกระแทกกับกำแพง ลำแสงยังกลืนกินทั้งร่างเขา
ตราบเท่าที่นักสู้เรียนรู้[คลื่นกระแทก] พวกเขาก็จะสามารถยิงลำแสงได้ นี่เป็นหนึ่งในความสามารถของนักสู้ เหมือนกับความรู้ของช่างกล พลังงานควบแน่นเป็นทรงกลม พลังมันขึ้นอยู่กับระดับพลังงาน จุดอ่อนคือมันต้องใช้พลังงานสูง
ลำแสงมีหลากหลาย และเทียบกับระดับC ลำแสงของเฮอลัสนั้นหนากว่าและอยู่นานกว่า ถึงแม้เฮอลัสจะลดการใช้พลังงานเพราะกลัวว่าจะทำลายกำแพงห้องฝึก ความเสียหายก็ยังสูงล้ำ
“นั่นควรพอ…เดี๋ยว ทำไมฉันถึงใช้ท่านี้?”
เฮอลัสตกใจ เจตนาดั้งเดิมเขาคือการเป็นผู้สอน แต่เพราะเขารู้สึกถูกคุกคาม เขาจึงตั้งหานเซี่ยวเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งและใช้ทักษะโจมตีออกมา เขารู้สึกเสียใจอย่างมากที่ใช้กระบวนท่าเช่นลำแสงพลังงานที่สามารถทำร้ายได้แม้กระทั่งนักสู้ระดับC ไม่ต้องพูดถึงช่างกล
เขาอยากหยุดส่งพลังงาน แต่ในเวลานั้น สายฟ้าก็ขยายตัวจากภายในลำแสงและผ่าเปิดมัน!
หานเซี่ยวกระโดดขึ้นสูงในอากาศ พร้อมกับเคียวสีดำดุร้ายในมือ และผ่าลงมาจากฟ้า!
เฮอลัสรีบยกดาบเขาขึ้น เคียวฟาดลงใส่ดาบและก่อให้เกิดประกายไฟเหมือนพายุสายฟ้า การเสียดสีระหว่างโลหะผสมกับเสียงของกระแสไฟฟ้า เขาก้าวถอยหลังและหลบ จากนั้นก็เห็นหานเซี่ยวผู้ยืนบนพื้น อะไหล่ของชุดจักรกลเขากลายเป็นสีแดง และทั่วร่างเขาก็ปกคลุมด้วยไอน้ำสีขาวจากอุณหภูมิสูง ระดับพลังงานนั้นสูงจนน่าตกตะลึง
หานเซี่ยวบิดคอและพูดติดตลก”นั่นใกล้มาก เกือบรับไว้ไม่ทันแหนะ”
แม้นั่นจะออกจากปากเขา น้ำเสียงเขากลับดูสบายๆ เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ดวงตาเฮอลัสเบิกกว้าง เขาต้องไม่ใช่แค่ระดับCแน่
“นายก็เป็นระดับB?!”เฮอลัสตกตะลึง นายไม่ได้แข็งแกร่งแบบนี้ในซันนิล!
หานเซี่ยวยักไหล่”ฉันพัฒนา”
นี่เพิ่งผ่านมากี่วัน?และนายก็เลื่อนขั้นแล้ว!นายอัจฉริยะกว่าฉันอีกงั้นหรอ?!เฮอลัสตกใจ เขามักรู้อยู่เสมอว่าตัวเองมีพรสวรรค์มาก แม้เขาจะไม่ได้ถูมิใจนัก แต่เมื่อเขาเห็นคนที่อัจฉริยะกว่าเขา เขาก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้
“อย่าหยุด เรายังสู้กันไม่จบ”หานเซี่ยวยื่นแขนออกไปและคว้าไปยังกล่องอุปกรณ์อีกฝั่ง แขนชุดจักรกลและกล่องมีการเชื่อมต่อแบบแม่เหล็ก ดังนั้นของจึงลอยมาหาเขา
กลางอากาศ กล่องเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และเกราะภายนอกก็ดีดออกมา โฉบมาตามตำแหน่งของการเชื่อมต่อแม่เหล็ก จากนั้นก็ปกคลุมชุดจักรกล เปลี่ยนเป็น[โหมดป้อมปราการ]คล้ายยักษ์ตัวเล็กๆ
ข้อดีอีกอย่างของแม่เหล็กไฟฟ้าขั้นสูงคือมันสามารถทำให้อุปกรณ์รวมกันได้โดยการปรับแม่เหล็กของชิ้นส่วนต่างๆ เพิ่มความเร็วการติดตั้งเกราะ
เมื่อรู้สึกถึงปฏิกิริยาพลังงานที่ทำให้หัวใจเขาหดตัว เฮอลัสก็เพ่งสมาธิ ปรับท่าทางและความคิดสั่งสอนตอนแรกก็หมดดไป”นายพูดถูก การต่อสู้เราสมควรที่จะเรียกว่าการประลอง!”