The Legendary Mechanic - ตอนที่ 446 เมืองรูน
ตอนที่ 446 เมืองรูน
“รับรูปปั้นนี้ไปและหาอันอื่นให้เร็วที่สุด” เฉินซึ่งกล่าว
หานเซียวสํารวจรูปปั้นใหม่รูปร่างมันคือมนุษย์ไร้ใบหน้าที่มีตาขนาดใหญ่บนหน้าอก ซึ่งแปลกมากหลังเขาถือมันไว้คําแนะนําของบนหน้าต่างสถานะก็คือโรูปปั้นลึกลับ] แต่มีหมายเหตุเพิ่มเติม
รูปปั้นเหล่านี้ที่ท่านค้นพบดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของชุดรวบรวมรูปปั้นให้หมดและอาจจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
หานเซียวจับรูปปั้นสองอันและถาม”เพื่อรับเงินแสนอื่นาสผมขอยอมรับงานแล้วผมจะไปหาคุณได้ที่ไหนเมื่องานเสร็จ?”
“ตารางงานผมเต็มมาก ยังไงก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะหาทั้งหมดเจอในเวลาอันสั้น ผมจะให้หมายเลขติดต่อของผู้ช่วยผมไว้ แค่แจ้งเขา” เฉินซึ่งยิ้มงดงาม
แม้เขาจะรู้ตําแหน่งของรูปปั้นหานเซี่ยวก็ไม่ได้เลือกมาหลังรวบรวมรูปปั้นครบมันคงทําให้ เขาดูน่าสงสัยเกินไปท้ายที่สุดเฉินซึ่งรู้สึกว่าการพบหานเซียวเป็นเพราะเรื่องโชค
เฉินซึ่งกําลังหารูปปั้นด้วยตัวเอง แต่ไม่เคยเจอเบาะแสด้วยรูปปั้นสองอันพื้นที่ตรวจจับย่อมกว้างกว่าเมหากไม่ใช่เพราะเขามีความอ่อนไหวต่อความถีของรูปปั้นเขาคงไม่อาจหาหานเซี่ยวเจอท่ามกลางฝูงชน
เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้พบกับรูปปั้นอื่นในช่วงการแสดง
แม้เขาจะยิ้มอย่างสงบ หานเชี่ยวก็รู้ดีว่าชายคนนี้ตื่นเต้นแค่ไหน
เฉินซึ่งกล่าวว่าเขาเป็นนักสะสม ซึ่งแน่นอนว่าไร้สาระ หานเยี่ยวรู้เป้าหมายเขาดี
นักร้องคนนี้คือผู้ใช้พลังจิตที่ใช้เสียงเขาเพื่อกระจายพลังแม้เขาจะดูอ่อนโยนและอ่อนแอแต่หากเฉินซึ่งต้องการเขาสามารถกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงและใช้เสียงทําลายล้างได้ทุกเมื่ออย่างน้อยเขาก็เป็นเกรดB มันเพราะเขาเขาใส่พลังจิตเขาไปในเสียงรูปปั้นทั้งสี่นี้มีผลพิเศษสําหรับเฉินซิ่งพวกมันสามารถเสริมพลังจิตเขาได้
รูปปั้นทั้งสี่เดิมเป็นชุดโทเท็มสําหรับรับคําอธิษฐานจากผู้ศรัทธาทั้งกลางวันและกลางคืนพวกมันมาจากศาสนจักร
ไม่เหมือนจักรวรรดิคริมสันและสหพันแห่งแสงที่เชื่อในอิสรภาพศาสนจักรอาร์เคนเป็นอารยธรรมทางศาสนาและลึกลับ
ในความรู้ของดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ความเชื่อและศาสนาเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อปลอบโยนหรือชี้นําผู้เชื่อให้มีทัศนคติต่อสิ่งต่างๆในชีวิตอารยธรรมบางแห่งยังเห็นศาสนาเป็นเชื้อร้ายของสังคม
อย่างไรก็ตาม มีเส้นทางวิวัฒนาการนับไม่ถ้วนในจักรวาลศาสนาส่วนใหญ่เชื่อในเทพเจ้าไร้ตัวตนแต่บางอันก็เชื่อในเทพเจ้าจริงๆโชคดีสําหรับโบสถ์อาร์เคน พวกเขาเป็นอย่างหลังพวกเขาเริ่มเป็นพวกคนเถื่อนเหมือนฝ่ายอื่นแต่ไม่เหมือนอารยธรรมอื่นที่ก้าวหน้าผ่านเทคโนโลยีหรือเวทมนตร์บรรพบุรุษพวกเขาค้นพบวิธีสื่อสารกับเทพจริงๆเมื่อเทพที่พวกเขาเชื่อสามารถตอบสนองต่อผู้ศรัทธาได้จริงและเมื่อศาสนาสามารถสร้างเทคโนโลยีและสังคมโครงสร้างทางสังคมย่อมแตกต่างจากเทคโนโลยีหรือเวทมนตร์ส่วนใหญ่
เทพคืออะไร?ในแง่ของเวทมนตร์ พวกเขาน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเวทย์มหาศาล จากมุมมองของเทคโนโลยีเทพคือสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าจากมิติชั้นสูงตัวตนจากมิติชั้นสูย่อมแปลงดังนั้นพวกที่ไม่ได้มีลักษณะพาะจึงถือว่าเป็นเทพไร้ตัวตน
ทั้งสองกรณี ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ศรัทธาและเทพจึงมักเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายแต่ทว่าอารยธรรมที่พัฒนาแล้วจะยิ่งระวังทัศนคติพวกเขาต่อเทพไม่ให้คําจํากัดความง่ายๆ
ศาสนจักรอาร์เคนมีคําอธิบายของตัวเองต่อการดํารงอยู่ของเทพ และพวกเขาก็มีเทคโนโลยีสุดเหลือเชื่อที่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่ผู้ศรัทธาเชื่อให้เป็นจริงๆ ตัวอย่างเช่น ศาสนาที่เชื่อในเทพ ร้ตัวตนศาสนจักรก็มีวิธีทําให้มันเป็นเทพจริงแน่นอนเหตุผลพวกเขาคือ “เทพทุกองค์มีจริงตั้งแต่แรกเริ่มกําลังรอการถวายและเราก็เพิ่งสร้างสะพานสําหรับผู้ศรัทธาที่หลงทาง” ยังไงก็ตามมันเป็นเรื่องไสยศาสตร์เกินไปและช่างกลหานก็ไม่สนับสนุนมัน
ดังนั้น นอกจากจักรพรรดิวิญญาณ ซึ่งศาสนจักรอาร์เคนเชื่อ พวกเขาได้รวมผู้ศรัทธานับไม่ถ้วนจากศาสนาอื่น มันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ร่วมกันโดยทุกศาสนาในกาแล็กซี่ รูปปั้นทั้งสี่นั่นคือสัญลักษณ์ทางศาสนาของศาสนาที่เทพเจ้าปรากฏตัว มันรวบรวมคําอธิษฐานจากผู้ศรัทธามานาน
ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากบทความต่างๆที่หานเชี่ยวอ่านอารยธรรมจักรวาลทั้งสามมีความสามารถเหลือเชื่อแน่นอนเขาไม่ได้สนใจเรื่องใหญ่แบบนั้น เป้าหมายหลักของเขาคือทําภารกิจให้เสร็จ
หลังงานเฉลิมฉลองจบลงหานเซียวก็ลาเฉินซึ่งและกลับไปยานอวกาศเช่า
“นายได้อะไรมา?”เฮอลัสอยากรู้มาก
“งาน1แสนอื่นาส”
“โอ้ เยอะเลยทีเดียว” เฮอลัสกล่าวอย่างแปลกใจ”ช่วยประหยัดเงินได้อีกและมันจะพาซื้อยาน.
“มันยังไม่จําเป็น เชื้อเพลิง การบํารุงรักษาและการซ่อมแซมล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายสูง”
หานเชี่ยวโบกมืออย่างน้อยเขาก็ต้องรอจนกว่าเทคโนโลยีเขาจะพอซ่อมยานก่อนซื้อ ตอนนั้นเขาถึงสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในชีวิตก่อนหน้าเขาผู้เล่นล้วนมียานกันในเวอร์ชั่นสุดท้ายเท่านั้นก่อนหน้านั้นมีเพียงกิลด์ใหญ่ถึงมีกําลังทรัพย์พอ
การดักยานอวกาศขององค์กรสีเทาและขายพวกมันให้ผู้ผลิตยานอวกาศในราคาทุนเป็นวิธีหาเงินเขาสามารถทํางานกับกลุ่มทหารรับจ้างใหญ่หากมีโอกาสแต่ทว่าในกรณีนั้นเขาคงทํากําไรได้ไม่มากนักเนื่องจากคนที่มียานล้วนแต่มีอํานาจในอวกาศ เว้นแต่เขาจะเป็นคนขับยาน
หลังกําหนดปลายทาง ยานก็ออกตัว
เมื่อหานเซี่ยวรู้ตําแหน่งของรูปปั้น เขาจึงไม่ต้องเสียเวลารูปปั้นหนึ่งถูกฝังไว้ใต้พื้นบนดาวเค ราะห์รกร้างเขาแค่ต้องไปดึงมันขึ้นมาวิธีปกติในการเอามันคือผ่านข้อมูลและรายละเอียดของดาว แต่เขาข้ามขั้นตอนยากลําบากเหล่านั้นทิ้งไป
ไม่มีการหักเลี้ยวอะไรทั้งสิ้นในการเดินทางหานเชี่ยวลงจอดบนดาวมุ่งตรงไปยังตําแหน่งและขุดรูปปั้นลึกลับอันที่สามนอกจากเวลาที่ใช้ไปกับตําแหน่งนั้น เขาไม่เสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียวตามประสบการณ์ของผู้เล่นเขาประหยัดเวลาไปได้อย่างน้อยยี่สิบวัน
แต่ทว่า รูปปั้นสุดท้ายมีเจ้าของแล้ว
สําหรับภารกิจนี้ พวกเขาผ่านหลายพื้นที่ กลับไปกลุ่มดาวทาราแลมและเข้าระบบดาราแม่น้ําตะวันออก
“ดาวเคราะห์ลับสีฟ้า : มีอารยธรรมบนดาวเนื่องจากเหตุผลที่ไม่รู้อารยธรรมกาแล็กซี่ ได้ค้นพบว่าดาวนี้ไม่ได้ติดต่อกับอารยธรรมท้องถิ่น และเปิดเผยการดํารงอยู่พวกเขา นี่หมายความว่าดาวเคราะห์ลับสีฟ้าไม่รู้ว่าพวกเขาเคยมีแขกจากนอกอวกาศ และพวกเขายังไม่รู้ว่าจักรวาลเป็นอย่างไรดังนั้นพวกเขาจึงเป็นชนพื้นเมืองโดยสมบูรณ์
“แต่ทว่า ภูมิศาสตร์ตําแหน่งดาราศาสตร์ของดาวนี้พิเศษ มันตั้งบนเส้นทางของวัตถุที่กระจัดกระจายออกไปโดยกลุ่มรูหนอนดังนั้นขยะอวกาศจํานวนมากจึงตกลงบนดาวนี้”
หานเซียวเปิดแผนที่และแนะนําจุดหมายปลายทางพวกเขาให้คนอื่น
วัตถุจากอวกาศทําให้พวกเขาได้รับเทคโนโลยีเกินกําลังตัวเอง แต่เนื่องจากความต่างของระดับเทคโนโลยี ความรู้ที่พวกเขาได้รับจึงมีจํากัด
“ในเวลาเดียวกัน ขยะเหล่านี้ก็ทําให้พวกเขาแน่ใจถึงการดํารงอยู่ของอารยธรรมอื่นในจักรวาลแต่นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขารู้”
“สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือขยะอวกาศนี้จากอารยธรรมต่างๆแสดงให้เห็นถึงระบ บที่ต่างกันของดาวเคราะห์ลับสีฟ้า ดังนั้นตั้งแต่ช่วงแรกของการพัฒนาพวกเขาได้วิจัยเวทมนตร์เทคโนโลยี อักษรรูนผลึกและอื่นๆการทุ่มเทกับหลายสิ่งเกินไปอาจไม้ดีสําหรับการพัฒนาอารยธรรม สรุปแล้วมาตรฐานเทคโนโลยีพวกเขายังไม่ถึงระดับที่จะออกนอกดาวได้”
หานเซี่ยวเคาะหน้าจอ
“รูปปั้นสุดท้ายคือขยะอวกาศที่ตกลงบนดาวนี้มันเคยถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่โดยองค์กรท้องถิ่น องค์กรนั้นได้เก็บรักษามันไว้ภายใต้การรักษาความปลอดภัยแน่นหนา”
“หัวหน้า คุณวางแผนจะทํายังไง?”หนึ่งในพี่น้องโวลก้าถาม
“ลงไปตรงๆและทําการยื่นเรื่องหากพวกเขาไม่ยอมรับเราจะทุบตีพวกเขาจนกว่าจะยอม”
น้ําเสียงหานเชี่ยวดุดันมาก
เฮอลัสตกตะลึง” นั่นดีแล้วหรอ?เราจะติดต่อกับพวกเขาก่อนและให้ข้อมูลพวกเขาถึงจักรวาลเป็นการแลกเปลี่ยนรูปปั้น?”
หานเซี่ยวส่ายหัว
ในชีวิตก่อนหน้าเขาผู้เล่นคิดแบบนี้เช่นกัน
เนื่องจากความแตกต่างด้านเทคโนโลยีดาวเคราะห์ลับสีฟ้าจึงแบ่งเป็นองค์กรต่างๆที่สู้กันหลังเลือกเจรจาองค์กรที่มีรูปปั้นก็พาตัวเองสูงขึ้นและทําตามคําขอด้านบน อย่างแรก พวกเขาถามถึงข้อมูลจํานวนมากเกี่ยวกับจักรวาล ซึ่งผู้เล่นก็ตอบรับ จากนั้นก็ถามถึงความรู้ขั้นกลางและเทคโนโลยีมากมายซึ่งผู้เล่นก็ตอบรับสุดท้ายพวกเขาร้องขออย่างอุกอาจในการสร้างแขกอวกาศภายนอกเพื่อเอาชนะองค์กรท้องถิ่น
ท้ายที่สุดผู้เล่นก็ไม่อาจรับมันได้อีกต่อไปหลังทุบตีในที่สุดพวกเขาก็ล้มเลิกรูปปั้นนี่พิสูจน์ให้เห็นว่าการเจรจานั้นล้มเหลว
การเผชิญหน้ากับคนที่มีความคิดดเช่นนั้น หากไม่แสดงให้เห็นว่าหมัดใหญ่แค่ไหน พวกเขาจะคิดว่าตัวเองสูงส่ง
แน่นอน หากพวกเขาสามารถตอบสนองต่อคําขอได้ พวกเขาก็จะได้รับรูปปั้นและยังกระทู้นภารกิจเพิ่มแต่ทว่าสําหรับหานเซียวความรุนแรงเป็นวิธีที่สะดวกสุด
ดังนั้นหานเซียวจึงไม่อยากเสียเวลาและเลือกจะะปล่อยยานลงไปตรงๆและทําการยื่นคําขอ
ตรงตะวันตกเฉียงเหนือของดาวเคราะห์ลับสีฟ้าเมืองรูนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตามชื่อมัน มันเป็นเทคโนโลยีรูนมันตั้งอยู่กลางป่าสิ่งก่อสร้างมันสลักด้วยรูนที่ส่องแสงสีฟ้าและขาวรูปแบบอาคารส่วนใหญ่เป็นอาคารสูงบางและเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมีหอคอยสี่เหลี่ยมสูงตั้งห่างจากกันพร้อมสลักรูนดูดซับพลังงานหอคอยเหล่านี้คือแกนพลังงานของเมืองไม่มีกําแพงเมืองและอาคารก็เริ่มเตี้ยลงเรื่อยๆยิ่งเข้าใจกลาง
หลายปีก่อนขยะอวกาศได้ตกลงมาและมันก็เป็นความลับด้านเทคโนโลยีผู้บุกเบิกได้รับเทคโนโลยีจากมันและค่อยๆสร้างเมืองตอนนี้มันเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่สุดของดาวเคราะห์ลับสีฟ้ามันเป็นยามค่ํา
ในปาห่างจากเมืองรูนไป40ไมล์คนหลายสิบสร้างค่ายชั่วคราวรูนกองไฟเปล่งแสงสีแดงเสถียรให้ความอบอุ่น ผู้คนนั่งรอบมันพวกเขากําลังสวมเสื้อหนังและเกราะสลักรูน ขอบค่ายปกคลุมด้วยอักษรรูนขับไล่สัตว์หยุดพวกสัตว์และแมลงไม่ให้คืบคลานเข้ามา
“หัวหน้า ของเหล่านี้จะขายที่ตลาดมืดในเมืองรูนได้มากแค่ไหนกัน?” ชายหนุ่มถูมืออย่างคาดหวัง
หัวหน้าเป็นชายร่างเตี้ยและผอมดูหเมื่อนหนู เขาหัวเราะเบาๆและกล่าว”มีคนลอบซื้อขยะอวกาศในเมืองรูนอยู่ของเหล่านี้เราน่าจะทําเงินได้อย่างน้อย8000ฟิส”
นี่คือกลุ่มนักค้าของเถื่อนที่ขายขยะอวกาศบางครั้งขยะจากรูหนอนจะไปยังสถานที่ต่างๆบนดาว ขยะดังกล่าวมีค่าต่อการวิจัยและทุกองค์กรก็สะสมพวกมันแต่ทว่าพวกเขาต้องพลาดบางย่างไปดังนั้นตลาดมืดขยะอวกาศจึงถือกําเนิดขึ้นผู้ลักลอบคือกลุ่มคนที่ค้นหาขยะอวกาศและขายพวกมันให้ตลาดมืด
ครั้งนี้ พวกเขาได้ยินเสียงบางอย่างทําลายกําแพงเสียง เสียงดังขึ้นเรื่อยๆตัดผ่านความเงียบ ยามค่ําคืนเหมือนมีดแหลม พวกเขายืนขึ้นและรีบไปดูอุกกาบาตเผาไหมปรากฏในท้องฟ้าและตรงมาทางพวกเขา
เหล่านักค้าของเถื่อนคุ้นเคยกับเสียงนี้ดีความแปลกใจปรากฏบนหน้าพวกเขา
“ขยะอวกาศ!”
อุกกาบาตเผาไหม้ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วและมุ่งผ่านเหนือหัวพวกเขาสร้างเป็นลมแรงสั่นปาและใบไม้จากนั้นอุกกาบาตก็ตกใกล้ๆขยี้ต้นไม้บางต้นและทําเสียงดัง
บูม!
พื้นสั่นสะเทือนและพวกเขาก็เกือบล้ม
ไฟและควันโชยขึ้น
“พวกเราโชคดีแล้ว!”หัวหน้าดีใจมาก” จุดลงของขยะอวกาศนี้ใกล้เรา เราสามารถนํามันไปได้ก่อนทีมค้นหาของเมืองรูนจะมาถึง!”
กลุ่มลักลอบรีบวิ่งไปและมาถึงที่เกิดเหตุ ตรงหน้าพวกเขาเป็นหลุมมีควันหนา ใจกลางมันเป็นวัตถุโลหะทรงไข่สูงประมาณ2.5เมตร
“นี่คืออะไร?” พวกเขาอยากรู้
“อย่ายืนเฉย รีบยกมันขึ้นมา” หัวหน้าสั่ง
ขณะที่พวกเขากําลังเดินเข้าไปใกล้ เสียงดังก็มาจากอีกฝากของปาและหลุมเล็กก็ป รากฏบนพื้นตรงหน้าหัวหน้าผู้ลักลอบ
“หยุด!
เสียงดังจากอีกฝั่งของปาคนอีกกลุ่มปรากฏพวกเขาสวมเกราะเหล็กติดระเบิดและปืนหนึ่ง ในนั้นสวมแว่นตาซุ่มยิงอินฟราเรดและปากกระบอกปืนเขาก็ยังมีควันเสียงก่อนหน้ามาจากเขา
“กองกําลังปราสาทเหล็กไฟ!”ใบหน้าของกลุ่มลักลอบเปลี่ยนไป
ปราสาทเหล็กไฟเป็นหนึ่งในองค์กรใหญ่บนดาวเคราะหนี้พวกเขามีเทคโนโลยีเหล็ก ดินปืนและเครื่องจักรยานพาหนะจักรกลพวกเขาน่ากลัวสุดบนสนามรบ
พวกเขาไม่ใช่กลุ่มเดียวด้วยเสียงดังทีมมากมายจึงมาขยะอวกาศใหม่นี้เหมือนกระแสน้ําวนที่ดึงดูดทีมทั้งหมดในป่า
ทีมเหล่านี้มีสีหน้าเปลี่ยนไป สิ่งที่พวกเขามีให้คือความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
องค์กรอื่นมักมีทีมปฏิบัติการในดินแดนขององค์กรอื่นเพื่อฉกขยะอวกาศใดๆที่เข้าใกล้ ป้องกันองค์กรอื่นไม่ให้ได้มันไป
หากพวกเขาไม่อาจคว้ามันได้ พวกเขาก็จะทําลายมัน!