The Legendary Mechanic - ตอนที่ 485 พลังของช่างกล
ตอนที่ 485 พลังของช่างกล
ตึก ตึก ตึก!
อัลวินรีบหลบหนี เขาเป็นร่างแยกสุดท้ายที่เหลือ และกองกําลังไล่ล่าของดาราทมิฬก็ตามหลังเขามาเหมือนปรสิต คนที่ไล่ล่าเขาคือพวกพิเศษระดับBชื่อเชอร์แมน รองหัวหน้าทีมฟอร์ซิท
เขาได้สังเกตเห็นแล้วว่าดาราทมิฬพร้อมจะลงมือ และแจ้งนากาคินกับคนอื่นเพื่อขอกําลังเสริม แต่ทว่ากําลังเสริมยังมาไม่ถึง ดังนั้นอัลวินจึงวิตกกังวล
ปัง!
ปืนใหญ่แงหนาเจาะผ่านกําแพงและกระแทกกับร่างของอัลวิน ม่านพลังเวทย์ปรากฏเป็นระลอกบนนั้นและปิดกั้นความเสียหายก่อนจะเกิดการระเบิด อัลวินถูกส่งลอยออกไปโดยคลื่นและกลิ้งไปหลายเมตร
ไม่ไกลนัก คนแคระเดินมาพร้อมแว่นตาคู่หนึ่ง เขาสวมชุดจักรกลสีเทาและถือปืนใหญ่ขนาดเกือบเท่าตัวไว้ การออกแบบปืนใหญ่ซับซ้อน มีปากกระบอกปืนหนา นอกจากปืนใหญ่หลัก ยังมีปืนใหญ่ย่อยอีกหลายกระบอก เห็นได้ชัดว่าเป็นอาวุธปืนอเนกประสงค์
คนๆนี้คือเชอร์แมน กล่าวกันว่าเขามีสายเลือดของคนแคระและเป็นผู้ใช้ปืนใหญ่
“ฉันมีเครื่องรางป้องกันเหลืออีกแค่สามอัน และก็ไม่อาจหนีไปได้ไกล หากกําลังเสริมมาไม่ถึง ฉันจะต้องเสร็จแน่ พวกดาราทมิฬย่อมไม่แสดงความเมตตา..”ใบหน้าของอัลวินดํามืด เขารู้ว่าเรื่องรักไม่สวย
เชอร์แมนยังไร้อารมณ์ และก็เล็งปืนใหญ่ใส่อัลวิน ผู้พยายามคลานขึ้นอย่าขยับ เว้นแต่แกจะไม่อยากมีขาอีกต่อไป”
ก่อนเขาจะพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงเรียกจาด้านบน เมื่อมอง เขาก็เห็นบางคนกําลังพุ่งผ่านช่องว่างอาคาร สวมชุดจักรกลเหมือนเกราะอัศวิน ผ้าคลุมขาวบนไหล่เขากระพือตามลม และก็เข้าหาเชอร์แมนด้วยความเร็วสูง ด้วยดาบผ่ายานรบที่ยาวหลายเมตร มันจึงเป็นเฮอลัสเท่านั้น
เชอร์แมนไม่พูดอะไรและยกปืนยิ่ง
บูม บูม บูม!
บอลแสงระเบิดใส่เขา ตาของเฮอลัสหแคบและก็ผ่าบอลแสงก่อนจะถึงตัวเขา
หลังพุ่งผ่านบอลแสง เฮอลัสก็สับดาบเขาลงใส่หัวของเชอร์แมนทันทีก่อนจะถึงพื้น แต่ทว่า เชอร์แมนกลับเล็งเห็นการโจมตีนี้อยู่แล้วและหลบมัน
บูม!
การโจมตีนี้ใส่พื้น และเกิดเป็นคูยาวที่สร้างขึ้นด้วยเปลวไฟสีเงินเหมือนลาวา รอยแตกบนพื้นขยายไปหลายสิบเมตร
“กําลังเสริม?”เชอร์แมนถูกส่งออกไปโดยคลื่นกระแทกและคุกเข่ากับพื้น เมื่อเลียปาก เขาสามารถได้รสเหล็กของเลือด และจิตสังหารเขาก็ระเบิดออกมา
ในเวลานั้น ทหารรับจ้างทั้งหมดยังปรากฏและล้อมอัลวินไว้เพื่อปกป้อง ในที่สุดอัลวินก็ถอนหายใจโล่งอก
กําลังเสริมมาแล้ว
ทหารรับจ้างกว่าร้อยจ้องเขาอย่างดุดัน แต่เชอร์แมนไม่กังวลเลย เขาชี้นิ้วใส่เฮอลัส ผู้ทําให้เขาต้องเสียท่า และชี้นิ้วใส่หัวเขาเหมือนปืนก่อนกําลังยิง” เห็นได้ชัดว่าเขาหมายตาเฮอลัสแล้ว
วินาทีต่อมา สมาชิกดาราทมิฬก็มาถึงเช่นกัน พวกเขาไม่เสียจํานวนเลยและยังมีพวกระดับสูงมากกว่า อานูเดินออกมาและกล่าว“ชาวโกโดร่า ไม่ต้องปิดซ่อนตัวออก แกไม่อาจรอดพ้นสัมผัสฉันได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น นากาคินก็เดินออกมาและยอดฝีมือทั้งสองก็จ้องหน้ากัน สีหน้าของนากาคินดูมืดหม่นอีกคนอยู่ไหน?”
อานไม่ตอบ และสายตาเขาก็กวาดผ่านทหารรับจ้าง นับจํานวน เขาเริ่มขมวดคิ้ว เกือบทุกคนอยู่นี่ และค่ายศัตรูก็ควรว่าง เขารู้ว่าเอ็มเบอร์ย่อมกลับมามือเปล่า แต่ทว่า นั่นไม่สําคัญ เอ็มเบอร์คงใช้เวลาไม่มากเพื่อกลับมา และพวกเขาก็สามารถตัดเส้นทางล่าถอยได้ทั้งหมด
เนื่องจากพวกเขาเป็นศัตรู มันจึงไม่มีฝ่ายใดพูดถึงแผนการพวกเขา มองหน้ากันโดยไม่พูด สถานการณ์ตึงเครียดมาก
ด้วยการออกคําสั่ง การสังหารจึงเริ่มขึ้น!
ร่างของอานุพองตัว และเขาก็เปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ในชั่วพริบตา ร่างเขาสูง4-5เมตรมีหัวกลับด้านเป็นรูปสามเหลี่ยม ร่างเขาเป็นอสูรรูปร่างเพรียวบางและมีรูเล็กๆทั่วตัว รูเหล่านั้นคือกุญแจสําคัญในการควบคุมแรงดันลม หางยาวไปตามร่างกายส่วนหลังและแขนขาเขาก็เปลี่ยนเป็นกรงเล็บทรงพลัง มีกระดูกแปลกๆแปดชิ้นคล้ายหูสุนัขบนหลังเขา แต่นั้นคืออวัยวะพิเศษเช่นเดียวกับหลอกเพื่อให้ยิ่งอากาศออกมา มันยื่นออกจากกระดูกซี่โครงของอานู และช่วยให้ปล่อยก๊าซแรงดันสูงหมุนวนระหว่างภายในตัวเขาและบรรยากาศภายนอก มันยังรับประกันความสมดุลของแรงดดันภายในและภายนอกร่างเพื่อป้องกันร่างกายภายใต้ความเร็วสูง
นี่คือหน้าตาของอานหลังแปลงร่าง ฉายาเขาคือปีศาจลม และเขาก็มีความสามารถพิเศษในการควบคุมกระแสอากาศ
ปัง!
หลอดทั้งแปดของอานูพ่นก๊าซแรงดันสูงออกมา และเขาก็เร่งความเร็ว ในชั่วพริบตา เขาก็พุ่งข้ามระยะทางหลายร้อยเมตรและปะทกับนากาคิน
ด้วยเอาตัวเป็นศูนย์กลาง ซ้ายและขวาเขาคือปืนใหญ่แรงดันลมไร้รูปร่าง อากาศอ่อนโยนมักถูกแปรสภาพให้เป็นคลื่นกระแทกที่ทรงพลังและทําลายทุกสิ่งตรงหน้า
บูม!
ที่ใดก็ตามที่ปืนใหญ่แรงดันลมยิงผ่าน พื้นจะแตกและหน้าต่างอาคารข้างๆก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกคนต่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะหายใจราวกับพวกเขาอยู่ใจกลางพายุ
นากาคินบุกทะลวงฝ่ากําแพงลมและหมัดเขาก็ทุบใส่ร่างอานูเด็มแรง เพลิงสีทองเขาปะทะกับแรงดันลมไร้รูปร่างและทั้งคู่ก็ถูกส่งแยกไปคนละทิศทาง พื้นที่ที่พวกเขาตกกระแทกจะเกิดเป็นหลุมกว้าง
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ร่างของอานูก็หายไปแล้ว และมีเพียงลมแรงที่ทิ้งไว้ด้านหลัง นากาคนเคยเห็นความสามารถนี้มาก่อน รูเล็กบนร่างของอานูจะควบคุมอากาศรอบตัวเขาเพื่อปกปิดร่างกายเขาเหมือนเกราะ จากนั้นเขาก็จะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อดูดซับรังสีแสงและร่างเขาก็จะไม่สะท้อนแสงอีกต่อไป เช่นนั้น ร่างของอานูจึงไม่อาจมองเห็นได้
สองภัยพิบัติต้องยับยั้งกัน หากไม่ คนอื่นจะตกอยู่ในอันตราย การดวลเกี่ยวกับอานูบังคับให้นากาคนต้องทุ่ม พลังทั้งหมด หากมีอีกหนึ่งภัยพิบัติ เขาคงตายอย่างแน่นอน
แบล็คสตาร์กล่าวว่าศัตรูจะแยกกองกําลังตน หนึ่งในภัยพิบัติอาจแยกกัน แบล็คสตาร์เลือกอยู่ด้านหลังเพื่อยับยั้งศัตรู หากเราสามารถถ่วงบุคคลระดับภัยพิบัติได้ เราก็จะช่วยอัลวินได้
แต่ทว่า เขาก็คือยอดมนุษย์ระดับB และตัวตนระดับภัยพิบัติก็อันตรายเกินไปสําหรับเขา เขาจะทําได้จริงๆงั้นหรอ?
นากาคนกังวล
ในเวลาเดียวกันนั้น เอ็มเบอร์ก็ได้เดินเข้ามาในฐานของทหารรับจ้างและเตรียมปล่อยการสังหารหมู่ แต่ทว่าสถานที่กลับเต็มไปด้วยความมืด และไม่มีแม้แต่คนเดียว
“ทุกคนละทิ้งฐานและไปลงมือกับชาวโกโดร่านั่นหมด?ดูเหมือนว่าจะเสียเวลาเปล่า รีบกลับไปรวมกลุ่มกับอาจารย์ดีกว่า”
เอ็มเบอร์ไร้อารมณ์ เพียงเมื่อเขากําลังจะหมุนตัวออกไป แสงในฐานก็สว่างขึ้น
“อย่าเพิ่งไปสิ ฉันรอแกมานานแล้ว”
ดวงตาของเอ็มเบอร์หรี่แคบ
ฉันรู้จักเสียงนี้
เขาเงยหน้าขึ้นมองและมองกล้องตรงมุม
“แบล็คสตาร์?”
“เอ็มเบอร์ นี่คือชื่อที่ดาราทมิฬมอบให้แก แต่ไม่ใช่ชื่อจริง เมื่อแกยังเด็ก แกถูกดาราทมิฬเก็บมาเลี้ยง พวกเขาสนใจในพรสวรรค์แก และก็ปฏิบัติกับแกเหมือนอาวุธ บังคับให้แกฝึกฝนอย่างเข้มงวด แกไม่ใช่ชาวโกโดร่า แต่ถูกล้างสมองให้เกลียดชังทุกฝ่าย ดาราทมิฬิดูแลความภักดีแก แต่แกก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเครื่องมือใน สายตาพวกมัน ความเชื่อของแกไม่มีค่าเพราะนั่นไม่ใช่ความคิดจริงๆของแก”
หานเซียวเล่าเรื่องช้าๆ เพราะข้อมูลจากชีวิตก่อนหน้าเขา เขาเข้าใจเรื่องราวชีวิตเอ็มเบอร์ดี แม้เขาจะฆ่าคนไปมาก แต่เขาก็น่าสงสารมากเช่นกัน
หากเขาไม่ถูกดาราทมิฬเลี้ยงแต่ใช้ชีวิตปกติ เขาคงไม่กลายเป็นเอ็มเบอร์คนนั้น เขาอาจมีชื่อของตนและไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนอาวุธและเครื่องมือ
เอ็มเบอร์กําหมัดแน่นก่อนจะค่อยๆคลาย เขาไม่มีเจตนาจะเกี่ยงหานเซียว“ทหารรับจ้างทั้งหมดออกไปไม่เหลือ?ทําไมแกถึงถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว?”
“ก็เพื่อรอแกนะสิ”
ดึง
ประตูเหล็กเปิด และหานเซียวก็เดินออกมา
ดาราทมิฬได้ส่งตัวตนระดับภัยพิบดิมาถึงสอง และหานเซียวก็เดาว่าพวกเขาจะพยายามใช้ข้อได้เปรียบอย่างเต็มที่ โดยการส่งหนึ่งในนั้นออกมาล่าพัง ในระดับยุทธศาสตร์ สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขามีความคล่องตัวขึ้น ต้องขอบคุณ เขาเดาถูกและมีภัยพิบัติคนหนึ่งถูกส่งออกมาจริงๆ
ในช่วงการรับสมัคร หานเซียวรู้ว่าเขาไม่อาจซ่อนการรับสมัครจากดาราทมิฬได้ หากศัตรูอยากมาค่ายตนลําพัง คนที่เป็นไปได้สุดก็น่าจะเป็นเอ็มเบอร์เพราะความสามารถเขาเหมาะกับการต่อสู้เป็นกลุ่มสุด สิ่งชีวิตธาตุคาร์บอนทั้งหมดที่อ่อนแอกว่าเขาจะตายทันที เช่นนั้น หานเซียวจึงให้ทหารรับจ้างส่วนใหญ่คอยช่วยนากาคิน
มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถยับยั้งเอ็มเบอร์ได้ ยิ่งยับยั้งได้นาน โอกาสที่นากาคินจะช่วยอัลวินได้ก็ยิ่งสูง
หากเขาอยากสู้แบบลากถ่วง หานเซี่ยวก็มั่นใจมาก
“รอฉัน?”สีหน้าเอ็มเบอร์แปลกไป“แกอยากรับมือกับฉันเพียงลําพัง?”
“ไม่เชิง หานเซียวยักไหล่ ข้างเขา แสงพลันกระพริบ และอโรเชียก็ลอยข้างเขา นอกจากเธอ ยังมีทหารรับจ้างไร้ประโยชน์อีกบ้างในห้องเฝ้าระวัง คอยนั่งมองหน้าจอ
หานเซียวทิ้งพวกเขาไว้ด้านหลังอย่างตั้งใจ และภารกิจพวกเขาก็คือการจุดระเบิดรอบๆอาคารเพื่อกักขังเอ็มเบอร์ไว้ ในเวลานั้น ฝ่ามือพวกเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ และลมหายใจพวกเขาก็หอบหนัก ความกังวลเขียนอยู่ทั่วใบหน้า
มันเข้าใจได้ที่พวกเขาจะประหม่า ท้ายที่สุด เงาร่างในภาพวงจรปิดคือภัยพิบัติ หากพวกเขายืนอยู่ในตําแหน่งเดียวกับหานเซียว พวกเขาอาจไม่สามารถยืนได้ตัวตรงและพูดคล่องแคล่วแบบหานเซียว
วินาทีที่ศัตรูลงมือ แบล็คสตาร์จะตกอยู่ในอันตราย
หากแบล็คสตาร์ตาย เราก็ไม่อาจได้รับประโยชน์จากความสัมพันธ์เขา
เอ็มเบอร์ยกนิ้วเขาขึ้นและพบว่าไม่มีปฏิกิริยาจากอโรเชียตอนเขาใช้ความสามารถเอสเปอร์ จากนั้นก็ส่ายหัว“งั้นไพ่ตายกแกก็คือสิ่งมีชีวิตพลังงาน แกคิดว่าแกจะสามารถหยุดฉันได้งั้นหรอ?”
หานเซียวหยิบบอลบีบอัดขึ้นมาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม”ครั้งก่อนเรายังตัดสินผู้แพ้ชนะไม่ได้เลย แกไปเอา ความมั่นใจมากจากไหน?”
เมื่อเอ็มเบอร์ได้ยิน เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาได้เข้าสู่ขั้นถัดไปแล้วและไม่เหมือนเมื่อก่อน เขาไม่เข้าใจว่า หานเซียวไปเอาความมั่นใจมาจากไหน หานเซียวคิดว่าเขาจะยังเป็นเหมือนเดิม?
“แกประเมินตัวเองสูงไป” น้ําเสียงเอ็มเบอร์เย็นชา ต่อให้คนอื่นจะไม่อยู่ แต่การได้ฆ่าแกก็ดีถมไปแล้ว ฉันจะสามารถเติมเต็มความปราถนาเล็กๆจากอดีตได้ มันไม่สายเกินไปที่จะไปสมทบกับคนอื่นหลังกําจัดแก”
เสียงเม็ดทรายถูกันดังขึ้น แต่ทว่า เสียงกรอบแกรบนี้กลับเปลี่ยนเป็นเสียงคลื่นอย่างรวดเร็ว รอบตัวเอ็มเบอร์ อะคอมคาร์บอนนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นเมฆดําลึกลับที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ช่วงความสามารถของเอ็มเบอร์มากกว่าเดิม และเขาก็สามารถควบคุมได้ง่ายกว่าก่อนหน้า อะตอมคาร์บอน นับไม่ถ้วนติดอยู่กับผิวเสื้อผ้าเขา และมันก็เหมือนอาวุธที่เขาสามารถนําติดตัวได้ เขาไม่กลัวการต่อสู้ในที่ที่ได้ซึ่งคาร์บอน
“นี่คือพลังของภัยพิบัติ…”เสียงทหารรับจ้างดูกระวนกระวาย พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ล้นออกจากจอและขาพวกเขาก็อ่อนยวบ
แต่วินาทีต่อมา พวกเขาก็เห็นร่างของหานเซียวสันและประกายไฟฟ้าก็ยิ่งออกมาทุกทิศทาง มันเชื่อมต่อกับ เพดาน พื้น และบอลบีบอัดในทุกมุม ด้วยเขาเป็นศูนย์กลาง เขาดูเหมือนจะกลายเป็นใยไฟฟ้า!
เปรี้ย เปรี้ย!
วันทีต่อมา เครื่องจักรนับร้อยก็ทํางาน ทําให้ภาพฉากนี้ดูน่าทิ้งอย่างมาก!
บอลบีบอัดเหล่านี้ถูกตั้งไว้ก่อนการต่อสู้!
ทั่วฐานคือกับดักที่เขาวางไว้