The Legendary Mechanic - ตอนที่ 496 ศึกแห่งนอเรียส 2
ตอนที่ 496 ศึกแห่งนอเรียส 2
ปัง ปัง ปัง…
“อย่าแกแน่จริงก็อย่าหลบ!”เชอร์แมนร้องออกมา เขายกปืนใหญ่ขึ้น ยิ่งบอลแสงอีกลูก บอลแสงเจาะผ่านกำแพงอาคารและมันก็ไล่เฮอลัสไปอย่างเกรี้ยวกราด
“หากแกแน่จริงก็หยุดยิงสิ!”
เฮอลัสลากดาบออกมาและด้วยการใช้อาคารเป็นสิ่งก่าบัง เขาจึงหลบการโจมตีของเชอร์แมนได้ ด้วยการใชสนามรบซับซ้อน เขาจึงหลอกล่อเชอร์แมนได้
ทันทีที่การต่อสู้ปะทุขึ้น เชอร์แมนก็เลือกเฮอลัสเป็นคู่ต่อสู้ทันที เขายังจําได้ว่าทหารรับจ้างผู้นี้คือคนที่ทําให้เขาบาดเจ็บและเสียแผน
การต่อสู้แสนวุ่นวายระหว่างดาราทมิฬและทหารรับจ้างก่อให้เกิดการต่อสู้ขนาดเล็กจํานวนมากระจายทั่ว เสียงของการฆ่า ระเบิดและยิงได้ยินทั่ว และการต่อสู้ระหว่างพวกพิเศษก็ทําให้เกิดความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ เปลวไฟลุกไหม้อยู่ทั่ว
เฮอลัสถูกยิงด้วยปืนใหญ่ของเชอร์แมนหลายครั้ง การโจมตีของคนแคระทรงพลังมาก และการรับการโจมตีเหล่านั้นก็ไม่ดีเลย ชุดแสงกระจายเขาเสียหายหลายจุด และยิ่งพวกเขาวิ่ง พวกเขาก็จะยิ่งไกลออกไปจากสนามรบหลัก
ศัตรูคือนักรบดาราทมิฬชั้นสูงและยังเป็นตัวตนระดับB เฮอลัสไม่มีทางเลือกนอกจากทุ่มเทความสนใจ ไม่อาจแบ่งเวลาไปให้อย่างอื่น เขารู้ว่าคนอื่นก็เจอกันศัตรูที่ทรงพลังเช่นกัน วิลแซนเดอร์กําลังปะทะกับฟอร์ซิท และยังออกจากสนามรบหลักไปสามพี่น้องโวลก้ร่วมมือกันและพัวพันกับนักรบดาราทมิฬ
เฟย์ดินควรซ่อนตัวอยู่กับซิลเวีย แต่สนามรบกระจายวงกว้างมาก เฮอลัสกังวลว่าทั้งคู่จะไม่มีที่ซ่อน
ฟิ้ว!
ลำแสงพุ่งผ่านไหล่เขาและระเบิดอาคารหลังเขาแหลกเป็นจุล เฮอลัสก่นด่าและรีบหลบการโจมตี
ในเวลานั้น ลมแรงระเบิดมาและเฮอลัสก็ไม่อาจต้านทานได้ เขาถูกระเบิดด้วยลมแรงและกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร จากหางตาเขา เขาเห็นอีกร่างที่กําลังถูกระเบิดมา เชอร์แมนเองก็ไม่ได้รับการงดเว้น
เมื่อเงยหน้ามอง เขาก็เห็นปีศาจลมอานูกําลังบินวนบนท้องฟ้า สร้างเป็นพายุขนาดเล็กที่ปกคลุมรัศมีหนึ่งตารางกิโลเมตร ทุกที่ที่เขาบินผ่าน อาคารและถนนจะสับสนวุ่นวาย
อาคารสูงที่เดิมที่ปิดกั้นมุมมองถูกระเบิด วิสัยทัศน์พวกเขากว้างกว่าเดิม และก็ยังเห็นนากาคินและแบล็คสตาร์กําลังสู้กับอานูบนท้องฟ้า แต่ทว่า เพราะความเร็วของอานู ทั้งสองจึงทําอะไรเขาแทบไม่ได้
ปัง!
ปืนใหญ่แรงลมส่งแบล็คสตาร์ลอยออกไป
เฮอลัสคว้าอาวุธเขาแน่นและพุ่งใส่เชอร์แมน แม้เขาจะอยากไปช่วยหานเซี่ยว เขาก็ต้องกําจัดเชอร์แมนก่อน
“อ้าก!หลังฉัน!”
หานเซี่ยวบินออกมาจากรูใหญ่ในอาคารและสูดอากาศเย็น
เกราะเขาได้รับความเสียหายหนัก และสถานการณ์การต่อสู้ก็แสดงบนหน้าต่างสถานะเขา ปัจจุบันการต่อสู้ ระหว่างสองฝ่ายรุนแรงมาก แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากให้ความสนใจกับอานู เมื่อมองปีศาจลมผู้บินโฉบไปมา หานเซี่ยวก็รู้สึกปวดหัว
“เขามีประสบการณ์สูงมาก ความสามารถเขาช่างลําบากจริงๆ และการไม่อาจไล่ทันเขาได้ก็ทําให้เราเสียเปรียบมาก”
สีหน้าหานเซี่ยวดํามืด ในภารกิจระดับA[พันธมิตรแห่งโกโดร่า] มีข้อกําหนดอยู่มากและส่วนใหญ่ก็คือการฆ่าหรือจับสมาชิกดาราทมิฬหรือยานรบ ข้อกําหนดเหล่านี้ต้องมีปริมาณแน่นอน มีข้อกําหนดอื่นที่มีรางวัลสูง เช่นบุคคลสําคัญของดาราทมิฬ อานูคือหนึ่งในเป้าหมายนั้น
ขนาดของรางวัลเป็นวิธีที่ดีในการประเมินความยากของภารกิจ รางวัลการกําจัดอานนั้นสูงเป็นอันดับหกของ ข้อกำหนดอื่น นี่คือตัวบ่งชี้ถึงพลังของอานู
วิธีสู้ปกติของฉันส่วนใหญ่ไร้ประโยชน์ ความเร็วเขาสูงเกินไปและยังหายตัวได้ด้วย มันยากมากที่อาวุธฉันจะโจมตีโดนเขาและเขาก็ไม่ต้องสัมผัสเราด้วยซ้ํา ตราบเท่าที่เขาบินวน แรงลมก็จะโจมตีเราได้
นอกจากนี้ เขาสามารถควบคุมแรงดันลมเป็นโล่ และการป้องกันเขาก็ไม่อ่อนด้อยเลย นากาคินไม่อาจสู้กับเขาได้ในแง่ของความเร็วบนท้องฟ้า ต่อให้หมัดและระเบิดคลื่นของนากาคนจะทรงพลัง มันก็ไร้ประโยชน์หากไม่โดน เขาจะจบลงด้วยการถูกเย้าหยอก
หานเซี่ยววิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นพลางยิ่งอาวุธไป ความสามารถของอานูรอบด้านและด้วยทักษะทั้งหมดของเขา มีน้อยมากที่จะจัดการกับอานูได้ อันที่ทรงพลังสุดย่อมเป็นบัตรอัญเชิญตัวละครของเอเมส การหยุดอานูไว้สิบวินาที่ย่อมร้ายแรงกับศัตรูที่พึ่งพาความเร็วมาก แต่ทว่า บัตรอัญเชิญตัวละครสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวและก็ล่าค่ามาก ต่อให้เขาอยากใช้มัน หานเซี่ยวก็อยากรอโอกาสที่ดีกว่า
บางทีบัตรอัญเชิญตัวละครของเฉินซึ่งอาจใช้ได้…อาจล่อลวงศัตรูหรือบางอย่าง
ในท้องฟ้า แม้จะเจอหมัดของนากาคิน อานูก็ยังสังเกตศัตรูเช่นกัน
งั้น นี่ก็คือแบล็คสตาร์…
อานศึกษาหานเซี่ยวอย่างระมัดระวัง นี่คือครั้งแรกที่เขาเจอกับหานเซี่ยว ในอดีต เขาแค่เข้าใจหานเซี่ยวจากข้อมูลและคําอธิบายของเอ็มเบอร์ อานูอยากรู้เกี่ยวกับคนที่สามารถทําให้เอ็มเบอร์พ่ายแพ้มาก
เขาไม่เข้าใจว่าทําไมเอ็มเบอร์ถึงมักเสียท่าให้กับแบล็คสตาร์ มันราวกับว่าแบล็คสตาร์คือตัวซวยของเขา
องค์กรได้ดูแลเอ็มเบอร์เพื่อให้เขากลายเป็นคนสําคัญ ความสามารถของเอ็มเบอร์เติบโตเร็วมากแถมยังสังหารคนกลุ่มใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว นี่คืออาวุธสําคัญของพวกเขาในการกวาดโกโดร่าเลือดบริสุทธิ์ อาวุธไม่ควรทํางานผิดพลาด
เมื่อดาราทมิฬพบพรสวรรค์ของเอ็มเบอร์ พวกเขาก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนให้เขาเป็นอาวุธสังหารที่เป็นของดาราทมิฬ!
การยอมให้หานเซี่ยวมีชีวิตอยู่จะส่งผลต่อสภาวะจิตใจของเอ็มเบอร์และผลประโยชน์ของดาราทมิฬ ตอนนี้เขามีโอกาสแล้ว อานูรู้สึกว่าเขาควรกําจัดแบล็คสตาร์เพื่อให้เอ็มเบอร์เล็กหมกมุ่นกับทหารรับจ้างผู้นี้
“ในเมื่อลูกศิษย์ที่ไร้ประโยชน์ของฉันไม่อาจกําจัดแกได้ งั้นฉันก็จะจัดการแกเอง”อานูพิมพ์
ครืนน!
ทันใดนั้น พื้นก็เริ่มสั่น
ในสภาพแวดล้อมไม่กี่กิโลเมตร พื้นเมืองเริ่มแตกและฐานจักรกลใต้เมืองก็เผยขึ้นมา อาคารทั้งหมดถูกดึงหดกลับลงใต้ดิน และเสาจักรกลสูงยี่สิบเมตรก็ผุดขึ้นและล้อมสนามรบไว้
ฮึ่ม!
เสากลไกเหล่านั้นเปล่งแสงพร้อมกันและม่านพลังสีฟ้าก็ก่อตัวขึ้น มันเหมือนชามคว่าและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง20กิโลเมตร มันแยกสนามรบออกจากภูมิภาคอื่นของเมือง
ทุกเมืองจะติดตั้งสิ่งอํานวยความสะดวกมากมายไว้ใต้ดิน และนี่คือม่านพลังนอเรียสได้ทําเพื่อลดความสูญเสียและจํากัดขอบเขตการต่อสู้ไว้ พวกเขาอยากหยุดสนามรบจากการขยายตัวเพื่อปกป้องเมืองอื่น
การกระทํานี้เทียบเท่ากับการละทิ้งภูมิภาคของเมืองนั้น แต่เทียบกับการเสียทั้งเมือง นี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด
หากมันเป็นคนธรรมดาที่สร้างปัญหา พวกเขาก็จะจับผู้กระทําผิดโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างภัยพิบัติไม่ได้หยุดง่ายๆ และนอเรียสก็ผู้พิทักษ์ระดับนั้นแค่คนเดียว นอกจากนี้ ผู้พิทักษ์ยังถูกจ้างด้วยเงินเดือนสูงลิบ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจหยุดการต่อสู้ได้เพียงลำพัง
การแทรกแซงการต่อสู้มีแต่จะเพิ่มความสูญเสีย และเบื้องหลังของตัวตนเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเมินเฉยได้
ช่วยโกโดร่า?แม้กลุ่มการเงินนอเรียสจะไม่กลัวดาราทมิฬ พวกเขาก็เป็นนักธุรกิจและไม่อยากอยู่ในรายชื่อขององค์กรที่น่ากลัว
ช่วยดาราทมิฬ?พวกเขาไม่มีทางทํา!
ดังนั้น เหล่าผู้บริหารจึงหมดหนทาง พวกเขาไม่ใช่นักการเมืองเป็นแค่ผู้จัดการดาวนี้ กําไรเป็นเป้าหมายเดียวของพวกเขา หากราคาของความสงบสูงเกินไป พวกเขาก็จะพิจารณาเฝ้าดูจากด้านข้างมันเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีตัวตนระดับภัยพิบัติมาสู้กับบนนอเรียส และนี่อาจเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่สุดที่ดาราทมิฬสร้างขึ้นในรอบสิบปี
เหล่าผู้บริหารรู้สึกว่าพวกเขาไม่ควรเข้าไปแทรกแซงเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง