The Legendary Mechanic - ตอนที่ 519 เกาะระฆังแห่งความตาย 1
ตอนที่ 519 เกาะระฆังแห่งความตาย 1
เกาะระฆังแห่งความตายเป็นฐานลับที่สร้างโดยหกประเทศและพวกเขาก็จัดการมันร่วมกัน พิกัดมันเป็นความลับ และสามารถเข้าได้แต่ออกไม่ได้ อาชญากรที่ถูกขังในนั้นเป็นอาชญากรพิเศษทุกคน บางคนเป็นศัตรูทางการเมือง บางคนเป็นผู้ทรยศชาติ และบางคนคือยอดมนุษย์ที่ทำผิดกฏหมาย แม้คนที่ถูกขังจะแตกต่างกัน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ คดีพวกเขาไม่ได้เรียบง่าย แลพวกเขาก็ต้องเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
โดยปราศจากความพิเศษพวกเขาย่อมไม่ถูกขังในนั้น
อาชญากรหลายคนในสถานที่นี้ได้ก่ออาชญากรรมมามากและเหตุผลเดียวที่หกประเทศเก็บชีวิตพวกเขาและขังไว้ในสถานที่ที่ถูกทอดทิ้งก็เพราะพรสวรรค์ของพวกเขาหกประเทศหวังจะบีบให้พวกเขากลับตัว
มันอาจเข้าใจได้ว่าเกาะระฆังแห่งความตายคือสถานที่ที่หกประเทศเก็บรักษาพรสวรรค์พวกเขาไว้สถานที่นั้นเต็มไปด้วยพรสวรรค์
อาชญากรส่วนหนึ่งได้ตกลงกับหกประเทศและใช้ตัวพวกเขาเพื่อแลกกับการปฏิบัติที่ดีขึ้นแต่ส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธและเยาะเย้ยผู้มาเจรจาทั้งหมดที่ถูกส่งมาโดยหกประเทศ พวกเขาโหดร้ายมาก แม้กระทั่งผู้คุมในเรือนจำก็ยังขลาดกลัว อาชญากรหลายคนยังถูกขังเดี่ยวในห้องมืดไร้ผู้คนเข้าใกล้
เมื่อวานนี้หกประเทศได้ขาดการติดต่อกับเกาะระฆังแห่งความตาย ด้วยทั่วดาวที่ประสบกับหายนะ หกประเทศยังไม่อาจปกป้องตัวเองได้ นับประสาอะไรกับเกาะระฆังแห่งความตาย
หกประเทศไม่รู้ว่าเกาะระฆังแห่งความตายก็เจอกับหายนะกลายพันธ์เช่นกันผู้คุมคุกเจ็บป่วยและโยนความรับผิดชอบทั้งหมดทิ้งไว้
มีผู้ดูแลนักโทษบางคนยังเปิดประตูเหล็กให้อาชญากรและคิดว่าตัวเองแค่ปล่อยสัตว์ร้ายหลุดออกมา
…
แพละ!
เลือดมนุษย์ถูกพ่นไปตามทางเดินโลหะสีเทาและหลอดไฟขนาดใหญ่ตรงกลางห้องก็ถูกปกคลุมด้วยวเลือดจำนวนมาก ทำให้ทั่วทางเดินปกคลุมด้วยแสงสีแดงน่าขนลุก
ชายสูงสองเมตรโยนศพของผู้คุมที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วนลงบนพื้น
ชายคนนั้นเปลือยกายส่วนบนเผยให้เห็นมัดกล้ามแน่น เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการต่อสู้ เขาเป็นคนหัวล้าน พูดให้ถูก นักโทษชายทุกคนล้วนถูกจับโกนหัว
ชายร่างใหญ่สะบัดเลือดบนมือเขาทิ้งและเมื่อมองกลับไป ศพของผู้คุมนักสิบก็สามารถเห็นได้ตามพื้น ปลอกกระสุนสีทองนับร้อยกองอยู่เกลื่อนพื้นและยังมีปืนหลายกระบอกที่ถูกบดขยี้
นักโทษทั้งหมดล้วนถูกขังในห้องเดี่ยวและระยะห่างระหว่างแต่ละห้องก็หลายร้อยเมตร ปลายทั้งสองด้านของทางเดินเหล็กคือประตูเหล็กหนา และทุกห้องขังก็จะตั้งอยู่ในทางเดินปิดตาย
ไม่มีหน้าต่างสักบานในทางเดินและชายร่างใหญ่ก็พยายามทุบกำปั้นเขาใส่กำแพง แต่ก็ทำได้เพียงทิ้งรอยบุบเล็กน้อยไว้บนกำแพงเท่านั้น เขามีสองทางเลือดตรงหน้า เดินไปข้างหน้าหรือถอยหลัง
นับตั้งแต่เขาถูกขังในที่แห่งนี้เขาก็ไม่เคยออกจากห้องขังมาก่อนและไม่รู้ว่าควรเดินไปทางไหน เขาไม่สนใจเปลี่ยนเสื้อผ้าและมองกล้องตรงมุมของทางเดิน
“จู่ๆก็เปิดห้องขังฉันและยังไม่มีใครมาหยุดฉัน?มีร่องรอยของอันตรายในอากาศเกิดอะไรขึ้นกับสถานที่แห่งนี้กัน?”ชายร่างใหญ่พึมพำ
การถูกขังในเกาะระฆังแห่วความตายทำให้ไม่มีนักโทษคนใดเข้าถึงข้อมูลได้และย่อมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก
โดยไม่ลังเลชายร่างใหญ่ตัดสินใจเดินไปข้างหน้า หลังเดินไปหลายร้อยเมตร เขาก็ถูกหยุดโดยประตูหนา หลังรู้สึกถึงความหนาของประตู เขาก็สูดหายใจลึกและดึงหมัดขวาเขากลับมา
ด้วยกล้ามเนื้อที่ปูดโปนเขาทุบหมัดขนาดใหญ่ใส่ประตูอย่างแรง
บูม!บูม!บูม!
หลังกระแทกอยู่ยี่สิบกว่าหมัดหลุมลึกก็ถูกสร้างบนประตูเหล็ก และเมื่อชายผู้นี้กระแทกประตูด้วยไหล่ ประตูเหล็กนี้ก็แหลกและเปิดทางให้เขา
หลังเดินไปสั้นๆเขาก็เห็นห้องขังในทางเดินนี้ ตรงหน้าห้องขังคือศพของผู้คุม และนักโทษก็ได้หลบหนีออกจากห้องขังไปด้วย ไม่มีโอกาสที่ใครจะได้ทำความรู้จักกับนักโทษคนอื่น และชายร่างใหญ่ก็ไม่เว้น เขาไม่รู้ว่าใครคือ’เพื่อนบ้าน’เขา
เขาไม่คิดอะไรให้มากความและเดินไปข้างหน้าต่ออย่างรวดเร็ว เขาเห็นอีกประตูเหล็ก แต่ประตูนี้มีรูใหญ่อยู่แล้ว มันเห็นได้ชัดว่าถูกทำโดยเพื่อนบ้านเขา
ชายร่างใหญ่ไม่หยุดและเดินผ่านอีกหลายห้องขังมีบางห้องขังที่ไร้ศพ แต่ประตูทุกบานกลับเปิด เห็นได้ชัดว่าถูกเพื่อนบ้านเขาช่วยไปแน่ ประตูตามทางถูกทุบและเขาก็สามารถผ่านไปได้ง่ายๆ
อย่างรวดเร็วเขาเริ่มก้าวยาวเพื่อให้ไล่ทันคนข้างหน้า
หลังวิ่งไปสักพักและผ่านประตูทางเดินไร้สิ้นสุดก็สุดทาง และมีโถงขนาดใหญ่ตรงหน้าเขาแทน ในใจกลางโถงมีท่อโลหะทรงกระบอกสีดำเทาซึ่งเชื่อมต่อพื้นกับเพดาน นี่เป็นลิฟต์ที่ถูกรายล้อมไปด้วยนักโทษ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของชายร่างดำยำ พวกเขาต่างก็หันไปมอง
“คนโชคดีอีกคนคนที่หลบหนีมาด้วยตัวเอง”ชายวัยกลางคนเดินออกมาและสำรวจชายร่างโต”หากนายไม่ได้เป็นนักโทษที่ฉันพลาดระหว่างทาง นายก็ควรเป็นเพื่อนบ้านข้างๆฉัน ฉันไชเจค เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์กรต้นกำเนิด ถูกจับมา11ปีก่อน”
“สมาชิกองค์กรต้นกำเนิด?ไม่แปลกใจที่ถูกจับ”ชายร่างโตพยักหน้า”ฉันชื่อไทน์และถูกขังมา4ปีแล้ว เกิดอะไรขึ้นในคุก?ทำไมพวกเขาถึงปล่อยเรา?แถม ยังไม่มีใครมาหยุดเราด้วย”
“ฉันเองก็ไม่รู้แต่เนื่องจากไม่มีใครมาหยุดเรา นี่ก็เป็นโอกาสให้เราหลบหนี”ไชเจคชี้นักโทษด้านหลังเขา”พวกเขามีความสามารถหลากหลาย และยังมีคนที่รู้สภาพภูมิศาสตร์ของเกาะระฆังแห่งความตายด้วย พวกเขาสามารถนำเราออกไปจากที่นี่”
ชายร่างผอมคนหนึ่งเดินออกมาและชี้หัวเขา”ฉันเคยแฮ็คฐานข้อมูลลับของหกประเทศและเห็นพิมพ์เขียวของเกาะระฆังแห่งความตายถึงแม้จะแค่ไม่กี่วินาที ฉันก็จำได้ประมาณ60-70%และสามารถนำมาใช้ได้ตอนนี้ ฮึม นี่เป็นเหตุผลที่ฉันถูกจับ”
“ไม่ว่ายังไงเกาะระฆังแห่งความตายก็ไม่ใช่เกาะเล็กๆในทะเล และชื่อมันก็เข้าใจผิดมาก ตำหแน่งจริงมันอยู่ใต้เทือกเขา หกประเทศใช้ถ้ำใต้ดินธรรมชาติเพื่อสร้างคุกใต้ดินนี้ มีทั้งหมด13ชั้นและทุกชั้นก็มีทางเดินวงกลมพร้อมห้องขังมากมาย ด้านนอกห้องขังปกคลุมด้วยเหล็กและซีเมนต์หนา แม้กระทั่งนิวเคลียร์ก็ไม่สามารถระเบิดมันได้ ทางออกเดียวอยู่ที่ชั้นกลาง ไม่ใช่บนสุดหรือใต้สุด แถม ตำแหน่งมันถูกเร้นลับมาก และทางเดินใต้ดินก็ยาวมาก”
“เนื่องจากทุกคนอยากออกจากไปที่นี่ทำไมนายไม่มาร่วมมือกับเราละ?”ไชเจคแนะนำ
ไทน์พยักหน้า”แล้วแผนคืออะไร?”
“ผู้คุมไม่ตอบสนองต่อการหลบหนีของนักโทษจากชั้นเราและมันก็เป็นไปได้มากว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น หากนักโทษคนอื่นเองก็แหกคุกออกมาด้วย มันก็เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะขึ้นไปชั้นบน”ไชเจคยิ้ม”หลังถูกขังมาหลายปี มันก็ได้เวลาเอาคืนพวกผู้คุมบ้างแล้ว”
ไทน์ขมวดคิ้วแต่ไม่พูดสักคำ
ทุกคนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนและวินาทีที่ประตูลิฟต์เปิด กลิ่นเลือดรุนแรงก็ตีเข้าจมูกพวกเขา ลิฟต์รายล้อมไปด้วยศพของผู้คุม พัศดีเรือนจำคนเก่าของบริเวณนี้นอนไส้เปิดอยู่ตรงมุม ไส้เขาถูกดึงออกมามัดกับคอและก็ถูกรัดคอจนตายอย่างโหดเหี้ยม
อย่างไรก็ตามไชเจคและคนอื่นกลับไม่สะทกสะท้าน ไม่มีใครที่เป็นคนดีในหมู่นักโทษ และทุกคนต่างก็ไม่กลัวภาพโหดร้าย
นักโทษอีกกลุ่มที่เปื้อนเลือดกำลังรอลิฟต์อยู่พอดีเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ตรงหน้าเป็นฝีมือพวกเขา
“มีคนอื่นที่หลบหนีได้จริงๆด้วย?”นักโทษกลุ่มอื่นถูกนำโดยชายบิดเบี้ยว”ฮี่ๆพวกนายพลาดความสนุกไปเลย นอกจากเรา ไม่มีใครรอดชีวิตแล้ว”
ดวงตาของไชเจคหรี่แคบเขารู้ต้นกำเนิดของชายผู้นี้ ชายอัปลักษณ์คือยอดมนุษย์ที่โหดร้ายมาก เขาก่ออาชญากรรมมามากมาย แม้กระทั่งเขาก็ยังไม่กล้าตอแยชายตรงหน้าเขา”มาร่วมมือกันไหม?เรารู้วิธีหลบหนี?”
หลังคิดสักพักชายคนนั้นก็ตอบ”ฮึม ได้”
ทั้งสองกลุ่มตกลงกันอย่างรวดเร็วและเริ่มกวาดล้างคุกแต่ละชั้นและช่วยเหลือนักโทษคนอื่น
กลุ่มนักโทษค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นและกลุ่มพวกเขาก็มีมากหลายร้อยแล้ว ด้วยนักโทษทั้งหมดที่ถูกปล่อยตัว ทั่วคุกจึงเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเลือด
เดิมทีเกาะระฆังแห่งความตายมีกลไกป้องกันมากมาย และยังมีสวิตซ์ทำลายตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนี อย่างไรก็ตาม เมื่อนักโทษมาถึงห้องควบคุม พวกเขาก็ตระหนักว่าห้องควบคุมล้วนเละเทะ ผู้คุมที่รับผิดชอบการเฝ้าระวังกลับต่อสู้กัน และผู้คุมนับสิบก็ล้วนยิงกันเอง
ไม่แปลกใจที่ไม่มีใครมาหยุดพวกเขา
“ผู้คุมคุกขัดแย้งกันเอง?”
ทั้งหมดสงสัยและรู้สึกเหมือนกำลังฝัน
หลังถูกขังมานานพวกเขาก็ได้รับอิสรภาพกลับอย่างน่าแปลกใจ
ทำไมผู้คุมถึงสู้กันเอง?
เรื่องนี้แปลกมาก!
เนื่องจากการขาดข้อมูลผู้คุมจึงไม่รู้ถึงมหันตกลายพันธ์ มันเป็นเพราะผู้คุมหลายคนดันป่วยกระทันหัน พวกเขาจึงหนีออกมาได้สำเร็จ ไม่ว่าปราสาทจะแกร่งแค่ไหน มันก็ถูกทำลายได้ง่ายๆจากภายใน
หลังกำจัดผู้คุมทั้งหมดนักโทษหลายร้อยก็พักในห้องโถงใหญ่ของลิฟต์ จากนั้นพวกเขาถึงมีเวลาสำรวจกันและกัน
หลายคนเคยเป็นอาชญากรชื่อดังก้องโลกหลายคนเคยได้ยินชื่อเสียงของกันและกันและระวังต่อกัน
ไม่มีสักคนเดียวที่สามารถตอแยได้ง่ายๆ
ยังมีอาชญากรหน้าใหม่หลายคนที่ถูกจับไม่นานและดังนั้นคนอื่นจึงไม่รู้จักนักโทษส่วนใหญ่ถูกขังในเกาะระฆังแห่งความตายเป็นเวลาหลายปี 10-20ปีเป็นเรื่องธรรมดามาก พวกเขาถูกกีดกันจากโลกภายนอกมานานและไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก
ไทน์คือหนึ่งในพวกหน้าใหม่และไม่มีใครรู้จักต้นกำเนิดเขา
เพราะพวกเขาระวังกันนักโทษอารมณ์ร้อนหลายคนจึงต้องระงับตัวเอง ในสภาพแวดล้อมที่มีผู้แข็งแกร่งมากมาย แม้กระทั่งอาชญากรที่เย่อหยิ่งก็ยังลดหัวลง เหนือสิ่งอื่นใด แม้พวกเขาจะโหดร้าย พวกเขาก็ไม่โง่พอจะสร้างปัญหาให้ตัวเอง พวกเขาแค่ต้องการหนีไปจากคุกก่อนไปตามทางตัวเอง
หลังคลำไปรอบๆในที่สุดพวกเขาก็เจออุโมงค์ทางออก นี่คืออุโมงค์ที่ตัดผ่านเทือกเขาทั้งหมด
หลังเดินอยู่ประมาณสองชั่วโมงพวกเขาก็เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์และสามารถได้กลิ่นอากาศจากภายนอก
“เราออกมาแล้ว!”
ทั้งหมดยินดีมากและรีบวิ่งไปทางออก
พวกเขาอยู่ที่ขอบของเทือกเขาและทางออกก็เป็นถ้ำที่ดูไม่สำคัญยิ่ง สภาพแวดล้อมของถ้ำเต็มไปด้วยพืชหนาทึบ
ท้องฟ้าแจ่มใสและพวกเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ความรู้สึกของอิสรภาพเติมเต็มหัวใจพวกเขาและหลายคนก็สูดอากาศด้วยความโลภ พวกเขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่
ในที่สุดพวกเขาก็หลบหนีได้หลังถูกจองจำเป็นเวลานานและความโกรธและความทะเยอทะยานพวกเขาก็ระเบิดเหมือนภูเขาไฟ แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงในโลก แต่อาชญากรหลายคนก็กระตือรือร้นที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมและสร้างความโกลาหล
ทันใดนั้นเสียงประกาศก็ดังขึ้น
“บังเอิญจริงๆได้เจอกับพวกนายทุกคนหลังฉันมาถึงพอดี ฉันคิดว่าพวกนายคงหนีไปกันหมดแล้วซะอีก”
หานเซี่ยวยืนพิงต้นไม้พลางมองนักโทษ
นักโทษมองตามด้วยความระมัดระวังพวกเขารู้สึกว่าหานเซี่ยวเป็นคนแปลกหน้าและหลายคนก็ไม่รู้จักเขา
“แกเป็นใคร?”ชายอัปลักษณ์คำราม
“เรียกฉันว่าปีศาจทมิฬนั่นคือนามแฝงในอดีตของฉัน”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว
“ปีศาจทมิฬ?”ชายคนนั้นกล่าว”ฮึมแกกระโดดออกมาจากหลุมไหนกัน?ฉันไม่เคยได้ยินชื่อแกมาก่อน”
ปัง!
แสงสาดวูบ
วินาทีต่อมาทุกสิ่งที่เหนือกว่าคอของชายผู้นั้นก็ได้หายไปและศพไร้หัวก็ล้มลง
หานเซี่ยวชูนิ้วและขบวนปืนใหญ่ลอยก็วนรอบเขาเหมือนสัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟัง เมื่อเจอกับอาชญากรที่โหดเหี้ยม เขารู้สึกไม่ค่อยอยากพูดกับพวกเขาดีๆ
“ตอนนี้รู้จักหรือยัง?”