The Legendary Mechanic - ตอนที่ 536 การโจมตี 1
ตอนที่ 536 การโจมตี 1
ทวีปแอนเดรียครั้งหนึ่งเคยเป็นอาณาเขตขององค์กรต้นกำเนิด ถือเป็นผลพวงใหญ่ของสงครามยุคโบราณ การจู่โจมของหกประเทศยิ่งทำให้ดินแดนนี้เลวร้ายไปอีก ระดับรังสีพุ่งทะยานผ่านเส้นเตือน ดินแดนดำคล้ำ สภาพแวดล้อมรกร้าง และคนเร่รอ่นที่เคยอสซัยทั้งหมดก็ย้ายไปอีกสามทวีป แอนเดรียกลายเป็นสถานที่ต้องห้าม มีเพียงสัตว์กลายพันธ์ไม่กี่ตัวที่ยังคงอยู่รอดได้
ซากปรักหักพังขององค์กรต้นกำเนิดนอนอยู่บนทวีปฐานที่เคยยิ่งใหญ่กลับกลายเป็นกองดินดำไหม้เกรียม ฐานกลางหายไป ทิ้งไว้แค่หลุมดำ และฐานใต้ดินก็หายไปหมด ด้านข้างของวงกลมเป็นเส้นสีดำแผ่ออกไปหลายร้อยกิโล
เนื่องจากการแผ่รังสีนิวเคลียร์เข้มข้นมากเกินไปหกประเทศจึงส่งโดรนไปสำรวจซากหลังการระเบิด ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ และก็ไม่มีร่องรอยชีวิต ทุกคนตายภายใต้การถล่มของอาวุธนิวเคลียร์
เช่นนั้นหกประเทศจึงไม่คิดเสียทรัพยากรตัวเองเพื่อเก็บกวาด สองสามปีที่ผ่านมา ฐานเดิมขององค์กรต้นกำเนิดเต็มไปด้วยเถ้าและฝุ่น กระสุนเล็กหนาที่ถูกยิงในช่วงการระเบิดถูกกัดเซาะ กลิ่นอายความตายปกคลุมไปทั่ว
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีสัตว์กลายพันธ์หลายตัวที่ไม่รอดชีวิตเงาร่างยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังขององค์กรต้นกำเนิด แม้มันจะอธิบายได้ว่าเป็นเงาร่าง แต่จริงๆแล้วมันเป็นโครงกระดูกดำคล้ำ มันราวกับเนื้อเหล็กและเลือดของคนได้หลอมละลายไปแล้ว แต่โครงกระดูกกลับยังไม่เปลี่ยนเป็นผง แม้จะผ่านไปนาน มันก็ไม่สลายเป็นเถ้า มีเพียงร่างของยอดมนุษย์ที่แข็งได้แบบนี้ เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป
เห็ได้ชัดว่าสัญญาณชีพในศพนี้หายไปนานแล้วและฝุ่นเทาก็ลอยเข้าและออกจากเบ้าตา
มันคือศพที่ค่อยๆคืนชีพช้าๆท้ายที่สุดมันก็ค่อยๆคืบคลาน ขยับด้วยก้อนสารเมลามีนสีดำทิ่ดอยู่กับกระดูกสันหลังส่วนคอ มันยื่นหนวดคล้ายรากออกมา แนบแขนขาไปตามกระดูกราวกับมันคือผู้ชักใย ใช้ศพเป็นเหมือนหุ่นเชิด
สารวุ้นสีดำนี้เป็นแหล่งกลายพันธ์มันได้ผ่านวัยทารกมาแล้ว ตอนนี้มันสามารถไล่ตามพลังงานได้รวมถึงการสลับร่าง เมื่อมันข้ามผ่านภูเขาและลุยผ่านมหาสมุทรจนมาถึงทวีปแอนเดรีย มันก็ได้รับผลประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่มันยึดร่าง พลังงานที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีเยอะ แต่รังสีจำนวนมากยังเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศแก่มัน
ซากปรักหักพังขององค์กรต้นกำเนิดคือเขตมรณะร่างทั้งหมดก่อนหน้าของแหล่งกลายพันธ์กำลังจะตาย มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลากร่างปัจจุบันเดินทางมา โครงกระดูกที่มันกำลังควบคุมเป็นศพเดียวที่เหลือในนี้ นั่นก็คือผู้นำองค์กรต้นกำเนิด ในช่วงการระเบิด เพราะผู้นำอยู่ฐานใต้ดิน ชั้นต่างๆจึงเป็นตัวป้องกันเขาจากผลกระทบส่วนใหญ่ นอกจากพลังกายเขา กระดูกเขายังแข็งแกร่ง
ในระดับโมเลกุลรังสีนิวเคลียร์ในองค์กรต้นกำเนิดถูกแหล่งกลายพันธ์ดูดซับอย่างต่อเนื่อง ในระดับจุลภาค เราจะเห็นความเร็วของการแบ่งเซลล์ที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยเท่า และเซลล์ก็ผสานเข้ากับร่างกาย พัฒนาการควบคุม พลังงานได้รับการแปลงและสังเคราะห์อย่างต่อเนื่อง
ในอดีตไทน์ได้กลายเป็นพาหะของแหล่งกลาพยันธ์ตอนเขาหลบหนีจากคุก แต่ทว่า เพราะเขาถูกจับโดยหานเซี่ยวก่อน โดยปราศจากเครื่องมือที่ทรงพลังนี้ แหล่งกลายพันธ์จึงต้องเสียเวลาเดินทางไปมาก
อย่างไรก็ตามในอดีต มันไม่ได้มีแหล่งที่ยอดเยี่ยมอย่างเศษซากองค์กรต้นกำเนิด
โครงกระดูกค่อยๆโซเซไปมาเพื่อให้แหล่งกลายพันธ์ได้ดูดซับพลังงานให้ได้มากที่สุดระดับรังสีค่อยๆลดลงในระดับที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
…
กองยานของนากาปูลอยเคว้งอยู่ด้านหลังดาวเคราะห์แห้งแล้งระยะทางจากที่นั่นไปอความารีนสั้นมาก แค่การกระโดดระยะสั้นครั้งเดียวก็เกินไป นี่คือจุดที่ใกล้สุดที่สามารถเข้าสถานะซ่อนตัวได้ ยิ่งใกล้ ระบบซ่อนตัวก็จะไม่อาจปิดบังจากเรดาห์ของโกโดร่าได้
พื้นที่นี้คล้ายกับทะเลลึกเมื่อมองด้วยตาเปล่าจะเห็นแค่ความมืด มีเพียงการใช้กระแสน้ำถึงรู้ว่าศัตรูใกล้เข้ามา ยิ่งใกล้ ความปั่นป่วนของน้ำก็ยิ่งสูง แรงโน้มถ่วงไม่ต่างจากกระแสน้ำ ยิ่งใกล้ โหมดซ่อนตัวก็ยิ่งด้อยประสิทธิภาพ นี่ขึ้นอยู่กับความสามารถการตรวจจับของอุปกรณ์เรดาห์บนยาน
ในฐานะที่เป็นศัตรูกันมานานดาราทมิฬชัดเจนถึงความสามารถอุปกรณ์ทางทหารของโกโดร่าดี
ภายในของยานบัญชาการดูเร่งรีบทุกคนต่างรีบเพื่อเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับการโจมตี นากาปูกำลังยืนยันข้อมูลจากหน่วยสอดแนมที่ส่งออกไป
“จำนวนกองกำลังป้องกันบนอความารีนมีเท่าไร?”
“มียานรบโกโดร่าประจำอยู่นอกชั้นบรรยากาศ120ลำครับนี่คือกองยานขนาดกลาง มันควรเป็นกองกำลังที่ส่งมาจากฐานทหารหนาดบาน”
“มีข้อมูลจากกองกำลังซุ่มโจมตีไหม?”
“ครับพวกเขาบอกว่านอกจากกองยานคุ้มกัน ยังมียานรับส่งมากกว่าสิบลำของทีมช่วยเหลือโกโดร่า หัวหน้าทีมคือเจ้าหน้าที่อาวุโสของตำหนักสงคราม นากาคิน นักสู้ระดับภัยพิบัติ”
นากาปูยังไร้อารมณ์”ตัวตนระดับภัยพิบัตินี่แค่ปัญหาเล็กน้อย เราไม่ต้องมีทหารระดับสูงใดๆ เราสามารถต่อสู้ผ่านยานรบได้ โชคดี มันแค่นักสู้ มีข่าวใดอีกไหม?”
“นอกจากชาวโกโดร่ายังมีกองกำลังอื่นบนอความารีน กลุ่มทหารรับจ้างแบล็คสตาร์แห่งเกาะมังกรลอยฟ้า พวกเขามียานอวกาศกว่าสิบลำ”
“แบล็คสตาร์…”นากาปูยังไมไหวติง”พวกมันคือทหารรับจ้างที่ซุ่มโจมตีเราบนนอเรียสใช่ไหม?พวกมันเป็นกลุ่มตัวน่าลำคานดูเหมือนอความารีนจะพิเศษหน่อย ด้วยการป้องกันที่เหนือกว่าสองดาวก่อนหน้า นี่จะลำบากเล็กน้อย ใช้แผน4ซะ”
แม้หลังได้ยินชื่อแบล็คสตาร์นากาปูก็ไม่แปลกใจ สำหรับเขา มันแค่ศัตรูอีกกลุ่มที่ต้องจัดการ ไม่จำเป็นต้องเอะอะ
มันไม่ใช่ว่านากาปูกำลังดูถูกพวกเขาหลังคำนวณความแตกต่างของพลังรบระหว่างสองฝ่าย เขาก็ตัดสินใจดำเนินการโจมตี
กล่าวอีกนัยหนึ่งการเพิ่มขึ้นของกลุ่มทหารรับจ้างแบล็คสตาร์แค่ทำให้เขารู้สึกลำบากขึ้นเท่านั้น
…
“ดาราทมิฬอาจปรากฏได้ทุกเมื่อผมอยากให้พวกคุณคอยตรวจสอบไว้ เปิดตาให้กว้างไว้เสมอ!”
ในวงโคจรของดาวเคราะห์อความารีนผู้บัญชาการยานรบโกโดร่า บาเร็ตกำลังตะโกนเสียงดังผ่านช่องสื่อสาร เขาคือชาวโกโดร่าตัวเตี้ยที่อารมณ์ร้อน เสียงเขาดังเหมือนสายฟ้าฟาด
“ผู้บัญชาการบาเร็ตเรดาห์ได้พบเป้าหมายเราแล้วครับ กองยานกำลังเข้าใกล้เราด้วยความเร็วสูง..พวกมันหยุดแล้วครับ!พิกัดคือC-02-07!”
บาเร็ตจ้องหน้าจอทันทีเมือ่เห็นจุดนับร้อย นี่ย่อมเป็นกองยานดาราทมิฬ จากนั้นเขาก็มองออกนอกหน้าต่าง แต่ไม่มีสัญญาณของกองกำลังดาราทมิฬเลย ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดอย่างรวดเร็ว เข้ามาสุดขอบเขตปืนใหญ่ของสองฝ่าย
ฮูม!
ในเวลานั้นสัญญาณเตือนภัยในห้องบัญชาการพลันดังขึ้น แสงสีแดงกระพริบไปทั่ว
“คำเตือน!ตรวจพบกลุ่มพลังงานกำลังใกล้เข้ามา!”
นอกช่องหน้าต่างความมืดของจักรวาลพลันสว่างขึ้นด้วยลำแสงสีเขียวนับพัน
กองยานของนากาปูกำลังเปิดฉากโจมตี!