The Legendary Mechanic - ตอนที่ 544 ระยะสอง
ตอนที่ 544 ระยะสอง
ไม่กี่วันต่อมา….
“อ่า…”โวลก้าคนโตหาวและเล่นไพ่ตามเดิมจากนั้นก็มองเฮอลัสและถาม”โอ้ย เราจะอยู่บนดาวล้าหลังไปอีกนานแค่ไหน?”
ในเวลานี้กลุ่มทหารรับจ้างกำลังเล่นไพ่และคุยกันในโถงใหญ่ เมื่อได้ยินคำถาม พวกเขาก็หันมามองเฮอลัส
“เราสามารถออกดาวนี้ได้หลังจัดการกับปัญหาบนดาวนี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันสามารถควบคุมได้”เฮอลัสส่ายหัว
จากนั้นทุกคนก็มองไปทางโรงงานทหารนอกหน้าต่างนั่นคือห้องดัดแปลงเครื่องจักรของหานเซี่ยว เวลานี้ หานเซี่ยวกำลังซ่อมยานจู่โจมที่พวกเขาเพิ่งได้รับ
ทหารรับจ้างได้อยู่บนอความารีนมานานกว่าเดือนแล้วนอกจากการเลือกผู้เล่นใหม่ พวกเขาไม่มีอะไรให้ทำและทั้งหมดก็เบื่อมาก
พวกเขาพบว่าความบันเทิงบนอความารีนนั้นน่าเบื่อมากนอกจากการเล่นไพ่ หลายคนรู้สึกราวกับร่างกายพวกเขากำลังขึ้นสนิม หากภารกิจปัจจุบันพวกเขามีรางวัล บางทีส่วนใหญ่คงยังสามารถทนกับความเบื่อหน่ายนี้ได้ แต่ทว่า นี่คือคำสั่งของแบล็คสตาร์ และพวกเขาก็จำต้องฟังคำสั่งเขา
หลังซุ่มโจมตีล้มเหลวดาราทมิฬก็ไม่ส่งใครไปอความารีนอีกราวกับว่าพวกเขาระวังความแข็งแกร่งของแบล็คสตาร์และกองยานโกโดร่า แต่บางครั้ง ข่าวดาวหายนะอื่นถูกซุ่มโจมตีก็ได้ยินบ้าง
เมื่อโกโดร่าส่งกำลังเสริมไปดาวหายนะอื่นเพิ่มการซุ่มโจมตีของดาราทมิฬก็ไร้ผล เหมือนกับอความารีน ที่ยานเกือบสามร้อยลำกำลังรอรับคำสั่งอยู่นอกชั้นบรรยากาศอความารีน และนี่ก็เหมือนกับดาวหายนะอื่น แต่ทว่า ขนาดของกองยานดาราทมิฬก็ใหญ่ขึ้นเช่นกัน สร้างแรงกดดันให้กับกองกำลังโกโดร่าได้มาก
โกโดร่าต้องแบ่งกองกำลังพวกเขาเพื่อปกป้องดาวหายนะกว่าสิบดวงกองยานพวกเขากระจายไป และทหารพวกเขาก็ไม่เพียงพอ แต่ทว่า ดาราทมิฬไม่มีข้อจำกัดแบบนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นฝ่ายริเริ่มเสมอ
ทั่วระบบดาวกาตอนเหมือนห้วงแห่งความทุกข์ในทางกลับกัน ดาวเคราะห์อความารีนสามารถจัดการศัตรูหลังถูกซุ่มโจมตีได้ ดังนั้น ความสามารถพวกเขาในการรับมือกับหายนะจึงดีมาก และหกประเทศก็กำลังพัฒนา
เกร๊ง!
หุ่นยนต์ช่วยเหลือขนาดเล็กสองตัวปีนขึ้นและลงตัวยานพยายามซ่อมเกราะชั้นนอกของยาน ประกายไฟกระเด็นไปทั่ว และเสียงการตอกก็ดังไม่หยุด
หานเซี่ยวควบคุมแขนกลขนาดใหญ่และเปลี่ยนมันเป็นอุปกรณ์ต่างๆเพื่อซ่อมความเสียหายของยานนอกจากการช่วยเขาในการต่อสู้ แขนกลยักษ์นี้ยังใช้ในการซ่อมแซมยานอวกาศขนาดใหญ่ได้ มันราวกับว่าเขามีมือใหญ่ที่สามารถควบคุมได้เหมือนแขนขาตัวเอง
ซากยานอวกาศที่ทหารรับจ้างเก็บมาทำให้เขามีวัสดุพอเช่นนั้น เขาจึงเริ่มซ่อมยานที่ยึดมา และเขาก็ทำเสร็จไป80%แล้ว แม้การซ่อมยานอวกาศเหล่านั้นจะให้ค่าประสบการณ์กับเขาแค่เล็กน้อย มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
หานเซี่ยวหยุดการกระทำเขาและกล่าว”ตรวจสอบความเสียหาย”
“กำลังเริ่มต้นการตรวจสอบระบบ…ระดับความเสียหายของยานอยู่ที่0%….”ระบบปัญญาประดิษฐ์ของยานได้ถูกเปลี่ยนเป็นฟิลลิป
นอกจากการซ่อมยานจู่โจมหานเซี่ยวยังสร้างเครื่องจักรละเอียดอ่อนสองตัวที่สามารถพัฒนาทักษะการแฮ็คได้ มันช่วยเพิ่มความเร็วการคำนวณของฟิลลิป และริสด้าก็ยังปรับโครงสร้างการคำนวณของฟิลลิปใหม่ ช่วยให้ฟิลลิปมีประสิทธิภาพกว่าเดิมสามเท่า
เครื่องจักรภายใต้การควบคุมของฟิลลิปมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมันยังช่วยให้ทักษะการแฮ็คเขาเพิ่มไปอีกระดับฟิลลิปยังอยู่ห่างจากริสด้า แต่การเสริมสร้างและการฟูมฟักปัญญาประดิษฐ์เป็นงานระยะยาวของช่างกลเสมือน ในเวลาเดียวกัน เขาก็สามารถได้รับผลประโยชน์จำนวนมากจากการทำเช่นนั้น
“ยานอวกาศลำสุดท้ายซ่อมเสร็จแล้วและมันก็ใช้งานได้ปกติ”หานเซี่ยวพยักหน้าด้วยความพอใจ ออกคำสั่ง และหุ่นยนต์ซ่อมทั้งหมดก็เริ่มเก็บตัวมันเอง
ในเวลานี้กลุ่มทหารรับจ้างแบล็คสตาร์ใช้ยานอวกาศที่เช่ามา ยานจู่โจมเก้าลำนี้สามารถเสริมพลังรบพวกเขาและเป็นของเขาจริงๆ
หลังดดื่มน้ำไปอึกหนึ่งหานเซี่ยวก็นำอุปกรณ์สื่อสารออกมาและเริ่มค้นดูฟอรั่มกลุ่มทหารรับจ้าง
ขนาดของกลุ่มทหารารับจ้างมีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายร้อยเท่ามันมีผู้เล่นกว่าแสนคนที่เขารับสมัครและจำนวนนี้ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน พวกเขาเป็นกลุ่มทหารรับจ้างขนาดใหญ่ที่ไม่อาจมองข้ามได้แล้ว!
แม้ผู้เล่นจะไม่ทรงพลังพอความเร็วที่ผู้เล่นสามารถเติบโตได้ก็สูงมาก
“หลังเข้าจักรวาลฉันจะให้ภารกิจและทรัพยากรนับไม่ถ้วนแก่พวกเขาได้ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็จะให้เงินจำนวนมากกับมัน มันจะทำให้กลุ่มทหารรับจ้างแบล็คสตาร์ก้าวหน้าขึ้นอีก และชื่อของทีมภาคสนามเกาะมังกรก็จะได้รับความเคารพ!”
เมื่อคิดถึงพลังของทหารรับจ้างหลายแสนสหานเซี่ยวก็อดมองไปในอนาคตไม่ได้
เพราะมหันตภัยกลายพันธ์กลุ่มทหารรับจ้างเขาต้องอยู่บนอความารีนเป็นการชั่วคราว พวกเขากำลังสะสมพลังรบ และพลังแท้จริงพวกเขาก็จะปรากฏเมื่อพวกเขากลับไปในจักรวาลอีกครั้ง
หานเซี่ยวมักให้ความสนใจกับการกระทำของดาราทมิฬเขากำลังรอให้ดาราทมิฬดำเนินการขั้นต่อไปของแผนเพราะนั่นจะเป็นเวลาที่ดีสุดสำหรับเขาในการส่งมอบแหล่งกลายพันธ์
…
หลังออกโรงงานทหารหานเซี่ยวก็เดินไปห้องประชุม ตามตารางงาน วันนี้คือวันที่โกโดร่าต้องเข้าประชุมกับเบื้องบนของเขตอนุรักษ์เพื่อหารือเรื่องภัยพิบัติ การประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นทุกๆสองสามวัน และเขาก็คุ้นเคยกับมันแล้ว
หลังมาประชุมเบนเน็ต นากาคิน และคนอื่นก็มาถึงนานแล้ว หลังหานเซี่ยวนั่งลง จากนั้นเหล่าผู้นำก็เริ่มหารือกันเรื่องบรรเทาภัยพิบัติ เนื่องจากหานเซี่ยวไม่ได้กังวลถึงหัวข้อ เขาจึงไม่แทรกอะไร
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็เปลี่ยนเรื่อง และนากาคินก็กล่าว”โกโดร่าเป็นศัตรูกับดาราทมิฬ ศัตรูได้ซุ่มโจมตีดาวหายนะอยู่เรื่อยๆ และตำหนักสงครามก็ส่งกำลังเสริมออกมาเรื่อยๆ ทั้งสองกองกำลังสูสีกัน”
หลังได้ยินหานเซี่ยวก็กล่าว”มันฟังดูไม่ดีเลย”
“เราไม่รู้ว่าดาราทมิฬมีกองยานมากแค่ไหนแต่เราต้องกระจายกองกำลังเราไปปกป้องดาวหายนะ”นากาคินตอบ”กองกำลังเราขาดดแคลนมาก นี่คือแผนร้ายของดาราทมิฬที่บังคับให้เราต้องแยกกองกำลัง แม้การต่อสู้จะสูสี แต่ตราบเท่าที่ดาราทมิฬเต็มใจส่งกองกำลังหลักมาโจมตี มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะขัดขวางพวกมัน ดังนั้น สถานการณ์จึงไม่ดีนัก”
“พวกนายมีวิธีจัดการไหม?”
“เรากำลังทำ”นากาคินพยักหน้า”ด้วยกองกำลังเราที่กระจายกันไปไกลตำหนักสงครามจึงจัดตั้งสถานีกระโดดควอนตัมขึ้น มันจะเสร็จในไม่กี่วัน”
“นั่นคืออะไร?”เบนเน็ตถาม
สถานีกระโดดควอนตัมคืออาวุธเชิงกลยุทธ์ในการต่อสู้อวกาศภายในระยะ มันจะสามารถกำหนดพิกัดของสองภูมิภาคและสร้างช่องทางเคลื่อนย้ายระหว่างสองตำแหน่ง มันช่วยให้กองยานที่อยู่ห่างกันมาเสริมกำลังได้อย่างรวดเร็ว
สถานีนี้เหมือนป้อมปราการอวกาศขนาดใหญ่และข้อกำหนดทางเทคนิคของการสร้างก็สูงมาก มีแค่อารยธรรมชั้นสูงที่สามารถสร้างมันได้ สถานีกระโดดควอนตัมของโกโดร่าถูกซื้อมาจากอารยธรรมชั้นสูงภายในวงแหวนดาวกระจายและมันก็ล้ำค่ามาก
เพื่อสร้างสถานีควอนตัมพิกัดเคลื่อนย้ายของตำแหน่งต่างๆก็ต้องถูกเลือกอย่างเหมาะสม และสถานีควอนตัมก็ต้องตั้งอยู่ตรงกลางพิกัดเหล่านั้น มันเหมือนศูนย์กลางใยแมงมุมที่กระจายกว้างออกไป
ด้วยปัจจัยนี้โกโดร่าจึงสามารถปกปิดจุดอ่อนของกองยานที่กระจัดกระจายทั่วดาวหายนะได้ กองยานเหล่านี้สามารถช่วยกันได้ และหากมีดาวใดถูกโจมตี กำลังเสริมจะมาถึงได้ภายในสองถึงสามนาที เช่นนั้น การซุ่มโจมตีดาราทมิฬจึงไม่เป็นภัยคุกคามพวกเขา
เนื่องจากตำหนักสงครามเต็มใจใช้อาวุธนี้มันก็หมายความว่าพวกเขาไม่อยากอยู่เฉย
หานเซี่ยวขมวดคิ้วและกล่าว”นี่คืออาวุธราคาแพงและดาราทมิฬจะต้องโจมตีสถานีแน่”
“ศัตรูจะต้องทำอย่างนั้นแน่”นากาคินไม่กังวล
เนื่องจากตำหนักสงครามกล้าใช้สถานีมันก็ต้องหมายความว่าพวกเขามีมาตรการป้องกัน อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาคิดไว้อยู่แล้ว แม้ที่อยู่ของดาราทมิฬจะไม่อาจสืบหา พวกเขาก็ต้องมาโจมตีสถานีแน่ เช่นนั้น พวกเขาจึงสามารถเข้าใจการกระทำของศัตรูและทำการเตรียมการได้
ตาของหานเซี่ยวเป็นประกายและเขาก็ส่ายหัว
ในความเป็นจริงโกโดร่าไม่กังวลเลย แม้การซุ่มโจมตีดาราทมิฬจะทำให้โกโดร่าสูญเสียไปบ้าง ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากสุดก็คือดาวหายนะ รากฐานของโกโดร่าไม่สั่นคลอน และชาวโกโดร่าก็ยังคิดว่าพวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
แต่ทว่าเขารู้ว่าดาราทมิฬไม่ได้รับมือง่ายแบบนั้น
ด้วยปรากฏของสถานีดาราทมิฬควรย้ายไปยังแผนขั้นต่อไป
เพียงเมื่อนากาคินอยากพูดบางอย่างความปั่นป่วนก็ดังจากด้านนอก
วินาทีนั้นความปั่นป่วนก็ยิ่งใกล้เข้ามา เหมือนสึนามิ ความปั่นป่วนปกคลุมไปทั่วเขตอนุรักษ์!
บูม!
พื้นเริ่มสั่นและหน้าต่างก็สั่นจากความปั่นป่วน เบนเน็ตยืนขึ้นด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น?!”
เบนเน็ตรีบเปิดหน้าจอในห้องและภาพส่วนต่างๆของเขตอนุรักษ์ก็ถูกแสดง เขตอนุรักษ์ที่อยู่ในสภาพเรียบร้อยกลับอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และมหันตภัยกลายพันธ์ก็ระเบิดอีกครั้ง แม้แต่ผู้ลี้ภัยที่ได้รับการฉีดยาก็ยังเริ่มแสดงอาการ
สถานการณ์นอกเขตอนุรักษ์ยิ่งเลวร้ายและแม้กระทั่งทหารก็เริ่มป่วย
หากไม่มีใครรักษาความปลอดภัยความสงบที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งพัง
คนนับล้านหันมาใช้ความรุนแรงและเสียงพวกเขาก็กลบไปทั่ว
นอกจากการต่อสู้ส่วนใหญ่ยังวิ่งไปมาเหมือนคนบ้า และก็พยายามหนีจากเขตอนุรักษ์ มันราวกับว่าเขตอนุรักษ์เป็นสถานที่น่ากลัวและพวกเขาก็อยากหนีไป พวกที่หลบหนีก่อตัวเป็นเส้นยาวและก็พุ่งออกเขตอนุรักษ์ มีคนที่ล้มลงกับพื้นและถูกฝูงชนเหยียบเละ
ผู้เล่นตกตะลึงไม่ช้า บางคนก็ตระหนักว่าแถบความคืบหน้าภารกิจพวกเขาลดลง
“นะ.นี่…”
ความสับสนอลหม่านอย่างฉับพลันทำให้เบนเน็ตและนากาคินตกตะลึง
สายตาของหานเซี่ยวเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเขาก็ยืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“นี่คือ…ระยะสอง!”