The Legendary Mechanic - ตอนที่ 545 อวัยวะรับความรู้สึก
ตอนที่ 545 อวัยวะรับความรู้สึก
ระยะแรกของมหันตภัยกลายพันธ์คือการปะทุที่ผิดดปกติทั่วดาวเคราะห์มันเป็นสัญญาณแรกของมหันตภัยกลายพันธ์ อาการแรกของระยะสองคือผู้ติดเชื้อทุกคนจะเกิดอาการพร้อมกัน เทียบกับระยะแรก มหันตภัยกลายพันธ์จะไม่ถูกจำกัดโดยการควบคุมคนทั่วไป ทหารระดับสูงและยอดมนุษย์ที่อ่อนแอสามารถตกเป็นเป้าได้ การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนสุดคือความจริงที่ว่าผู้ติดเชื้อไม่ได้เกิดทำอะไรแบบสุ่มๆ แต่กลับลงมือเหมือนมีเป้าหมาย
พฤติกรรมเจาะจงของผู้ติดเชื้อเป็นสัญญาณแรกว่ามหันตภัยกลายพันธ์มีสติปัญญาเทียบกับความโกลาหลในระยะแรก การหลบหนีของผู้ลี้ภัยทั้งหมดเกิดเนื่องจากการควบคุมแหล่งกลายพันธ์
“สำหรับแหล่งกลายพันธ์ที่จะควบคุมผู้ลี้ภัยทั้งหมดให้หลบหนีมันอาจไม่ได้อยากให้ผู้ติดเชื้อทั้งหมดมารวมกัน แถม มันอาจตรวจพบว่ามีบางคนกำลังพยายามช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ ดังนั้น มันจึงอยากเอาตัวผู้ติดเชื้อออกห่างสถานที่นี้ สำหรับแหล่งกลายพันธ์ ผู้ติดเชื้อทุกคนคือ’อวัยวะรับความรู้สึก’ของมัน”หานเซี่ยวกล่าว ในชีวิตก่อนหน้าเขา เรื่องคล้ายๆกันได้เกิดขึ้น แม้จะไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการ ผู้เล่นมากมายก็คิดข้อสรุปได้ ดังนั้น เขาจึงสามารถเดาความคิดของแหล่งกลายพันธ์ได้
ปัญหาเดียวคือระยะสองได้เกิดขึ้นเร็วกว่าในชีวิตก่อนหน้าเขามาก
มันอาจเพราะโอกาสสุ่มหรือมันอาจเพราะผลต่อเนื่อง หานเซี่ยวคิด เพราะการกระทำเขา เหตุการณ์จึงแตกต่างจากชีวิตก่อนหน้าเขาไปมาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอกับสถานการณ์เช่นนั้น และหานเซี่ยวก็รีบฟื้นคืนสติ
แม้จะอยู่นอกการคาดการณ์เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก
หลังเดินออกห้องประชุมความปั่นป่วนด้านนอกก็ทวีความรุนแรงขึ้น หานเซี่ยวส่งทหารรับจ้างและผู้เล่นทั้งหดออกไป สิ่งแรกที่เขาทำคือควบคุมผู้ติดเชื้อทั้งหมด ด้วยระยะสองของมหันตภัยกลายพันธ์ พลังของมันจึงรุนแรงขึ้นและยายับยั้งเดิมที่พวกเขามอบให้ผู้ติดเชื้อก็ต้องเพิ่มปริมาณเป็นสามเท่า พวกเขามียาในมือไม่พอ และสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการใช้กำลังกับผู้ติดเชื้อ
เขตอนุรักษ์และโกโดร่ายุ่งเหยิงและผู้เล่นก็ได้รับภารกิจใหม่ เมื่อเห็นความคืบหน้าภารกิจหลักกำลังลดลง มันก็ไม่มีใครกล้ารีรอและรีบทำงาน
เทียบกับผู้ลี้ภัยหลายสิบล้านในเขตุรักษ์จำนวนกำลังคนถือว่าไม่สูง ร่วมกับผู้เล่น มีคนแค่ล้านเดียวเท่านั้น แต่ทว่า เนื่องจากผู้เล่นทุกคนคือยอดมนุษย์ มันจึงไม่ยากที่พวกเขาจะปราบคนธรรมดาสิบคนพร้อมกัน
ผู้ลี้ภัยที่อยู่ใกล้ด้านนอกสุดเริ่มหลบหนีไปทุกทิศทางยานอวกาศด้านบนบินไปออกไปล้อมพลางยิงคลื่นสั่นสะเทือนออกมา
ฮึม!
วงแหวนสีขาวกวาดผ่านฝูงชนและผู้ลี้ภัยทุกคนก็ล้มลงกับพื้นพากันหมดสติ
เนื่องจากเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้หานเซี่ยวจึงได้จัดเตรียมมาตรการป้องกันไว้แล้ว เขาติดปืนสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ไว้บนยานทุกลำ ผลของมันอ่อนมากและไม่อาจทำให้ยอดมนุษย์ระดับCสับสนได้สึกครึ่งวินาที มันเอาไว้จัดการกับคนธรรมดาเท่านั้น
เพราะเขามีมาตรการป้องกันหานเซี่ยวจึงไม่กังวลถึงจำนวนผู้ลี้ภัย ต่อให้พวกเขาเกิดอาการพร้อมกัน เขาก็มั่นใจว่าจะลดความสูญเสียได้มาก มันอาจสะดวกกว่าด้วยซ้ำ
ยานหลายลำทำให้ผู้ลี้ภัยหมดสติจากวงในสู่นอกและร่วมกับผู้เล่นที่คอยเก็บงานตรงกลางผู้ลี้ภัยขอบนอกสุดของวงสามารถหนีไปได้ไกลสุด แต่หานเซี่ยวก็ไม่อาจเริ่มโดยการทำให้พวกเขาหมดสติเพราะพวกเขาอาจถูกคนด้านหลังเหยียบตายได้
ตึก
แขนกลพลันยื่นออกมาและหานเวี่ยวก็วิ่งข้ามกำแพงเมืองมองความปั่นป่วนด้านนอก ผู้ลี้ภัยเหมือนคลื่นดำที่กำลังถาโถมไปด้านนอก เตะเมฆฝุ่นขนาดใหญ่ขึ้น
เขานำอุปกรณ์สื่อสารออกมาติดต่อกับยานลำอื่นที่หกประเทศเหตุการณ์ที่แสดงบนอุปกรณ์สื่ออสารคล้ายกัน ไม่ใช่แค่เขตอนุรักษ์ หกประเทศก็ยังเกิดเหตุการณ์เหมือนกัน
ด้วยมหันตภัยกลายพันธ์ที่กระจายตัวมันหมายความว่าแรงกดดันจะยิ่งเพิ่มขึ้น โอ้ ต่อให้ดาราทมิฬไม่มาซุ่มโจมตีเรา สถานการณ์บนอความารีนก็เลวร้ายเกินไป ดาวเคราะห์อความารีนอาจเป็นดาวแรกที่เข้าสู่ระยะสอง แต่ด้วยความช่วยเหลือของฉัน ความแตกต่างก็ควรเกิดขึ้น มันต้องดีกว่าในชีวิตก่อนหน้าฉัน
หานเซี่ยวคำนวณส่วนได้เสียในใจหากแหล่งกลายพันธ์ไม่มีจิตสำนึกก่อนหน้านี้และแค่ทำตามสัญชาตญาณ จากระยะสองเป็นต้นไป มันจะเป็นศัตรูกับเป้าหมายและรับมือได้ยากขึ้น แถม แหล่งกลายพันธ์ยังเติบโตเร็วมากหลังระยะสอง
“โชคดีมันได้เวลาที่ฉันจะส่งแหล่งกลายพันธ์ในมือฉันให้โกโดร่าแล้ว ตราบเท่าที่โกโดร่าสามารถผสมยารักษาและอาวุธเพื่อจัดการกับแหล่งกลายพันธ์ได้ หายนะนี้ก็จะจบลง”ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกาย
…
ดวงอาทิตย์ตกในระยะไกลและท้องฟ้าก็ถูกย้อมด้วยสีส้ม
ความโกลาหลในเขตอนุรักษ์เริ่มเงียบและหลังใช้เวลาหลายชั่วโมง ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ก็สงบลง พวกที่หนีไปได้ไกลสุดคือไม่กี่สิบกิโลเมตร แต่โชคดี เขตอนุรักษ์ตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดารไร้พืชพันธุ์รอบๆ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่อาจหลบหนีจากการตรวจจับของยานอวกาศได้
ในรอบๆสิบกิโลเมตรผู้ลี้ภัยกระจัดกระจายอยู่ทั่ว ผู้เล่นบางคนทำตามภารกิจ ฉีดยาให้ทหารเขตอนุรักษ์มากกว่าเดิมสามเท่าเพื่อช่วยเพิ่มกำลังคน
บนกำแพงเมืองเบนเน็ตมีสีหน้าเคร่งขรึมพลางถามผู้ช่วยเขา”เราสูญเสียมากแค่ไหน?”
ผู้ช่วยเขาส่ายหัวเป็นการตอบบางบอกว่าพวกเขายังคำนวณไม่ได้
“ความสูญเสียของเขตอนุรักษ์ต่ำสุด”หานเซี่ยวกล่าวแทรก”หกประเทศกำลังพยายามปราบปรามความวุ่นวายและก็เกือบสำเร็จแล้ว”
“อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่เลวร้ายสุด”เบนเน็ตถอนหายใจ
หานเซี่ยวส่ายหัว”มหันตภัยกลายพันธ์ได้เติบโตขึ้นแล้วและเราจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่น่ากลัวยิ่งขึ้ นไม่ต้องพูดถึงว่ายายับยั้งจะได้ผลหรือไม่ แค่ความสามารถของแหล่งกลายพันธ์ในการควบคุมผู้ติดเชื้อก็อันตรายใหญ่หลวงแล้ว เราได้จับ’อวัยวะรับความรู้สึก’ของมันมามากสุด และเป็นไปได้ว่ามันจะควบคุมกลุ่มสัตว์ให้โจมตีเขตอนุรักษ์หรือหกประเทศ มันอาจเลือกควบคุมผู้ติดเชื้อเพื่อทำลายล้างและโจมตีเราจากภายใน”
เมื่อได้ยินใบหน้าของเบนเน็ตก็ดำมืด และก็รู้สึกกลัว เขาไม่ใช่คนอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็รู้ดีว่าหากไม่มีหานเซี่ยวอยู่ด้วย มันคงเป็นไปไม่ได้ที่อความารีนจะยืนหยัดต่อหายนะ
“นายเตรียมการไว้แล้ว?”
“ไม่”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว”ทหารรับจ้างภายใต้ฉันเบื่อมากและคลื่นสัตว์ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เราควรสังเกตสถานการณ์ก่อนปัญหาอื่น นายต้องพยายามปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ให้เร็ว”
“ฉันเข้าใจ”เบนเน็ตพยักหน้า
มันเป็นไปได้ที่แหล่งกลายพันธ์จะซ่อนอยู่ใต้ดินหรือในมหาสมุทรฐานข้อมูลเรดาห์ยังไม่มีบันทึกใดของความผันผวน และมันก็ยากจะตรวจพบ การพยายามหามันไม่ต่างอะไรจากการพยายามขมเง็มในกองหญ้า เพราะความเป็นเอกลักษณ์ของแหล่งกลายพันธ์ ก่อนจะได้รับยา มันยากมากที่จะจัดการกับมัน แหล่งกลายพันธ์สามารถดูดซับพลังงานและสามารถดูดซับการโจมตีส่วนใหญ่เพื่อพัฒนามัน แถม มันยังสามารถแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันหานเซี่ยวไม่อยากจัดการกับแหล่งกลายพันธ์เองเพราะมันน่าขยะแขยงมากและเขาก็ไม่สนใจ นอกจากการมอบความปวดหัวให้โกโดร่าและรับเอาผลประโยชน์ ยังมีเหตุผลอื่น มหันตภัยกลายพันธ์เป็นเครื่องรางป้องกันชั่วคราว หากมหันตภัยกลายพันธ์ถูกปราบ เขาคงไม่อาจคาดการณ์การเคลื่อนไหวต่อไปของดาราทมิฬได้ ศัตรูอาจเลือกทำลายอความารีนโดยตรง
เขาไม่มีอะไรให้ต้องกลัวเพราะเขาสามารถหนีไปได้ง่ายๆมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเก็บอความารีนเข้ากระเป๋าและพาหนีไปด้วย คนเดียวที่มีความสามารถแบบนั้นอาจจะเป็นสามอารยธรรมจักรวาลหรือตัวตนที่เหนือกว่าระดับA
หลังเก็บความคิดเขาไปหานเซี่ยวก็รวบรวมลูกน้องเขาและกวาดตามอง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น”ตามการประเมินฉัน อาจมีสัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ในอีกไม่กี่วัน เอาคนไปลาดตระเวน วินาทีที่มีสัญญาณของพวกสัตว์มารวมกัน ทำลายพวกมันได้เลย อย่าให้พวกมันเข้ามาใกล้เขตอนุรักษ์ได้”
ใบหน้าทุกคนพลันสว่างหลังนั่งเปื่อยมาหลายวัน ในที่สุดพวกเขาก็มีงานให้ทำ
คนที่มีความสุขสุดคือฮาร์ม่อนเขาแบกขวานยักษ์และกล่าว”ฉันชอบการล่า”
หลังคิดสักพักหานเซี่ยวก็กล่าวเสริม”ใช่ เอาพวกเหนือมนุษย์ที่เพิ่งเข้าร่วมไปฝึกด้วย อย่าปล่อยให้พวกเขาเบื่อในเขตอนุรักษ์”
ผู้เล่นส่วนใหญ่อยู่ในเขตอนุรักษ์แม้มันจะไม่ใช่เพราะถูกบังคับ แต่ภารกิจบรรเทาทุกข์จากหายนะก็น่าเบื่อ นอกจากการทดสอบประจำวัน ก็ไม่มีโอกาสมากนักให้พวกเขาได้สู้ เหล่าคนที่อยู่ในกลุ่มแบล็คสตาร์แล้วย่อมไม่อาจเข้าร่วมการทดสอบได้และไม่มีโอกาสได้สู้เลย ดังนั้น พวกเขาจึงเบื่อมาก
ในช่วงระยะสองของมหันตภัยกลายพันธ์การโจมตีของสัตว์ร้ายจะบ่อยขึ้นและมันก็เป็นโอกาสอันดีให้ผู้เล่นได้ออกไปล่า
นอกจากนี้หากพวกเขาไม่สู้กับสัตว์ร้าย ผู้เล่นจะไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์
…
บนอความารีนเงาร่างสีดำนั่งสมาธิในถ้ำเหมือนรูปปั้น หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาสีขาวบริสุทธิ์ก็กวาดมองไปรอบๆ
“กับดัก…อวัยวะรับความรู้สึก…น่ารำคาญ..”
ร่างจำลองเริ่มพูดกับตัวมันเองมันเพิ่งได้รับร่างนี้มาไม่กี่วันและยังไม่อาจพูดได้คล่อง
หลังได้รับร่างที่เป็นของตัวเองแหล่งกลายพันธ์ก็รู้สึกถึงอิสรภาพ แม้มันจะแบ่งปันความรู้สึกของผู้ติดเชื้อและควบคุมพวกเขาได้ มันก็ไม่เหมือนกัน
ไม่นานมานี้แหล่งกลายพันธ์ได้วิวัฒนาการ แม้มะนจะไม่รู้เกี่ยวกับการวิวัฒนาการมันและรู้สึกแค่ว่า’อวัยวะรับความรู้สึก’ของมันชัดเจนขึ้น
ผู้ติดเชื้อทุกคนคืออวัยวะรับความรู้สึกในสายตาแหล่งกลายพันธ์ผู้ติดเชื้อก็เหมือนส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์และแหล่งกลายพันธ์ก็ถือว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของร่างมัน เมื่อมันไม่อาจขยับได้ในระยะทารก มันทำได้แค่เข้าใจโลกผ่านผู้ติดเชื้อเหล่านี้
ตอนนี้มันสามารถรู้สึกได้ว่าอวัยวะรับความรู้สึกมันถูกขังในสถานที่ต่างๆ เพียงเมื่อมันอยากออกคำสั่งให้ผู้ติดเชื้อกระจายตัวและไม่รวมกัน มันก็เห็นว่าผู้ลี้ภัยกำลังถูกปราบโดยหานเซี่ยวและคนอื่น เช่นนั้น มันจึงเข้าใจสถานการณ์
พวกมันคือศัตรู!พวกมันกำลังทำร้ายอวัยวะของฉัน!
ในความคิดดั้งเดิมของแหล่งกลายพันธ์ไม่มีความถูกหรือผิด มันไม่มีสามัญสำนึกและมีแค่สัญชาตญาณพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
สำหรับแหล่งกลายพันธ์การกระทำของพวกหานเซี่ยวคล้ายกับการกดขี่มัน มันรู้สึกราวกับแขนขามันถูกจำกัด ไม่อาจขยับได้สักนิด
นอกจากนี้อวัยวะรับความรู้สึกบางชิ้นยังถูกฉีดด้วยสารบางชนิดที่ทำให้ตัดขาดการเชื่อมต่อกับมัน
มันจึงไม่พอใจมาก
สัญชาตญาณบอกว่าหากมันถูกโจมตีมันต้องโต้ตอบ