The Legendary Mechanic - ตอนที่ 547 ได้เวลาแล้ว
ตอนที่ 547 ได้เวลาแล้ว
ไม่กี่วันหลังการระบาดของมหันตภัยกลายพันธ์มันก็มีการเพิ่มขึ้นในจำนวนสัตว์ที่โจมตีรอบเขตอนุรักษ์ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันจับกลุ่มกัน เฮอลัสและคนอื่นจึงลงมือ พวกเขานำผู้เล่นที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างไปกวาดล้างรังสัตว์และตั้งฐานป้องกันตามสถานที่ต่างๆ
ผู้เล่นเป็นกำลังหลักในการกำจัดสัตว์ร้ายและฐานที่มั่นก็กลายเป็นสถานที่สำหรับผู้เล่นเพื่อสร้างกลุ่มและขายของ
สัตว์ร้ายควบคุมได้ง่ายกว่ามนุษย์ตามความเข้าใจของหานเซี่ยวถึงแหล่งกลายพันธ์ หลังเข้าสู่ระยะสอง แหล่งกลายพันธ์จะควบคุมคลื่นสัตว์ร้ายให้โจมตีเขตอนุรักษ์ต่างๆ ทำให้การโจมตีของพวกมันเป็นระเบียบขึ้น
นี่คือรูปแบบการโต้ตอบจากแหล่งกลายพันธ์แต่หานเซี่ยวก็ไม่ใส่ใจ
มหันตภัยกลายพันธ์เป็นเพียงภัยคุกคามเดียวต่ออความารีนแต่ระดับเขาได้เกินขีดจำกัดของเวอร์ชั่น2.0ไปแล้ว ดังนั้นมหันตภัยกลายพันธ์จึงคุกคามต่อหานเซี่ยวได้จำกัด
หานเซี่ยวไม่ถือว่าแหล่งกลายพันธ์เป็นศัตรูที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เขามีไพ่ตายเพื่อจัดการกับแหล่งกลายพันธ์ เป้าหมายเขาคือการใช้โอกาสนี้เพื่อทำแผนรับสมัครเขาให้เสร็จ เรื่องอื่นๆเช่นการจัดการดารทมิฬและการแก้ไขมหันตภัยกลายพันธ์ไม่สำคัญ
แต่จากมุมมองของผู้เล่นมหันตภัยกลายพันธ์คือภารกิจเนื้อเรื่องหลักแรกหลังปล่อยตัวเวอร์ชั่น2.0 และมันก็ท้าทายมาก
สำหรับความคืบหน้าภารกิจผู้เล่นได้ทำภารกิจมากมายทุกวัน เขตอนุรักษ์ กลุ่มทหารรับจ้างแบล็คสตาร์และโกโดร่าไม่ได้ขาดภารกิจเลย
ในช่วงเวอร์ชั่น1.0ผู้เล่นได้พัฒนาความเข้าใจพื้นฐานต่ออความารีน และในช่วงมหันตภัยกลายพันธ์ พวกเขาได้ร่วมกันทำภารกิจมหันตภัยกลายพันธ์ ครั้งหนึ่ง มีความรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ ผู้เล่นมักจะอยู่ในความสัมพันธ์แข่งขันกัน แต่ครั้งนี้ พวกเขาร่วมมือกัน มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ
หานเซี่ยวไม่ต้องมีส่วนร่วมในการบรรเทาภัยพิบัติตรงกันข้าม ผู้เล่นยืนอยู่แนวหน้าสำหรับปฏิบัติการ พวกเขาเจอกับเหตุการณ์และตัวละครมากมายทุกวัน
การกระทำต่างๆของแบล็คสตาร์และโกโดร่าไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องในสายตาผู้เล่น
ตอนนี้ผู้เล่นบนอความารีนยังไม่อาจเข้าร่วมเหตุการณ์ในระดับของหานเซี่ยวได้
นอกจากการรับสมัครผู้เล่นหานเซี่ยวยังไม่สนใจสถานการณ์โดยรวมของผู้เล่น เขาเข้าใจผู้เล่น ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง ผู้เล่นก็มักสามารถหาพื้นที่เพื่อแสดงพลังและสร้างความเพลิดเพลินให้กับตัวเองได้
…
ไม่กี่วันต่อมาเพียงเมื่อนากาคินบอกเขา โกโดร่าห็จัดตั้งสถานีกระโดดควอนตัมและเชื่อมต่อกับดาวหายนะทุกดวง ตราบเท่าที่ดาราทมิฬกล้าแสดงตัว พวกเขาก็จะเจอกับการจู่โจมแบบฉับพลัน
แต่ทว่าดาราทมิฬพลันถอนกำลังและไม่ซุ่มโจมตีอีก พายุในระบบดาวกาตอนดูเหมือนจะสงบลง…แต่นี่ก็แค่การเข้าใจผิด
ไม่นานข่าวใหม่ก็ทำให้ทั่วระบบดาวต้องสั่นคลอน!
“ดาวอาณานิคมโกโดร่าลองอาร์ค เจอการบุกครั้งใหญ่โดยดาราทมิฬ ศัตรูส่งยานแม่มาสามลำและยานรบกว่าสี่พันลำ กองกำลังโกโดร่าท้องถิ่นได้ต่อสู้อย่างรุนแรงและเสียหายหนัก ลองอาร์คถูกปูพรม และเมืงอกว่าสี่สิบแห่งก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จำนวนผู้เสียชีวิตโดยรวมอาจเกินกว่าสามร้อยล้าน”
“ตามรายงานการจู่โจมเริ่มตอนสมาชิกดาราทมิฬปล่อยความสามารถเอสเปอร์ทำลายล้างเขา คนๆนี้มีความสามารถลดร่างกายของมนุษย์ให้เป็นฝุ่น และบุคคลนับพันก็ตกตายภายใต้ฝีมือเขา อารยธรรมโกโดร่าโต้ตอบการโจมตีนี้ทันทีและส่งกำลังเสริมไปสามระลอก ท้ายที่สุดก็สามารถทำลายยานรบศัตรูได้มากกว่าพันและยานแม่หนึ่งลำ
“นี่นับเป็นการโจมตีที่รุนแรงมากสุดในประวัติศาสตร์การกระทำของดาราทมิฬถูกมองว่าเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่น่ากลัว และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวสุดตลอดหลายสิบปีในระบบดาวกาตอน เรามีเหตุผลให้เชื่อว่านี่เป็นสัญญาณสำหรับดาราทมิฬที่จะเริ่มสงครามอีกครั้ง หลังติดตามเหตุการณ์นี้ถึงรากมัน มันก็มีแนวโน้มว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้คืออารยธรรมหลายสิบดวงที่เจอหายนะพร้อมกัน ปฏิกิริยาของโกโดร่ายังไม่ชัดเจนในเวลานี้…”
หลังดูการประกาศข่าวหานเซี่ยวก็ถอนหายใจยาว
“ในที่สุดเรื่องราวก็กลายเป็นแบบนี้…”
ความเสียหายที่ดาราทมิฬทำกับดาวอาณานิคมเหนือยิ่งกว่าดาวหายนะทุกดวงนอกจากนี้ ดาราทมิฬยังทุ่มสุดตัวในครั้งนี้และส่งยานแม่ไปถึงสามลำ ตามข้อมูลที่เผยในชีวิตก่อนหน้าเขา แม้กระทั่งในจุดสูงสุด ดาราทมิฬก็มียานแม่ไม่มากไปกว่า15ลำ
นอกจากนี้ยังมีสารเลวเอ็มเบอร์ที่ช่วยพวกมัน
ความสามารถเอสเปอร์ของเอ็มเบอร์น่ากลัวมากเมื่อใช้จัดการกับคนธรรมดาแค่ความคิดเดียว เขาก็สามารถทำให้สภาพแวดล้อมเขาถูกลดโมเลกุล เขาเป็นเครื่องมือสังหารหมู่ที่เด่นชัดสุดในสายตาดาราทมิฬ และนี่ก็คือครั้งแรกที่เอ็มเบอร์แสดงความสามารถเขาต่อทั้งระบบดารา
ดาราทมิฬไม่มีโรงงานทหารหลายพันแห่งเหมือนโกโดร่ายานแม่ทุกลำที่พวกเขาเสียนับเป็นความเสียหายร้ายแรง และพวกเขาก็ต้องอุดช่องโหว่นั้นด้วยเงินจำนวนมหาศาล การโจมตีลองอาร์คมีค่าใช้จ่ายเป็นยานแม่
แต่หานเซี่ยวรู้ว่าดาราทมิฬได้บรรลุเป้าหมายของมันแล้ว
เหตุการณ์ลองอาร์คได้สั่นคลอนไปทั่วอารยธรรมโกโดร่าหลังเหตุการณ์ ทฤษฏีก็เกิดขึ้น มีผู้ที่เชื่อว่าดาราทมิฬโจมตีดาวหายนะเพื่อดึงดูดความสนใจของโกโดร่า แรงจูงใจจริงพวกเขาคือการโจมตีดาวอาณานิคมต่างๆ
เช่นนั้นประชาชนโกโดร่าจากดาวอาณานิคมอื่นจึงเริ่มรู้สึกถูกคุกคาม ฝ่ายสนับสนุนให้ส่งทีมช่วยเหลือออกไปพากันเงียบ หลายคนร้องขอให้โกโดร่าถอนกำลังทั้งหมดกลับมาปกป้องพวกเขาแทน
เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยตัวเองชาวโกโดร่าเกือบทุกคนจึงยอมรับคำอธิบายเช่นนั้น และความเห็นอกเห็นใจต่อดาวเคราะห์หายนะก็ถูกโยนทิ้ง
ในความเป็นจริงเหตุการณ์ลองอาร์คไม่ได้เกี่ยวกับทีมช่วยเหลือ เหตุผลที่โกโดร่าแพ้พ่ายเพราะดาราทมิฬแสดงพลังที่เหนือกว่า พวกเขานำยานแม่มาสามลำและกำลังเช่นนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ดาวอาณานิคมจะต้านทานได้ สถานีกระโดดไม่ได้เชื่อมต่อกับดาวอาณานิคม และมันก็ต้องใช้เวลาจำนวนมากเพื่อให้พวกเขาจัดตั้งมันอีกครั้ง
แม้โกโดร่าจะเป็นอารยธรรมที่ทรงพลังกองกำลังพวกเขาก็กระจัดกระจายไปในหมู่ดาวอาณานิคมนับร้อย มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกดาวจะมีการป้องกันหนาแน่น หากดาราทมิฬทุ่มสุดตัว พวกเขาต้องสามารถทำลายได้หลายดวง หากไม่ โกโดร่าจะไม่มองพวกเขาเป็นภัยคุกคามเลย
ครั้งนี้ดาราทมิฬเองก็เสียยานแม่ไปหนึ่งลำ แต่ทว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้จดจ่อกับความสูญเสียขององค์กรก่อการร้าย พวกเขากลับสนใจการทำลายล้างที่ดาราทมิฬก่อขึ้นและความสูญเสียของโกโดร่า
ประชากรโกโดร่าไม่อาจรักษาเหตุผลตัวเองได้และหลายคนก็เต็มไปด้วยความกลัว นอกจากนี้ ดาราทมิฬยังคงโหมไฟในความมืด
ไม่เพียงแต่จะเกิดความวุ่นวายความขัดแย้งระหว่างเลือดบริสุทธิ์และเลือดผสมยังทวีความรุนแรงขึ้น โกโดร่าหลายคนมีเพื่อนหรือญาติอาศัยในลองอาร์ค และเนื่องจากความตาย พวกเขาจึงเกลียดพวกเลือดผสมยิ่งขึ้น
ดาราทมิฬมักสู้ภายใต้ร่มธงของเลือดผสมเสมอภายใต้สถานการณ์แบบนั้น โกโดร่าเลือดผสมที่อาศัยในโกโดร่าจึงกลายเป็นเป้าให้พวกเลือดบริสุทธิ์ระบายความโกรธ ความขัดแย้งระหว่างหมู่ประชาชนเป็นผลมาจากการเลือดปฏิบัติที่มีต่อเลือดผสม และนี่ก็เกือบเป็นส่วนหนึ่งของประเพณี เช่นนั้น แม้กระทั่งรัฐบาลก็ทำอะไรไม่ได้
อารยธรรมฮัทท์ให้ความสนใจกับโกโดร่าเสมอเมื่อตระหนักว่าโกโดร่ากำลังปวดหัวกับเรื่องภายใน ฮัทท์จึงเต็มใจเล่นบทบาทของ’ภัยคุกคามภายนอก’
กองยานฮัทท์ที่ประจำในระบบดาวไฮด์เริ่มลงมือพวกเขาเริ่มส่งการจู่โจมไปบริเวณชายแดนโกโดร่าและทำการกดดันพวกเขาต่อไป
การโจมตีที่มาต่อเนื่องทำให้โกโดร่ายากจะหายใจ
เงาของดาราทมิฬสามารถมองเห็นได้หลังเหตุการณ์ทั้งหมดแต่นี่แค่จุดเริ่มต้น เหตุการณ์ลองอาร์คเป็นแค่ประกายไฟสำหรับแผนเต็มรูปแบบ
แต่หานเซี่ยวก็ไม่มีเจตนาปล่อยให้ดาราทมิฬดำเนินการตามแผนต่อไป
โกโดร่าอาจรู้สึกไม่ต่างอะไรกับกินอุจจาระ
หานเซี่ยวส่ายหัวแม้เขาจะไม่ชอบโกโดร่า เขาก็ไม่ได้เกลียด เหนือสิ่งอื่นใด ดาราทมิฬคือศัตรูพวกเขา
มหันตภัยกลายพันธ์คือกุญแจสำคัญในเหตุการณ์มันผลาญพลังงานของโกโดร่าไปมาก และโกโดร่าก็จะตระหนักอย่างรวดเร็วว่าเวลากำลังหมดลง ทางแก้ปัญหาที่ดีสุดคือการจัดการกับแหล่งกลายพันธ์ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะสามารถถอนกำลังทั้งหมดกลับมาและความขัดแย้งภายในก็จะได้รับการแก้ไขช้าๆ…
ฉันมีแหล่งกลายพันธ์ในมือและตราบเท่าที่ฉันมอบมันให้โกโดร่า พวกเขาก็จะคิดยาแก้ได้ และแหล่งกลายพันธ์ก็จะหายไป
ตราบเท่าที่เขาแก้ไขเรื่องเร่งด่วนในมือได้โกโดร่าก็จะได้หายใจและมุ่งเน้นการจัดการกับดาราทมิฬ
ยิ่งความต้องการพวกเขาเร่งด่วนผลประโยชน์ของแหล่งกลายพันธ์ในมือเขาก็ยิ่งสูง
มันเกือบถึงเวลาแล้วแม้โกโดร่าจะยินดีเสนอราคาสูงหากฉันลากถ่วงต่อไป แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ดาราทมิฬเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่สำเร็จ ตราบเท่าที่โกโดร่าเข้าใจว่าของนั้นสำคัญต่อพวกเขาแค่ไหน พวกเขาก็จะเข้าใจผลที่ตามมาจากการไม่หยุดดาราทมิฬ
จากนั้นหานเซี่ยวก็ติดต่อนากาคินหลังรออยู่ครึ่งวัน อีกฝ่ายก็ยังไม่รับสายเขา
หานเซี่ยวสับสนและตัดกสินใจไปค่ายโกโดร่าเองเพื่อหาตัวนากาคินแต่ทว่า เขาถูกหยุดโดยผู้ช่วยของนากาคิน
“แบล็คสตาร์ท่านนากาคินสั่งผมว่าอย่าให้ใครไปรบกวนเขาหากไม่มีเรื่องสำคัญ โปรดกลับไปก่อนครับ”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เขากำลังประชุมกับเบื้องบนและไม่มีเวลามาพบคุณ”ผู้ช่วยกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
หากเป็นแต่ก่อนนากาคินคงไม่ปฏิเสธเขาหลังคิดสักพัก หานเซี่ยวก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยการเจอทั้งปัญหาภายนอกและภายใน เจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างนากาคินจึงมีงานให้ทำมากมาย ในสายตาของนากาคิน หานเซี่ยวไม่สำคัญอีกต่อไป
หานเซี่ยวลูบคางและพลันคิดถึงบางสิ่งเขาไม่ยืนกรานที่จะเจอหน้านากาคิน แต่ออกค่ายโกโดร่าไปแทน
เขายังตระหนักว่าต่อให้เขาต้องการส่งมอบแหล่งกลายพันธ์เวลาเขาก็ไม่เหมาะสม หากไม่ เขาคงถูกสงสัยว่ามีแหล่งกลายพันธ์แต่แรก แต่ไม่รีบนำออกมา
ดังนั้นเขาจึงต้องถอนตัวออกมา
เนื่องจากข้อแก้ตัวฉันคือแหล่งกลายพันธ์นั้นมาจากเกาะมังกรทำไมฉันถึงไม่เดินทางกลับไปหน่อยละ?
จากนั้นหานเซี่ยวก็พูดเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่เขาและออกดาวเคราะห์อความารีนไป
หลังผ่านไปสองชั่วโมงนากาคินก็ประชุมเสร็จและได้ยินว่าหานเซี่ยวมาหาเขา
“แบล็คสตาร์เข้าพบฉันไม่ได้และขึ้นยานออกไปแล้ว?”
นากาคินขมวดคิ้วก่อนส่ายหัวเนื่องจากแบล็คสตาร์ไม่ยืนกรานจะเจอหน้าเขา มันก็ควรไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาไม่อยากเสียเวลาเขาไปกับเรื่องเล็กๆ
แผนกต่างๆอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงเพราะเหตุการณ์ลองอาร์คและเบื้องบนก็อยากนำตัวเขากลับออกจากอความารีน นากาคินยุ่งมาก และเขาก็ไม่มีเวลาไปสนใจหานเซี่ยว
…
“แผนกำลังดำเนินการและเราก็สามารถลดกำลังของโกโดร่าไปได้มากในครั้งนี้”
ในศูนย์ใหญ่ดาราทมิฬรองหัวหน้ากำลังกล่าวในการประชุม และน้ำเสียงเขาก็เต็มไปด้วยความยินดี
“เราสร้างปัญหาครั้งใหญ่ให้โกโดร่าและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะถอนทีมช่วยเหลือกลับ เนื่องจากพวกมันได้เริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือแล้ว การล้มเลิกกลางทางก็จะสั่นคลอนตำแหน่งพวกมันในกาแล็กซี่ แต่ หากพวกมันยืนกรานจะดำเนินการช่วยเหลือ ความขัดแย้งภายในเผ่าก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น”
“หากพวกมันเลือกยอมแพ้เราก็จะทุ่มสุดตัวและกวาดดาวหายนะเหล่านี้ได้ง่ายๆ ไม่เพียงแต่เราจะสามารถกำจัดอารยธรรมที่ขึ้นตรงต่อโกโดร่าได้ เรายังสามารถสร้างความเข้าใจผิดที่ว่าการทำลายล้างเกิดขึ้นเพราะโกโดร่าละทิ้งพวกเขา…”
“นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ”ผู้รับผิดชอบด้านข้อมูลกล่าว”กล่าวอีกนัยหนึ่งไม่ว่าโกโดร่าจะเลือกอะไร เราก็จะยังเป็นผู้ชนะ”
“มหันตภัยกลายพันธ์อารยธรรมฮัทท์ และความขัดแย้งภายในจะทำให้โกโดร่าอ่อนแอ”เดกูลิงเย้ย”และเราก็มีโอกาสมากพอจะเตรียมแผนขั้นต่อไป มหันตภัยกลายพันธ์ได้ดึงกองกำลังโกโดร่าจำนวนมากเอาไว้ และยิ่งเรื่องนี้ลากถ่วงออกไป มันก็จะยิ่งร้ายแรงขึ้น หากเรื่องนี้ยืดเยื้อถึงสองปี…”
“เวลาที่แน่นอนยากจะประเมินแต่ด้วยความสามารถการวิจัยของโกโดร่า พวกมันย่อมไม่อาจหาทางแก้ปัญหาได้เร็วๆนี้”ผู้รับผิดชอบด้านข้อมูลหัวเราะ”คนของฉันได้ยืนยันแล้วว่าโกโดร่าไม่ได้รับแหล่งกลายพันธ์ที่เราทำหายไปก่อนหน้านี้ พวกมันได้แค่ลูกปัดเปล่า อารยธรรมศิลาเทวะควรเก็บมันไว้เป็นความลับ และโกโดร่าก็ยังได้แต่คลำหาอย่างคนตาบอด”