The Legendary Mechanic - ตอนที่ 579 มันถึงเวลาแล้ว
ตอนที่ 579 มันถึงเวลาแล้ว
หลังตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงจากการเข้าสู่ระดับภัยพิบัติ หานเซี่ยวจัดเสื้อผ้าเขาก่อนเดินออกห้องฝึก
เมื่อเขาเดินไปตามทางเดินฐานเขาก็พบอโรเชีย
“เธอกำลังจะไปไหน?”
“กลับไปห้องฉัน”อโรเชียเตรียมเดินผ่านหานเซี่ยวแต่ก็หยุดข้างหานเซี่ยวและเริ่มดมเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“มีอะไร?ฉันกลิ่นหอมหรอ?”จากนั้นเขาก็ก้มมองตัวเอง
อโรเชียส่ายหัวและความไม่แน่นอนก็ปรากฏบนใบหน้าสงบนิ่งของเธอ เมื่อเธอเดินผ่านหานเซี่ยว เธอก็รู้สึกถึงความแตกต่างถึงกลิ่นอายของหานเซี่ยวและคิดว่าสัมผัสเธอผิดไป
“นายผ่านการเปลี่ยนแปลงอะไรมา?”อโรเชียไม่อ้อมค้อมและตรงเข้าประเด็น
“โอ้?เธอรู้สึกงั้นหรอ?ฉันเพิ่งทะลวงผ่านขั้นพลังและก็เข้าสู่ระดับภัยพิบัติแล้ว”หานเซี่ยวไม่คิดปิดบัง ยังไงเจ้าหน้าที่เขาก็ต้องรู้อยู่ดี
อโรเชียพยักหน้าอย่างไม่แยแสสำหรับเธอ ไม่ว่าหานเซี่ยวจะทำอะไร เธอก็จะไม่สงสัยเขาเลย แถม หานเซี่ยวเพิ่งรอดพ้นการต่อสู้มา และมันก็เป็นปกติที่เขาจะทะลวงผ่านสำเร็จ
สำหรับNPCอย่างพวกเขาที่ไร้หน้าต่างสถานะการต่อสู้เป็นวิธีดีสุดในการเพิ่มพลัง
หานเซี่ยวพลันคิดถึงบางสิ่งและยิ้ม
“อย่าเพิ่งรีบไปสิฉันจะแสดงอะไรให้เธอดู”
จากนั้นหานเซี่ยวก็เปิดใช้พลังโกลาหลและเปลี่ยนร่างเขาเป็นหมอกเทา
อโรเชียมองหมอกตรงหน้าเธอด้วยตาเบิกกว้างการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นคล้ายกับร่างพลังงานเธอมาก เมื่อเธอยื่นมือออกไปสัมผัสหมอก มือเธอก็ผ่านหมอกไป และไม่รู้สึกอะไร หมอกเทาตรงหน้าเธอไม่แตกต่างจากหมอกธรรมดา
ฮึม!
อโรเชียเปลี่ยนร่างเธอเป็นพลังงานและเข้าไปในหมอกเทาร่างพลังงานสีทองพันกับหมอกเทาและเธอก็สามารถรู้สึกถึงความอบุ่นที่เธอสัมผัสได้ตอนเข้าในเตาพลังงานเท่านั้น
เมื่อคิดถึงการชาร์จอโรเชียก็พยายามดูดซับพลังงานจากหมอกเทา แต่ทว่า กายโกลาหลนั้นได้รับการรักษาโดยพลังงานของหานเซี่ยว และพลังงานนี้ก็ถูกควบคุมโดยหานเซี่ยว ดังนั้น อโรเชียจึงไม่อาจดูดซับได้
เมื่อรู้สึกถึงการกระทำของอโรเชียหานเซี่ยวก็ปล่อยพลังงานส่วนเล็กให้อโรเชียดูดซับ อโรเชียพลันเปลี่ยนเป็นบอลแสงที่เริ่มกระพริบ การดูดซับพลังงานจากกายโกลาหลทำให้เธอรู้สึกสบายมาก และก็ไม่สนใจรักษารูปร่างมนุษย์เธอ หากไม่ใช่ความจริงว่าเธอไม่มีเส้นเสียงในร่างพลังงาน เธอคงปล่อยเสียงพึงพอใจออกมา
พลังงานของตัวตนระดับภัยพิบัติหนากว่าและยังมีตราของยีนหานเซี่ยวดังนั้น มันจึงให้ความรู้สึกแตกต่างจากเตาพลังงานมาก
พลังงานคือพลังชีวิตของกายโกลาหลและด้วยพลังงานส่วนเล็กที่ถูกดูดซับ พลังชีวิตของหานเซี่ยวจึงลดลง จากนั้นหานเซี่ยวก็ต้องแปลกใจเมื่อรู้ว่าเขาสามารถส่งข้อความกระแสจิตให้อโรเชียได้ เขาขอให้เธอส่งพลังงานมาในหมอกเทาเช่นกัน ในทางทฤษฏี ทั้งคู่ควรสามารถแลกเปลี่ยนพลังงานได้
พลังงานสีทองถูกส่งถ่ายไปยังหมอกเทาและพลังชีวิตของกายโกลาหลเขาก็เต็มไปด้วยแสง หานเวี่ยวพลันฉุกคิด เพราะพรสวรรค์ส่วนใหญ่เขาถูกปิดในกายโกลาหล อโรเชียจึงไม่ใช่แค่’แบตเตอรี่’ของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นน้ำยาพลังชีวิตเคลื่อนที่
จากนั้นเขาก็ส่งอีกความคิดให้อโรเชียและอโรเชียก็เปลี่ยนเป็นกายโกลาหลผสานเข้ากับหมอกเทา หมอกเทาพลันส่องประกายสีทอง และทั้งสองก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ลึกซึ้งขึ้น ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายโอนพลังงาน นี่คล้ายกับว่าอโรเชียกลายเป็นหนึ่งเดียวกับกายโกลาหล
หลังทดลองสักพักหานเซี่ยวก็ปิดกายโกลาหลและเปลี่ยนกลับเป็นร่างเดิม อโรเชียเองก็แยกตัวเธอและยกเลิกร่างพลังงาน
“นี่คือความสามารถใหม่ของนาย?”อโรเชียอดถามไม่ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหน้างามเธอเริ่มมีสีแดงเล็กน้อย
“ใช่แล้ว”
สีหน้าหานเซี่ยวดูแปลกและรู้สึกราวกับเขาเพิ่งทำอะไรแปลกๆลงไป
เขาส่ายหัวขับไล่ความคิดแปลกๆทั้งหมดในหัว จากนั้นก็พยายามนึกย้อนตอนเขารู้สึก เพราะกายโกลาหลเขาเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทโดเมนที่มีพลังงานเป็นเส้นชีวิต เขาจึงทดลองมันกับอโรเชีย ท้ายที่สุด ทุกสิ่งก็เป็นตามคาดและตราบเท่าที่พวกเขาเชื่อมต่อกัน พวกเขาจะสามารถส่งพลังงานให้กันได้
แต่ทว่าแม้อโรเชียจะสามารถริเริ่มดูดซับพลังงานได้ แต่กายโกลาหลไม่อาจทำได้ กายโกลาหลทำได้แค่ดูดซับพลังงานจากสิ่งแวดล้อม ความสามารถเอสเปอร์ของอโรเชียเป็นการกำหนดคุณสมบัติอื่น เธอสามารถใช้พลังงานได้เกือบทุกรูปแบบ
พรสวรรค์ของผู้สังเกตความโกลาหลพิเศษและก็ควรมีวิธีใช้อีกมากหานเซี่ยวคิด
หลังเข้าสู่ระดับภัยพิบัติหานเซี่ยวก็มีความสามารถใหม่มากมายที่เขาคุ้นเคย
จากนั้นเขาก็โยน[ตราแห่งผู้สังเกต]ลงบนตัวอโรเชียก่อนแยกย้าย
ตามทางหานเซี่ยวคิดถึงคำขอของริสด้า เขาไม่มีเจตนากลับคำพูด เมื่อริสด้าทำภารกิจเสร็จ เขาจะช่วยอโรเชียฟื้นคืนความทรงจำ
ไม่ว่ากรณีใดหานเซี่ยวก็เดาได้ว่าข้อกำหนดสุดท้ายภารกิจ[รีบู้ต]คืออะไร เขาแค่ต้องทำให้มั่นใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องต่อกรกับแมนิสันจาก[จักรวรรดิจักรกล]
…
ไม่กี่วันถัดมาเจ้าหน้าที่ต่างๆของกลุ่มก็พบว่าหานเซี่ยวเข้าสู่ระดับภัยพิบัติแล้ว เทียบกับความสงบของอโรเชีย พวกเขาต่างตกใจ
นั่นคือระดับภัยพิบัติเชียวนะ!
ก่อนกัปตันพวกเขาจะย่างก้าวสู่ระดับนี้เขาก็สามารถต้านรับการโจมตีจากสามภัยพิบัติได้แล้ว ตอนนี้เขาได้เข้าสู่ระดับภัยพิบัติ แล้วเขาจะทรงพลังแค่ไหนกัน?!
คนที่ตกใจสุดย่อมเป็นเฮอลัสเขาเข้าร่วมกลุ่มแบล็คสตาร์มาก่อนหานเซี่ยวจะเป็นระดับBและก็เป็นคนที่เห็นความก้าวหน้าของหานเซี่วยมาตลอด!
หานเซี่ยวเปลี่ยนจากเกรดCเป็นAในเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น?!
เฮอลัสเพิ่งสัมผัสกับขอบเขตของB+เท่านั้น!
เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอัตราการเติบโตแบบนี้มาก่อน!หานเซี่ยวกินอะไรถึงโตขนาดนี้?!
ซิลเวียมีความสุขสุดหลังใช้ชีวิตร่วมกับทหารรับจ้างมาหลายปี เธอก็ทำเหมือนกองทัพแบล็คสตาร์เป็นบ้านหลังที่สองของเธอ
ในที่สุดก็มีตัวตนระดับภัยพิบัติในกลุ่มแบล็คสตาร์และแบล็คสตาร์ก็คืออาจารย์ของเธอดังนั้น เธอย่อมรู้สึกภูมิใจ
แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ของกองทพัแบล็คสตาร์ไม่ค่อยได้เห็นหน้าหานเซี่ยวนักเพราะเขามักขังตัวเองในห้องดัดแปลงเครื่องจักร
การเข้าสู่เกรดAเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นในการรวมพิมพ์เขียวบางอย่างและหานเซี่ยวก็สามารถพัฒนาอุปกรณ์เขาได้อีก เขาไม่ต้องเปลี่ยนประเภทอุปกรณ์ที่เขาติดตั้ง แต่สามารถใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ หานเซี่ยวเสียเครื่องจักรไปมากในช่วงการต่อสู้ และนี่ก็เป็นเวลาดีสุดในการชดเชยช่องว่างในอาวุธเขา
มังกรมิติถูกทำลายไปแล้วและสิ่งเดียวที่เหลือก็คือวัตถุดิบแกน กระดูกมังกร หานเซี่ยวผสานพิมพ์เขียวใหม่ที่ระดับสูงขึ้นและเตรียมสร้างชุดรบใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม
มีวัตถุดิบหลักสามชุดสำหรับชุดใหม่: โลหะผสมไคลี่ สุดยอดไฟเบอร์โพลิเมอร์นาโนPR-909 และโลหะกลั่นโอเวอก้า ทั้งหมดคือวัสดุเกรดทหารและมีราคาแพงมาก แถม พวกที่ควบคุมวัสดุเหล่านี้ก็คืออารยธรรมระดับกลุ่มดาว
วัสดุทั้งสามนี้ถือเป็นทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ของกองทัพใช้เป็นการทำธุรกรรมระหว่างอารยธรรมและไม่อาจพบได้ในตลาดเลย ตราบเท่าที่มันปรากฏบนตลาดมืด มันจะถูกซื้อภายในไม่กี่วินาที แค่โลหะผสมไคลี่หนึ่งกิโลก็มีราคาเท่ากับยานขนาดเล็กแล้ว มันมีความต้องการสูงแต่ก็ขาดของ ต่อให้มีเงินและอยากซื้อ มันก็เป็นไปไม่ได้
แต่ทว่าในฐานะผู้ปกครองอารยธรรมกาแล็กซี่ โกโดร่าย่อมมีของเก็บไว้ที่พวกเขาซื้อมาจากอารยธรรมระดับกลุ่มดาว
เมื่อเขากำลังขายแหล่งกลายพันธ์หนึ่งในเงื่อนไขคือให้โกโดร่ายอมให้เขาซื้อวัสดุจำกัดเหล่านี้
แต่ทว่าแม้โกโดร่าจะยอมรับเงื่อนไข พวกเขาก็ยังขอเพิ่มว่า ปริมาณที่เขาสามารถซื้อได้ทุกปีนั้นมีจำกัด โกโดร่าไม่ยอมให้ของเหล่านั้นออกสู่โลกภายนอกมากเกินไป
หลังนำอุปกรณ์สื่อสารออกมาหานเซี่ยวก็อยากติดต่อกับนากาคินเพื่อซื้อวัสดุ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดว่านากาคินจะเป็นคนพูดก่อนเมื่อเชื่อมสาย
“แบล็คสตาร์มันถึงเวลาแล้ว”นากาคินกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เมื่อหานเซี่ยวได้ยินเขาก็วางเรื่องซื้อของไว้และกล่าว”โกโดร่าพร้อมแล้วงั้นหรอ?”
“กองยานพร้อมแล้วและยานแม่ดาราทมิฬทั้งหมดก็อยู่ภายในห่วงเราผู้นำจะสั่งโจมตีในไม่ช้า นี่คือภารกิจลับและชื่อรหัสมันก็คือ[ปฏิบัติการโฮเดลลาส]!”
ชื่อรหัสเป็นคำแปลโดยตรงจากภาษาโกโดร่าโบราณซึ่งหมายความว่า’ถอนรากศัตรู’และ’กำจัดวัชพืชที่ราก’
ใบหน้าหานเซี่ยวดำมืดจากวันที่เขาขายข้อมูลให้โกโดร่า เขาก็รู้ว่าวันนั้นจะมาถึง โกโกโดร่ากำลังเริ่มการโต้ตอบดาราทมิฬ และเรื่องนี้ก็เกิดกับเขา
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้าเขา
“แบล็คสตาร์เราต้องการนาย”นากาคินกล่า
เมื่อได้ยินหานเซี่ยวก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้มล้อเลียน”เฮ้ นายต้องรู้ว่าการให้ข้อมูลและการเข้าร่วมการต่อสู้นั้นต่างกันนะ นายกำลังจ้างฉันอย่างเป็นทางการ?”
“เราจะให้ค่าตอบแทนที่ทำให้นายพอใจมันจะเท่ากับพวกกลุ่มทหารรับจ้างใหญ่อย่างกองทัพวงแหวนนภา”
หานเซี่ยวตั้งใจเข้าร่วมการต่อสู้อยู่แล้วและแค่รอเรื่องค่าตอบแทนแต่ทว่า เขาไม่คิดเลยว่าโกโดร่าจะเต็มใจจ่ายเขาในระดับเดียวกับกลุ่มทหารรับจ้างใหญ่
ดูเหมือนว่าโกโดร่าอยากกำจัดดาราทมิฬจริงๆ
หลังทำให้พวกเขาเดือดร้อนมานานโกโดร่าก็โกรธแค้นดาราทมิฬมาก ตราบเท่าที่ได้ระบายความโกรธ การโจมตีของพวกเขาจะคล้ายกับการถล่มของภูเขาหิมะ
โดยปราศจากความสามารถการซ่อนตัวของพวกเขาดาราทมิฬต้องแบกรับความโกรธของโกโดร่าโดยไม่มีการเตรียมตัว
ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายจะได้แก้ไขความขัดแย้งกัน
นี่ยังเป็นโอกาสให้หานเซี่ยวทำภารกิจพันธมิตรแห่งโกโดร่าและอาจเป็นส่วนสำคัญของภารกิจ[สายเลือด]
หลังวางสายหานเซี่ยวก็ลูบคางและเรียกเฮอลัส
“เฮอลัสเรามีงานต้องทำ รวมทหารรับจ้างทั้งหมดและเตรียมออกเดินทาง”
“รวมถึงพวกเหนือมนุษย์ด้วยงั้นหรอ?”
“ใช่ทุกคนเลย”
หานเซี่ยวเผยรอยยิ้ม
การต่อสู้ระหว่างอวกาศจะเป็นโอกาสให้เขานำผู้เล่นสู่กาแล็กซี่!มันดูไม่เลวร้ายนัก
มันถึงเวลาที่จะให้กาแล็กซี่รู้ถึงพลังของกองทัพแบล็คสตาร์!้