The Legendary Mechanic - ตอนที่ 606 แดนหลั่งเลือด
ตอนที่ 606 แดนหลั่งเลือด
ใจกลางกลุ่มดาวโซลดวงดาวส่องสว่าง กระแสแสงสาดไปทั่วจักรวาล พุ่งผ่านความมืด มันคือยานแสงทมิฬในไฮเปอร์ไดรฟ์ บนยานมีแค่หานเซี่ยว เอเมส ฮีล่าและออโรร่า
หลังผ่านไปไม่กี่วันทั้งสี่ก็มาถึงกลุ่มดาวโซล ผ่านหลายประตูดาราและระบบดาว เมื่อผ่านประตูทางเข้าจากกลุ่มดาวโซล พวกเขาก็ถูกตรวจโดยสถานีประตูดารา
การจัดการของอาณาจักรเคล็นท์ของกลุ่มดาวโซลค่อนข้างเข้มงวดพวกเขาได้ตั้งจุดตรวจไว้รอบประตูดาว
ทางเข้าออกประตูอนุญาติให้มีการเคลื่อนย้ายผ่านพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างสองกลุ่มดาวช่วยวประหยัดเวลาได้มากโข ผู้ท่องอวกาศท่องหมดต้องมีเบื้องหลังใสสะอาดในการใช้ประตูดาว ขณะที่ผู้เดินทางผ่านพื้นที่รกร้างส่วนใหญ่เป็นอาชญากรและองค์กรลับ
ศูนย์ใหญ่ของแดนหลั่งเลือดอยู่ในระบบดาราที่ควบคุมแน่หนาระบบดาราใจกลางในกลุ่มดาวโซล
ในโถงยานหานเซี่ยวมองตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่
“ดาวฮีเบอร์จิ๊จิ๊..เขาใช้ชื่อตัวเองเป็นศูนย์ใหญ่ ช่าง..”ขณะที่หานเซี่ยวกำลังจะแสดงความคิดเห็น เขาก็พลันตระหนักว่าเขาทำเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนประโยค”ช่างฉลาดมาก!”
“เราเกือบถึงแล้วงั้นหรอคะ?”ออโรร่ามองแผนที่ด้วยความอยากรู้และตระหนักว่าเธอไม่เข้าใจเลย
“ไฮเปอร์ไดรฟ์จะสิ้นสุดในสิบนาทีและยี่สิบวินาที”หานเซี่ยวมองแผงควบคุมยานอวกาศกำลังขับอัตโนมัติ และทั้งสี่ก็อยู่ที่โถง
ออโรร่าหันมาถาม”อาจารย์ดาวฮีเบอร์คล้ายกับเกาะมังกรหรือเปล่า?”
เอเมสทิ้งตัวนอนบนโซฟาเธอยิ้มและกล่าว”แตกต่าง ต้นทุนของดาวฮีเบอร์สูงกว่า มันเป็นดาวดัดแปลง สร้างโดยอาณาจักรเคล็นท์ มีเทคโนโลยีระดับกลุ่มดาว มันเหมือนป้อมปราการเคลื่อนที่ มันคืออาวุธที่แข็งแกร่งสุดเป็นอันดับสองของฮีเบอร์”
ความสามารถของอารยธรรมกลุ่มดาวเหนือกว่าอารยธรรมระบบดาวมากอยู่คนละระดับกันโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ชัดเจนสุดคือความคล่องคัว อารยธรรมกลุ่มดาวสามารถสร้างประตูดาว ดังนั้นความเร็วการขนส่งย่อมเหนือกว่าอารยธรรมระบบดาวมากโข
นอกจากนี้อารยธรรมกลุ่มดาวยังมีเทคโนโลยีสร้างยานเกรดดาวเคราะห์ สิ่งที่พบได้มากสุดคือยานแม่ขุดดาว มันสามารถกลืนดาวได้ทั้งดวง ทำลายดาวทั้งใบและเปลี่ยนมันเป็นทรัพยากรทุกประเภท
ตัวอย่างเช่นดาวฮีเบอร์คือป้อมปราการอวกาศเกรดดาวเคราะห์ที่อาณาจักรเคล็นท์สร้างขึ้น
“แข็งแกร่งเป็นอันดับสอง?งั้นอะไรคืออาวุธที่แกร่งสุด?”ฮีล่าถามด้วยสีหน้าจริงจังเธอสนใจความสามารถของคนที่แข็งแกร่งสุดในวงแหวนดาวกระจายมาก
“อาวุธที่แข็งแกร่งสุดของเขาย่อมเป็นตัวเขา”เอเมสส่ายหัว”เขาสามารถใช้ร่างกายเขาเจาะผ่านดาวเคราะห์ได้โดยตรง”
“เป็นไปไม่ได้!”ออโรร่าอุทาน
หานเซี่ยวให้ฟิลลิปค้นประวัติของฮีเบอร์แล้วมันดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าหนึ่งบันทึกที่เขาพุ่งชนใส่ดาวเคราะห์ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องปกติของฮีเบอร์
“ร่างของเขาแกร่งมากหินและโคลนไม่อาจหยุดเขาได้ ชั้นหินหนาภายใต้ผิวดาวก็เหมือนกระดาษสำหรับเขา และลาวาก็เหมือนน้ำให้เขาอาบเล่น แม้กระทั่งแกนดาวก็ยังไม่พอจะแผดเผาเขา อาจมีแค่ดาวฤกษ์ถึงทำร้ายเขาได้ แต่ไม่ใช่ดาวเคราะห์ ดังนั้นการพุ่งชนดาวจึงไม่ได้ท้าทายอะไรต่อเขา”เอเมสถอนหายใจ
ฮีเบอร์เกือบจะเป็นดาวข่มเธอแม้กระทั่งสนามพลังรุนแรงสุดของเธอก็ยังไม่อาจฉีกฮีเบอร์ได้ ฮีเบอร์สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายใต้แรงกดดัน หากเธอใช้เกาะมังกรกระแทกใส่เขา มันก็จะถูกฮีเบอร์ทำลายแทน ดาวข่มของเอสเปอร์ประเภทสนามพลังคือศัตรูที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ เหนือสิ่งอื่นใด แม้สนามพลังจะมีประโยชน์รอบด้าน มันก็เด่นการควบคุม ไม่ใช่พลัง
แม้เอเมสจะเป็นพวกไม่สนโลกเธอก็ไม่ได้เมินเฉย เธอรู้จุดอ่อนเธอ
ฮีล่าขมวดคิ้วและเงียบพลังของฮีเบอร์เกินกว่าขอบเขตความรู้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ฮีเบอร์พุ่งทะลุดาวได้เหมือนกระสุนสไนเปอร์เจาะแผ่นเหล็ก”หานเซี่ยวส่ายหัวตัวตนที่เหนือกว่าระดับAมีพลังน่ากลัวเกินไป
หลังคุยสักพักยานแสงทมิฬก็ออกจากไฮเปอร์ไดรฟ์ อุโมงค์แสงด้านนอกหน้าต่างหายไปและจักรวาลก็ปรากฏอีกครั้ง
ภายใต้ยานดาวโลหะขนาดเล็กเข้ามาในสายตาพวกเขา สีมันดูมืดๆ
ดาวฮีเบอร์!
หานเซี่ยวรับการขอสื่อสารจากดาวฮีเบอร์หากพวกเขาไม่ระบุตัวตนและยังลอยรอบดาวฮีเบอร์ พวกเขาจะถูกมองเป็นศัตรู
เอเมสมีจดหมายเชิญดังนั้นหลังยืนยันตัวตน ดาวฮีเบอร์ก็ส่งพิกัดลงจอด หานเซี่ยวบอกริสด้าให้ควบคุมยานและลงจอด
ด้วยความที่ดาวฮีเบอร์เคลื่อนที่เหมือนเกาะมังกรมันจึงไม่มีแสงอาทิตย์ธรรมชาติ ด้านบนมันปกคลุมด้วยเมฆเทียมมืดหนาที่บดบังรังสีจากจักรวาล
ยานอวกาศค่อยๆลอยลงหลังผ่านเมฆดำ ผิวของดาวฮีเบอร์ก็ปรากฏในสายตาพวกเขา
ดาวฮีเบอร์มีแต่สีดำมืดเย็นเฉียบไม่มีอะไรน่าสนใจเลย
ปราสาทมีลักษณะเป็นปราสาทสูงและมีฐานมากมายดั่งภูเขาสิ่งก่อสร้างเหล่านี้เปล่งแสงสีน้ำเงินเข้ม มันดูลึกลับมาก ระหว่างฐานจำนวนมาก มีอุปกรณ์ทรงกลมกลวงขนาดใหญ่สูงสองกิโลเมตร แสงสีม่วงกระเพื่อมจากส่วนที่กลวงของมัน เหมือนกำลังทำอะไรบางอย่าง
เหนือฐานมีกองยานรบลาดตระเวน
นี่เป็นป้อมปราการระดับดาวเคราะห์!
ฮีล่าและออโรร่าตกตะลึง
ยานแสงทมิฬลงจอดระหว่างฐานเมื่อออกจากยาน กลุ่มคนก็กำลังรออยู่ พวกเขาคือทหารของแดนหลั่งเลือด นำโดยขุนพลมาเลคิธ
“ท่านจักรพรรดินีมังกรขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญของเรา ยินดีต้อนรับสู่แดนหลั่งเลือด”
มาเคลิธก้มหัวเล็กน้อยเขาเป็นคนไปส่งจดหมายเชิญให้เอเมส
เอเมสไม่ตอบเธอมองรอบๆ หัวเราะและกล่าว”มันก็ผ่านมานานแล้ว แต่สถานที่นี้ก็น่าเบื่อเหมือนเคย ช่างไร้รสนิยมจริงๆ”
“ยานรบและป้อมปราการคือเครื่องประดับที่ดีสุด”มาเลคิธตอบเมื่อเขาเห็นหานเซี่ยวข้างเอเมส ดวงตาเขาก็เป็นประกายและกล่าวเสียงเย็น”แบล็คสตาร์ ฉันบอกแล้วว่าเราจะได้พบกันในไม่ช้า”
หานเซี่ยวเลิกคิ้วและแกล้งโง่”นายเป็นใคร?ฉันไม่เคยเจอนายมาก่อน”
“..”
คนอื่นมองกันและจ้องเขา
“เอาละฉันล้อเล่น”หานเซี่ยวขดปาก
คนในแดนหลั่งเลือดน่าสนใจจริงๆพยายามทำให้พวกเขาแตกแยกทันทีที่พบกัน มาเลคิธจงใจใช้น้ำเสียงคลุมเครือเพื่อบอกใบ้ว่าเขาเคยพบกับแบล็คสตาร์มาก่อน
หานเซี่ยวไม่ได้บอกเอเมสว่าเขาเจอกับมาเลคิธและเอเมสก็เคยถูกขโมยคนไปครั้งหนึ่ง เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้า เธอจึงควรอ่อนไหวต่อเรื่องนี้ หากเธอรู้ว่าคนที่เธอไว้ใจเจอกับคนของแดนหลั่งเลือดเป็นการส่วนตัว เธออาจไม่พอใจเขา
มาเลคิธดูเหมือนพวกบ้ากล้ามสมองน้อยแต่เขากลับมีแผนสกปรกขนาดนี้ด้วย?
เอาละฉันจะจำเรื่องนี้ไว้