The Legendary Mechanic - ตอนที่ 608 ตรวจสอบ
ตอนที่ 608 ตรวจสอบ
ทุกคนมองไปตามแหล่งเสียงเสียงมาจากใจกลางของแดนหลั่งเลือดและเป็นตำแหน่งวังของฮีเบอร์
ตาของเอเมสทอประกายเย็นชาและมองฮีล่ากับออโรร่าก่อนถอนหายใจฝ่ามือเธอลดลงและซ่อนไว้ในแขนเสื้อ เธอไม่คิดลงมืออีกและสนามพลังก็หายไป
บรรยากาศตึงเครียดผ่อนลงในทันใด
จากนั้นเธอก็มองแครอลและมาเลคิธที่ขวางการโจมตีเธอและกล่าวอย่างสงบ”อย่ายืนเฉยนำทางไป”
เมื่อเธอตัดสินใจยอมรับคำเชิญแมสก็เดาไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้อาจเกิด การโจมตีก่อนหน้าเธอได้แสดงทัศนคติเธอแล้ว แต่เนื่องจากฮีเบอร์เข้ามาแทรกแซงและเธอก็อยู่ในดินแดนเขา เธอจึงไม่อยากให้เกิดการแตกหัก เหนือสิ่งอื่นใด เธไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหา
มาเลคิธพยักหน้าและนำทาง
หานเซี่ยวหันไปมองแครอล
แครอลไม่พูดอะไรอีกจากนั้นก็หุบยิ้มและส่ายหัวให้อีกสองขุนพล”ฉันคิดว่าเธอจะโจมตีต่อซะอีก แม้ฉันจะไม่แน่ใจนัก แต่ด้วยความเข้าใจของฉันที่มีต่อเอเมส การยั่วยุระดับนี้ควรพอให้เธอโกรธ”
จากนั้นขุนพลอีกคนก็กล่าว”จักรพรรดินีมังกรเปลี่ยนไปแล้วข่าวลือเป็นจริง เธออยากขยายกองกำลัง”
กองทัพแบล็คสตาร์เป็นตัวแทนขงการขยายหลายงค์กรสังเกตเห็น และแดนหลั่งเลือดก็ไม่เว้น
ภารกิจของแครอลคือการตรวจสอบท่าทีของเอเมสคำพูดส่วนใหญ่เขาเจาะจงแบล็คสตาร์และไม่ได้ทำให้เอเมสอับอายโดยตรง ผ่านปฏิกิริยาของแมส พวกเขาสามารถได้รับข้อมูลมากมาย หากเธออยากขยายจริงๆ เธอคงไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง
…
ในเวลาเดียวกันในวังของฮีเบอร์ มีเพียงฮีเบอร์และฑูตเคล็นท์นั่งอยู่ ภาพขงเอเมสและผู้ติดตามเธอฉายบนจอ
อาณาจักรเคล็นท์ให้ความสำคัญกับงานของฮีเบอร์มากและถืว่านี่เป็นภารกิจทางการฑูตฑูตคือเจ้าหน้าที่ระดับสูงในอาณาจักรเคล็นท์และการเข้าร่วมก็เป็นการแสดดงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างฮีเบอร์และอาณาจักรเคล็นท์
ชาวเคล็นท์มักมีรูปร่างเพรียวบางและเมื่อยืนข้างๆฮีเบอร์สูงเจ็ดเมตร ฑูตจึงดูตัวเล็กจ้อยไป
“ท่านฮีเบอร์ท่านทรงพลังเสมอ ท่านไม่ต้องเผยตัวและยังสามารถทำให้จักรพรรดินีมังกรหดหัวได้ด้วยการคำราม ผมยังคิดว่าจะได้เห็นท่านแสดงฝีมือซะอีก”ฑูตเคล็นท์กล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ
“อืม”ฮีเบอร์ส่ายหัวเขย่าแก้วไวน์ที่ทำเป็นพิเศษในมือเขา
“น่าเสียดายหากแค่เธอตัดสินใจลงมือละก็”ฑูตเคล็นท์ส่ายหัวและยิ้ม
“งานรวมตัวครั้งนี้เป็นงานใหญ่เธอจะตอแยหลายคนหากสร้างปัญหา เนื่องจากเธออยากขยาย เธอคงไม่ลงมือ”ฮีเบอร์กล่าวอย่างเฉยชา
“ท่านไม่กลัวว่าเธอจะล้างแค้นหลังงานชุมนุมงั้นหรอ?”ฑูตหัวเราะ”เธอคือคนที่พร้อมจะทำแบบนั้น”
“ไม่ใช่ว่านั่นเป็นสิ่งที่พวกนายอยากเห็นมากสุดงั้นหรอ?”ฮีเบอร์ถาม
“ฮ่าๆท่านพูดถูก นั่นจะมอบข้ออ้างให้ท่านยับยั้งเกาะมังกร”ฑูตเคล็นท์หัวเราะ เขาคือคนที่อยากเห็นแมสทุ่มสุดตัว”แม้กระทั่งอารยธรรมผลึกม่วงก็จะไม่หยุดท่านจากการเข้าสู่กลุ่มดาวโคลตันด้วยเหตุผลนี้”
ฮีเบอร์จ้องเขาและไม่คิดตอบด้วยความที่ทั้งคู่เป็นพันธมิตรกัน แรงจูงใจพวกเขาจึงต่างกัน
ฑูตเคล็นท์มองรูปร่างของเอเมสบนจอและพึมพำ”เอเมส…จิ๊จิ๊หากฉันได้รับสาวงามเช่นนี้มาข้างงกาย ผู้หญิงคนอื่นคงไร้ค่าไป”
ด้วยสถานะและอำนาจของเขาเขามีพันธมิตรมากมายและรูปลักษณ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากัวล สถานะและตัวตนคือสิ่งที่ทำให้สาวๆหลายคนอยากเข้ามาหาเขา ด้วยความที่มีผู้หญิงเพียงคนเดียวใน4สุดยอดอของวงแหวนดาวกระจาย เอเมสจึงเป็นผู้หญิงที่ยากจะทำให้เชื่องสุด
อารยธรรมระบบดาวไม่กล้าตอแยตัวตนที่เหนือกว่าเกรดAแต่สำหรับอารยธรรมระดับกลุ่มดาว แม้ตัวตนระดับนั้นจะทรงพลัง พวกเขาก็ไม่กังวลเลย
มีเพียงองค์กรใหญ่อย่างฮีเบอร์ถึงสำคัญต่ออารยธรรมระดับกลุ่มดาว
ดังนั้นฑูตเคล็นท์จึงไม่คิดปิดบังความปราถนา ยังไงซะ มันก็แค่ความคิด
“ฉันเกลียดผู้หญิงหัวรั้น”ฮีเบอร์ค่อยๆกล่าว”นิสัยเธอต้องถูกจัดการ”
เมื่อได้ยินฑูตเคล็นท์ก็ส่ายหัว เอเมสไม่มีอะไรมากกว่าสิ่งที่เขาทำได้แค่คิด แต่ฮีเบอร์คือคนที่สามารถลงมือทำได้
..
หานเซี่ยวและคนอื่นเดินทางไปห้งรับแขก
หลังความขัดแย้งก่อนหน้าอารมณ์ของทั้งกลุ่มก็หม่นหมอง
“แบล็คสตาร์ไม่ต้องคิดมาก”เอเมสพลันกล่าว”แครอลตั้งใจพูดแบบนั้น”
“ฉันรู้”หานเซี่ยวยักไหล่
“พวกเขาควรทำตามคำสั่งของฮีเบอร์”เอเมสอธิบาย”ฉันสงสัยว่าเจตนาเขาคืออะไรอีซอปทำนายว่าการชุมนุมนี้จะแตกต่างและขอให้ฉันอย่ากระทำอุกอาจ”
มันกลายเป็นว่าเอเมสได้รับคำพยากรณ์ของอีซอปมาบางทีอีซอปอาจแนะนำให้เธอมางานนี้
“แครอลคือสมาชิกที่เก่าแก่สุดของเกาะมังกรแต่เขาทรยศฉันเพื่อฮีเบอร์ รับเอาตำแหน่งสูงในแดนหลั่งเลือด”
หานเซี่ยวส่ายหัวและกล่าว”การยอมให้คนทรยศรับตำแหน่งสำคัญฮีเบอร์ช่างเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก”
อย่าใช้บุคคลที่สงสัยและอย่าใช้คนทรยศฮีเบอร์ต้องมีเงื่อนไขที่ดีมากเพื่อแย่งคน เมื่อมาเลคิธพยายามดึงตัวเขา มาเลคิธก็เสนอตำแหน่งขุนพลให้เขา
“เขาคือเผด็จการเขาไม่กลัวการทรยศ”
“ทำไม?”
“เมื่อแครอลทรยศฉันฮีเบอร์สามารถปกป้องเขาได้ แต่หากเขาทรยศฮีเบอร์ ไม่มีใครในวงแหวนดาวกระจายจะสามารถปกป้องเขาได้”เอเมสถอนหายใจ”แถม ฉันต้องยอมรับว่าฮีเบอร์เป็นผู้นำมากกว่าฉัน”
“เธอระวังเขามากหรอ?”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว”ฉันยังคิดว่าเธอไม่เคยกลัวอะไรซะอีก”
“แน่นอนว่าฉันไม่กลัวเขาแต่ไม่ว่าฉันจะเกลียดเขาแค่ไหน ฉันก็ม่าอจเปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาทรงพลังมากได้”เอเมสส่ายหัวและหยุด”ดังนั้น พยายามอยู่นิ่งๆไว้ก่อน นายไม่ต้องโกรธเพราะแครอล”
เอเมสมองหานเซี่ยวและเริ่มให้คำอธิบายเธอกลัวว่าหานเซี่ยวจะเอาคำพูดเหล่านั้นมาคิดมาก
หานเซี่ยวรู้สึกอบอุ่นในใจเขาไม่สนใจสิ่งที่แครอลพูด แต่ก็ไม่คิดว่าเอเมสจะใส่ใจความรู้สึกเขา
ตามความเข้าใจเขาเธอดูไม่เหมือนคนที่สนใจคนอื่น
“ฉันรู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไป”
“ฉันเปลี่ยนไปยังไง?”เอเมสยิ้ม
“เธอมีความอดทนมากกว่าเดิม”
เอเมสยิ้มและไม่ตอบจากนั้นก็หันไปมองฮีล่าและออโรร่า
“อีซอปบอกว่ามีแค่เด็กที่ทำแบบนี้โดยตั้งใจเขาขอให้ฉันเปลี่ยน หากไม่ สักวันหนึ่ง ฉันจะต้องลำบาก”
หานเซี่ยวกลอกตาและตอบ”ตาแก่นั่นยังไร้ยางอายเหมือนเดิมเขามีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนั้น?”
“ฉันก็คิดแบบนั้น”เอเมสฉีกยิ้มสดใส
…
ห้องรับรองตั้งอยู่อาคารด้านข้างวังฮีเบอร์มันเป็นปราสาทยักษ์ที่เต็มไปด้วยห้องรับรอง มีแขกหลายคนอยู่ในห้องพักอยู่แล้ว
ยังมีเวลาอีกหลายวันก่อนจะเริ่มงานและหลายองค์กรก็กำลังมา เวลาไม่กี่วันก่อนจะเริ่มพิธีถือเป็นโอกาสดีสุดในการสร้างสายสัมพันธ์ เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่องค์กรใหญ่จะมารวมตัวกัน
มาเลคิธนำทางไปในปราสาท
ในเวลานั้นโถงหลักเต็มไปด้วยแขก แขกมีหลากเผ่าและมาจากองค์กรต่างๆของวงแหวนดาวกระจาย
เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาแขกทุกคนก็หันไปมอง หลังรับรู้ว่าแขกคือเอเมส ทั้งหมดก็มีสีหน้าแปลกๆ พวกเขาอยากทักทายแต่ก็ดูเหมือนจะระวังอะไรบางอย่างและจึงรักษาท่าทีไว้
ทั้งหมดได้ยินเสียงคำรามของฮีเบอร์เนื่องจากเอเมสและฮีเบอร์ปะทะกัน พวกเขาจึงรู้สึกว่าพวกเขาควรอยู่เฉยดีกว่า ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าก้าวมาคุยกับเธอ
เอเมสไม่สนใจและทั้งกลุ่มก็ออกโถงหลักไปห้อง
แดนหลั่งเลือดเตรียมห้องไว้ให้พวกเขาเอเมสมีห้องของเธอ หานเซี่ยวมีห้องของเขาและฮีล่ากับออโรร่าก็นอนด้วยกัน
เมื่อกลับห้องหานเซี่ยวก็อยู่ลำพัง
จากนั้นเขาก็เปิดใช้บอลบีบอัดและมันก็เปลี่ยนเป็นอุปกรร์ตรวจจับหลังสแกนห้อง เขาก็ยืนยันได้ว่าไม่มีอุปกรณ์ดักฟัง
หานเซี่ยวพยักหน้าและหยิบเครื่องจักรอื่นออกมา
บูซ!
แสงสว่างวาบและภาพโฮโลแกรมก็คลุมทั้งห้องแม้จะมีอุปกรณ์ตรวจจับเวทมนตร์ แต่มันก็จับได้แค่ภาพโฮโลแกรม และไม่อาจบอกได้ว่าเขากำลังทำอะไร
ด้วยความที่มีหลายยักษ์ใหญ่อาศัยในปราสาทและควรไม่มีอุปกรณ์ดักฟังหานเซี่ยวจึงชินกับการระวังตัว
“แครอล..”
ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกายและเปลี่ยนเป็นกายโกลาหล เปิดใช้วิสัยทัศน์มิติ สายตาเขาไม่สนใจระยะห่างกายภาพ และสามารถจับตาดูการกระทำของแครอลได้
วินาทีที่เอเมสตัดสินใจยอมถอยหานเซี่ยวก็วางตราสังเกตใส่แครอลและลบตำแหน่ของโจรสลัดอวกาศออก
ตราสังเกตเป็นแค่มาตรการป้องกันไว้ก่อนในยาฒฉุกเฉิน ตราสังเกตนั่นอาจมีประโยชน์
นอกจากนี้แครอลคือผู้จัดการโลจิสของแดนหลั่งเลือดและสามารถสัมผัสอุปกรณ์สำคัญกับพิมพ์เขียวได้ หานเซี่ยวรู้สึกว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์จาก
เขา
ฉันสามารถใช้ตราสังเกตเพื่อรวบรวมข้อมูลได้หานเซี่ยวคิด
ในชีวิตก่อนหน้าเขาไม่มีผู้เล่นคนใดพบงานรวมตัวเพราะพวกเขาไม่อาจไปถึงระดับดังกล่าวได้ นี่คือครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนี้
แม้จะมีความขัดแย้งบ้างงานเลี้ยงนี้ก็ควรปลอดภัย
เอเมสอาจมาเพื่อแสดงตัวแต่นี่คือโอกาสอันดีที่หานเซี่ยวจะรวบรวมข้อมูล หานเซี่ยวตัดสินใจใช้ประโยชน์จากมัน ดด้วยผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่เป็นยักษ์ใหญ่ พวกเขาอาจเผยข้อมูลสำคัญบางอย่าง ด้วยความทรงจำอันหลากหลายเขา แค่คำใบ้เล็กๆน้อยก็ทำให้เขาคิดได้หลายสิ่ง
การปรับความเข้าใจมักเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อหานเซี่ยวเหนือสิ่งอื่นใด ผู้เล่นในชีวิตก่อนหน้าเขาแค่ได้รับรายละเอียดคลุมเครือในเวลาที่แน่นอน หาเนซี่ยวต้องการรายละเอียดที่ลึกขึ้นและหวังได้รับข้อมูลบ้างจากงานครั้งนี้