The Legendary Mechanic - ตอนที่ 609 ดินแดนใหม่ ฑูตของจักรวรรด
ตอนที่ 609 ดินแดนใหม่ ฑูตของจักรวรรดิ
หลายวันที่ผ่านมาหานเซี่ยวและคนอื่นรออยู่ในปราสาท
ทุกอย่างสงบสุขคนในแดนหลั่งเลือดไม่ได้เริ่มความขัดแย้งอีกครั้ง และแปดระยำ..เอ้ย แปดขุพนก็ไม่ปรากฏอีก
นอกจากพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาติแขกสามารถไปไหนมาไหนก็ได้โดยมีทหารนำทาง
หานเซี่ยวเองก็ไปเดินรอบแดนหลั่งเลือดเล่นเป็นครั้งคราว
แม้กระทั่งทหารทั่วไปในศูนย์ใหญ่ของดาวฮีเบอร์ก็เป็นพวกพิเศษเกรดต่ำแทบไม่มีคนธรรมดา คนภายใจฮีเบอร์ส่วนใหญ่เป็นนักสู้ ดังนั้นจึงสามารถเห็นผู้ชายได้ทั่ว
ทหารสวมเกราะหนักสีเทาซึ่งเสริมความแกร่งของร่างกายและผลของพลังงานนักสู้พวกเขา
หานเซี่ยวสังเกตเห็นว่านอกจากทหารธรรมดาแล้วแดนหลั่งเลือดยังมีทหารชั้นสูง ร่างกายพวกเขาแกร่งมากและสวมเกราะดีกว่า เกราะพวกเขามีอวัยวะเทียมภายนอกหลายอย่างเช่นหาง ปีก กรงเล็บ และอื่นๆ จากสิ่งที่ทหารผู้นำทางกล่าว ทหารเหล่านั้นเรียกว่าทหารพันอสูร หนึ่งในกองทัพชั้นยอดของแดนหลั่งเลือด
หานเซี่ยวสนใจในอาวุธและพาหนะของแดนหลั่งเลือดพวกมันล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะของแดนหลั่งเลือด เห็นได้ชัดว่าฮีเบอร์มีกลุ่มช่างกลคอยออกแบบอาวุธพิเศษ
แดนหลั่งเลือดมีความสุขที่ได้แสดงพลังของพวกเขาต่อแขกแต่สิ่งที่พวกเขาก็แค่ส่วนเล็กๆ
หานเซี่ยวอดรู้สึกถึงแรงกดดันไม่ได้เขากำลังสร้างองค์กรของตน และแม้จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว มันก็ยังมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างพวกเขากับองค์กรใหญ่แบบนี้ ซึ่งอยู่มาหลายปีและรวบรวมทรัพยากรมานาน
ยังมีหนทางอีกยาวไกลสำหรับกองทัพแบล็คสตาร์
ไม่กี่วันที่ผ่านมาแขกได้มาถึงและเข้าปราสาทอย่างต่อเนื่อง
แม้เอเมสจะมาร่วมงานเลี้ยงเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้นเลย เธอขังในห้องเพื่อสอนฮีล่าและออโรร่า ขณะที่หานเซี่ยวเป็นตัวแทนเธอและเข้าสังคม
เมื่อเขาไม่ทัวร์แดนหลั่งเลือดหานเซี่ยวจะคุยกับแขก แขกล้วนเป็นตัวแทนขององค์กรชื่อดังในวงแหวนดาวกระจาย ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสขยายความสัมพันธ์และทำความรู้จักกับคนอื่น
มีผู้นำของกลุ่มการเงินใหญ่ตัวแทนของอารยธรรมกลุ่มดาว และคนที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมต่างๆและองค์กรอาวุธ หานเซี่ยวยังเห็นคนของพันธมิตรทหารรับจ้างในวงแหวนดาวกระจาย ที่เป็นมิตรมากและคุยกับหานเซี่ยว
ตำแหน่งตัวตนและอิทธิพลของแขกล้วนแต่เป็นยอดปิรามิดในวงแหวนดาวกระจาย
หลายองค์กรได้ยินชื่อของแบล็คสตาร์แม้พวกเขาจะไม่ได้สนใจมาก เขาก็เป็นตัวแทนของเกาะมังกรและกองทัพแบล็คสตาร์ก็มีชื่อเสียงมาก
ชื่อเสียงปัจจุบันของหานเซี่ยวและแต้มตำนานเขามาถึงระดับหนึ่งมากพอจะทำให้แขกส่วนใหญ่ยอมรับหานเซี่ยว
จนถึงตอนนี้หานเซี่ยวเคยไปไม่กี่ระบบดารา ซึ่งเป็นส่วนน้อยของวงแหวนดาวกระจาย ดังนั้นอิทธิพลจึงจำกัด ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ก้าวสู่ระดับสูงและพบกับคนที่เป็นแกนหลักของวงแหวนดาวกระจาย
แขกอื่นถูกแบ่งเป็นหลายระดับระดับต่ำสุดถือเป็ฯกลุ่มการเงินใหญ่และตรงกลางก็คือองค์กรใหญ่ เกาะมังกรอยู่ระหว่างระดับต่ำและกลาง
ระดับสูงสุดคือองค์กรยักษ์ใหญ่อย่างแดนหลั่งเลือดรวมถึงตัวแทนของเจ็ดอารยธรรมกลุ่มดาวของวงแหวนดาวกระจาย
ทัศนคติของอารยธรรมกลุ่มดาวที่มีต่อหานเซี่ยวจำกัดอยู่แค่ทักทายพอเป็นพิธียกเว้นสองอารยธรรมที่เป็นมิตรกว่าอย่างอารยธรรมผลึกม่วงและอาณาจักรเคล็นท์
โคลตันคืออาณาเขตของอารยธรรมผลึกม่วงแถม จักรพรรดินีมังกรก็อยู่รอบกลุ่มดาวโคลตัน สำหรับตัวแทนของอารยธรรมผลึกม่วง หานเซี่ยวถือเป็นพันธมิตรพวกเขากึ่งหนึ่ง ทัศนคติของอารยธรรมผลึกม่วงจึงเป็นมิตรและสุภาพ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอาณาจักรเคล็นท์กระตือรือร้นกว่าเขาเข้าหาหานเซี่ยวเพื่อคุย แสดงเจตนาสร้างสัมพันธ์ แน่นอนว่าหานเซี่ยวไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยติดต่อกับเคล็นท์มาก่อน ดังนั้นเขาจึงสับสนมากว่าทำไมชายคนนี้ถึงอย่างคุยกับเขาขนาดนี้..
หลังจากนั้นไม่กี่วันอุปกรณ์สื่อสารของหานเซี่ยวก็ได้รับรายชื่อติดต่อนับร้อยเพิ่ม แค่รายชื่อติดต่อเหล่านี้ก็ทำให้การเดินทางเขาคุ้มค่าแล้ว
เมื่อเขากลับเกาะมังกรและแบ่งปันมันกับเจนนี่เธอย่อมประทับใจแน่
….
ท้ายที่สุดวันสุดท้ายก่อนงานก็มาถึง
วันนั้นเกิดเรื่องน่าประหลาดใจขึ้น ฮีเบอร์ส่งคนมาหาพวกหานเซี่ยว เชิญพวกเขาไปเข้าร่วมการประชุมส่วนตัวที่วังของฮีเบอร์
“ฮีเบอร์อยากพบเป็นการส่วนตัว?เขามีเป้าหมายอะไร?”หานเซี่ยวอยากรู้
“ไม่รู้”เอเมสส่ายหัวเธอ”เราจะรู้เมื่อเราไป”
เธออยากรู้จุดยืนของฮีเบอร์ดังนั้นจึงยอมรับคำเชิญ
พวกเขาเดินไปในวังฮีเบอร์และมาถึงห้องประชุมใหญ่มีบัลลังก์สามบัลลังก์ลอยอยู่เหนือพื้นเป็นรูปสามเหลี่ยม
บนหนึ่งนั้นมียักษ์สูงเจ็ดเมตรนั่งอยู่ให้ความรู้สึกแกร่งมาก ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าห้อง พวกเขาก็มองตามโดยไม่รู้ตัว ตัวตนของฮีเบอร์มีอำนาจล้น เขาสามารถดึงดูดความสนใจของคนอืนได้ทันที
นี่คือครั้งแรกที่หานเซี่ยวได้เจอกับฮีเบอร์และเขาก็นึกถึงสิงโตทันที
ใหญ่นั่นคือความประทับใจแรกของหานเซี่ยวที่มีต่อฮีเบอร์
“นั่ง”ฮีเบอร์มองดวงตาเขาเงียบสงบและน้ำเสียงก็สงบนิ่ง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยแรงกดดันราวกับการปกครองฝังอยู่ในกระดูกเขา ไม่ว่าเขาจะทำอะไร มันก็จะมอบความรู้สึกนั้นให้
เอเมสแค่นเสียงเธอลอยขึ้นและนั่งบนบัลลังก์ หานเซี่ยวและสองสาวยืนอยู่ด้านหลัง
“นายเรียกฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?””เอเมสถาม
ฮีเบอร์มองบัลลังก์ที่สามและกล่าว”ยังมีอีกคนเราจะพูดเมื่อทุกคนมากันครบ”
จากนั้นฮีเบอร์ก็หลับตาและพักผ่อนทิ้งเอเมสไว้
แน่วแน่..ริมฝีปากของหานเซี่ยวกระตุก
เอเมสแค่นเสียงอย่างคุ้นเคยนี่คือวิธีของฮีเบอร์ ตรงไปตรงมาและเผด็จการ เขาไม่ชอบพูดคุย
หลังจากนั้นสักพักประตูก็เปิด
เดด็กสวมชุดจอมเวทย์เกินขนาดตัวลอยเข้ามาและมังกรเวทย์ตัวเล็กๆหลายตัวก็แหวกว่ายรอบเขาอย่างเชื่อฟัง
ใบหน้าของเด็กคนนี้อ้วนและกลมหูเขาแหลม เขาดูอายุแค่6หรือ7ปี ชุดคลุมจอมเวทย์สีแดงและขาวแขวนอยู่บนร่างเล็กๆ เหมือนผ้าห่มหรูหรา แทนที่เขาจะสวมชุดคลุมจอมเวทย์ มันกลับเหมือนว่าชุดจอมเวทย์นั้นห่อตัวเขา ยาวจนเกือบแตะพื้น
ภายใต้เด็กมีชายสวมหน้ากากหลายคนในชุดฮู้ดดำพวกเขาก้มหัวเดิน ดูลึกลับมาก
“นายก็มาที่นี่ด้วย?”น้ำเสียงเอเมสยกสูงขึ้น
“ได้ยินว่ามีเรื่องใหญ่ฉันจึงมาดูหน่อย”เด็กนั่งบนบัลลังก์ว่าง กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มและไร้เดียงสา พยักหน้าให้อีกสองคนและกล่าว”เอเมส ฮีเบอร์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
หานเซี่ยวพลันตระหนักว่าเด็กนี่ก็คือตัวตนที่เหนือกว่าเกรดAอีกคนของวงแหวนดาวกระจาย[ผู้วิเศษ]ออสติน มหาจอมเวทย์
ออสตินดูเดด็กมากแต่เขาก็อยู่มานานมาก เขากำเนิดพร้อมความสัมพันธ์เวทย์ที่หาใดเปรียบ เหมือนกับคนอื่น เขามีฉายามากมาย ‘ผู้เบี่ยงกฏเกณฑ์’ ‘ผู้สร้างคาถาต้องห้าม’ ‘กายกึ่งคาถา’ ‘จ้าวแห่งศาสตร์เวทย์’และอื่นๆ
หานเซี่ยวมองจอมเวทย์ชุดคลุมดำด้านใต้ออสติสทุกคนกอดอกอยู่ มือพวกเขาซ่อนในแขนเสื้อใหญ่ และจ้องพื้นเหมือนรูปปั้น
งั้นนี่ก็คือเหล่าจอมเวทย์ต้องห้าม หานเซี่ยวหรี่ตา
องค์กรของออสตินเรียกว่าวิหารชุดแดงหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าจอมเวทย์ พวกเขาใฝ่ศึกษาแต่เวทมนตร์ บางครั้งจะจัดการงานสืบสวนที่เกี่ยวกับเวทย์ให้อารยธรรมต่างๆ ตราบเท่าที่เป็นจอมเวทย์ในวงแหวนดาวกระจาย ส่วนใหญ่จะเลือกเข้าร่วมกับวิหารชุดแดง
วิหารชุดแดงแยกออกเป็นสมาชิกนอกและสมาชิกในสมาชิกนอกเป็นคนอิสระที่ไม่ต้องมีความรับผิดชอบมากนัก หากอยากเรียนเวทย์ลึกซึ้งขึ้น พวกเขาต้องผ่านบททดสอบและเซ็นสัญญาเวทย์เพื่อกลายเป็นสมาชิกใน ทำตามคำสั่ง
มีเพียงสมาชิกในถึงถือเป็นคนของออสตินจอมเวทย์ต้องห้ามคือกองกำลังชั้นสูง เนื่องจากโครงสร้างองค์กรต่างกัน กำลังทหารพวกเขาจึงไม่แกร่งเท่าแดนหลั่งเลือด แต่หากสมาชิกนอกถูกนับรวม จำนวนก็อาจเหนือยิ่งกว่าแดนหลั่งเลือด
นอกจากเอเมสฮีเบอร์ยังเชิญ4สุดยอดมาอีกคน มีตัวตนที่เหนือกว่าเกรดA4คนในวงแหวนดาวกระจาย และสามคนก็อยู่ที่นี่
จากนั้นฮีเบอร์ก็ลืมตา”ทุกคนมากันครบแล้วฉันจะเข้าเรื่อง”
“เดี๋ยวอีกคนละ?”เอเมสถาม เธอกำลังพูดถึงตัวตนที่เหนือกว่าAคนสุดท้าย
“เขาบอกว่ามันไกลไปและก็ขี้เกียจมา”
“ค่อยสมกับเป็นเขา”ออสตินหัวเราะ
ฮีเบอร์ไม่อยากเสียเวลาเขาตรงเข้าเรื่องและกล่าว”จุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้ก็เพื่อแนะนำคนให้พวกนายรู้จัก”
อีกด้านของประตูเปิดและคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทุกคนหันไปมอง อยากดูว่าคนที่ฮีเบอร์อยากแนะนำเป็นใคร
คนๆนี้เป็นมนุษย์อวกาศสูงประมาณ2.5เมตร ผิวเป็นสีแดงอ่อน ผมสั้นและหน้าก็มีลักษณะเฉพาะ แต่ก็เหมาะสมกับสุนทรียภาพของมนุษย์อวกาศ เขาสวมชุดที่ดูนุ่ม ซับซ้อนและหรูหรา วัสดุที่ใช้ไม่อาจประเมิน ลวดลายบนชุดสวยงามมาก เป็นสีแดงเข้ม
เมื่อเจอกับสามสุดยอดชายคนนี้ก็ยังสงบ เขายืนอยู่ระหว่างสามบัลลังก์และทักทายทั้งสามออย่างสุภาพ
“ฉันขอแนะนำ”ฮีเบอร์กล่าว”ฑูตของจักรวรรดิคริมสันโซเอล”
รูม่านตาของทุกคนหดตัวทันที
ใบหน้าของหานเซี่ยวยังสงบนิ่งแต่ก็มีพายุในหัวเขา
จักรวรรดิคริมสันหนึ่งในสามอารยธรรมจักรวาล
อารยธรรมระดับสูงสุดส่งฑูตมาเข้าร่วมงานของฮีเบอร์?!
ฮีเบอร์ได้สร้างสายสัมพันธ์กับอารยธรรมจักรวาลแล้ว?
รอเดี๋ยว…หานเซี่ยวตระหนักถึงปัญหา
บนหน้ากระดาษวงแหวนดาวกระจายอยู่ในอาณาเขตของสหพันธ์แห่งแสง แต่จักรวรรดิคริมสันกลับลอบส่งฑูตมางานของฮีเบอร์ที่คนสำคัญมารวมตัวกัน ความหมายของเรื่องนี่ช่างพิเศษ
ความคิดของหานเซี่ยวทำงานอย่างรวดเร็วทันใดนั้น เขาก็ตระหนักถึงบางสิ่งและสายตาเขาก็เปลี่ยนไป
เขาจำได้ว่าเบื้องหลังของเวอร์ชั่น3.0[คลื่นแดงเดือด]คือการขยายของจักรวรรดิคริมสัน
สัญญาณกลับปรากฏขึ้นแล้ว
หานเซี่ยวสูดหายใจลึกและสงบสติงานเลี้ยงของฮีเบอร์อาจเป็นการซุ่มโจมตี!
เอเมสขมวดคิ้วและนึกถึงคำพยากรณ์ก่อนออกเดินทาง
งานเลี้ยงนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิดจริงๆ…
ห้องเงียบสงัด
โซเอลมองไปรอบๆและทำลายความเงียบ”นับเป็นเกียรติที่ได้พบกับ3สุดยอดแห่งวงแหวนดาวกระจาย”
“นับเป็นเกียรติเช่นกัน”ออสตินตอบก่อนเหล่มองฮีเบอร์
แนะนำฑูตจักรวรรดิคริมสันหมายความว่ายังไงกัน?
“สิ่งที่เรากำลังพูดต่อไปนี้คือธีมของงานเลี้ยงนี้ฉันกำลังจะบอกพวกนายล่วงหน้า”ฮีเบอร์กล่าว”ไม่นานมานี้ อุปกรณ์สำรวจจักรวาลภายนอกที่สหพันธ์แห่งแสงมีนอกวงแหวนดาวกระจายได้ส่งรายงานกลับมา มันข้ามพื้นที่รกร้างอันกว้างใหญ่และวนรอบๆบริเวณกลุ่มดาวใหม่ นั่นคือกลุ่มดาวนิรนาม และมันต้องได้รับการสำรวจและนับรวมอยู่ในแผนที่ของวงแหวนดาวกระจาย”
สีหน้าของคนอื่นๆเปลี่ยนไป
ไม่แปลกใจที่เจ็ดอารยธรรมกลุ่มดาวได้ถูกส่งตัวแทนมา
นับตั้งแต่สนธิสัญญาสันติภาพสามอารยธรรมจักรวาลก็พยายามสำรวจจักรวาลและขยายจักรวาลที่รู้จัก
ทุกครั้งที่ปรากฏแผ่นดินใหม่มันย่อมเกิดการต่อสู้
เนื่องจากกลุ่มดาวทั้งหมดของวงแหวนดาวกระจายเป็นของอารยธรรมกลุ่มดาวทั้งเจ็ดกลุ่มดาวใหม่ก็เหมือนเค้กที่รอให้ทุกคนผ่า
“สหพันธ์แห่งแสงอยากได้กลุ่มดาวใหม่มาเข้าร่วมวงแหวนดาวกระจายแต่เราก็อยากได้มันมาเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเขตดาราใหม่”โซเอลกล่าว
แม้เขาจะไม่ได้พูดถึงรายละเอียดทุกคนก็เข้าใจความหมาย
วงแหวนดาวกระจายเป็นของสหพันธ์แห่งแสงแต่เขตดาราใหม่ไม่ได้เป็นของใคร เป้าหมายของจักรวรรดิคริมสันใหญ่โตมาก สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่แค่กลุ่มดาว
ในจักรวาลที่ถูกสำรวจเขตดาราใจกลางสงบสุขและเขตดาราที่ขอบก็ยิ่งโกลาหลและล้าหลัง เขตดาราตรงชายขอบอย่างวงแหวนดาวกระจายนั้นเป็นที่ที่มีการแข่งขันรุนแรงสุด มีเพียงสถานที่เหล่านี้ถึงมีโอกาสสำรวจและขยายดินแดนเพิ่ม
“ดังนั้นในนามของจักรวรรดิคริมสัน ผมจึงหวังได้รับความช่วยเหลือ”โซเอลกล่าวถึงเป้าหมายเขา
ฮีเบอร์เงียบเขาได้แนะนำฑูตให้ทุกคน ดังนั้นมันจึงชัดเจนว่าแดนหลั่งเลือดได้ตัดสินใจแล้ว
ออสติสและเอเมสมองหน้ากันและเงียบ
ดวงตาของหานเซี่ยวมั่นคงพวกเขากำลังเดินหมากครั้งใหญ่!