The Legendary Mechanic - ตอนที่ 620 แตกหน่ออารยธรรม
ตอนที่ 620 แตกหน่ออารยธรรม
หานเซี่ยวมองเข้าไปในตาของเฮอลัสและเห็นความลังเลและกระวนกระวายดูเหมือนเฮอลัสจะสนใจสิ่งที่เขากำลังพูดมาก
นับตั้งแต่หานเซี่ยวกลายเป็นภัยพิบัติเหล่าเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเคารพเขามากกว่าเดิม เขารู้จักเฮอลัสมาหลายปีและรู้จักเขาดี เฮอลัสเสียเวลาไปหลายปีก่อนเริ่มช่วยเผ่าเขา เทียบกับนักรบซันนิลเหล่านี้แล้ว เขาไม่เด็ดขาดและคิดมาก
ในชีวิตก่อนหน้าเขาเฮอลัสเต็มใจตายเพื่อหยุดยั้งหายนะ เขาเป็นวีรุบุรษมาก ตอนนี้ที่ประสบการณ์เขาแตกต่าง แน่นอน ความคิดเขาย่อมแตกต่าง
“นายคิดมากไปไม่มีศีลธรรมหรือจริยธรรมในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แค่การยืนคนละด้าน หากฉันไม่ช่วย ชาวซันนิลก็จะต้องเจอจุดจบ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกนายจ้างฉันเพื่อหลีกเลี่ยงงั้นหรอ?”
หานเซี่ยวตบไหล่เฮอลัสและกล่าว”ซันนิลถือเป็นคนนอกก็จริงและอสูรใต้ดินก็ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกมันไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กฏของป่ามีอยู่ทั่ว อสูรใต้ดินคืออุปสรรคต่อการอยู่รอดของชาวซันนิล ในเมื่อนายไม่มีทางเลือก ก็อย่าสงสารศัตรู..”
“ฉันรู้แต่เราจะแตกต่างจากดาราทมิฬยังไงหากทำแบบนี้?”เฮอลัสตอบ
ดาวแม่ซันนิลถูกรุกรานและทำลายโดยดาราทมิฬพวกเขาเป็นเหยื่อ ตอนนี้ พวกเขากลายเป็นผู้บุกรุกเหมือนดาราทมิฬ เฮอลัสจึงทำตัวไม่ถูก
“ซันนิลไม่ใช่ดาราทมิฬดาราทมิฬทำลายเพื่อทำลาย แต่คนของนายทำเพื่ออนาคตของเผ่า แรงจูงใจต่างกัน นี่คือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของเผ่า ในเมื่อพวกนายไม่อาจอพยพได้อีก ทางเดียวก็คือกำจัดอุปสรรค มีเพียงผู้อ่อนแอและแข็งแกร่ง ไม่มีผิดหรือถูก อย่ารู้สึกผิดบาปเกินไป..”
หานเซี่ยวหยุดและกล่าวเสริม”หากอสูรใต้ดินจ้างฉันและบอกให้ฉันขับไล่ชาวซันนิลฉันอาจอยู่ข้างพวกมัน นายก็คงไม่อยยากให้ฉันขับไล่เผ่านายใช่ไหมละ?”
ในฐานะที่เป็นทหารรับจ้างมืออาชีพและคนกลางนี่ไม่ใช่ปัญหาเลย เขาไม่มีเจตนาแทรกแซงการตัดสินใจของซันนิล
การต่อสู้เพื่อความรู้รอดเกิดขึ้นทุกวันรอบจักรวาลสายพันธ์นับไม่ถ้วนถูกฆ่าทุกวินาที และก็มีพวกเกิดใหม่มากมาย
ทัศนคติของหานเซี่ยวทำให้เฮอลัสรู้สึกโล่งใจอย่างน้อยแบล็คสตาร์ก็ไม่ได้ไม่ชอบเขาเพราะเรื่องนี้
“หยุดคุยกันได้แล้ว”เซอรีนกล่าวเสียงเย็นและกระโดดลงไป
เฮอลัสถอนหายใจและกระโดดลงไปด้วย
หานเซี่ยวเปิดชุดลิงคลั่งและตามไป
…
ทั้งสามลอยลงไปสักพักและทางเข้าถ้ำก็เริ่มยากจะเห็นวิสัยทัศน์พวกเขาเต็มไปด้วยความมืดและไม่มีแหล่งแสงสักจุด หานเซี่ยวจึงเปิดการมองเห็นกลางคืน
ลึกลงมาหลายพันเมตรในที่สุดทั้งสามก็มาถึงก้นถ้ำและเหยียบบนพื้นแข็ง
ตรงหน้าพวกเขาคือใต้ดินมืดสนิทอุโมงค์คดและซับซ้อน มีเหมืองศิลาอยู่มากรอบๆ ซึ่งหมายความว่ามีรังพวกอสูรใต้ดินอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวซันนิลค้นพบการดำรงอยู่ของพวกอสูรใต้ดินตอนขุดลงมาถึง พวกเขาเสียทีมสำรวจไปมาก ดังนั้นการขุดจึงหยุดชะงัก
มีร่องรอยการขุดแค่ถ้ำใกล้ๆพื้นทีท่อื่นๆคือโดลกของอสูรติ้น มันใหญ่มาก แค่พื้นทีที่ค้นพบก็ใหญ่กว่าเมืองป่าแล้ว อสูรใต้ดินอาจสืบพันธ์กันมานานจนสามารถสร้างโลกใต้ดินขนาดใหญ่ได้
อุณหภูมิใต้ดินนี้สูงมากและเต็มไปด้วยพลังงานความร้อนสูงหานเซี่ยวเปิดเรดาห์ตรวจจับสัญญาณชีพ บนนั้น รังที่อยู่ไกลออกไปเต็มไปด้วยจุดหนาแน่น แต่ละจุดเป็นตัวแทนของอสูรใต้ดิน ดังนั้นจำนวนพวกมันจึงสูงมาก แค่รังเดียวก็มีหลายสิบล้านตัวแล้ว
ชาวซันนิลได้นับรังเหล่านี้อันที่พวกเขากำลังไปคือรัง1
นี่แค่ส่วนเล็กๆเท่านั้นด้วยขนาดใหญ่โตของดาบซันนิล มันยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าพวกมันมีมากแค่ไหน อาจมีนับพันล้านตัว
รังกระจายออกจากเหมืองศิลาจุดที่หนาแน่นสุดอยู่รอบรัง เหมือนใจกลางเมือง
หลังติดตามเรดาห์ไปสักพักทั้งสามก็มาใกล้รัง เมือกกัดกร่อนจากอสูรใต้ดินเริ่มปรากฏบนพื้นและกำแพง จากหลายปีที่พวกมันอาศัย เมือกได้เปลี่ยนเป็นชั้นยางหนา มันรู้สึกหนาแน่นมาก
ปี้บปี้บ!
ครั้งนี้เรดาห์ดังขึ้น อสูรกลายพันธ์กว่าสิบผ่านตรงหน้าพวกเขา หานเซี่ยวเปิดกล้องส่องและล็อคเข้ากับพวกมัน
ด้วยการเร่งความเร็วหานเซี่ยวเข้าใกล้พวกมันทันที การเคลื่อนไหวเขาทิ้งเป็นภาพติดตาไว้และในชั่วพริบตา พวกกลายพันธ์ทุกตัวก็ล้มลง ต่อหน้าพลังของหานเซี่ยว การต่อสู้จึงเป็นการยำอยู่ข้างเดียว
เฮอลัสและเซอรีนเข้าใกล้และจับพวกมันภารกิจพวกเขาคือแรงงาน
อสูรกลายพันธ์ยาวกว่าเมตรและก็มีลักษณะของแมลง เปลือกพวกมันปกป้องกล้ามเนื้อ และมีขนยื่นออกจากช่องว่างระหว่างเปลือก หลั่งเมือกจากภายใน หัวพวกมันเล็กมาและก็ยังไม่พัฒนาตา มีแค่หนวดปราดเปรี่ยวสี่อันบนหัว ปากพวกมันเต็มไปด้วยฟันแหลมเพื่อช่วยพวกมันกินหิน พวกมันมีขนเพรียวมากสี่ข้างพร้อมข้อต่อด้านหลัง ช่วยให้พวกมันวิ่และกระโดดได้ พวกมันมีกระดูกสันหลังและหางแข็งที่ปกคลุมด้วยเปลือก รูปลักษณ์โดยรวมค่อนข้างน่าเกลียด
“เราจับตัวอย่างงได้แล้วเราควรกลับเลยไหม?”
“ไปกันก่อนเลยฉันจะเข้าลึกไปดูหน่อย”หานเซี่ยวโบกมือ ทั้งสองไม่คัดค้าน พวกเขาไม่มีเหตุผลต้องกังวลเกี่ยวกับหานเซี่ยว พวกเขาพาอสูรกลายพันธ์สิบกว่าตัวกลับขึ้นไป
หานเซี่ยวถูกทิ้งไว้ลำพังเขามองข้อมูลการต่อสู้ก่อนหน้าและค่าสถานะพวกมันก็ผุดขึ้น ระดับรวมพวกมันประมาณ30-40 และถือเป็นประเภทสัตว์ พวกมันล้วนมีพรสวรรค์ต้านทานพลังจิต นอกนั้นไม่มีอะไรพิเศษ
ความต้านทานทางจิตพวกมันถือว่าสูงมากพวกมันไม่ได้รับผลโดยศิลาพยากรณ์ หานเซี่ยวพยักหน้า ตอนนี้ เขาพบเหตุผลที่พวกมันต้องอาศัยใกล้เหมืองแล้ว
เมื่อเปิดใช้คุณสมบัติล่องหนหานเซี่ยวก็เดินลึกเข้าไป เขาเริ่มเจอกับพวกมันมากขึ้นและถี่ขึ้น แต่การล่องหนของชุดก็ทำให้พวกมันไม่ค้นพบเขา
ยิ่งเขาเข้าใกล้ใจกลางเขาก็ยิ่งเจอพวกตัวใหญ่ จากยาวกว่าเมตรเป็นสี่เมตร เปลือกพวกมันยิ่งหนากว่าเดิม
หานเซี่ยวพลันตระหนักว่ามีรอยขีดข่วนบนกำแพงหินที่สร้างเป็นรูปภาพแปลกๆเขามองมันและยืนยันว่าเป็นภาพวาดที่พวกมันวาดโดยใช้หาง
“นี่คือการบันทึก?ภาษาของพวกมัน?”
การสร้างคำมักหมายความว่าอารยธรรมกำลังแตกหน่อ
อสูรใต้ดินกลายพันธ์เปลี่ยนจากสัตว์ร้ายเป็นสายพันธ์มีสติปัญญา?
ความคิดนี้ฉายผ่านและหานเซี่ยวก็เดินต่อไป ในไม่ช้า เขาก็มาถึงเหมือง เขาสังเกตเห็นว่าไม่มีร่องรอยการขุดเลย ราวกับพวกมันไม่เคยยใช้ศิลาพยากรณ์ แต่แค่ปกป้องเหมืองเท่านั้น
พวกมันแค่ชอบกระแสจิตจากศิลาพยากรณ์?หานเซี่ยวอยากรู้ทันใดนั้น เขาก็คิดทำลายเหมืองส่วนหนึ่งเพื่อทดสอบปฏิกิริยาพวกมัน
หานเซี่ยวลบการล่องหนนำอุปกรณ์เฝ้าสังเกตออกมาและระเบิดเหมืองเล็กๆนี้
บูม!
การระเบิดทำให้อุโมงค์ส่วนนี้ถึงกับสั่น
วินาทีถัดมาเรดาห์ก็แสดงว่าพวกอสูรใต้ดินทั่วรังกำลังมุ่งมาทางนี้ราวกับพวกมันคลั่ง
พวกมันวิ่งมาจากทุกทิศทางหานเซี่ยวตั้งอุปกรณ์เฝ้าสังเกตให้โจมตีแบบระเบิดและยิงอิสระ ลำแสงระเบิดภายในรัง พลังมันฉีกพวกอสูรได้ง่ายๆ
พวกมันไม่หยุดแต่ก็ไม่มีตัวใดเข้าใกล้หานเซี่ยวได้โดยไม่เปลี่ยนเป็นเศษเนื้อและกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองซากศพที่สูงขึ้น หานเซี่ยวเดินทอดน่อง ความแตกต่างด้านพลังทำให้จำนวนพวกมันไร้ความหมาย
แม้จะไม่มีอันตรายแต่ปรากฏการณ์นี้ก็ทำให้หานเซี่ยวรู้สิ่งหนึ่ง
ทำไมเมื่อฉันสร้างความเสียหายให้เหมืองทั่วรังจะปั่นป่วนและมาหาฉัน?
ความรู้สึกนี้เหมือนกับปฏิกิริยาตอนถูกโจมตีจุดอ่อน…หานเซี่ยวเริ่มคาดเดา
นี่หมายความว่ารังนี้คือจุดรวมใจวิธีสื่อสารพวกมันอาจเป็นคลื่นพลังจิตและก็มีเครือข่ายพลังจิตรอบรัง จากนั้นศิลาพยากรณ์ก็ดันครอบครองกระแสจิต ซึ่งส่งผลต่อพวกมันมาหลายปี ทำให้ความสามารถทางจิตพวกมันสูงขึ้น พวกมันอาจกำลังใช้ศิลาพยากรณ์เพื่อรักษาเครือข่ายพลังจิตไว้
ดังนั้นพวกมันก็กำลังใช้เหมืองเป็นเครื่องมือ มันคือสถานีสื่อสารสำหรับพวกมัน!
นั่นอธิบายไดเว่าทำไมพวกมันถึงตั้งรังรอบเหมืองหรือเผ่าอาจเป็นคำที่เหมาะสมกว่า เหมืองหนึ่งสามารถใช้ได้แค่กับเผ่าอสูรใต้ดินเผ่าหนึ่ง แต่ละเผ่าไม่มีการเชื่อมต่อกัน และเหมืองศิลาพยากรณ์ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของพวกมัน
เผ่าพันธ์พิเศษประเภทนี้…ทำไมถึงคล้ายกับอารยธรรมต้นไม้โลก?
ทันใดนั้นหานเซี่ยวก็รู้สึกเวียนหัว การแจ้งเตือนผุดขึ้นบนหน้าต่างสถานะอย่างต่อเนื่อง
ท่านได้รับการโจมตีทางจิตเนื่องจากความแตกต่างด้านระดับ ท่านจึงต้านทานความเสียหาย กำลังตัดสินสถานะด้านลบ..ผ่าน ท่านต้านทานต่อสถานะ[สับสน]!
การโจมตีจิต?หานเซี่ยวตกใจเขารีบดูข้อมูลการต่อสู้และสังเกตเห็นว่าอสูรใต้ดินปกติไม่มีความสามารถนี้ แต่เป็นพวกตัว3-4เมตรที่มีความสามารถแบบนี้
ความแตกต่างด้านพลังสูงไปแถม หานเซี่ยวยังมี[ความต้านทานพลังจิตขั้นกลาง] การโจมตีจิตส่วนใหญ่จากพวกกลายพันธ์ระดับสูงไม่ส่งผลกับเขา แต่ก็ยังมีน้อยมากที่ผ่านการตัดสินของโชคและรบกวนความคิดเขา
หานเซี่ยวตื่นตัวการโจมตีจิตถือเป็นจุดอ่อนเขา เขาไม่ยืนอยู่อีก เปิดใช้ลิงคลั่งและเปลี่ยนเป็นแสงสีดำ เปิดเส้นทางเลือด
หลังกลับมาตรงทางเข้าถ้ำเขาก็ฆ่าพวกมันไปกว่าพันตัว ตราบเท่าที่หานเซี่ยวมีเวลาพอ การฆ่าพวกมันล้างบางคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ ความแตกต่างด้านระดับก็ยังสูงไป การฆ่าพวกมันตัวหนึ่งให้แค่ค่าประสบการณ์1หน่วย ต่อให้เขาฆ่าสิบล้านตัวด้วยคนเดียว เขาก็ได้ค่าประสบการณ์เล็กน้อย
แต่สำหรับผู้เล่นการฆ่าคือหนทางเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว มีผู้เล่นที่ทำเหมือนในชีวิตก่อนหน้าของหานเซี่ยว ท้ายที่สุด พวกเขาก็ถูกหมายหัวโดยองค์กรนับไม่ถ้วนและต้องคืนชีพใหม่ทุกวัน
เมื่อรวบรวมข้อมูลได้หานเซี่ยวก็ออกถ้ำและกลับบนพื้นผิว ทันทีที่เขาขึ้นมา เขาก็เห็นเฮอลัสและเซอรีนกำลังรออยู่ มีพวกกลายพันธ์สิบกว่าตัวถูกจับขังในกรง
“แบล็คสตาร์เจออะไรไหม?”เฮอลัสได้กลิ่นเลือด
“อืมได้เยอะพอตัว เราจะคุยเมื่อกลับไป”
ทั้งสามขึ้นยานและกลับเมืองป่าแผนกวิจัยซันนิลกำลังรออยู่ พวกเขาส่งมอบอสูรใต้ดินที่จับให้
หานเซี่ยวแบ่งปันการค้นพบกับแผนกวิจัยซันนิลเกี่ยวกับสัญญาณการกลายเป็นอารยธรรมของพวกมัน การใช้เหมืองและอื่นๆ
เขาทำเป้าหมายเล็กๆจากภารกิจเนื้อเรื่องหลักเสร็จง่ายๆทุกเป้าหมายภายใต้การฆ่าสำเร็จ ซึ่งมอบค่าประสบการณ์ให้เขา2-3ล้าน คะแนนภารกิจก็เพิ่มขึ้นด้วย
ต่อมาเขาต้องรอแผนกวิจัยให้ศึกษาเสร็จ รวมถึงรอให้ทีมก่อสร้างมาถึงและสร้างฐาน3 หลังสองสิ้งเสร็จ การกำจัดพวกอสูรใต้ดินถึงเริ่มอย่างเป็นทางการ
…
ทันทีหลังหานเซี่ยวออกไปพวกอสูรใต้ดินในรัง1ก็เก็บศพทั้งหมดและกองไว้ด้วยกัน มีเลือดเยอะ หากคนปกติเห็น พวกเขาคงอาเจียน
อสูรใต้ดินนับไม่ถ้วนสะบัดหนวดพวกมันราวกับกำลังสื่อสารกันเงียบๆ
หลังผ่านไประยะหนึ่งพวกมันก็ดูเหมือนจะตกลงได้ พวกมันรวมตัวกันรอบพื้นที่เหมืองและลดร่างพวกมันราวกับกำลังบูชาเหมือง คล้ายกับการบูชาป้ายโบราณ
หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มใช้หางทรงพลั่วพวกมันขุดดเหมืองขึ้นมา กองไว้ภายใต้การป้องกันแน่นหนา
อสูรใต้ดินหลายร้อยอยากกินศิลาพยากรณ์แต่ก็ถูกตัวอื่นโจมตีและถูกกัดกินจนตาย
อสูรใต้ดินขุดเร็วขึ้นด้วยจำนวนมหาศาล ไม่นาน เหมืองใหญ่ก็ถูกเก็บเกี่ยวจนหมด ศิลาพยากรณ์ทั้งหมดถูกขุดขึ้นมา
พวกระดับสูงย้ายศิลาพยากรณืและสร้างเป็นกองใหญ่ขึ้นปกป้องโดยอสูรใต้ดินนับไม่ถ้วน จากนั้น เผ่านี้ที่มีสมาชิกนับสิบล้านก็สละรังเดิมและย้ายไปไกล
ระหว่างนั้นมีบางตัวกัดศิลาพยากรณ์ เหมือนกับตัวอื่นพวกมันถูกฆ่า ร่างพวกมันถูกฉีกและศิลาพยากรณ์ก็ถูกขุดออกจากท้องพวกมันเพื่อขนส่งต่อไป
เผ่าอสูรใต้ดินนี้เริ่มอพยยพไปไกลจากรังที่หานเซี่ยวและคนอื่นเข้ามา