The Legendary Mechanic - ตอนที่ 622 แผนสอง อพยพ
ตอนที่ 622 แผนสอง อพยพ
หานเซี่ยวคิดว่าอสูรใต้ดินต้องสร้างรังใกล้เหมืองและไม่มีวันย้ายแต่รายงานของเฮอลัสกลับปรับความเข้าใจเขาใหม่ พวกมันสามารถย้ายบ้านได้!
พวกเขาเพิ่งมาและกำลังจะขุดแร่แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายหนีไปพร้อมแร่แล้ว!
“พวกมันคิดหนีเอง?หรือมันเพราะการบุกครั้งก่อนของเรา?”หานเซี่ยวพยายามคิด
ทั้งรังโอบล้อมเขาตอนนั้นแต่เขาก็ยังสามารถหลบหนีไปได้ขณะฆ่าพี่น้องพวกมันไปมาก แม้เขาจะฆ่าไปไม่กี่พันตัว พวกมันก็เชื่อมต่อกันด้วยกระแสจิต จึงสัมผัสถึงความเจ็บปวดของความตายได้ เช่นนั้น เขาจึงเป็นที่หวาดกลัวของพวกมัน
ความกลัวคือสัญชาตญาณโดยธรรมชาติด้วยเหตุนี้ อสูรใต้ดินของรังแรกจึงถือว่าเขาเป็นศัตรูและตัดสินใจอพยพ การเชื่อมต่อกระแสจิตพวกมันทำให้พวกกลายพันธ์ตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพสูง
“ควรเป็นแบบนั้น”หานเซี่ยวลูบหัวเขาและรู้สึกว่าการคาดเดาเขาถูกอสูรใต้ดินเหมือนสัตว์ พวกมันจะถอยหากเจอกับอันตรายที่ไม่อาจต้านทาน
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขามีแผนใหม่
ชาวซันนิลอยากกำจัดอสูรใต้ดินเพื่อกวาดเหมืองที่อสูรใต้ดินปกป้องแต่เหตุการณ์ปัจจุบันก็พิสูจน์แล้วว่าพวกมันมีความสามารถขุดเหมืองและย้ายออก เหมืองเหล่านั้นสามารถย้ายได้ ความขัดแย้งจึงได้รับการแก้ไข
ตราบเท่าที่อสูรใต้ดินเหล่านั้นออกดาวไปพร้อมศิลาพยากรณ์ปัญหาก็จะหมดไป แบบนี้ ชาวซันนิลก็ไม่ต้องกวาดล้างเผ่าอสูรใต้ดิน และมันก็เป็นสถานการณ์ที่ได้ผลทั้งสองฝ่าย
หานเซี่ยวพลันขมวดคิ้วและเข้าใจความยากของงานแม้นี่จะเป็นความคิดที่ดี มันก็ทำได้ยากมาก เขาต้องจับอสูรใต้ดินจำนวนนับพันล้านทีละตัวและเลือกดาวไร้ผู้อาศัย จากนั้นก็เตรียมยานจำนวนมากเพื่อขนย้ายพวกมัน นี่ต้องใช้ทั้งกำลังคนและทรัพยากร
หากพวกมันสามารถอพยพมันก็จะเหลือแค่ชาวซันนิล
เห็นได้ชัดว่าชาวซันนิลไม่มีพลังแบบนั้นและไม่เต็มใจละทิ้งบ้าน
ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะกำจัดอสูรใต้ดินจึงสูงขึ้น และก็เป็นการถอนรากปัญหา สำหรับชาวซันนิล การปกป้องอสูรใต้ดินเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรและการทำลายนั้นง่ายกว่า
“หากฉันอยากใช้วิธีอพยพฉันจะต้องใช้กองกำลังภายนอกอย่างกลุ่มการเงินใหญ่…”
คิ้วหานเซี่ยวขมวดแน่นอะไรคือความหมายของการอพยพ?ผลประโยชน์ของเผ่าด้อยพัฒนาจะสูงกว่าค่าใช้จ่ายการอพยพไหม?หากผลประโยชน์ไม่สูงพอ คุณค่าการช่วยพวกมันก็ลดลงมาก
ตามเงื่อนไขการจ้างการปกป้องอสูรกลายพันธ์นั้นไม่จำเป็น
แถมหานเซี่ยวรู้ว่าชาวซันนิลอยากกวาดล้างพวกมัน
ดังนั้นนี่หมายความว่าความอยู่รอดและความตายของทั้งเผ่าจะถูกกำหนดโดยความคิดเขา
เขาควรช่วยหรือไม่?
หานเซี่ยวเริ่มลังเลแม้ชาวซันนิลจะตรวจพบความเป็นไปได้อื่น พวกเขาก็ย่อมไม่คิดริเริ่ม ดังนั้น ตราบเท่าที่หานเซี่ยวไม่แนะนำทางเลือกนี้ พวกอสูรใต้ดินก็ย่อมถูกกำจัด
เดิมทีเขาเป็นแค่ผู้รับงาน แต่หลังตระหนักถึงทางเลือกนี้ บทบาทเขาก็เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่ทหารรับจ้างทั่วไปอีก แต่เป็นคนที่จะตัดสินชะตากรรมของเผ่าพันธ์ แรงกดดันของการตัดสินนี้กดทับบนไหล่เขา
เมื่อเขาไร้ทางเลือกหานเซี่ยวจะไม่รู้สึกผิดบาปเลย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นั้นต่างออกไป เผ่าพันธ์ที่อ่อนแอไม่มีความสามารถจะควบคุมความเป็นอยู่ แต่เขามีอำนาจจะตัดสินชะตากรรมของทั้งเผ่า
หลังไตร่ตรองอยู่นานหานเซี่ยวก็ถอนหายใจและสั่ง”เฮอลัส ดำเนินการต่อไปและโจมตีรังอื่น”
“เข้าใจแล้ว”เฮอลัสวางสาย
จากนั้นหานเซี่ยวก็เรียกซิลเวียมาให้เธอดูแลทีมก่อสร้างและออกสถานก่อสร้างไปเพื่อหาเฟย์ดิน ผู้กำลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติของป่า
ในป่าเขียวชะอุ่มเฟย์ดินนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ มีระลอกพลังงานจิตไร้รูปร่างในอากาศ นี่คือปรากฏการณ์ของผู้บ่มเพาะพลังจิต
พลังจิตคือการรวมกันของพลังงานและพลังงานจิตและมีบางเอสเปอร์ที่มีความสามารถดังกล่าวอย่างไรก็ตาม ผู้ใช้พลังจิตถูกจัดให้เป็นอันดับหนึ่งในห้าสายอาชีพเพราะพวกเขามีระบบฝึกฝน ตราบเท่าที่มีพรสวรรค์ คนๆนั้นก็จะสามารถเข้าใจพลังจิตผ่านการฝึกและไม่ต้องการกลายพันธ์ขอยีน
“ทำไมนายถึงมาที่นี่?”
เมื่อได้ยินเสียงเท้าของหานเซี่ยวเฟย์ดินก็ลืมตาและเผยรอยยิ้มสุภาพ แต่กลับมองเห็นความห่างเหินได้ในสายตาเขา
เฟย์ดินรู้สึกรังเกียจกับภารกิจปัจจุบันของกองทัพแบล็คสตาร์มากการกวาดล้างทั้งเผ่าได้แตะเส้นเขาและทัศนคติเขาที่มีต่อหานเซี่ยวก็เปลี่ยนไป
“ฉันอยากขอให้นายช่วยมันคือคำขอเดิมกับก่อนหน้า ฉันหวังว่านายจะสามารถสื่อสารกับอสูรใต้ดินได้”
“ฉันปฏิเสธไปแล้วและคำตอบก็เหมือนเดิม”เฟย์ดินตอบโดยไม่คิด เขารู้ว่าสงครามนี้ไม่ผิด แต่เขาก็ไม่อยากมีส่วนร่วม
หานเซี่ยวไม่แปลกใจเลยตามความเข้าใจเขาต่อเฟย์ดิน เขารู้ว่าเฟย์ดินเป็นพวกจิตใจดี
“นายเข้าใจผิดแล้วเหตุผลนั้นไม่เหมือนเดิม..”จากนั้นหานเซี่ยวก็อธิบายความคิดเขา”หากเราสามารถสร้างสะพานการสื่อสารได้ สถานการณ์สมมุตินี้อาจเป็นจริง”
ดวงตาของเฟย์ดินสว่างขึ้นและดีดตัวทันที”นายพูดจริงนะ?!”
“นายก็รู้จักฉัน”หานเซี่ยวยิ้ม
เฟย์ดินมองหานเซี่ยวและเผยรอยยิ้มอบอุ่นที่สามารถทำให้หัวใจของสาวน้อยหวั่นไหว”ฉันมองนายไม่ผิดไปกัน ฉันจะช่วยนายสุดความสามารถ”
พวกเขายิ้มให้กัน
การขอความช่วยเหลือจากเฟย์ดินคือการตัดสินใจของหานเซี่ยวเขาตัดสินใจปกป้องอสูรใต้ดิน
มันไม่ได้ออกจากหัวใจเขาแต่เป็นความปราถนาในการเติบโต
ผลประโยชน์ของการจ้างงานซันนิลจะหายไปหลังจบภารกิจแต่การอพยพอสูรใต้ดินจะมอบผลประโยชน์ในอนาคตให้ นี่คล้ายกับการปลูกพืชสองชนิดที่แตกต่างกันบนผืนดินเดียวกัน
เผ่าอสูรใตเดินคือเผ่าที่มีศักยภาพและมีโอกาสที่พวกมันจะพัฒนาเป็นทรัพยากรNPCใหม่ มันมีค่าให้หานเซี่ยวลงทุน แม้การลงทุนแรกจะไม่น้อย หานเซี่ยวก็มีทุน
การสื่อสารทางโทรจิตจะช่วยแก้ปัญหาการสื่อสารหากอสูรใต้ดินสามารถตกลงกับเขาได้และเต็มใจออกดาวซันนิล เขาก็ไม่ต้องจับพวกมันทีละตัว และมันยังช่วยเขาได้มาก
อย่างไรก็ตามพวกอสูรใต้ดินอาจไม่เข้าใจแนวคิดของกาแล็กซี่และดาวเคราะห์ พวกมันไม่เคยสำรวจทั้งดาวมาก่อน ดังนั้น ทางออกเดียวคือปล่อยให้พวกมันรู้สึกถึงภัยคุกคามของความตายและควบคุมพวกมันด้วยความกลัว
ดังนั้นการสังหารหมู่จึงยังไม่อาจเลี่ยงได้
นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผล ความสำเร็จของการช่วยทั้งเผ่ายังสูงมาก และผู้เล่นก็อยากเล่นบทบาทวีรบุรุษ ดังนั้น นี่จึงช่วยปลูกฝังความรู้สึกดีๆของกองทัพแบล็คสตาร์
แน่นอนความโปรดปรานเขาที่มีต่อเฟย์ดินก็เป็นอีกเหตุผล หานเซี่ยวไม่อยากให้พืชที่ปลูกไว้หลังสวนหลบหนีไปจากเขา
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมากองกำลังขับไล่ตั้งค่ายชั่วคราว และอุปกรณ์ส่องแสงพวกเขาก็ส่องสว่างทั่วโลกใต้ดินมืดมิด กองกำลังซันนิลประจำอยู่นอกคต่าย
เฮอลัสได้รับคำสั่งและนำกองทัพเขาไปยังพิกัดของรังสอง
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้รังแนวหน้าก็พบกับอสูรใต้ดินกลุ่มใหญ่ประมาณสามร้อยตัว
“ว้าวพวกมันน่าเกลียดกว่าในรูปซะอีก”
ผู้เล่นหลายคนแสดงท่าทางรังเกียจอสูรใต้ดินมีรูปลักษณ์ของแมลง ดูคล้ายกับสัตว์ประหลาดบาปหนาที่ไม่อาจพ้นโทษได้
พวกมันเองก็เห็นกองกำลังขับไล่และรวมตัวกันราวกับอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่พวกมันไม่เคยเห็นมาก่อน
ตึงตึง ตึง!
วินาทีถัดมาปืนใหญ่ก็ยิง!
ทหารซันนิลยังเฉยเมยขณะยิงปืนใหญ่โดยไม่ลังเลปืนใหญ่ทำลายความเงียบของโลกใต้ดินและส่องแสงไปทั่ว คลื่นกระสุนหนาแน่นกระทบใส่ร่างพวกอสูรใต้ดินและลดพวกมันเป็นเศษเนื้อ
“บุก!”
กองกำลังซันนิลเดินไปข้างหน้าเป็นแนว
ครื่น!
เสียงดังกึงก้องดังจากทิศทางของรังและพื้นก็เริ่มสั่นมันเป็นเสียงของสัตว์ร้ายนับพันกำลังใกล้เข้ามา
“สร้างแนวป้องกัน!ยึดแนวให้มั่น!”
กองกำลังซันนิลปรับขบวนรบอย่างรวดเร็วและเตรียมพร้อมรับแรงกระแทก
บูม!
คลื่นดำท่วมท้นจากอุโมงค์ต่างๆรังที่สองยังเป็นบ้านของพวกมันนับล้าน
ทันใดนั้นเสียงของเฮอลัสก็ดังขึ้น
“ทหารรับจ้างแบล็คสตาร์โจมตีได้!”
กองทัพผู้เล่นทะยานออกไปและแสงสีรุ้งก็ปกคลุมไปทั่ว
บูม!
คลื่นสองชนิดปะทะกันและสงครามก็ปะทุขึ้น!
…
ในเวลาเดียวกันหานเซี่ยวก็มาถึงสถานวิจัยซันนิลพร้อมเฟย์ดินและยืมอสูรใต้ดินไม่กี่ตัวที่จับมาก่อนหน้า
อสูรใต้ดินนับสิบถูกขังแยกกันและไม่อนุญาติให้ติดต่อกันกองศิลาพยากรณ์เล็กๆถูกวางไว้ตรงกลางพวกมันเพื่อสร้างการเชื่อมต่อกระแสจิต
“นายคือผู้เชี่ยวชาญลงมือเลย”
เฟย์ดินยิ้มและปล่อยพลังจิตเขา
อสูใต้ดินใช้ศิลาพยากรณ์เป็นศูนย์กลางการสื่อสารตราบเท่าที่ผู้ใช้พลังจิตสามารถปรับพลังงานจิตเขาให้มีความถี่เดียวกัน เขาก็จะสื่อสารกับพวกมันได้
หลังปรับสักพักดวงตาของเฟย์ดินก็สว่างขึ้น”สำเร็จ”
หลังจากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
“มีอะไรงั้นหรอ?”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว
“เอ่อ..มันดูต่างจากที่ฉันคิดไว้นะ”เฟย์ดินกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกๆ”ยอมรับการเชื่อมต่อทางจิตฉันฉันจะดึงนายเข้าการสนทนา”
หานเซี่ยวพยักหน้าและไม่ปฏิเสธ
วินาทีที่เขายอมรับวิสัยทัศน์เขาก็แบ่งเป็นสอง หนึ่งคือโลกจริง และอีกหนึ่งคือโลกขาวกว้างไร้สิ้นสุด นี่คือพื้นที่กระแสจิต และเขาสามารถตัดการเชื่อมต่อได้ตลอดเวลา
อสูรใต้ดินและเฟย์ดินยังอยู่ในพื้นที่นี้ด้วยและตำแหน่งพวกเขาก็เหมือนกับความเป็นจริง เป็นร่างเรืองแสงและเห็นได้แค่เงาของกัน
ก่อนหานเซี่ยวจะได้ตอบเขาก็ได้ยินพวกมันคุยกัน
“เอ๊ะ?พี่น้องเราอีกคนงั้นหรอ?”
“ทำไมพวกเขาถึงดูแปลกๆ?ดูน่าเกลียดมาก”
หานเซี่ยวตกตะลึงสักพักและไม่คิดว่าพวกมันจะถือว่าเขาเป็นหนึ่งในพวกมันอสูรกลายพันธ์ต้องคิดว่ามีเพียงพวกมันถึงเข้าสู่โลกจิตนี้ได้
จากนั้นอสูรใต้ดินก็เปลี่ยนเรื่องและคุยกัน
“ทำไมเราถึงถูกขัง?”
“ฉันไม่รู้แล้วนายก็ถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้วนะ”
“สิ่งมีชีวิตตัวยาวๆดูแปลกมากพวกเขาให้อาหารเราและกวาดอุจจาระเราไป”
“ฮ่าๆฉันเข้าใจแล้ว!อุจจาระเราต้องเป็นอาหารพวกเขาแน่!”
“ใช่แล้ว!ต้องใช่แน่ๆ!งั้นยิ่งเราขับถ่าย เราก็จะยิ่งได้อาหารสินะ!”
“ป่วยจริงๆมีพวกที่กินอุจจาระเราด้วย”
“ฮี่ๆฉันเพิ่งถ่ายออกไปก้อนใหญ่เลย ฉันจะต้องได้กินอิ่มแน่”
“ว้าววิเศษมาก”
นี่มันอะไร…..หานเซี่ยยวฟังจนปากบิดแต่ทว่า ข้อสรุปนี้ก็มีเหตุผลจากมุมมองพวกมัน
เขาคิดว่าพวกมันจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังแต่ไม่คิดเลยว่าบทสนทนาพวกมันจะสดใสขนาดนี้..