The Legendary Mechanic - ตอนที่ 654 สงครามลับ
ตอนที่ 654 สงครามลับ
กลุ่มดาวโซลที่ถูกควบคุมโดยเคล็นท์ถูกแยกจากกลุ่มดาวโคลตันโดยแถบอวกาศแห้งแล้ง หลังสงครามระหว่างกลุ่มดาวแตกหัก ประตูดาวของทั้งสองกลุ่มดาวก็ปิดตัวลงชั่วคราว และกองกำลังก็สามารถทำได้แค่ข้ามพรมแดนอย่างผิดกฏหมายผ่านแถบอวกาศแห้งแล้ง
กองยานขนาดใหญ่ท่องผ่านแถบอวกาศแห้งแล้งและเข้าสู๋พรมแดนของโคลตันระบบดาวลมตะวันตก
นี่คือกองกำลังแนวหน้าที่มีเจตนาบุกศัตรูมียานหลักระดับเฉพาะ15ลำ ยานประจัญบานและยานจู่โจมนับพัน และยานอวกาศอีกกว่าหมื่น
มีตัวตนระดับภัยพิบัติ26คนรวมถึง8ขุนพลของฮีเบอร์
ผู้บัญชาการของกองยานฉุกเฉินนี้คือจอร์ดบุคคลผู้รับผิดชอบแผนกกลยุทธ์ทางทหารของแดนหลั่งเลือด เขาคือตัวตนระดับAและหนึ่งในลูกน้องเก่าแก่ของฮีเบอร์
“ตามข้อมูลผลึกม่วงได้ระดมกองกำลังพวกเขาเพื่อสกัดกั้นเรา ภารกิจแรกของคุณคือยึดดาวไร้คนอาศัยและใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ขยายป้อมปราการของจักรวรรดิคริมสันเพื่อสร้างฐาน”
“นี่คือสงครามลับที่อารยธรรมไม่อาจร่วมด้วยได้อารยธรรมระบบดาวตะวันตกจะไม่กล้าหยุดคุณจากการสร้างฐานบนดาว”
ตอนนั้นเองแผนกกลยุทธ์ทหารกำลังจัดประชุม และผู้บัญชาการของกองยานต่างๆรวมถึง7ขุนพลก็กำลังฟังคำสั่งของจอร์ด
มีเพียงหัวหน้าขุนพลถึงไม่อยู่แต่ไม่มีใครพบว่ามันแปลก ด้วยแผนกกลยุทธ์ทหารที่รับบทบาทผู้บัญชาการ เหล่าขุนพลจึงทำได้แค่ฟังคำสั่งและสู้ สถานะของหัวหน้าขุนพลนั้นพิเศษ และคนอื่นก็เคารพพลังเขา เทียบกับการเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม เขาเต็มใจใช้เวลากับการบ่มเพาะกว่า เขามีสิทธิ์ทำเช่นนั้น
จอร์ดได้สรุปกลยุทธ์ก่อนพูดว่า”ไม่ใช่ทุกระบบดาวภายในกลุ่มดาวโคลตันที่ยอมช่วยอารยธรรมผลึกม่วงระบบดาวส่วนหนึ่งไม่กังวลว่าใครจะเป็นผู้ปกครองกลุ่มดาวและจะเลือกเป็นกลาง พวกเขาจะไม่ขัดขวางเรา เว้นแต่จำเป็น ก็อย่าเริ่มขัดแย้งกับอารยธรรมท้องถิ่น ปล่อบให้พวกเขาเข้าใจเจตนาของเคล็นท์และพยายามเป็นมิตรกับพวกเขา….”
ด้วยข้อจำกัดของสนธิสัญญาสงบสุขอารยธรรมกลุ่มดาวทั้งหมดจึงมียันต์ป้องกัน นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ของเคล็นท์ไม่ใช่การทำลายผลึกม่วง เคล็นท์แค่อยากขยายอาณาเขตและชิงระบบดาวจากกลุ่มดาวโคลตัน พวกเขาอยากใช้ประโยชน์จากแดนหลั่งเลือดเป็นตัวแทนและสร้างสงครามลับขึ้น
ตราบเท่าที่แดนหลั่งเลือดสามารถตั้งฐานได้ในระบบดาวต่างๆเคล็นท์สามารถขยายอิทธิพลพวกเขาได้ผ่านแดนหลั่งเลือดและทำให้การควบคุมของผลึกม่วงลดลง จากนั้นพวกเขาจะสามารถสกัดกั้นการควบคุมของผลึกม่วงได้
วัตถุประสงค์พวกเขาจะไม่ขัดแย้งกับอารยธรรมระบบดาวต่างๆแดนหลั่งเลือดจะไม่เข้าควบคุมระบบดาวเหล่านั้นและยังจะสร้างความสัมพันธ์ด้วย ฝ่ายเดียวที่ต้องขาดทุนก็คือผลึกม่วง
มันเหมือนกับแก๊งมาเฟียสองแก๊งที่แย่งกันเก็บค่าคุ้มครองนั่นเอง
เนื่องจากพวกเขาอยากชิงอาณาเขตมันย่อมมีอนาคตหากปกป้องได้ การรุกรานของแดดนหลั่งเลือดไม่เหมือนกับดาราทมิฬ ซึ่งก่อกวนสถานที่ต่างๆโดยไม่ยึด นี่ยังหมายความว่าสงครามต่อจากนี้จะรุนแรงขึ้นและกินเวลานานมาก
เป้าหมายของกองกำลังแนวหน้านี้คือการสร้างสะพานในระบบดาวลมตะวันตกและทดสอบพลังของอารยธรรมผลึกม่วง
ทุกคนพยักหน้าพวกเขาฟังการบรรยายสรุปภารกิจและได้ยินมันจากจอร์ดมาแล้ว นี่คือการทวนซ้ำ
ขุนพลลำดับสองดาบนักล่ากล่าว”เซ็คชั่นซีโร่มีตัวตนระดับภัยพิบัตินับร้อย ครั้งนี้ กองกำลังแนวหน้าเรามีภัยพิบัติไม่ถึงสามสิบ ต่อให้เหล่าขุนพลจะรับมือได้ถึงสาม ฉันสามารถสู้ได้ห้า และหัวหน้าสู้ได้สิบ เราก็ยังเป็นฝ่ายแพ้ กองกำลังหลักควรตามมาให้ทันจะดีกว่า”
จอร์ดพยักหน้า”ผลึกม่วงไม่อาจขับเคลื่อนกองกำลังใหญ่เช่นนั้นได้ภายในเวลาอันสั้นนอกจากนี้ การปะทะครั้งแรกยังแค่การหยั่งเชิง ดังนั้นศัตรูย่อมไม่ส่งกองกำลังมามาก กองกำลังแนวหน้าอื่นที่รุกรานระบบดาวอื่นจะช่วยตรึงกำลังของผลึกม่วง”
ระบบดาวลมตะวันตกคือหนึ่งในเป้าหมายของแดนหลั่งเลือดแดนหลั่งเลือดมีความสามารถและทรัพยากรในการขยายขอบเขตการต่อสู้
สำหรับเงื่อนไขให้แดนหลั่งเลือดเข้าร่วมสงครามลับเคล็นท์ได้ช่วยแดนหลั่งเลือดมัดองค์กรติดอาวุธเกือบครึ่งภายในกลุ่มดาวพวกเขา แดนหลั่งเลือดได้ขยายถึงระดับใหม่แล้วและก็สามารถรับภัยพิบัติได้นับร้อย
ตอนนี้ภาพโฮโลแกรมฉายขึ้นกลางที่ประชุม
ทุกคนมองและเจ็ดขุนพลก็โค้งคำนับ
“หัวหน้า”
เขามีผิวแดงเข้มกรามเหลี่ยมและสายตาแหลมคม กลิ่นอายเขานั้นเผด็จการมาก มีเกล็ดมังกรบางๆรอบตา ปากและขมับเขา เขาดูเหมือนมังกรเลือดผสม แต่สายพันธ์ของมังกรไม่อาจเห็นได้จากภายนอก เขาสวมชุดเกราะหนัก แต่ก็ไม่อาจปกปิดร่างกำยำของเขาได้ และอย่างน้อยเขาสูงกว่ามาเลคิธ
ฟอสเตอร์สลอธ คือหัวหน้าขุนพลภายใต้ฮีเบอร์และฉายาเขาก็คือ’มังกรสงคราม’และ’มือซ้ายของฮีเบอร์’ เขาสามารถเป็นผู้ช่วยของฮีเบอร์ได้
“คุณมีอะไรกล่าวเสริมงั้นหรอ?”จอร์ดถาม
ฟอสเตอร์แสดงสีหน้าไร้อารมณ์และตอบ”ฉันไม่สนใจคนอื่นแต่แบล็คสตาร์ต้องเป็นคนของฉัน”
กลิ่นอายเขาเผด็จการมากและเงาของฮีเบอร์ก็สามารถเห็นได้ในตัวเขา
แดนหลั่งเลือดรู้มานานแล้วว่าหานเซี่ยวอยู่ทางฝั่งผลึกม่วงแบล็คสตาร์คือคนสำคัญของเกาะมังกร และทั้งสองกองกำลังก็ขัดแย้งกัน มีบุคคลมากมายในแดนหลั่งเลือดที่อยากสู้กับแบล็คสตาร์
ท่ามกลางพวกเขาจิตสังหารของฟอสเตอร์สูงสุด
ในช่วงงานเลี้ยงของฮีเบอร์หานเซี่ยวบดขยี้แครอลและทำให้ฮีเบอร์เสียหน้า ฮีเบอร์ไม่สนใจ แต่ฟอสเตอร์เคารพเทิดทูนฮีเบอร์มากกว่าใครอื่น
ฮีเบอร์ไม่คิดสนใจแต่ฟอสเตอร์ไม่มีทางปล่อยไป แบล็คสตาร์ได้อยู่ในรายชื่อสังหารของเขาแล้วและสงครามลับนี่ก็คือโอกาส
แน่นอนภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญสุด และฟอสเตอร์ก็ไม่คัดคำสั่งเพียงเพราะแบล็คสตาร์
“ตราบเท่าที่ฉันเจอแบล็คสตาร์เขาจะต้องตาย!”ฟอสเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
กล้าสู้ในฐานใหญ่ของแดนหลั่งเลือดและเอาชนะคนของเราแกกำลังรนหาที่ตาย!
…
[เมกัส]ออสตินกำลังลอยอยู่ในวังของวิหารชุดแดงและสอนกลุ่มจอมเวทย์ต้องห้ามอยู่
แม้ทุ่งดาวจะวุ่นวายชีวิตเขาก็ยังไร้ความกังวล เนื่องจากเขาเลือกเป็นกลาง มันจึงไม่มีใครมารบกวนเขา
หลังบรรยายสักพักออสตินก็หยุดชะงัก จากนั้นก็หันไปมองท้องฟ้านอกวัง ราวกับว่าเขาสามารถเห็นผ่านได้ทั่วจักรวาล(ทำไมสเกลพลังของออสตินมันดูโกงๆจังว้า)
ทันใดนั้นออสตินก็เบี่ยงเบนความสนใจสักพัก และภาพของกลุ่มดาวโคลตันกับแบล็คสตาร์ก็ปรากฏในหัวเขา
สำหรับจอมเวทย์อย่างเขาที่เข้าใจเทคนิคลับลางสังหรณ์จะปรากฏในหัวเขาเป็นครั้งคราว
“โคลตัน..อืมเคล็นท์และผลึกม่วงเริ่มสู้กันแล้ว แต่ทว่า ในเมื่อเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ทำไมฉันถึงได้รับลางสังหรณ์?”ออสตินพึมพำ
เขาไม่สนใจสงครามลับระหว่างสองกลุ่มดาวจากที่เขาเห็น ทั้งสองฝ่ายแค่พยายามแย่งชิงอาณาเขตกันและทำให้องค์กรเอกชนบางแห่งอ่อนแอลง ต่อให้ทั้งเคล็นท์และผลึกม่วงจะเป็นศัตรูกัน พวกเขาก็ควรมีความเข้าใจเรื่องนี้
ดังนั้นออสตินจึงไม่เต็มใจทำงานให้สองกลุ่มดาว
“ลางสังหรณ์ฉันไม่ควรเกี่ยวกับสงครามหากเป็นแบบนั้น เหตุผลก็ควรเป็นเพราะแบล็คสตาร์…”
ออสติสร่ายคาถาสักพักและปล่อยคาถาลับเขาออกไปหลังแสดงการทำนายสั้นๆ ออสตินก็ฉีกยิ้มกว้าง
“เข้าใจแล้วมันกลับเป็นว่าเขามีจอมเวทย์ต้องห้ามของฉันอยู่กับตัว…”
หลังคิดสักพักออสตินก็ยกนิ้วและชี้จอมเวทย์ต้องห้ามหลายคน
“พวกนายไปพาเขากลับมา หากแบล็คสตาร์หยุด บอกว่ามันเป็นเจตนาฉัน เขาจะต้องไว้หน้าฉัน”
เหล่าจอมเวทย์ต้องห้ามที่ถูกเรียกพยักหน้าและเดินออกวังไป
…
หานเซี่ยวรวมกองกำลังทั้งหมดเขาและตอบสนองต่อการระดมพลฉุกเฉินของเซ็คชั่นซีโร่เขามาถึงระบบดาวลมตะวันตกและพบกับกองกำลังหลักของเซ็คชั่นซีโร่
เขาพายานรบดัดแปลงมาสามร้อยลำลากี เฮอลัส อโรเชียและเจ้าหน้าที่เกรดBกว่าสิบ เรย์โนลรับผิดชอบการคุ้มกันฐาน และซิยเวีลผู้อ่อนแอเกินไปก็ไม่ได้ติดตามมาด้วย
เขาเข้าร่วมสงครามเพื่อเก็บเกี่ยวแต้มเท่านั้นเขาจะไม่ขายชีวิตเขาและกองกำลังเขา
เขาแค่ทำสิ่งที่ทำได้
สมาชิกอื่นของเซ็คชั่นซีโร่ยังคิดเหมือนกันไม่มีใครระดมกำลังทั้งหมด ทั้งหมดเห็นแก่ตัวและนี่ก็คือข้อเสียขององค์กรพันธมิตร
ตรงกันข้ามแดนหลั่งเลือดไม่เจอกับปัญหาดังกล่าวเพราะฮีเบอร์ควบคุมทุกอย่าง
“นี่คือผลประโยชน์ของการมีผู้อยู่เหนือ”หานเซี่ยวถอนหายใจ
กองกำลังขนาดใหญ่ได้มารวมตัวกันมียานรบนับหมื่น องค์กรแสงรุ้งส่งยานรบมาแปดร้อยลำ นับว่ามากสุด
ในฐานะผู้นำกองทัพแบล็คสตาร์หานเซี่ยวยังเข้าร่วมการประชุมก่อนสงคราม
ผู้บัญชาการคือคนของผลึกม่วงผลึกม่วงรู้ข้อเสียของการมีกองกำลังพันธมิตร เช่นนั้นจึงส่งคนมาสั่งการ
ในห้องประชุมหานเซี่ยวเข้าใจสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญ
กองกำลังแนวหน้าของแดนหลั่งเลือดได้สร้างสะพานบนดาวไร้ผู้อาศัยและตั้งมาตรการป้องกันวัตถุประสงค์ของกองกำลังพวกเขาคือเริ่มต้นการแย่งชิงและพยายามทำลายฐานศัตรู
ทุกองค์กรมีความรับผิดชอบของคนและหานเซี่ยวก็ได้รับภารกิจเหมือนกัน
[ค่ายท้องถิ่น: ตรึงปีกศัตรูไว้]
คำแนะนำภารกิจ: นี่คือคำสั่งที่มอบให้กองกำลังท่าน ทำให้สำเร็จ
ข้อกำหนดภารกิจ: ตรึงศัตรูหรือทำลายยานศัตรูของปีกศัตรู
หมายเหตุ: หลังการต่อสู้จบ รางวัลจะให้ตามระดับความสำเร็จ
นี่คือภารกิจขนาดเล็กที่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเนื้อเรื่องหลักเกรดSในสงครามลับ วัตถุประสงค์เบื้องต้นเช่นตรึงกำลังศัตรูคือภารกิจปัจจุบัน ในช่วงการต่อสู้ วัตถุประสงค์ภารกิจจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์บนสนามรบและจะมีภารกิจใหม่
สงครามไม่อาจต่อสู้ได้ด้วยคนๆเดียวและข้อกำหนดพื้นฐานสุดสำหรับเขาคือทำภารกิจให้สำเร็จ ตราบเท่าที่เขายึดมั่นกับวัตถุประสงค์ที่มอบให้ เขาก็ยังได้คะแนนสูงต่อให้แพ้ศึก
การทำภารกิจยุทธวิธีเช่นนี้ให้สำเร็จยังเพิ่มคะแนนภารกิจของเนื้อเรื่องหลักเกรดS[สงครามลับ: เซ็คชั่นซีโร่]
หานเซี่ยวนำยานรบมาสามร้อยลำและไม่เหมาะกับการปะทะซึ่งๆหน้าดังนั้น เขาจึงได้รับมอบหมายให้จัดการปีก เขาไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ได้รับมอบสำหรับภารกิจนี้และยังมีคนอื่นด้วย
หลังประชุมหานเซี่ยวเดินออกจากค่ายและมีคนร้องเรียกด้านหลัง
คนที่เรียกเขาชื่อเซวิตต์เจ้าหน้าที่เกรดAขององค์กรแสงรุ้ง ผู้บัญชาการของกองกำลังพวกเขา
เซวิตต์เร่งฝีเท้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ”แบล็คสตาร์ผมมีเรื่องอยากขอร้องคุณ”
หานเซี่ยวได้รับการสนับสนุนจากเกาะมังกรและทุกคนก็สุภาพต่อเขาส่วนใหญ่คือคนที่ผ่านมามาก
“ว่ามาเลย”หานเซี่ยวพยักหน้า
“ผมรู้ว่าคุณคือช่างกลเสมือนที่เก่งกาจมากเมื่อคุณตรึงปีกศัตรู ผมหวังว่าคุณจะสามารถแทรกแซงเพื่อจัดการกับกองกำลังหลักของแดนหลั่งเลือดได้เพื่อลดแรงกดดันของเรา”เซวิตต์กล่าว
องค์กรแสงรุ้งรับผิดชอบแนวหน้าเซวิตต์ได้ยินถึงความสสามารถของหานเซี่ยวและร้องขอ
“นี่ไม่ใช่ปัญหาผมจะช่วยหากแรงกดดันทางฝั่งผมไม่สูงเกินไป”หานเซี่ยวตบไหล่เซวิตต์
“ขอบคุณ”ดวงตาเซวิตต์เป็นประกาย
หลังทั้งคู่แยกกันหานเซี่ยวก็กลับไปฐานเขาและรวบรวมคนเขาเพื่อออกคำสั่ง
สงครามขนาดใหญ่เช่นนี้เป็นเรื่องอันตรายมากและไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าจะรอดชีวิต
…
วันต่อมาเซ็คชั่นซีโร่ก็ได้ปะทะกับกองหน้าของแดนหลั่งเลือด