The Legendary Mechanic - ตอนที่ 805-806
ตอนที่ 805 เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง
การปรากฏของเทพเอสทำให้มูรากี้สั่นกลัวเขาคิดว่านี่แค่การกำจัดตามปกติ ไม่คิดว่าร่างหลักของเทพเอสจะปรากฏ
มันเป็นที่รู้กันดีทั่วกาแล็กซี่กลางหากเจอกับร่างหลักของเทพเอส ให้รีบหนีโดยเร็วที่สุด
“พวกคุณล่อเทพเอสออกไปและซื้อเวลาให้เรา!”
มูรากี้สั่งให้กองยานเขาไม่สนใจต่อความเสียหายที่เกิดและระดมยิงใส่กองยานผู้ร่วงหล่นต่อขณะออกคำสั่งกับพวกหานเซี่ยว
ชื่อเสียงของเทพเอสฝังลึกในกาแล็กซี่กลางมูรากี้หยิ่ง แต่เขารู้ว่าเขาไม่มีทางฆ่าเทพเอสได้ด้วยกำลังคนของเขา เป้าหมายเขาแค่การกำจัดกองยานศัตรูและลดพลังของเทพเอสเพื่อให้เทพเอสอยู่ลำพังและพยายามทำให้เขาถอย หากเขาทำสำเร็จ มันจะเป็นผลงานที่น่าทึ่ง!
แม้เทพเอสจะเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งสุดในจักรวาลแต่ฝั่งเขาก็ยังมีผู้อยู่เหนือถึงสาม มันถึงเวลาที่จะใช้งานพวกเขา
เมื่อกองทัพของจักรวรรดิเริ่มเคลื่อนไหวสามผู้อยู่เหนือรวมถึงหานเซี่ยวก็กำลังเผชิญหน้ากับเทพเอสบนดาวร้าง พวกเขาไม่สนใจคำสั่งของมูรากี้และจดจ่อกับเทพเอส
บรรยากาศแข็งตัวและจิตสังหารในอากาศก็หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เบโยนี่ไม่กล้าละสายตาออกจากเทพเอสเขาเหลือบมองหานเซี่ยวด้วยความตกใจ เขาได้ยินสิ่งที่เทพเอสกล่าว
คำตอบอะไร?แบล็คสตาร์ติดต่อกับเทพเอสเป็นการส่วนตัว?
ด้วยการขยับนิ้วกองทัพจักรกลของหานเซี่ยวพลันเล็งไปที่เทพเอสแต่ไม่ได้ยิงทันที”แกคิดว่าฉันจะยอมรับเงื่อนไขแกและปล่อยให้แกใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการงั้นหรอ?ตอนนี้ฉันเป็นสมาชิกของจักรวรรดิ แกและฉันเป็นศัตรูกัน ไม่มีอะไรอื่น!ฉันมาที่นี่เพื่อทำให้มันชัดเจน ลูกบาศก์วิวัฒนาการอยู่นี่แล้ว หากแกอยากได้มัน ก็เข้ามาเอามันไปเอง!”
หานเซี่ยวไม่ปิดบังความจริงที่พวกเขาติดต่อกัน
เทพเอสหรี่ตาและจ้องคอของหานเซี่ยวราวกับสายตาเขาสามารถเจาะผ่านชุดจักรกลและเห็นลูกบาศก์วิวัฒนาการได้
แบล็คสตาร์รู้ว่านี่เป็นสัญญาณที่เขาจงใจส่งแต่เขายังกล้ามาที่นี่เพื่อปฏิเสธเขา?เขายังนำลูกบาศก์วิวัฒนาการติดตัวมาด้วย แบล็คสตาร์ไม่กลัวว่าเขาจะชิงมันไปหรือว่าเขามั่นใจตัวเองเกิน?
เทพเอสมองหานเวี่ยวและคนอื่น”แกมั่นใจเพราะแกมีพวกเยอะกว่า?”
ทันทีที่เขาพูดจบเทพเอสก็ลงมือ ด้วยการผลักมือ พลังงานคล้ายสายรุ้งระเบิดออกมาและเปลี่ยนเป็นลำแสงนับไม่ถ้วน ยิงใส่ทั้งสาม
“ม่านพลัง!”
ดวงตาของเอเมสเปล่งแสงสีเขียวสนามพลังหนาหุ้มทั้งสาม พลังงานสายรุ้งระเบิดบนสนามพลังและเปลี่ยนเป็นพลุไฟ พลังเจาะมันสูงมากและยังมีพลังย่อยสลาย หากไม่ใช่เพราะสนามพลังของเอเมสได้รับพลังงานจากเธอเรื่อยๆ การโจมตีนี้คงไม่อาจป้องกันได้ง่ายๆ
เทพเอสพลิกฝ่ามือและทันใดนั้น สนามพลังอีกอันก็ปรากฏและกดลงบนทั้งสาม
“เขามีความสามารถเอสเปอร์ประเภทสนามพลังเหมือนกัน”เอเมสตกใจและรีบบังคับสนามพลังเธอสนามพลังทั้งสองบดขยี้กัน แต่พวกเขาก็ยังถูกล้อมด้วยสนามพลังของเทพเอส
ความสามารถเอสเปอร์สนามพลังธรรมดามากและไม่มีศักยภาพสูงนักเอเมสคือคนเดียวที่กลายเป็นผู้อยู่เหนือได้ด้วยมัน แต่ทว่า ความสามารถเอสเปอร์เกรดต่ำที่เทพเอสดูดกลืนจะได้รับโบนัสผู้อยู่เหนือจากเขา ดังนั้นทั้งสองจึงสูสีกัน
ขณะคิดกองทัพจักรกลเขาด้านนอกก็เริ่มโจมตี เทพเอสหรี่ตา ทันใดนั้น อากาศรอบเขาก็แข็งตัวและดูเหมือนจะเป็นผลึก การโจมตีไซโอนิคนับไม่ถ้วนถูกสะท้อน บางอันหายไปในอากาศ บางอันกระทบพื้น ทำให้เกิดการระเบิด แต่ไม่มีอันไหนโดนตัวเขา!novel-lucky
“ความสามารถเอสเปอร์สะท้อนพลังงานบริสุทธิ์..”สีหน้าหานเซี่ยวเปลี่ยนไป
ตอนนั้นเองเบโยนี่ปลดปล่อยความสามารถเอสเปอร์เขาจากระยะไกลและจุดไฟบนตัวเทพเอส ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ กระดูกหรือพลังงานภายในตัวเขา พวกมันล้วนเป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟ
อย่างไรก็ตามเทพเอสไม่ได้รับผลเลย เขาสูดหายใจลึก และมันก็ราวกับไฟบนตัวเขาถูกดูดซับด้วยผิวหนังเขา ไฟของเบโยนี่เปลี่ยนเป็นพลังงานบิรสุทธิ์และถูกเซลล์เขากลืนกิน
ก่อนที่พวกเขาจะได้ตอบสนองร่างครึ่งหนี่งของเทพเอสก็เปลี่ยนเป็นหมอกดำ หมอกดำควบแน่นเป็นรูปทรงมนุษย์ข้างเขา ราวกับเซลล์เขากำลังแตกตัว และร่างแยกใหม่ก็ปรากฏ
ซวบ!
ร่างแยกนี้พลันหายไปไม่สนใจสนามพลังของเอเมส และปรากฏตรงหน้าเบโยนี่ ชกหมัดใส่หน้าอกเขา ด้วยความสามารถเอสเปอร์[ความเร็วเทพเจ้า] ร่างแยกนี้จึงเร็วมาก
การตอบสนองของเบโยนี่เองก็เร็วพลังงานไหลในตัวเขา เขายกแขนขึ้นและป้องกันหมัดของร่างแยกเทพเอส แต่ทว่า หมัดนั้นกลับไม่มีพลังเลย วินาทีที่มันสัมผัสกับเบโยนี่ พลังงานแปลกๆก็พลันไหลเข้าตัวเขา
“อะ..”สีหน้าเบโยนี่เปลี่ยนไปตอนนั้น มันราวกับความสามารถเอสเปอร์ในเลือดเขาหายไป เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังงานเขา
ครั้งนี้ร่างแยกเทพเอสเปล่งแสงแสบตาและขยายอย่างรวดเร็ว
ฮึ่ม!
มวลแสงสีดำปรากฏขยายอย่างรวดเร็วเหมือนหลุมดำ และห่อหุ้มเบโยนี่ ส่วนหนึ่งของกองทัพจักรกลรอบๆถูกดูดไปด้วย
ทหารจักรกลที่ถูกใจกลางของการระเบิดถูกระเบิดออกไป
บูม!
มวลแสงขยายและระเบิดทิ้งไว้แค่หลุมลึกบนพื้น
บอลไฟดำลอยอยู่กลางอากาศเปลวไฟรอบมันสลาย และเบโยนี่ก็ปรากฏจากภายใน
ทั่วร่างเขาดำสนิทความสามารถเอสเปอร์เขาถูกยับยั้งด้วยความสามารถเอสเปอร์บางชนิดของเทพเอส เมื่อร่างแยกระเบิด ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงความสามารถเอสเปอร์เขาในวินาทีสุดท้ายและจุดพลังงานรอบเขา ขวางพลังงานระเบิดเหล่านั้นและหักล้างพลังระเบิดส่วนใหญ่ สร้างเป็นพื้นที่ว่างเปล่ารอบเขา นี่ทำให้เขาไม่บาดเจ็บหนัก
ไม่ไกลนักระลอกปรากฏในอากาศ และหานเซี่ยวก็เดินออกมา เขาหลบการระเบิดด้วยการเข้ามิติ อีกด้าน เอเมสเองก็เดินออกจากมิติเช่นกัน วิธีการหลบระเบิดของเธอเหมือนกับหานเซี่ยว
หลังสู้กันสักพักใบหน้าของทั้งสามก็ดำมืด พวกเขาแหงนมองจ้องเทพเอสที่ยังไม่ขยับ
“เป็นคนที่น่ากลัวมาก..”
แม้จะเดาไว้แล้วการได้เห็นพลังของเทพเอสกับตาก็ยังน่าตกใจ ข่าวลือคือเรื่องหนึ่ง การเผชิญกับเทพเอสเองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาเคยสู้กับร่างแยกเทพเอสมาก่อน แต่ร่างแยกและร่างหลักเขาอยู่กันคนละระดับโดยสิ้นเชิง
คนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือคนที่ใช้เวลานับไม่ถ้วนสะสมความสามารถเอสเปอร์สัตว์ประหลาดที่ใช้ความสามารถได้มากมาย!
ร่างหลักของชายผู้นี้สมกับคำว่า’เทพเอส’อย่างแท้จริงเทพเจ้าแห่งเหล่าเอสเปอร์!
ศักยภาพของความสามารถเอสปเอร์จะกำหนดขีดจำกัดขั้นพลังของผู้ใช้มันความสามารถเอสเปอร์พิเศษมากมายมีขีดจำกัดขั้นพลังต่ำมาก แต่เมื่อเทพเอสดูดซับความสามาถรเหล่านี้และใช้มันด้วยพลังงานผู้อยู่เหนือ ความสามารถบางอันที่ไม่มีทางถึงระดับผู้อยู่เหนือได้ก็จะครอบครองพลังของผู้อยู่เหนือ แม้กระทั่งความสามาถรเอสเปอร์ที่เรียบง่ายสุดก็ยังทรงพลังในมือเขา และความสามารถแปลกๆบางอย่างก็อาจส่งผลที่น่าตกใจ!
ตัวอย่างเช่นความสามารถที่ระงับพลังงานเบโยนี่คือความสามารถที่สามารถผนึกความสามารถเอสเปอร์คนอื่น แต่ความสามารถนี้มีขีดจำกัดต่ำมากและไม่อาจส่งผลกับภัยพิบัติได้ด้วยซ้ำ แต่ทว่า เมื่อเทพเอสใช้มันด้วยพลังงานเขา แม้จะสามารถทำงานได้ในระยะใกล้ มันก็ยังมีประสิทธิภาพสูง
ด้วยความสามารถเอสเปอร์มากมายเขาแทบไม่มีจุดอ่อน สำหรับเขา มีข้อจำกัดเพียงสองข้อ ขีดจำกัดพลังงานตัวเขาและความจริงที่เขาไม่อาจใช้ความสามารถเอสเปอร์มากมายได้พร้อมกัน ไม่งั้นยีนเขาจะทำงานเกินขีดจำกัด
เขาข่มทั้งสามรวมถึงหานเซี่ยวลำพังและไม่กดดันเลยทั่วทั้งจักรวาล มีคนน้อยมากที่สามารถสู้กับเขาได้ตรงๆ!
“โชคดีฉันลากเบโยนี่มาด้วย สถานการณ์จะแย่กว่านี้หากมีแค่เราสอง แม้สามคนก็ยังไม่อาจเอาชนะเขาได้ อย่างน้อยก็ทำได้แค่ถ่วง..”
หานเซี่ยวจัดกองทัพจักรกลที่กระจัดกระจาย
เทียบกับผู้อยู่เหนือคนอื่นที่เขาเคยสู้เทพเอสคือคนเดียวที่ครอบงำเขาอย่างสมบูรณ์!
“เขาใช้ชีวิตได้สมชื่อ”เอเมสสูดหายใจนี่คือครั้งแรกที่เธอได้สู้กับเทพเอส และก็ตกใจหลังได้เห็นพลังของเทพเอส
เทพเอสเหลือบมองทั้งสองและพลันหายไป
“บัดซบ”
หานเซี่ยวรีบแหงนมองและเห็นเทพเอสกำลังมุ่งไปทางกองทัพจักรวรรดิ
มูรากี้ที่กำลังสั่งการกองยานมีความคิดเดียวกันตอนเขาเห็นเทพเอสกำลังเข้าใกล้กองยาน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
วินาทีต่อมาเทพเอสก็ปล่อยหมัดออกมาและยิงลำแสงสีแดงใส่ยานหลัก มันเจาะม่านพลังงานระดับสูงของยานหลักและสร้างรูใหญ่บนยาน ทะลุจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง แผ่นเกราะกระจายไปทั่ว
“คำเตือน!คำเตือน!ยานเสียหาย10.8%!เครื่องยนต์สามเสียหาย!วงจรพลังงานได้รับความเสียหายประสิทธิภาพแกนพลังงานลดลง18% กำลังซ่อม…..”
การสั่นสะเทือนของยานทำให้คนในห้องบัญชาการเกือบล้มเมื่อมูรากี้ปรับสมดุลได้ ใบหน้าเขาก็ขาวซีด
“รีบถอยเร็ว!”novel-lucky
ด้วยความที่ยานหลักถูกโจมตีสถานการณ์จึงเปลี่ยนไป หากพวกเขาถูกโจมตีโดยเทพเอสอีกสักครั้ง เขาต้งอตายแน่ ความคิดดื้อรั้นเขาหายไปทันทีและไม่กล้าสู้ต่อ
แต่ทว่ายานหลักคือเป้าหมายของเทพเอส เขายิงลำแสงสีแดงเข้มอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นลำแสงกำลังเข้าใกล้และได้ยินเสียงเตือนในยานมันก็เตือนให้มูรากี้รู้ว่าต่อหน้าพลังเช่นนั้น เขาไร้อำนาจ กองยานที่เขาไว้ใจไม่อาจช่วยเขาได้เลย เขาเหมือนหมูรอถูกเชือด
ความสิ้นหวังปรากฏบนหน้าเขา
ลำแสงยิงเข้าใส่ยานหลักทันทีวินาทีต่อมา แสงก็ขยายจากภายในและยานหลักก็ระเบิด
วิสัยทัศน์ของมูรากี้เต็มไปด้วยความมืดเขาหลับตาและกำลังรอความตาย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายเขาถูกปกคลุมด้วยโลหะเย็น เขาลืมตาขึ้นและเห็นมวลแสงกำลังเปล่งจากการระเบิดของยานหลัก ขณะที่เขาถูกปกคลุมด้วยชุดจักรกลและหลบหนีจากจุดระเบิด
“ฉันยังไม่ตาย!”มูรากี้เบิกตากว้างความกลัวยังอ้อยอิ่งในหัวใจเขา
บูซ..
ครั้งนี้หน้าจอยุทธวิธีสว่างและใบหน้าหานเซี่ยวก็ปรากฏ
“ยังไม่ตายใช่ไหม?อย่าอยู่เฉยกองยานต้องการคุณ อย่าคิดถอย เทพเอสแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาจะไม่อาจเอาชนะเราสามคนได้ สถานที่นี้ใกล้กับชายแดนของจักรวรรดิมาก กองทัพพิทักษ์ชายแดนสามารถมาสนับสนุนเราได้ตลอด ดังนั้นเขาจะไม่อยู่ที่นี่นานนัก ตราบเท่าที่เราถ่วงเวลา เราจะบังคับให้เขาหนีได้”
เมื่อยานหลักระเบิดหานเซี่ยวก็มาถึงและช่วยมูรากี้ไว้ เขาไม่อาจปล่อยให้ชายคนนี้ตายได้ กองยานต้องการผู้บัญชาการ
แบล็คสตาร์?เขาช่วยฉันไว้?
สีหน้ามูรากี้เปลี่ยนไปหลังได้ยินสิ่งที่หานเซี่ยวกล่าว เขาก็กัดฟันและทิ้งความคิดถอยไป เขารีบเปิดช่องสั่งการและบอกกองยานให้โจมตีต่อ ชุดจักรกลบนตัวเขาได้ปกป้องเขาและช่วยให้เขาหนีได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ตาย
หานเซี่ยวพาอีกสองไปล้อมเทพเอสอีกครั้งสู้กับเขาสุดตัว ในที่สุดก็ลากเขาออกห่างกองยานได้
ทั้งสี่สู้กันอย่างดุเดือดเทพเอสไม่แสดงท่าทีลำบากในการรับมือทั้งสามเลย จำนวนแผลบนตัวหานเซี่ยวและคนอื่นกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความเสียหายของกองทัพจักรกลเองก็สูง ไม่มีใครสามารถต่อกรกับเทพเอสได้ลำพัง พวกเขาทำได้แค่ร่วมมือกัน
ท่ามกลางการต่อสู้รุนแรงหานเซี่ยวได้รับข้อความเสียงจากเทพเอส
“ฉันสงสัยมาตลอดว่าแกรู้วิธีใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการได้ยังไง?”เทพเอสกล่าวด้วยน้ำเสียงอยากรู้
เขาสงสัยจริงๆข้อมูลของอารยธรรมวิวัฒนาการอยู่ในมือเขา เขาตรวจสอบประวัติหานเซี่ยวและรู้ว่าหานเซี่ยวไม่เคยติดต่อกับอารยธรรมวิวัฒนาการมาก่อน ดังนั้นทำไมเขาถึงรู้วิธีใช้มัน?
หานเซี่ยวป้องกันคลื่นพลังงานด้วยม่านพลังไซโอนิคกัดฟันและเปิดปาก”ฉัน..โชคดี!”
“โชค?แกคิดว่าฉันเป็นคนโง่?”ใบหน้าของเทพเอสเต็มไปด้วยความสงสัย
รหัสการกระตุ้นลูกบาศก์วิวัฒนาการซับซ้อนมากสำหรับแกที่ได้รับมันด้วยโชค ความเป็นไปได้แทบเป็น0
มีความเป็นไปได้เดียวข้อมูลของอารยธรรมวิวัฒนาการต้องรั่วไหลออกไป
เทพเอสหยุดหลบสนามพลังของเอเมส และส่ายหัว”ช่างมัน สิ่งสำคัญคือความจริงที่แกรู้วิธีใช้มัน เหตุผลนั้นไม่สำคัญ บางทีนี่อาจทำให้แกมีความมั่นใจ น่าเศร้า แกประเมินฉันต่ำไปและประเมินตัวแกสูงไป การนำลูกบาศก์วิวัฒนาการมาอยู่ตรงหน้าฉันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่สุดในชีวิตแก”
จากนั้นเทพเอสก็ยกมือกลุ่มแสงสีฟ้าลอยอยู่เหนือฝ่ามือเขา วินาทีต่อมา มันก็หายไปและกลายเป็นลูกบาศก์สีเงินขนาดเล็กแสนคุ้นเคย
หานเซี่ยวสั่นสะท้านและรีบก้มมองลูกบาศก์วิวัฒนาการบนคอเขาหายไปแล้ว!
ตอนที่ 806 เบาะแส
“ความสามารถเอสเปอร์สลับช่องว่าง?”หานเซี่ยวหรี่ตา
“แกดูไม่ตื่นตระหนกเลยนะ”เทพเอสหรี่ตาจากนั้นก็ตระหนักถึงบางสิ่ง เขาออกแรงบีบฝ่ามือและลูกบาศก์สีเงินก็แตก
ชิ้นส่วนโลหะผสมเงินกระจายจากฝ่ามือเขาไม่มีร่องรอยพลังงานวิวัฒนาการเลย
การเคลื่อนไหวของเทพเอสชะงักไป
หานเซี่ยวหัวเราะ”แกคิดว่าฉันจะนำลูกบาศก์วิวัฒนาการมาที่นี่จริงๆ?ฉันขอส่งคำพูดนั้นกลับให้แก..แกประเมินฉันต่ำไป”
ชายคนนี้ไม่ใช่ไซเคอร์ผู้ครอบครองลูกบาศก์มานาน ดังนั้นเขาจึงไม่มีการตรวจจับทางจิตเพื่อระบุลูกบาศก์วิวัฒนาการของจริง
เทพเอสอยู่เงียบก่อนส่ายหัว”ถูกต้องในเมื่อแกตัดสินใจปฏิเสธฉัน แกจะนำของจริงมาได้ยังไง?ฉันเข้าใจแกผิด”
เมื่อร่างหลักเขาเพิ่งปรากฏหานเซี่ยวก็แสดงอย่างหนักและบอกเขาให้มาเอามันไปหากอยากได้ลูกบาศก์วิวัฒนาการ ทำให้เขาทุ่มความสนใจกับลูกบาศก์บนตัวหานเซี่ยว หลังจากนั้น เทพเอสก็ไม่มีเวลาคิดมากตอนต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าลูกบาศก์สีเงินบนคอหานเซี่ยวคือของจริง
เขาเพิ่งบอกว่าเขาไม่ใช่คนโง่แต่จากนั้นเขาก็ถูกหลอก…สีหน้าเทพเอสไม่สู้ดีนัก
มันไม่ใช่ความลับที่ลูกบาศก์วิวัฒนาการพกพาได้ด้วยความที่ไซเคอร์พยายามชิงมันกลับ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ใครก็ตามถือมัน นั่นคือความเข้าใจผิดที่หานเซี่ยวสร้างขึ้น ดังนั้นผู้คนจึงคิดว่าเขาคือคนที่ถือลูกบาศก์ไว้ตลอดเวลา ดังนั้น เนื่องจากความคิดนี้ เทพเอสจึงสันนิษฐานผิด
ข้อมูลที่ทิ้งไว้โดยอารยธรรมวิวัฒนาการประกอบไปด้วยวิธีการค้นหาลูกบาศก์แต่มันแตกต่างจากวิธีพลังจิตของไซเคอร์ วิธีนั้นสามารถค้นหาได้อย่างแม่นยำภายในระยะที่กำหนดตอนใช้ร่วมกับอุปกรณ์ตรวจจับพิเศษ
เทคโนโลยีที่ใช้ในอุปกรณ์นี้มาจากหลายปีก่อนและมีข้อบกพร่องบางอย่างเมื่อเทียบกับปัจจุบันนอกจากนี้ ข้อมูลที่ทิ้งไว้โดยอารยธรรมวิวัฒนาการยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นอุปกรณ์จึงมีข้อจำกัดมาก
ย้อนกลับไปตอนเทพเอสขโมยลูกบาศก์มันเพราะเขามีความคิดคร่าวๆว่าลูกบาศก์ตั้งอยู่ไหน เขาจึงใช้อุปกรณ์ตอนเขาอยู่ใกล้เพื่อรับเอาตำแหน่งที่ถูกต้องของลูกบาศก์บนดาวแม่ไซเคอร์ หากเขาไม่รู้ว่าลูกบาศก์อยู่ไหนตั้งแต่ต้น อุปกรณ์ก็จะไม่อาจค้นหามันข้ามทุ่งดาวได้
หากไม่ใช่เพราะเทพเอสมีความคิดผิดๆและไม่มีเวลามองอุปกรณ์ขณะสู้กับทั้งสามเขาคงสังเกตเห็นแต่แรก
พลังงานจิตของไซเคอร์เชื่อมกับลูกบาศก์วิวัฒนาการแม้ตำแหน่งจะไม่แม่นยำมากเมื่ออยู่ไกลเกิน เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงลูกบาศก์ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน นี่ทำให้หานเซี่ยวมักพกมันติดตัว แต่ทว่า ครั้งนี้ มันแตกต่าง เมื่อรู้ว่าเทพเอสมีลูกไม้ซ่อนอยู่มาก หานเซี่ยวจึงเตรียมการ ลูกบาศก์วิวัฒนาการไม่ได้อยู่กับเขาในตอนนี้
ตอนเขาออกเดินทางจากดาวแม่จักรวรรดิและใช้เวลาหลายวันเพื่อมาถึงชายแดนเขาลอบส่งยานอวกาศไปอีกทาง ลอบเคลื่อนไปทางเขตแดนของจักรวรรดิ ลูกบาศก์จริงอยู่ที่นั่น และไม่มีใครรู้
ไซเคอร์อยู่ไกลออกไปยิ่งเขาอยู่ไกล ความแม่นยำของตำแหน่งก็ยิ่งน้อย ไซเคอร์รู้แค่ว่าลูกบาศก์นั้นอยู่ที่ไหนสักแห่งในกาแล็กซี่กลาง นอกจากนี้ ไซเคอร์ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่อให้รู้ คนของศาสนจักรย่อมไม่อาจรุกล้ำเข้าอาณาเขตของจักรวรรดิได้ ดังนั้นหานเซี่ยวจึงไม่สนใจภัยจากไซเคอร์
เพื่อความปลอดภัยเขาส่งกองทัพจักรกลไปบนยานอวกาศนั้นด้วย
ด้วยความสามารถ[ช่องทางสื่อสารควอนตัม]ต่อให้กองทัพอยู่ห่างไกลมาก เขาก็ยังส่งพลังจักรกลไปได้ทันที!
การอยู่ในสถานที่หนึ่งและปล่อยให้กองทัพจักรกลระดับผู้อยู่เหนือทำภารกิจคือความพิเศษของช่างกลผู้อยู่เหนือ
เมื่อเขาไม่อยู่ในที่เกิดเหตุศัตรูจะเข้าใกล้เขาได้ยังงไ?!
สิ่งนี้คล้ายกับร่างแยกของเทพเอสแต่ดีกว่านี่คือรูปแบบการต่อสู้ที่แมนิสันใช้ ศัตรูจะไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้ด้วยซ้ำตอนสู้กับเขา
หานเซี่ยวไม่ใช้กลยุทธ์นี้เพรากองทัพเขายังไม่ถึงระดับเดียวกับแมนิสันนอกจากนี้ ความอึดคือหนึ่งในจุดแข็งเขา
แต่ทว่ากองทัพจักรกลที่เขาส่งไปทำภารกิจสามารถกวาดล้างภัยพิบัติได้ง่ายๆ แถมยังมากพอจะปกป้องลูกบาศก์ระยะเวลาหนึ่ง
ขณะที่คิดหานเซี่ยวก็ไม่หยุดขยับและควบคุมกองทัพจักรกลให้ระดมยิงเทพเอส แม้ม่านสะท้อนพลังงานของเทพเอสจะสามารถสะท้อนการโจมตีพลังงานได้ หานเซี่ยวก็มีวิธีรับมือกับมัน
กองทัพจักรกลมีการโจมตีหลากหลายดังนั้นความสามารถเอสเปอร์อันเดียวย่อมไม่อาจทำอะไรเขาได้
นอกจากนี้เทพเอสไม่อาจใช้ความสามารถพร้อมกันได้มากและไม่ได้เอาแต่ป้องกัน แถม ฝั่งหานเซี่ยวยังมีผู้อยู่เหนืออีกสอง
ทั้งสามไม่อาจเอาชนะเทพเอสได้แต่ในเวลาเดียวกัน เทพเอสก็ไม่อาจเอาชนะทั้งสามได้ง่ายๆ ผลลัพธ์ของการต่อสู้ไม่อาจชี้ชัดได้ในเวลาอันสั้น
ในสนามรบมูรากี้ที่เพิ่งรอดพ้นความตายไม่มีเวลาพักผ่อนและสั่งกองยานให้โจมตีต่อ แม้จะหยิ่ง ความสามารถเขาก็ไม่ได้ปลอม
ภายใต้คำสั่งเขากองทหารโจมตีอย่างรุนแรงและเหนือกว่า โดยปราศจากการแทรกแซงของผู้อยู่เหนือ กองยานผู้ร่วงหล่นไม่ใช่คู่ต่อกรเขาเลย
ขณะรับมือกับการโจมตีเทพเอสก็เหลือบมองสนามรบกองยานและขมวดคิ้ว เขาสามารถเห็นได้ว่ากองยานเขากำลังถูกกวาดล้าง
ตามที่เพิ่งยืนยันลูกบาศก์วิวัฒนาการไม่อยู่กับหานเซี่ยว ดังนั้น สำหรับเทพเอส ไม่จำเป็นต้องสู้ต่อ สถานที่นี้ใกล้กับชายแดนจักรวรรดิและกำลังเสริมก็กำลังมาถึง แม้กระทั่งเขาก็ยังไม่อยากเจอกองทัพจักรวรรดิ ต่อให้สุดท้ายจะหลบหนีได้ เขาก็ไม่อยากตอแยสามอารยธรรมมากเกินไป
หากเขาฆ่าคนของจักรวรรดิมากเกินไปจักรวรรดิอาจระดมกองทัพใหญ่และกำจัดกองทัพหลักเขา ตอนนั้น มันจะเป็นคล็อตติและตาแก่อีกสองที่เขาต้องเผชิญ
แม้เทพเอสจะไม่กลัวเขาก็จะสูญเสียมากกว่าแค่กองยาน มันไม่คุ้ม
ครั้งนี้หานเซี่ยวพลันส่งข้อความเสียงและลก่าว”แกมีความสามารถเอสเปอร์สลับช่องว่าง ฉันเดาว่าแกคงไม่อยากทำข้อตกลงกับฉันตั้งแต่ต้น และนี่ก็เป็นกับดัก”
เทพเอสป้องกันสนามพลังของเอเมสจากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“มันจริงที่ฉันไม่น่าเชื่อถือแต่ครั้งนี้ แกเดาผิด ฉันจริงใจจริงๆ ลูกบาศก์วิวัฒนาการเป็นความหวังเดียวที่จะเข้าถึงอาณาจักรที่สูงขึ้นในสายตาฉัน แต่มันไม่ใช่อีกต่อไป ฉันเห็นโลกกว้างมาแล้ว!สำหรับฉัน ลูกบาศก์วิวัฒนาการไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายอีก แค่เครื่องมือที่ฉันต้องการและไม่ได้จำเป็นมาก หากแกไม่เต็มใจให้ฉันยืม ฉันก็ไม่ว่าอะไร…”
อาณาจักรที่สูงขึ้น?หานเซี่ยวสงสัยเทพเอสกำลังผสานความสามารถเอสเปอร์ความเสี่ยงสูงและรวมอาชญากรนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างแดนผู้ร่วงหล่น ทุกอย่างที่เขาทำคือเพื่อพลัง แรงจูงใจเขาตรงไปตรงมา
“แกอยากเป็นเหมือนเหล่าบรรพชนทำลายขีดจำกัดและพบเกรดใหม่?”หานเซี่ยวหรี่ตา
“ฮี่ๆ”เทพเอสไม่ตอบรับหรือปฏิเสธจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่อง”พูดก็พูด ฉันต้องขอบคุณแก แกทำให้ฉันเห็นความหวังใหม่และเปลี่ยนเป้าหมายฉัน”
“ขอบคุณฉัน”หานเซี่ยวสับสน
“หลายปีก่อนร่างแยกฉันสู้กับแกในวงแหวนดาวกระจาย มันเล่นกับแกและถูกโยนเข้ารูหนอน”เทพเอสพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ”น่าเศร้าที่แกไม่ได้ตามไป แกเลยไม่รู้ว่าแกพลาดอะไรไป”
มันราวกับว่าเหตุการณ์นั้นเป็นประโยชน์แก่เขา
หานเซี่ยวพลันเข้าใจและเชื่อมโยงเบาะแสเข้าด้วยกัน”นั่นทำให้คนของแกฆ่าแฮร์โรฟาล?”
ย้อนกลับไปตอนผู้นำดาราทมิฬกลับมาลอบสังหารเขาเขาใช้ร่างแยกเทพเอส นั่นคือครั้งแรกที่เขาพบกับเทพเอส
ตอนนั้นเขาไม่ใช่คู่มือร่างแยกเทพเอสเลย เขาใช้สภาพแวดล้อมรูหนอนรอบๆและร่วมมือกับช่างกลที่ศึกษารูหนอน แฮร์โรฟาล นำร่างแยกเทพเอสเข้ารูหนอนและขับไล่มัน
หลังจากนั้นเทพเอสก็ส่งลูกน้องเขามาขโมยลูกบาศก์วิวัฒนาการ แต่ก็ฆ่าแฮร์โรฟาลไปด้วย หานเซี่ยวไม่รู้เหตุผล เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมากแล้วและเขาก็ไม่คิดว่าเทพเอสจะหยิบยกมันขึ้นมา
“แฮร์โรฟาล?”เทพเอสหยุดชั่วคราวราวกับเขาจำชื่อนี้ไม่ได้”อืมใช่ ชื่อนั้น ชายคนที่หลอกร่างแยกฉันพร้อมกับแกตอนนั้น ฉันได้รับข้อมูลเรื่องรูหนอนจากเขา”
หานเซี่ยวงุนงงเทพเอสบอกว่าเขาเห็นความหวัง เขาเห็นอะไรอีกฝากของรูหนอน?
เทพเอสได้รับข้อมูลว่ารูหนอนนั่นจะนำไปสู่ที่ไหนและคิดสร้างเส้นทางที่เสถียร?
รูหนอนนั่นมีอะไรถึงำให้เทพเอสทุ่มเทมากขนาดนี้?!
หานเซี่ยวอยากรู้แต่เทพเอสไม่คิดอธิบาย ทันใดนั้นเขาก็หายตัวไปและหลบการโจมตีของทั้งสาม โบกมือ และประตูมิติก็ปรากฏด้านหลังเขา
จากระยะไกลสายตาของเทพเอสทิ่มแทงหานเซี่ยวประดุจมีด และหานเซี่ยวก็เข้าใจความหมายนั้น
ฉันจะปล่อยแกไปก่อนแต่เราจะมีโอกาสเล่นกันอีกมากในอนาคต !
สายตาพวกเขาปะทะกัน
จากนั้นเทพเอสก็ก้าวถอยหลังและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เขาถอยแล้ว..”
หานเซี่ยวถอนหายใจกองทัพจักรกลเขาเสียเป้าหมายและหยุดขยับ
เทพเอสไม่อาจได้รับลูกบาศก์ไปดังนั้นเขาต้องวางแผนเพิ่มในอนาคตแน่ หานเซี่ยวไม่รู้ว่าเทพเอสจะใช้วิธีการใดในอนาคต
ทั้งสองอยู่คนละข้างกันแต่ทว่า ชายคนนี้ไม่อาจออกกาแล็กซี่กลางได้ง่ายๆ ดังนั้นหานเซี่ยวจึงไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้สู้กันอีกครั้งตอนไหน
นอกจากนี้รูหนอนที่เทพเอสกล่าวถึงก็ทำให้เขาอยากรู้
เมื่อคิดถึงพลังที่เทพเอสแสดงในการต่อสู้นี้หานเซี่ยวก็รู้สึกกดดันมาก
“เขาคือบอสตัวสุดท้ายของฝ่ายปีศาจโกลาหลฉันยังไม่มีพลังพอจะสู้กับเขา”
หานเซี่ยวรู้สึกถึงแรงกดดัน-เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น