The Legendary Mechanic - ตอนที่ 883 เงื่อนไข
ตอนที่ 883 เงื่อนไข
โมน่าสามารถได้ยินน้ำเสียงถากถางในนั้นเขาหน้าแดง แต่ก็อดทน”เราหวังว่าท่านจะยอมให้เราตรวจสอบกาลอวกาศแอมเบอร์ สหพันธ์แห่งแสงจะให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจกับท่าน”
“ขอปฏิเสธ”หานเซี่ยวโบกมือ”ผมไม่จำเป็นต้องให้ความร่วมมือ”
“งั้น…ท่านจะอนุญาตให้เราดูกาลอวกาศแอมเบอร์ได้หรือไม่?นี่คือคำขอส่วนตัวของผม”
“ไม่”
บรรยากาศเริ่มไม่ดีแต่ทว่า โมน่าก็คาดไว้แล้ว แบล็คสตาร์ย่อมไม่ให้คนนอกได้สัมผัสกับสมบัติจักรวาลเขา
เขาแกล้งทำเป็นจิบเครื่องดื่มมองซ้ายขวาก่อนลดเสียงและเปลี่ยนเรื่อง
“ท่านแบล็คสตาร์ผมไม่มั่นใจ..แต่ท่านคิดยังไงกับสหพันธ์แห่งแสง?”
ในที่สุดพวกเขาก็ตรวจท่าทีของฉัน…หานเซี่ยวคิด
“ผมควรถามคำถามนี้กับคุณแทนคุณช่วยศาสนจักรในช่วงการต่อสู้บนดาวประภาคารและหันมาช่วยจักรวรรดิ ผมไม่แน่ใจว่าควรพิจารณาว่าพวกคุณเป็นศัตรูหรือมิตร คุณคิดว่าไง?”
โมน่าคิดก่อนตอบ”แม้เราจะอยู่คนละฝ่ายเราก็เต็มใจเป็นมิตรกับท่าน ท่านแบล็คสตาร์”
หานเซี่ยวเลิกคิ้ว”ในกรณีนี้ผมก็ขอพูดตรงๆ เราจะเป็นศัตรูกันเสมอ แต่เราสามารถเป็นคู่ค้ากันได้ คุณคงไม่ปฏิเสธมันสินะ?”
“แน่นอน”นี่คือหนึ่งในเงื่อนไขที่เบื้องบนให้ไว้ก่อนเขาออกเดินทางดังนั้นโมน่าจึงไม่ลังเลเลย
สามอารยธรรมจักรวาลมักระวังกันแต่ทว่า พวกเขายังค้าขายกันบ่อยมาก ร่วมมือกันในหลายอุตสาหกรรม ในยุคดวงดาวนี้ ตราบเท่าที่อารยธรรมไม่ฉีกข้ออ้างทั้งหมดและทำสงครามกัน ความสัมพันธ์การร่วมมือพวกเขาจะยังอยู่ สามอารยธรรมจักรวาลใช้วิธีการนี้แล้ว และในความเป็นจริง การรวมดวงดาวคือหนึ่งในจุดที่เชื่อมโยงกาแล็กซี่ทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ดังนั้นในแง่ของธุรกิจและการค้า อารยธรรมจักรวาลจึงไม่ห้ามพันธมิตรผู้อยู่เหนือจากการขยายธุรกิจเพื่อสร้างผลกำไรจากอารยธรรมอื่น แต่ทว่า หากพวกเขาใช้ชื่อการค้าเพื่อขายข้อมูลลับให้ฝ่ายอื่น งั้นอารยธรรมจักรวาลก็จะล่าพวกเขา
แต่ทว่าพันธมิตรผู้อยู่เหนือในแต่ละอารยธรรมจะไม่ยอมให้คนนอกได้รับส่วนแบ่งง่ายๆ หากอยากพัฒนาธุรกิจในกองกำลังอื่น พวกเขาจะได้รับแรงกดดันของฝ่ายตนเอง โดยปราศจากความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ มันยากที่จะดำเนินธุรกิจ
“ผมมั่นใจว่าท่านชัดเจนถึงรูปแบบการทำงานเราภายในสามอารยธรรมจักรวาล เราครอบคลุมมากสุด เราต้อนรับกลุ่มการเงินและองค์กรจากทั่วจักรวาลและในเมื่อวงแหวนดาวกระจายอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจของสหพันธ์แห่งแสง ท่านจึงสามารถพูดได้ว่าเรามักทำงานด้วยกันมาตลอด”โมน่ากล่าว
หานเซี่ยวพยักหน้าส่วนนี้เป็นจริง จักรวรรดิคริมสันคือเหล็กกล้า ส่วนศาสนจักรเองไปทางจิตวิญญาณ สหพันธ์แห่งแสงคือผู้มั่งคั่งสุด มีอาณาเขตมากมายและเบ่งบานด้วยความเจริญรุ่งเรือง
“ในเมื่อคุณอยากเป็นมิตรงั้นอย่างน้อยก็แสดงความจริงใจบ้าง การสร้างสัมพันธ์ต้องใช้เงินทุน”หานเซี่ยวยิ้ม
“หากท่านเต็มใจเราสามารถช่วยกองทัพแบล็คสตาร์เพื่อพัฒนาธุรกิจในสหพันธ์แห่งแสงได้ทุกเมื่อ”โมน่าตอบ
ดวงตาหานเซี่ยวขยับอย่างรวดเร็ว
เขาเข้าใจคร่าวๆว่าสหพันธ์แห่งแสงพยายามทำอะไรพวกเขากล่าวถึงกาลอวกาศแอมเบอร์ก่อนเสนอความร่วมมือทางการค้า สถานการณ์ชัดเจนมาก พวกเขาอยากยืมกาลอวกาศแอมเบอร์ในระยะยาว หลังเหตุการณ์ก่อนหน้า ความสัมพันธ์พวกเขาก็ตึงเครียด ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงอัตราสำเร็จหากพวกเขามาเคาะขออะไรบางอย่าง
ดังนั้นสหพันธ์แห่งแสงจึงมีข้อเสนอเล็กน้อย ซึ่งหนึ่งนั้นคือการใช้ข้อเสนอทางธุรกิจเพื่อทำลายน้ำแข็งชั้นแรก กระชับความสัมพันธ์พวกเขาก่อนยื่นข้อเสนอต่อไป แบบนี้ พวกเขาจะไม่พยายามบรรลุเป้าหมายในชั่วข้ามคืน แต่จะใช้ความสัมพันธ์ระยะยาวเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
ในฐานะฝ่ายได้เปรียบหานเซี่ยวไม่คิดตอบทันที
“ได้เราจะคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง ผมไม่มีเจตนาในตอนนี้”novel-lucky
“เข้าใจแล้วหากท่านยังมีคำขออื่น เราจะพิจารณา ไม่ว่าจะยังไง สหพันธ์แห่งแสงก็อยากร่วมงานกับท่าน”
โมน่ารักษาน้ำเสียงจริงใจเขาไว้สหพันธ์แห่งแสงไม่รีบปลดผนึกคฑาหมื่นเทพ พวกเขาสามารถรอได้
“อีกคำขอ..”เขายิ้ม”ผมไม่อยากตีสนิทกับสหพันธ์แห่งแสงอะไรมันแค่เพราะคุณช่วยศาสนจักรจัดการกับผมครั้งก่อน นอกจากการแสดงความจริงใจ ผมรู้สึกว่าคุณควรแสดงคำขอโทษ”
เขากำลังอ้างถึงอุปกรณ์เปิดฟ้าหลากมิติครั้งนั้น สหพันธ์แห่งแสงไม่คิดว่าพวกเขาต้องมาขออะไรจากแบล็คสตาร์และอาจกล่าวได้ว่าขุดหลุมตัวเอง แต่ทว่า หากพวกเขาไม่ทำแบบนั้น งั้นพวกเขาคงไม่อาจได้รับคฑาหมื่นเทพมา มีทั้งข้อดีและเสีย
ดวงตาของโมน่าสว่างขึ้นเขาไม่กลัวว่าหานเซี่ยวจะร้องขอ แต่กลัวว่าจะไม่ร้องขอต่างหาก
‘ท่านกำลังคิดถึงอะไร?”
“มันเป็นอย่างนี้หากคุณสามารถทำให้ผมพอใจ ผมจะให้อภัย และเพียงการแก้ไขปัญหานี้ ความสัมพันธ์เราถึงเริ่มกันได้”
“ท่านต้องการอะไร?”โมน่าเข้าประเด็น
“เทพเอสยังมีส่วนร่วมในการต่อสู้บนดาวประภาคารและจักรวรรดิก็ยุ่งอยู่กับการจับคนเหล่านั้นจากศาสนจักร แต่ทว่า ตอนนี้พวกเขาหันความสนใจไปยังผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว ผมมีความแค้นอย่างมากกับเทพเอสและหากคุณสามารถช่วยจักรวรรดิและผมเพื่อล้อมจับเทพเอส เราจะสามารถลบปัญหาอื่นทั้งหมดและเริ่มต้นใหม่กันได้ คุณคิดว่ายังไง?”
โมน่ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเขาคิดว่าหานเซี่ยวจะหยิบยกเรื่องผลประโยชน์เพื่อตัวเขา แต่เขากลับเชิญพวกเขาให้ล่า
เทพเอสด้วยกัน
“ในเรื่องนี้ผมไม่มีทางตัดสินใจได้ ผมจะรายงานเรื่องนี้”โมน่าพูด”แต่จากประสบการณ์ผม มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะตอบตกลง”
หากมันเป็นเรื่องอื่นสหพันธ์แห่งแสงคงยังลังเล แต่การจัดการกับเทพเอสมักเป็นหนึ่งในความสำคัญสูงสุดและจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาด้วย
ตอนนี้หนึ่งในองครักษ์จักรกลจากด้านหลังก้าวมาและถอดหมวกมัน มันเผยหัวของกายสถิตจักรกลและเสียงจักรกลก็ดังจากปากมัน
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ฉันสามารถทำมันให้นายได้”
เมื่อได้ยินหานเซี่ยวก็หันไป เมื่อเห็นวัสดุของกายสถิต ดวงตาเขาก็สว่าง เขาสามารถบอกได้ว่ามันมีเทคโนโลยีขั้นสูง ดูเหมือนจะเป็นจักรกลระดับสูงที่ทำโดยผู้อยู่เหนือ เหมือนกับกายสถิตที่เขาใช้
“นายคือ..”
“แมนิสันจักรพรรดิช่างกล แอนเชี่ยนวัน”
ดวงตาหานเซี่ยวเปลี่ยนไปเผยความระวัง
เพราะ[การจุติของผู้ปกครอง]ยังไม่ใช้กับกายสถิตจึงไม่มีความผันผวนของผู้อยู่เหนือจากมัน ก่อนแมนิสันพูด เขายังคิดว่ามันเป็นแค่ทหารจักรกลทั่วไป ในแง่ของการลักลอบ แมนิสันได้เปรียบอย่างแท้จริง
ความจริงที่แมนิสันเลือกเข้าหาเขาเหนือกว่าความคาดหวังของหานเซี่ยว
ชื่อเสียงของคนคล้ายกับเงาต้นไม้ชื่อเสียงของจักรวรรดิช่างกลในจักรวาลึกล้ำมาก เกือบจะได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดสูงสุดของช่างกล นอกจากนี้ เขายังมีปฏิสัมพันธ์ทางอ้อมกับอีกฝ่ายมาก่อน หานเซี่ยวจึงระวัง
โมน่ากระแอมก่อนอธิบาย.”เมื่อท่านแมนิสันได้ยินว่าเรามาเพื่อเยือนท่านเขาจึงขอมากับเรา”
“แบล็คสตาร์ในความเป็นจริง ฉันอยากมาหานายตลอด ครั้งนี้นับเป็นโอกาส”เมื่อสังเกต แมนิสันก็พูด”อะไร ฉันไม่เป็นที่ต้อนรับ?”
ความคิดของหานเซี่ยวหมุนอย่างรวดเร็วและสวมรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าไม่ฉันแค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ฉันยังได้ยินชื่อนายมานานแล้วและมักอยากมาหานาย มันแค่ว่าฉันไม่เคยมีโอกาส”
โมน่ายืนขึ้น”นี่คือหมายเลขสื่อสารผมท่านแบล็คสตาร์ ผมจะรายงานเจตนาท่านต่อเบื้องบนและท่านจะได้รับคำตอบในไม่ช้า ผมจะไม่รบกวนท่านอีก ท่านแมนิสัน เราจะรอท่านบนยาน”
กายจักรกลของแมนิสันพยักหน้าและโมน่าก็ออกห้องไปท่า
มีเพียงแมนิสันและหานเซี่ยวถึงอยู่ในห้อง
“ฮี่ๆท่านแบล็คสตาร์ นี่ควรเป็นการพบกันครั้งแรกของเรา”แมนิสันฟังดูเหมือนกำลังหัวเราะ แต่เสียงจักรกลไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร มันทำให้ดูน่ากลัว
ด้วยทักษะของอีกฝ่ายมันเป็นไปได้ที่กายสถิตเขาจะเลียนแบบอารมณ์และน้ำเสียงของคนอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเสียงนี้ควรทำโดยมีวัตถุประสงค์
“พูดตรงๆเรายังไม่ถือว่าพบกัน นายเห็นหน้าฉัน แต่ฉันยังไม่เห็นหน้านาย”หานเซี่ยวเลิกคิ้วขณะคิดหาถึงเจตนาของแมนิสัน
“จะต้องมีโอกาสแน่ในอนาคต”แมนิสันชี้หน้าอกตัวเอง”จะว่าอะไรไหมหากฉันจะส่งจิตสำนึกมา?”
หานเซี่ยวส่ายหัว
บูม!
ทันใดนั้นคลื่นพลังงานก็พุ่งพรวดผ่านช่องทางขนส่งควอนตัมและร่างของกายจักรกลก็ปล่อยสายฟ้า สายฟ้าสีทองระเบิดออกมา เป็นพยานถึงการลงมาสถิตของแมนิสัน
การเคลื่อนไหวของภาชนะนี้ยิ่งราบรื่นขึ้นแมนิสันบิดคอ”นี่ดีขึ้นมาก”
การสื่อสารทางไกลสามารถเทียบได้กับวิดิโอแชท[การจุติของผู้ปกครอง]คือการนำจิตสำนึกมา ซึ่งดีกว่ามาก
หานเซี่ยวยิ้มและไม่พูดแต่กลับเต็มไปด้วยความระวังในหัวใจ
เมื่อจิตสำนึกของแมนิสันมาถึงพลังจักรกลที่ปล่อยออกมาก็ทำให้หานเซี่ยวกดดัน เพื่อให้สามารถกดดันผู้อยู่เหนือคนอื่นได้ จักรพรรดิช่างกลต้องยากจะหยั่งถึงจริงๆ
ในบรรดาผู้อยู่เหนือทั้งหมดที่เขาเคยเห็นมีเพียงกลิ่นอายของเทพเอสถึงเทียบได้กับแมนิสัน..และนี่ก็แค่กายสถิต ไม่ใช่ร่างจริงของแมนิสัน
คนๆนี้ไปถึงระดับไหนแล้วกันแน่?
เมื่อคิดเกี่ยวกับมันหานเซี่ยวก็มุ่ยปากไปทางประตู
“ท่านแมนิสันเรามาเปลี่ยนสถานที่กันเป็นยังไง?”
“ได้ช่วยพาฉันเยี่ยมชมทั่วกองทัพแบล็คสตาร์ได้ไหม?”แมนิสันพยักหน้า
“ได้สิ”
ทั้งสองยืนขึ้นและออกห้องไป
พวกเขาเพิ่งพบกันดังนั้นจึงไม่มีหัวข้ออะไรให้คุยนอกจากคุยเรื่องศูนย์ใหญ่ วัสดุและเทคโนโลยีที่ใช้
หานเซี่ยวคอยมองเครือข่ายควอนตัมตลอดปล่อยให้ฟิลลิปเฝ้าระวังระบบ
แม้ความเป็นไปได้จะต่ำมันก็ดีกว่าที่จะป้องกันการบุกรุกเสมือนจากแมนิสัน เหนือสิ่งอื่นใด การมีแมนิสันที่นี่ก็เหมือนมีเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมบ้านเรา เราไม่มีทางรู้ว่าเขาจะทำอะไรลับหลัง
แต่แมนิสันไม่มีเจตนาเช่นนั้นเขาแค่คุยเกี่ยวกับความรู้ช่างกล ราวกับกำลังแบ่งปันเทคโนโลยีกัน
จากการแลกเปลี่ยนนี้จักรพรรดิช่างกลทรงพลังจริงๆ เขาสะสมประสบการณ์มาหลายปีและสะสมความรู้ช่างกลได้มากมาย เขายังอยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรมเทคโนโลยี พัฒนาพิมพ์เขียวจำนวนนับไม่ถ้วน
เขายังอยู่ห่างไกลจากแมนิสันมากอีกฝ่ายไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเปล่าประดยชน์ตลอดหลายปี
เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาได้พบกับอีกฝ่ายหานเซี่ยวจึงสวมรอยยิ้มตลอดเวลา แต่ทว่า เขาไม่เคยลดการระวังลง
“โอ้ใช่นายบอกว่านายจะช่วยฉันจัดการกับเทพเอส”
“เทพเอสอยู่ในแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่มนั่นคือฐานหลักฉัน และหากสหพันธ์แห่งแสงตอบรับคำขอนาย มันจะเป็นฉันที่ลงมือ”แมนิสันหันไปมองหานเซี่ยว”แน่นอน ฉันยังมีเหตุผลส่วนตัว”
“อะไร?”หานเซี่ยวอยากรู้
“ฉันได้เตือนเทพเอสแล้วว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังดินแดนฉันส่วนอีกข้อ..ฮี่ๆ ฉันหวังว่าจะได้อะไรจากนาย”แมนิสันไม่ปิดบังเจตนาเขา
ได้รับอะไรบางอย่างจากฉัน?ดวงตาหานเซี่ยวไหววูบมันย่อมไม่ใช่เครื่องจักร ดังนั้นมันอาจเป็นสมบัติจักรวาล ลูกบาศก์วิวัฒนาการหรือกาลอวกาศแอมเบอร์?
แต่ทว่าแมนิสันไม่พูดต่อและหันไปอีกทางแทน ตอนนี้เอง ทั้งคู่เดินผ่านทางเดินและรอบๆก็คือห้องฝึก
“ในเมื่อมากันแล้วทำไมเราไม่ประมือกันหน่อยละ”มันยากที่จะบอกว่าแมนิสันคิดทำอะไร
“ที่นี่?”หานเซี่ยวส่ายหัวด้วยพลังของพวกเขา มันจะพลิกคว่ำทั้งศูนย์ใหญ่
“ใจเย็นๆฉันไม่ได้นำหน่วยจักรกลอื่นมาด้วย มีแค่ร่างนี้”แมนิสันโบกมือ”นายสามารถควบคุมกายสถิตอื่นได้เช่นกัน และเราจะหยุดเมื่อมันถูกโจมตี แบบนี้ การเคลื่อนไหวจะควบคุมได้มากขึ้นและเราจะไม่ทำลายความสัมพันธ์กัน”
วิธีนี้ใช้ได้..หานเซี่ยวสูดหายใจ”..งั้นก็ตกลง”
ในเมื่อไม่จำเป็นต้องสู้ด้วยร่างจริงมันก็แค่การซ่อมกายสถิต มันยังปลอดภัยกว่าด้วยวิธีนี้ หานเซี่ยวสงสัยว่าแมนิสันคงอยากทดสอบพลังต่อสู้เขาผ่านพลังจักรกล
ด้วยการทำลายขีดจำกัดพลังงาน52000ระดับของพลังจักรกลนี้ไม่มีทางที่เขาจะถูกทำร้ายง่ายๆ หานเซี่ยวมั่นใจ
ยิ่งไปกว่านั้นการจุติของผู้ปกครองยังช่วยให้เขาส่งพลังส่วนใหญ่ไปได้ เขายังอยากลอบดูค่าสถานะของแมนิสันผ่านข้อมูลต่อสู้