The Legendary Mechanic - ตอนที่ 891 วางแผน
ตอนที่ 891 วางแผน
ในบางตำแหน่งของแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่มกองยานศาสนจักรอาร์เคน จักรวรรดิคริมสันและสหพันธ์แห่งแสงได้รวมกันโดยมี11ผู้อยู่เหนือมารวมกันเพื่อหารือกลยุทธ์
“ตามข้อมูลเราเทพเอสอยู่ที่นี่”
ภาพฉายแสดงแผนที่ดาวของแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่มแลจุดสีแดงก็สามารถเห็นได้ในแถบจักรวาลรกร้างจุดแดงนี้แสดงถึงตำแหน่งของเทพเอส และผู้บัญชาการของกองยานจักรวรรดิก็อธิบายสถานการณ์ให้ทุกคนฟังอย่างเคร่งขรึม
วัตถุประสงค์ของกองยานทั้งสามคือจัดการกับกองยานของเทพเอสและภารกิจของผู้บัญชาการก็คือร่วมมือกับพันธมิตรผู้อยู่เหนือ
“อืมนั่นคือสนามรบโบราณที่มีดาวหลายดวงถูกทำลายในยุคสำรวจ มีอุกกาบาตจำนวนมากในแถบนั้น”แมนิสันพยักหน้า เขาคือคนที่คุ้นเคยกับที่นี่สุด
ผู้อยู่เหนือคนเดียวที่สหพันธ์แห่งแสงส่งมาคือแมนิสันแต่เขาไม่ได้มาเอง เขาส่งกายสถิตมาพร้อมป้อมปราการจักรกลสามแห่ง ซึ่งมีทหารจำนวนมากเก็บไว้
แม้เขาจะอยู่คนเดียวกองทัพที่เขานำมาด้วยก็ทำให้เขาไม่อ่อนแอกว่าอีกสองฝ่ายเลย
จากนั้นผู้อยู่เหนือศาสนจักรก็เคาะโต๊ะและกล่าว”เราได้รับรายงานกองกำลังของเทพเอสมาแล้วรายงานมาจากไหน?มันเชื่อถือได้หรือไม่?”
“นี่คือข้อมูลที่มอบโดยอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดในแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่มพวกเขามีระบบเฝ้าระวังในทุ่งดาวนี้”ผู้บัญชาการจักรวรรดิตอบ”หลังได้รับข้อมูลของกองยานเทพเอส พวกเขาก็เริ่มแกะรอยกองยานเขา ตามพิกัดที่ให้มา เราใช้อุปกรณ์แกะรอยระยะไกลเพื่อยืนยันแล้ว และก็รับประกันได้ถึงความถูกต้อง”novel-lucky
อารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดทั้งสี่ควบคุมทั้งแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่มและมีตาอยู่ทั่วด้วยการร้องขอของจักรวรรดิ พวกเขาจึงให้ข้อมูลตำแหน่งเทพเอสและร่วมมือกัน แต่ทว่า พวกเขาไม่รู้ว่าสามอารยธรรมจักรวาลกำลังร่วมมือกัน
ด้วยตำแหน่งเทพเอสที่ถูกจับพวกเขาจึงรีบไปด้วยเครือข่ายประตูดาวเพื่อซุ่มโจมตีเทพเอส
สามผู้อยู่เหนือของศาสนจักรไม่ใช่พวกที่เข้าร่วมศึกบนดาวประภาคารสายอาชีพพวกเขาคือผู้ใช้พลังจิต จอมเวทย์และผู้ใช้ปืนใหญ่ ดังนั้น จึงไม่มีผู้อยู่เหนือสักคนที่เป็นเอสเปอร์
คนที่ควรให้ความสนใจสุดคือผู้ใช้ปืนใหญ่ที่มีฉายาว่า’นักล่าดวงอาทิตย์’เขาคือสมาชิกแอนเชี่ยนวันและยังเป็นคนที่แข็งแกร่งสุดในหมู่สามคน เขาคือเพื่อนเก่าของแมนิสัน มิลิซาสและเรเวนลูด
ร่างเขาผอมเพรียวหนาแค่ฝ่ามือหนึ่ง แต่ทว่า ร่างเขาสูงมาก และก็เป็นสายพันธ์จักรวาลที่ใกล้สูญพันธุ์ เขามีลักษณะของแมลงและปัจจุบันก็สวมชุดเกราะ
ร่างเขาซูบผอมแต่อาวุธเขากลับใหญ่กว่าตัวเขานับหมื่นเท่า
หานเซี่ยวจำได้ว่าอีซอปเคยพูดถึงเขาและบอกว่ามีแอนเชี่ยนวันที่พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเขานักล่าดวงอาทิตย์คือหนึ่งในนั้น
เดิมเขาคิดว่าผู้ใช้ปืนใหญ่นี้อยากให้เขาสร้างอาวุธแต่หลังพิจารณา หานเซี่ยวก็กำจัดความเป็นไปได้นั้นไป แอนเชี่ยนวันไม่ต้องเชิญช่างกลผู้อยู่เหนือหน้าใหม่มาช่วยเขาสร้างอาวุธ
ตอนพบปะครั้งแรกหานเซี่ยวให้ความสนใจกับคนของอีกสองฝ่าย ไม่จำเป็นต้องพูดถึงแมนิสัน กายจักรกลเขาไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง อีกด้านของศาสนจักร พวกเขาดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรกับพันธมิตรของจักรวรรดิและแมนิสันเลย
หานเซี่ยวยังไม่รู้ว่าคฑาหมื่นเทพโดนสหพันธ์แห่งแสงชิงไปและศาสนจักรก็โกรธสหพันธ์แห่งแสงสุดที่ตลบหลังพวกเขาและเหยียบพวกเขาตอนพวกเขาล้มพันธมิตรผู้อยู่เหนือของศาสนจักรจะไม่เป็นมิตรกับแมนิสันด้วย
หากไม่ใช่ความจริงที่พวกเขาต้องจัดการกับเทพเอสทั้งสองฝ่ายอาจปะทะกันแล้ว
“ในเมื่อเรารู้ตำแหน่งเทพเอสแล้วเราก็จะเป็นฝ่ายเริ่มศึก เราต้องวางแผน”มิลิซาสกล่าว
“พูดถูก”นักล่าดวงอาทิตย์ตอบแม้ร่างเขาจะเล็ก เสียงเขากลับไม่อ่อนนุ่ม”แม้เทพเอสจะเป็นพวกบ่าอสู้ เขาก็ไม่ใช่คนบุ่มบ่าม วินาทีที่เขาเห็นเรา11คน เขาจะหนีแน่ ตราบเท่าที่เขาละทิ้งกองยาน เราจะไม่อาจไล่ทัน ผลลัพธ์จะเหมือนกับที่ผ่านมา”
“ด้วยผู้อยู่เหนือมากมายที่ร่วมมือกันเราต้องวางแผนให้ดี”หานเซี่ยวกล่าว”หากเราอยากทำให้สำเร็จ จะมีสองปัญหาที่เราต้องจัดการก่อน อย่างแรก เราไม่อาจปล่อยให้เทพเอสหนีได้ทันทีที่เขาเห็นเรา สอง เราต้องจำกัดการเคลื่อนไหวของเทพเอสเพื่อให้เขาไม่อาจหนีได้ตามใจชอบ”
ทุกคนพยักหน้า
แม้สามอารยธรรมจักรวาลจะล้มเหลวในการพยายามฆ่าเทพเอสปฏิบัติการใหญ่เช่นนี้ก็หาได้ยาก พันธมิตรผู้อยู่เหนือส่วนใหญ่ที่นี่แค่สนใจรางวัล ไม่ใช่ชีวิตหรือความตายของเทพเอส แต่ทว่า ด้วยหลายคนที่ลงมือจัดการกับเทพเอสลำพัง มันคงน่าอับอายหากพวกเขาล้มเหลว
ดังนั้นทั้งหมดจึงอยากทำภารกิจนี้ให้สำเร็จและกำจัดศัตรูของสามอารยธรรมจักรวาล
เจตจำนงค์ของผู้อยู่เหนือมั่นคงมากและพวกเขาจะไม่ได้รับผลโดยความล้มเหลวในอดีต
“มันง่ายมากที่จะแก้ปัญหาแรก”แมนิสันกล่าว”เทพเอสไม่โง่พอจะปะทะกับ11ผู้อยู่เหนือซึ่งๆหน้าเราแค่ต้องแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะสู้กับเขาก่อนและพยายามถ่วงเขาไว้ ขณะที่อีกกลุ่มจะรอ”
หานเซี่ยวพยักหน้าเพื่อแสดงความเห็นด้วย
เทพเอสไม่ใช่คนโง่และจะไม่พยายามสู้กับ11ผู้อยู่เหนือดังนั้น แม้จะมีพลรบมากมายทางฝั่งพวกเขา พวกเขาก็จะไม่อาจปรากฏตัวได้พร้อมกัน หากพวกเขาทำ เทพเอสคงหนีไปทันทีที่เห็นพวกเขา
“นายพูดถูกกลุ่มแรกที่ล้อมเขาต้องเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับภารกิจล้อมกรอบ แต้องไม่ใหญ่เกินไปจนทำให้เขากลัว”
เรเวนลูดกล่าว”ฉันคิดว่ามันปลอดภัยกว่าที่จะมี4หรือ5ผู้อยู่เหนือ”
“ห้าจะดีสุดเทพเอสได้รับการวิวัฒนาการและพลังเขาก็เพิ่มขึ้น เขาต้องอยากทดสอบพลังเขาแน่และห้าคนก็ควรเป็นไปตามการคาดการณ์ของเขา”หานเซี่ยวกล่าว
ภารกิจล้อมกรอบปกติจะมีแค่สามผู้อยู่เหนือและความสามารถต่อสู้เดิมของเทพเอสก็มากพอจะทำให้เขารับมือกับสามผู้อยู่เหนือสบายๆ เขาสามารถหลบหนีได้เมื่อเจอกับ4หรือ5คน สิ่งนี้จะแตกต่างไปหากผู้อยู่เหนือทรงพลังขึ้น แต่ตราบเท่าที่เขาอยากหนี จะไม่มีใครรั้งเขาไว้ได้
หากมีห้าคนพวกเขาก็จะสามารถกดดันเทพเอสและปลุกความปราถนาต่อสู้ในตัวเขาได้ แต่ก็จะไม่ปล่อยให้เทพเอสรู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไปและทำให้เขาหนี
“กลุ่มแรกควรตั้งไว้ที่ห้าคนสามคนจากจักรวรรดิและสองจากศาสนจักร อย่าปล่อยให้เทพเอสรู้ว่าสหพันธ์แห่งแสงเองก็ร่วมในภารกิจนี้ด้วย”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
ตอนนี้เองมิลิซาสพลันกล่าว”แต่หากเราไม่จำกัดการเคลื่อนไหวชั่วพริบตาของเทพเอส การซุ่มโจมตีจะเปล่าประโยชน์ ต่อให้เราลอบโจมตีได้ เทพเอสก็จะสามารถหนีได้ตลอด ดังนั้น มันสำคัญที่ต้องจำกัดการเคลื่อนไหวเขา ไม่งั้นปฏิบัติการเราคงล้มเหลว”
เมื่อได้ยินจอมเวทย์ของศาสนจักรก็กล่าว”ถูกต้อง ห้าคนที่สู้กับเทพอสจะรับผิดชอบการรั้งเขาไว้และการจำกัดการเคลื่อนไหวควรเป็นงานของกลุ่มที่ซุ่มโจมตี นี่ต้องใช้เวทย์มิติเวลาเพื่อแยกสนามรบจากมิติที่สองและมิติอื่น เรายังต้องรักษาเสถียรภาพของมิติเวลาเพื่อป้องกันเขาจากการใช้ไฮเปอร์ไดรฟ์หรืออะไรก็ตาม ซึ่งมันต้องใช้ความพยายามอย่างมาก”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยนี่คือวิธีดีสุดในการจับเทพเอส และมันก็พิสูจน์แล้วโดยประวัติศาสตร์ แต่ทว่า มันก็ยากมากที่จะทำให้สำเร็จ
อย่างแรกนี่ต้องใช้เวลา และยิ่งสนามรบมีขนาดใหญ่ มันยิ่งต้องใช้ความพยายามมาก แม้กระทั่งจอมเวทย์ผู้อยู่เหนือก็ไม่สามารถทำให้เสร็จได้ทนัเวลา สอง เทพเอสมักระวังตัวและจะหลบหนีก่อนมิติเวลาถูกปิดตาย
ต่อให้เทพเอสติดกับเช่นนี้มันก็ยังเป็นไปได้ที่เขาจะหลบหนี เขาสามารถใช้วิธีทั่วไปเพื่อทำลายผ่านสนามรบหรือใช้ความสามารถเอสเปอร์เขาเพื่อสร้างรอยแยกเล็กๆในมิติเวลาและหลบหนีออกจากพื้นที่ที่ถูกกักขัง
ในช่วงเวลาจำกัดนี้มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะจัดการหรือจับเทพเอส เขาไม่ใช่เป้าหมายนิ่งและการฟื้นฟูกับพลังป้องกันก็จะลากถ่วงการต่อสู้ได้นาน
“ฉันมีอุปกรณ์ที่จะปรับสภาพมิติและสามารถลดพลังแยกมิติของเทพเอสกับความสามารถการเคลื่อนไหวเขาได้”แมนิสันกล่าว”ฉันควรสามารถจับเทพเอสไว้ได้ชั่วคราว”
เขาสามารถจัดการกับเทพเอสได้ลำพังแต่เทพเอสก็เจ้าเล่ห์เกินไปและมันก็ยากสำหรับเขาที่จะจับเทพเอส อุปกรณ์กักมิติต่างๆของเขาต้องใช้เวลาเพื่อทำงาน เมื่อเขาตั้งพวกมัน เทพเอสก็หนีไปแล้ว
นอกจากนี้หานเซี่ยวยังปฏิเสธข้อเสนอเขา แมนิสันจึงไม่เต็มใจทุ่มสุดตัว คำขอของสหพันธ์แห่งแสงไม่ได้มีอำนาจผูกมัดเขาเกินไปและเขาก็แค่วางแผนร่วมมือง่ายๆ
อธิบายง่ายๆแมนิสันถือเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น
“หากเราอยากสร้างพื้นที่ปิดตายทั้งห้าคนที่สู้ตอนแรกต้องตรึงเทพเอสไว้ในพื้นที่หนึ่งและไม่ยอมให้เขาทำตามใจชอบ”
มิลิซาสกล่าว”เรามีสามจอมเวทย์ทางฝั่งเราและทั้งหมดก็สามารถซ่อนตัวได้เราสองคนสามารถใช้เวทย์มิติเวลาเราเพื่อปรับเปลี่ยนสนามรบ ส่วนคนสุดท้ายจะซ่อนกระแสเวทย์และลดโอกาสที่เทพเอสจะพบเรา คนที่สู้กับเทพเอสซึ่งๆหน้าจะต้องร่วมมือกันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเขา เรายังต้องการผู้ใช้พลังจิตเพื่อโจมตีจิตใจเขาให้สัมผัสเขาขุ่นมัวด้วย”
“เรามีกำลังคนพอแต่มันคงไม่พอจะสำเร็จ..”เรเวนลูดลังเลก่อนพูดความจริง”หากเทพเอสติดกับ เราจะต้องกำจัดเขาโดยใช้เวลาให้เร็วที่สุด หากไม่ ความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า แต่ทว่า มันยากมากที่จะทำแบบนั้น”
ทั้งห้องเงียบลง
ทุกคนเริ่มขมวดคิ้ว
แม้พวกเขาจะมีกำลังคนมากในครั้งนี้ประวัติศาสตร์ก็จะซ้ำรอยหากพวกเขาไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้
พวกเขาต่างปวดหัว
มันยากมากที่จะจัดการกับเทพเอสและทุกคนก็รู้ว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
เพียงเมื่อทุกคนกำลังคิดว่าควรจัดการกับปัญหานี้ยังไงหานเซี่ยวกลับสูดหายใจลึก
เขามีจุดเปลี่ยนสองอย่างในมือเขา
กาลอวกาศแอมเบอร์และผนึกเอสเปอร์!
สองความสามารถนี้มากพอจะพลิกสถานการณ์และยังทำให้การต่อสู้แตกต่างไปจากเดิม
หานเซี่ยวยืนขึ้นและทุกคนก็มองมาที่เขา
เขากวาดตามองคนอื่นค่อยๆกล่าว”ฉันมีแผน..”
…
สิบวันต่อมาในแถบจักรวาลรกร้างแห่งหนึ่ง กองยานเทพเอสยังเดินทางต่อไปเส้นทางที่กำหนดไว้
หลังเดินทางอย่างสงบอยู่หลายวันเรดาห์ของกองยานก็ตรวจพบบางสิ่ง
กองยานจักรวรรดิปรากฏตรงหน้าพวกเขาและทั้งสองฝ่ายก็อยู่ใกล้กันแล้วตอนแดนผู้ร่วงหล่นตรวจพบ กองยานจักรวรรดิได้ใช้โหมดซ่อนตัวเพื่อเข้าใกล้ศัตรูก่อนเผยตัว
กองยานผู้ร่วงหล่นไม่หลบหนีทันทีทั้งสองฝ่ายหยุดพร้อมกันและเข้าสู่การปะทะ
หวอออ!
สัญญาณเตือนดังภายในยานรบผู้ร่วงหล่น
ในโถงหลักของยานหลักเทพเอสลืมตาขึ้น
เขาลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ในที่สุดก็มากันแล้วหวังว่าพวกมันจะทำให้ฉันต้องเอาจริงได้บ้าง”