The Legendary Mechanic - ตอนที่ 893 ปรากฏตัว
เพลิงนักสู้กวาดร่างแยกเทพเอสทีละตัวและลดเป็นหมอกดำ
ร่างของไวรูติดไฟและเขาก็เคลื่อนผ่านสนามรบเหมือนอุกกาบาต เขาสังหารร่างแยกเทพเอสไปมากภายใต้การคุ้มครองของกองทัพจักรกลและปัจจุบันก็บาดเจ็บ
“เขามีร่างแยกมากเกินไปและมันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมดนอกจากนี้ เขายังสามารถสร้างร่างแยกใหม่ได้ มันจะเป็นการต่อสู้อย่างเปล่าประโยน์ ในเวลาเดียวกัน เราจะบาดเจ็บหากประมาท และเราก็เสียเปรียบมาก”ไวรูกล่าวขณะยกดาบขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากหนึ่งในร่างแยกเทพเอส
อีกด้านนักล่าดวงอาทิตย์กำลังควบคุมอุปกรณ์ป้อนปืนเขา สาดยิงใส่ร่างแยกเทพเอส ใบหน้าเขาน่าเกลียดมาก”ฉันใช้พลังงานเร็วเกินไป ฉันไม่เหมือนแบล็คสตาร์และไม่มีความสามารถฟื้นฟูพลังงานไวขนาดนั้น”
ความสามารถต่อสู้ของร่างแยกเทพเอสไม่ทรงพลังและก็ตัดสินจากความสามารถเอสเปอร์ของแต่ละร่างร่างแยกเทพเอสไม่ใช่คู่มือของผู้อยู่เหนือ และไซเคอร์ก็เคยฆ่าสองร่างแยกของเทพเอสมาแล้วเพียงลำพัง
แต่ทว่าสถานการณ์ตอนนี้แตกต่าง ร่างแยกเทพเอสนับสิบมอบแรงกดดันมหาศาลให้ลันก็คล้ายกับการเผชิญหน้ากับสิบผู้อยู่เหนือพร้อมกัน นอกจากนี้ ศัตรูยังไม่สามารถฆ่าได้
ต่อหน้าการล้อมของร่างแยกเทพเอสทุกคนบาดเจ็บ และนอกจากหานเซี่ยว อีกสี่มีความสามารถฟื้นฟูจำกัด นอกจากนี้ การต่อสู้รุนแรงเช่นนี้ยังผลาญพลังงานพวกเขาไปมาก นอกจากหานเซี่ยว อีกสี่ค่อยๆหมดแรง
คิ้วหานเซี่ยวขมวดแน่นขณะควบคุมกองทัพจักรกลเพื่อขวางร่างแยกเทพเอสกองทัพจักรกลเขาถูกลดเป็นเศษเหล็กหลายครั้ง และเขาก็ใช้[การดัดแปลงของเสีย]เพื่อส่งพวกมันกลับไปสนามรบใหม่
ทหารจักรกลไม่กลัวตายและการโจมตีปืนใหญ่ไซโอนิคหนาแน่นพวกมันก็ฆ่าร่างแยกเทพเอสได้มากกว่าใครอื่น
โชคดีกองทัพจักรกลเขา ซึ่งได้รับการเสริมพลังหลายเท่าช่วยลดการสูญเสียของกองัทพ ด้วยความช่วยเหลือของอีกสี่ พวกเขาจึงยังทนได้
แต่ทว่าเทพเอสนั้นน่ากลัวมาก ตราบเท่าที่ให้เวลาเขาพอ กองทัพจักรกลก็จะถูกกวาดล้างจนสิ้น หานเซี่ยวไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับว่ามันยากมากที่เขาจะเอาชนะเทพเอสได้หากสู้ลำพัง
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่การสู้ตัวต่อตัว และเขาก็ไม่ต้องสู้กับเทพเอสลำพัง ภารกิจเขาคือรั้งเทพเอสไว้และจำกัดสนามรบเขา พวกเขาแค่ต้องถ่วงจนกว่าเพื่อนพวกเขาจะวางกับดักเสร็จ
หานเซี่ยวชัดเจนว่าหากทั้งห้าไม่อาจรั้งเทพเอสได้จนทั้งหกต้องออกมาช่วยพวกเขา มันเป็นไปได้ว่าเทพเอสคงหลบหนีทันที กับดักยังไม่เสร็จ และหากพวกเขาไม่อาจรั้งเทพเอสไว้ได้ ปฏิบัติการก็จะล้ม
หลังใช้ร่างแยกเขาร่างหลักเทพเอสก็ถอยไปข้างๆและไม่เข้าร่วมการต่อสู้เอง เขาแค่มองดูด้วยความสนใจ
เขาไม่ต้องลงมือเองแค่ร่างแยกเขาก็พอจะรับมือกับห้าผู้อยู่เหนือ เทพเอสมีความสุขมาก
นักล่าดวงอาทิตย์และไวรูพยายามทำลายวงล้อมและเข้าประชิดเทพเอสแต่การเคลื่อนไหวชั่วพริบตาของเทพเอสก็ทำให้พวกเขาไม่มีทางเข้าใกล้ได้ แม้กระทั่งหานเซี่ยวก็ไม่สามารถโจมตีร่างหลักของเทพเอสได้ ดังนั้นเขาจึงมีความสามารถมากมายที่ไม่ได้ใช้
เขาทำได้แค่รอให้การเคลี่อนไหวชั่วพริบตาของเทพเอสถูกจำกัดก่อนเขาจะมีโอกาสใช้ไพ่ตายเขา
ด้วยพลังเขาต่อให้เขาไม่ใช้บัตรอัญเชิญตัวละครใด พลังของหานเซี่ยวก็มากพอจะทนได้นาน พรสวรรค์ใหม่เขาทำให้พลังชีวิตเขาเพิ่มขึ้นกว่าห้าล้าน ดังนั้นเขาจึงอึดมาก
มีเพียงนักดาบดอกบัวและผู้ใช้พลังจิตอีกคนถึงจำกัดเทพเอสได้บ้างพวกเขาปล่อยการโจมตีทางจิตไม่หยุด
ไม่ว่าเทพเอสจะมีร่างแยกมากแค่ไหนเขาก็มีวิญญาณดวงเดียวและการโจมตีพลังจิตทั้งสองก็ได้ผลกับร่างหลักเขามาก
อย่างไรก็ตามเทพเอสมีความสามารถเอสเปอร์เพื่อป้องกันจิตเขาและฟื้นฟูความเสียหายวิญญาณ แม้เขาจะได้รับความเสียหายทางจิต เขาก็จะไม่ถูกทั้งสองจำกัดง่ายๆ
เพราะสองผู้ใช้พลังจิตเป็นภัยต่อเขาในระดับหนึ่งเป้าหมายหลักของเทพเอสจึงไม่ใช่หานเซี่ยว นักล่าดวงอาทิตย์หรือไวรู แต่กลับเป็นสองผู้ใช้พลังจิต ดังนั้น หานเซี่ยวจึงให้อาวุธอัครฑูตเขานำทหารจักรกลไปคุ้มกันทั้งสอง
หอกของไซโอนิคไพรม์แทงใส่แกนกลางของร่างแยกเทพเอสนักล่าฟ้าคลั่งเคี้ยวหัวของร่างแยก ประกายแสงสีเงินยิงใส่ร่างแยก และคิงคองยักษ์ใช้เกราะยักษ์และร่างใหญ่โตมันเพื่อป้องกันสองผู้ใช้พลังจิตและพรรคพวกมันเอง
อาวุธอัครฑูตเองก็มีพลังระดับผู้อยู่เหนือและสามารถพัวพันกับร่างแยกเทพเอสได้
…
ร่างแยกเทพเอสส่วนหนึ่งเข้าไปในกองยานจักรวรรดิและศาสนจักรเพื่อทำลายยานรบ
ร่างแยกหนึ่งพุ่งผ่านม่านพลังของยานและเจาะผ่านยานรบ
ตอนนี้เองปืนใหญ่พลังงานมืดไร้สิ้นสุดยิงจากทุกทิศทางและลดขนาดร่างแยกเป็นผุยผง
ในยานหลักผู้บัญชาการจักรวรรดิกล่าว”ความเสียหายของกองยานกำลังเพิ่ม และเราก็ไม่อาจทำลายกองยานผู้ร่วงหล่นได้ด้วยร่างแยกเหล่านี้ที่คอยก่อกวนเรา เรื่องจะยิ่งแย่หากเป็นแบบนี้ต่อไป”
เนื่องจากห้าผู้อยู่เหนือไม่อาจรั้งเทพเอสไว้ได้กองยานจึงต้องรับการโจมตีของร่างแยก ร่างแยกเทพเอสเหล่านี้เคลื่อนผ่านกองยานและทำให้เกิดความปั่นป่วนมากมาย เช่นนั้น กองยานที่นำโดยฟาซิเค็นจึงยึดมั่นและไม่อาจกวาดล้างได้
กองยานผู้ร่วงหล่นสร้างแนวป้องกันตรงกลางและทนการโจมตีจากทุกทิศทางฟาซิเค็นบังคับกองยานขณะให้ความสนใจกับเทพเอส
“พลังของท่านเทพเอสน่ากลัวกว่าเดิมมาก”ฟาซิเค็นกล่าวอย่างลังเล
“ถูกต้องเขาสามารถรับมือกับห้าผู้อยู่เหนือได้ง่ายๆ สมกับเป็นเทพเอสจริงๆ”รองผู้บัญชาการกล่าวอย่างเคารพ
จากนั้นฟาซิเค็นก็พูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ”แม้กระทั่งห้าผู้อยู่เหนือก็ไม่สามารถจัดการกับเทพเอสได้และนี่ก็ยังไม่ใช่ขีดจำกัดเขา สามอารยธรรมจักรวาลส่งคนมาน้อยไปและประเมินเขาต่ำไป จิ๊จิ๊”
จากนั้นฟาซิเค็นก็เรียกคนของเขามา
“นายจะรับหน้าที่สั่งการกองยาน”
“ท่านคิดทำอะไร?”
“อาฉันมีเรื่องต้องทำ นี่คือภารกิจลับที่ท่านเทพเอสมอบให้ฉัน”
จากนั้นฟาซิเค็นก็ออกห้องบัญชาการและตรงไปโรงเก็บยาน
เขารู้ว่าเทพเอสเริ่มสงสัยเขาแล้วหลังเทพเอสจัดการอันตราย เขาอาจเป็นรายต่อไป เทพเอสไม่เคยต้องการหลักฐานเมื่อจะกำจัดลูกน้อง
นอกจานกี้ไม่ว่าเทพเอสจะสามารถรอดชีวิตจากวงล้อมได้ไหม ฟาซิเค็นก้ไม่คิดอยู่ข้างเทพเอสอีก
….
การต่อสู้กินเวลานานและนอกจากหานเซี่ยว อีกสี่ต่างบาดเจ็บ กองทัพจักรกลยังเสียหายหนักและอ่อนแอเรื่อยๆ
เทพเอสมองพวกเขาที่อยู่ในสภาพน่าสมเพชและส่งข้อความจิตไป
“แบล็คสตาร์เห็นไหม?นี่คือพลังที่แกมอบให้ฉัน แกคิดยังไงกับมัน?”
จากนั้นหานเซี่ยวก็ใช้บอลอำพันเพื่อขวางการโจมตีและตอบกลับ”ก็ไม่ได้มากอะไร”
เทพเอสไม่สนใจและพูดต่อ”แม้ฉันจะยังไม่สามารถทำลายขีดจำกัดของผู้อยู่เหนือได้พลังฉันก็ควรถึงจุดสูงสุดของจักรวาลที่ได้รับการสำรวจแล้ว พวกแกห้าคนไม่สามารถทำอะไรฉันได้”…novel-lucky
เมื่อนักล่าดวงอาทิตย์ได้ยินเขาก็เล็งปืนใหญ่ใส่เทพเอสและยิง
ครั้งนี้เทพเอสไม่หลบแต่กลับใช้ร่างเขารับมัน จากนั้นก็กระตุ้นหลุมดำและดูดพลังโจมตีเพื่อสร้างร่างแยกเพิ่ม
พลังที่เหลือทำให้ผิวเขาไหม้เกรียม
แต่วินาทีต่อมาบาดแผลเขาก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและเขาก็กลับเป็นปกติ ความเร็วการฟื้นฟูเขาไม่ได้ช้าไปกว่าหานเซี่ยวเลย
“เปล่าประโยชน์”เทพเอสเหลือบมองนักล่าดวงอาทิตย์ก่อนมองหานเซี่ยว”แบล็คสตาร์แกไม่ใช่คนเดียวที่มีกายอมตะ”
หานเซี่ยวตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์”ทุกครั้งที่แกรักษาร่างตัวเองเซลล์แกจะทำงานหนัก เมื่อเซลล์แกถึงขีดจำกัด อายุขัยแกก็จะหมดลง นี่คือข้อเสียของความสามารถรักษาตัวเอง”
“ถูกต้องฉันแก่แล้ว ทุกครั้งที่ฉันสู้ อายุขัยฉันจะลดลง”เทพเอสกล่าว”แต่ทว่า ลูกบาศก์วิวัฒนาการแกได้เพิ่มอายุขัยฉัน และมันก็พอให้ฉันใช้มัน อย่างน้อย แกก็จะไม่มีโอกาสในการต่อสู้นี้”
พลังปัจจุบันของเทพเอสมาจากพลังงานวิวัฒนาการและดังนั้น เขาจึงปฏิบัติกับหานเซี่ยวต่างออกไป
“แกคิดว่าแกชนะแล้ว?”นักล่าดวงอาทิตย์แค่นเสียงเย็น
“โอ้?งั้นก็ช่วยทำให้ฉันแปลกใจหน่อยหากพวกแกยังมีไพ่ตายไม่ใช่อยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้”เทพเอสกล่าวอย่างมั่นใจ”หลังกำจัดพวกแก ศาสนจักรและจักรวรรดิคงโกรธมาก ฉันไม่คิดเผชิญหน้ากับศัตรูอีกชุด ดังนั้นการปล่อยพวกแกไปจะเป็นตัวเลือกที่ดีสุด แต่ทว่า หากพวกแกไม่อยากหนี ฉันก็คงต้องฆ่าพวกแก”
ผ่านการต่อสู้นี้เทพเอสได้ทดสอบพลังเขาแล้วและการเอาชนะศัตรูชุดนี้ก็พอจะพิสูจน์พลังเขา ตราบเท่าที่เขาไม่ฆ่าอีกฝ่าย สามอารยธรรมก็จะไม่สนใจเขาไปสักพัก เขาอยากเก็บตัวเพื่อทำความคุ้นเคยกับพลังหลังวิวัฒนาการ ดังนั้น เขาจึงไม่อยากฆ่ากลุ่มหานเซี่ยว
หากไม่อารยธรรมจักรวาลคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปหลังเสียหายหนัก และนั่นจะขัดกับเป้าหมายเขา ดังนั้น เขาจึงหวังว่ากลุ่มของหานเซี่ยวจะเต็มใจถอยหนี
จากนั้นหานเซี่ยวก็มองสหายเขาพวกเขามีบาดแผลทั่วตัว
อย่างที่เทพเอสบอกมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะจัดการกับเทพเอส หากการต่อสู้ดำเนินต่อไป ชีวิตพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตราย
ตอนนี้เองหานเซี่ยวพลันหัวเราะ”เทพเอส แกรู้ไหมว่าฉันชัดเจนดีการเสแสร้งของแก?”
“เสแสร้ง?”เทพเอสเลิกคิ้ว”ฉันกระจายความกลัวไปทั่วจักรวาลมีอะไรให้ต้องเสแสร้ง?”
“ไม่ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น”หานเซี่ยวหรี่ตา
“ฉันไม่เข้าใจว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไร”เทพเอสกล่าว
หานเซี่ยวหัวเราะและไม่คิดอธิบาย
เทพเอสตงใจเผยข้อมูลของรูหนอนเพราะอยากให้องค์กรอื่นตรวจสอบเรื่องนี้ร่วมกับเขาแต่ทว่า เขาซ่อนข้อมูลเกี่ยวกับอารยธรรมต้นไม้โลกไว้และเทพเอสก็คิดว่าเขาคือคนเดียวที่รู้การมีอยู่ของอารยธรรมต้นไม้โลก
ในความเป็นจริงเทพเอสไม่ผิดที่คิดแบบนี้ ไม่มีใครนอกจากหานเซี่ยวที่รู้ความลับนี้ และทุกคนต่างก็ติดกับเทพเอสเพื่อช่วยเขาวิจัยรูหนอนนี้ ความปราถนาของเทพเอสคือการเปิดช่องทางนี้และตกปลาจากอีกด้าน
แต่ทว่าเทพเอสไม่อาจรู้ได้ว่าหานเซี่ยวเองก็รู้เรื่องนี้ เขาคือคนที่สองในจักรวาลที่รู้เรื่องนี้ และเทพเอสก็ยังไม่รู้ตัว
มันเพราะการขาดข้อมูลที่ทำให้เทพเอสไม่รู้ว่าหานเซี่ยวอยากฆ่าเขามากแค่ไหนตามประสบการณ์ในอดีตเขา ควรมีผู้อยู่เหนือ4-6คนมาล้อมกรอบเขา ดังนั้นห้าจึงเป็นตามการคาดเดา
เช่นนั้นเขาจึงไม่คิดว่าจะมีผู้อยู่เหนือมากกว่าห้ากำลังซุ่มโจมตีเขา!
ตอนนี้เองเมื่อหานเซี่ยวพูดจบ การเปลี่ยนแปลงก็พลันเกิดขึ้น
สีหน้าเทพเอสเปลี่ยนไปอย่างมากขณะสัมผัสได้ถึงเวทย์มิติเวลาที่กระจายครอบคลุมไปทั่วมิติที่สองถูกตัด และมิติเวลาก็ถูกกักขัง อวกาศในพื้นที่นี้กลายเป็นแข็งไร้รอยแยกใดๆ
ในเวลาเดียวกันหานเซี่ยวก็ยังเปิดอุปกรณ์ปรับเสถียรที่แมนิสันมอบให้และขังเทพเอสไว้ภายในนั้นเพื่อป้องกันเทพเอสจากการหลบหนี
เมื่อเสียความสามารถเคลื่อนไหวชั่วพริบตาเทพเอสก็ตื่นตระหนก จากนั้นก็ตรวจพบแหล่งพลังงานอีกหกก้อนกำลังมุ่งตรงมาทางเขา
กลุ่มของมิลิซาสปรากฏบนหน้าสนามรบและล้อมเขาไว้
เมื่อเห็นแบบนั้นสีหน้าของเทพเอสก็ดำมืด และความตกใจก็สามารถเห็นได้ในตาเขา
“ทำไมถึงมีอีกหก?!”