The Legendary Mechanic - ตอนที่ 951 เทพจักรกล
ยานอวกาศในระยะไกลแยกทางกันเพื่อหลีกทางให้กองยานแบล็คสตาร์ผ่านไปได้
ภายใต้ความตื่นเต้นและความคาดหวังกองยานแบล็คสตาร์ค่อยๆเคลื่อนไปทางดาวเผด็จการทมิฬ ประตูมันเปิด ปล่อยทหารจักรกลนับไม่ถ้วนออกมา ทหารจักรกลหลั่งไหลออกมาเหมืองมังกรตัวยาว จัดเรียงกันอย่างรวดเร็วในรูปแบบหนาแน่น เป็นระเบียบ เกราะพวกมันสะท้อนกับแสงดวงดาว
ดวงตาจักรกลเย็นชาก้มมองดาวสีน้ำตาลเบื้องหลังจ้องเขม็งไปที่ฮีเบอร์
ฮีเบอร์ไม่ขยับเขยื้อนจ้องมองกองทัพจักรกลหนาแน่นบนท้องฟ้าอย่างเย็นชา ทันใดนั้น เขาก็รวมพลังปอด เปล่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว
ฮึ่ม!
เสียงสะท้อนดังเหมือนฟ้าผ่าเซลล์ทุกเซลล์ของฮีเบอร์เริ่มสูบฉีดพลังงานอย่างบ้าคลั่งจนเรดาห์ของยานอวกาศที่อยู่ใกล้เคียงแผดเสียงเตือน เพลิงนักสู้คำรามบนร่างเขา ควบแน่นบนขา แม้จะยังยืน พื้นใต้เขาก็แตกเป็นเสี่ยง
ทั้งสองฝ่ายตั้งท่าสู้และบรรยากาศตึงเครียดก็คล้ายกับตาข่ายที่มองไม่เห็น ปกคลุมผู้ชมทั้งหมด
คนนับไม่ถ้วนในที่เกิดเหตุพากันกลั้นหายใจ
ครั้งนี้กายสถิตจักรกลก้าวออกมาด้านหน้ากองทัพจักรกล พลังจักรกลสีฟ้าทองสาดประกายออกมา
“ฉันมาแล้ว”หานเซี่ยวกล่าวผ่านช่องทางสื่อสาร
“ฮึ่ม”ฮีเบอร์แค่นเสียงเย็นตอบ
ครั้งนี้จักรวรรดิไม่แทรกแซง และทั้งคู่ก็รู้ว่าการต่อสู้จะจบลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้
ทันใดนั้นฮีเบอร์ก็งอเข่า เตะขาออก ทำให้คลื่นพลังระเบิดรอบตัว
บูม!
รอยแยกก่อตัวขึ้นจากการกระทืบเท้าและฮีเบอร์ก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้าเหมือนลูกศร ด้วยเจตนาต่อสู้ที่เผาผลาญในดวงตา เขาห่อหุ้มด้วยเพลิงนักสู้สีทองแดง ส่องสว่างเหมือนดวงอาทิตย์!
จากท้องฟ้าพลังจักรกลรุนแรงระเบิดจากร่างของกายสถิต เชื่อมกับกองทัพจักรกลในชั่วพริบตา หานเซี่ยวเปิดใช้งานทักษะทั้งหมดของเขาและร่าย[คำสาปโชค]ใส่ฮีเบอร์
วินาทีต่อมาทหารจักรกลแนวหน้าก็พุ่งลงไปหาฮีเบอร์เช่นกัน
ไม่มีการเรียกน้ำย่อยทั้งคู่เข้าสู่อาหารจานหลักทันที!
อุกกาบาตสีทองปะทะกับเครื่องจักรความร้อนสูงหลอมละลายเกราะ และเศษชิ้นส่วนก็กระจายออกไปเหมือนเศษกระสุน!
บูมบูม บูม!
ทหารจักรกลล้มลงทีละตัวและอุกกาบาตทองก็พุ่งลึกเข้าไปในขบวนรบก่อนจะค่อยๆช้าลงและพัวพันกับจักรกลนับไม่ถ้วน
กองทัพที่อยู่ด้านหลังกระจายออกไปเหมือนพายุหมุนรอบฮีเบอร์ ยิงรังสีไซโอนิคและพลังงานมืดถี่ยิบ
กองทัพจักรกลล้อมฮีเบอร์ไว้เหมือนเมฆดำและฉากนี้ก็คล้ายกับฝูงกาที่ร่ายรำรอบดวงอาทิตย์
เพราะกองทัพจักรกลของหานเซี่ยวผ่านการเสริมพลังมาหลายรอบพวกมันจึงไม่ได้เป็นแค่เศษเหล็กต่อหน้าผู้อยู่เหนือ แม้เครื่องจักรเก่าชุดนี้จะไม่ใช่รุ่นล่าสุด แต่ด้วยพลังจักรกลเขา พวกมันจึงไม่ใช่ทหารจักรกลที่ฮีเบอร์สามารถบดขยี้ได้ง่ายๆ
ในการต่อสู้นี้ฮีเบอร์ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่แตกต่าง
ในการต่อสู้ครั้งก่อนเป้าหมายของฮีเบอร์คือเพิ่มชื่อเสียงเขา และเขาก็ตั้งใจรีบกำจัดหานเซี่ยว
แต่ตอนนี้ที่แบล็คสตาร์บรรลุชื่อเสียงปัจจุบันฮีเบอร์จึงไม่มีความคิดจะรีบจบการต่อสู้อีก เขาชัดเจนว่าหานเซี่ยวไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นทางเดียวที่เขาจะชนะศึกนี้ได้ก็คือการฆ่าทหารจักรกลทั้งหมด
ตราบเท่าที่เขาบดขยี้กองทัพทั้งหมดที่หานเซี่ยวนำมาเขาก็จะชนะ!
ดังนั้นความคิดของฮีเบอร์จึงมั่นคงขึ้น และไม่เร่งรีบเลย เขาเตรียมการมานานแล้วสำหรับการต่อสู้ยืดเยื้อและมุ่งเน้นการกำจัดทหารจักรกลโดยไม่มีเจตนาซุ่มโจมตีหานเซี่ยว
แต่ทว่าบาดแผลที่ได้รับก็ทำให้ฮีเบอร์รู้สึกกดดันกว่าครั้งก่อน ปืนใหญ่ไซโอนิคที่ยิงโดนร่างเขาให้ความรู้สึกเจ็บปวดมากมหาศาล
ฮีเบอร์ลอบตกใจกับความเร็วการเติบโตของหานเซี่ยวและกัดฟันขณะคำนวณในใจ
ยิ่งฉันยื้อเวลามันยิ่งไม่ดีต่อฉัน ฉันต้องเพิ่มประสิทธิภาพการฆ่า
เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็เพิ่มความถี่และความรุนแรงของการโจมตี
อีกด้านหนึ่งหานเซี่ยวควบคุมกายสถิตจักรกลเพื่อสังเกตการต่อส้ อ่านข้อมูลการต่อสู้บนหน้าต่างสถานะ
พลังชีวิตเยอะมาก…
ในการต่อสู้ครั้งก่อนข้อมูลต่อสู้ของฮีเบอร์เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ตอนนี้ ด้วยระดับเขาที่สูงกว่าอีเบอร์ มันจึงเผยข้อมูลอย่างสมบูรณ์
ฮีเบอร์มีระดับ296แต่หานเซี่ยวนับว่าเป็นตัวประหลาด หากเทียบกันด้านระดับ มันจะไม่มีความแตกต่างระหว่างทั้งสองนัก
อย่างที่กล่าวไว้เกรดของฮีเบอร์ยังเป็นS โดยไม่มีคำว่า+ นี่คือช่องว่างที่เกิดจากโบนัสต่างๆ
พลังชีวิตรวมของฮีเบอร์อยู่ที่ประมาณ8แสนสถานะความทนทานกว่า12000 พร้อมกับความสามารถระเบิดมากมาย สำหรับทักษะนักสู้เขา มันไม่ต้องบอกว่ามีมากแค่ไหน
จำนวนพรสวรรค์ต้านทานเขายังน่ากลัวเช่นภูมิต้านทานความเสียหายจริง ภูมิต้านทานบาดแผลอ่อนแอ ลดความเสียหายและกายแกร่ง พวกมันคือพรสวรรค์ทั้งหมดที่หานเวี่ยวเห็นตอนต่อสู้ครั้งก่อน ทำให้การป้องกันเขาสูงล้ำ
การต่อสู้ครั้งก่อนจบลงด้วยการเสมอไม่มีผู้ชนะระหว่างทั้งสอง ดังนั้นหานเซี่ยวจึงมีสถิติเสมอ แต่ทว่า ความจริงคือเขาไม่ได้สร้างบาดแผลร้ายแรงอะไรให้กับฮีเบอร์เลย
เพื่อจัดการกับฮีเบอร์เขาทำได้แค่ค่อยๆบดขยี้เขา มันโชคดีที่โบนัสพลังจักรกลเขาและกองทัพจักรกลแกร่งขึ้นหลายเท่า ความเสียหายเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก
ดังนั้นหานเซี่ยวจึงไม่เปิดใช้งานบัตรอัญเชิญตัวละคร[สัมผัสจักรกลสมบูรณ์]
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ฮีเบอร์ไม่ใช่คู่มือเขาอีก!
วินาทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้นภารกิจระดับSก็ผุดขึ้นบนหน้าต่างสถานะเขา ชื่อ[‘เผด็จการ’ฮีเบอร์] ซึ่งเป็นภารกิจเดียวกับครั้งก่อน ตามสถานการณ์ท้าทายผู้อยู่เหนือ ภารกิจบอสประเภทนี้จะปรากฏขึ้น
“ฉันมีแค่กายสถิตนี้ซึ่งมีแค่ค่าสถานะกับความสามารถบางอย่าง แต่มันก็พอจะสู้กับฮีเบอร์ตรงๆ ป้องกันเขาจากการฆ่าทหารจักรกลเร็วเกินไป”
ด้วยความคิดนั้นกายสถิตของเขาจึงพุ่งออกไป ผ่านแนวป้องกันหนาและปะทะกับฮีเบอร์ตรงๆ หมัดเหล็กหนักมันปกคลุมด้วยพลังจักรกล
ฮีเบอร์แค่นเสียงกล้ามเนื้อเขาพองตัว ราวกับมีงูกำลังดิ้นอยู่ใต้กล้ามเนื้อเขา เส้นใยกล้ามเนื้อเขาบิดเป็นเกลียว แสดงถึงความยืดหยุ่นสูง พลังน่าสะพรึงกลัวจากทั้งร่างฮีเบอร์มารวมกันที่แขน และเขาก็ดึงแขนไปข้างหน้าก่อนระเบิดใส่หานเซี่ยว.ไอลีนโนเวล.
หมัดสีทองแดงและหมัดสีทองฟ้าปะทะกันอย่างรุนแรงสร้างคลื่นพลังงานเกรี้ยวกราดที่กระจายออกไป!
บูม!
ผลพวงที่ตามมาผลักทหารจักรกลรอบๆออกไปชั้นบรรยากาศเหนือพวกเขายังถูกกวาดจนเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
ด้วยการเพิ่มของพรสวรรค์เช่น[ข้อมือแห่งวีรบุรุษ]และ[พลังเทพมิติ]พละกำลังปัจจุบันของหานเซี่ยวจึงเหนือกว่าหกพัน และพลังโจมตีระยะประชิดก็น่าประทับใจมาก
ผู้สนับสนุนทั้งสองลุ้นใจจดใจจ่อ
บนยานอวกาศของสหพันธ์แห่งแสงหนึ่งในเจ้าหน้าที่กำลังบันทึกกระบวนการต่อสู่ทั้งหมด
สหพันธ์และศาสนจักรเฝ้าติดตามสถานการณ์แบบประชิดและทั้งคู่ก็ยังส่งสายมารวบรวมข้อมูล
พลังปัจจุบันของหานเซี่ยวจะส่งผลอย่างมากต่อแผนของพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสนใจ
ตอนนี้เองภาพฉายของแมนิสันยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของยาน เฝ้าดูการต่อสู้ทั้งหมดผ่านหน้าต่าง เขากล่าวเสียงเบา”โอกาสที่ฮีเบอร์จะชนะนั้นต่ำมาก”
“อย่างนั้นหรอ?แม้ฮีเบอร์จะถูกล้อมแต่ร่างกายเขาก็แข็งแกร่งมาก เขาควรสามารถยื้อได้จนกองทัพจักรกลถูกทำลายหมด”กัปตันที่อยู่ข้างเขาแสดงความคิดเห็น
แมนิสันส่ายหัว”ฉันรู้สึกได้ว่าแบล็คสตาร์แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากฮีเบอร์อาจจะทนได้ไม่นานนัก สภาพเขายิ่งเลวร้าย…นอกากนี้ แบล็คสตาร์ยังมีไพ่ตายมากมายที่ยังไม่นำออกมา เช่นความสามารถมิติที่เขาใช้บนดาวประภาคาร”
เมื่อได้ยินกัปตันก็พยักหน้าเข้าใจ
“ฉันแค่ไม่รู้ว่า….”แมนิสันหยุดคิด”ด้วยการเติบโตของแบล็คสตาร์เขาได้มาถึงระดับเดียวกับฉันหรือยัง?มันไม่ควรเร็วขนาดนั้น..”
ตอนนี้เองพื้นที่ด้านบนพวกเขาก็ผันผวนและวังคาถาลับก็กระโดดออกมา
“โอ้พวกเขาสู้กันแล้ว ดูเหมือนฉันจะมาช้า”
ออสตินนั่งอยู่ด้านบนสุดของวังคาถาลับมองการต่อสู้ของทั้งสองด้วยสีหน้าสนใจ
ผู้ชมส่วนใหญ่จดจ่อกับการต่อสู้และมีน้อยคนที่จะสังเกตเห็นออสตินพวกเขาแค่เหลือบมองเขาสักพักก่อนหันไปมองการต่อสู้
หานเซี่ยวยังสังเกตเห็นออสตินและอดขดปากไม่ได้
ทำไมแกถึงมาเป็นกรรมการตัดสินทุกครั้งที่เราสู้กัน?
แต่ทว่าเขาไม่มีเวลาไปสนใจเฒ่าทารก หานเซี่ยวถอนความสนใจเขาและควบคุมกายสถิตเขาต่อไป
บูม!
ขณะสู้พื้นของดาวเผด็จการทมิฬก็แตกเป็นเสี่ยงๆ มีหลุมเต็มไปหมด ดูเหมือนจะกลายเป็นหัวหอม ถูกลอกออกทีละชั้น ดาวเคราะห์ทั้งดวงเริ่มบิดเบี้ยวราวกับการต่อสู้ของหานเซี่ยวและฮีเบอร์เป็นมีด เฉือนดาวด้วยทักษะของพวกเขา
เพียงลำพังภายในกองทัพจักรกลความเสียหายของกองทัพจักรกลเหนือกว่าที่เขาคิด ฮีเบอร์ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างรวดเร็ว หัวใจของทุกคนในแดนหลั่งเลือดเริ่มสั่นสะท้าน
การเผชิญหน้ากับกองทัพทำให้ฮีเบอร์เสียเปรียบต่อแบล็คสตาร์อย่างชัดเจนและการต่อสู้ก็คงยื้อไปได้อีกไม่นาน หรือว่าช่องว่างพลังระหว่างทั้งสองจะมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้?
ในอดีตฮีเบอร์เหนือกว่าแบล็คสตาร์ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ในเวลาไม่กี่ปี ตำแหน่งพวกเขาสลับกัน…
เมื่อเห็นเช่นนั้นฟอสเตอร์ก็กำหมัดแน่น
…
บูม!
หลังทนทุกข์จากการโจมตีประดุจพายุเป็นเวลานานฮีเบอร์ก็รู้สึกราวกับเขาเป็นกระสอบทรายที่ถูกทุบตี ร่างเขาเจ็บเหมือนตกนรกทั้งเป็น โอกาสที่เขาจะชนะเริ่มลดน้อยลง เขาทำได้แค่ป้องกันตัวเอง
ปัง!
หลังถูกทุบตีหลายครั้งติดฮีเบอร์ก็ล้มลงกับพื้น สร้างเป็นหลุมรูปมนุษย์!
“แค่กแค่ก หมัดเขย่าดาว!”
ฮีเบอร์กัดฟันทนความเจ็บปวดรวบรวมพลังเขา ระเบิดเพลิงนักสู้สีทองหนาใส่กองทัพจักรกลที่โฉบลงมาจากฟ้า และมันก็ระเบิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ขนาดใหญ่ กลืนทหารจักรกลจำนวนมาก
แต่ทว่าหลังพลังงานกระจัดกระจาย มันก็พบว่าทหารจักรกลส่วนใหญ่ทนมันได้ด้วยม่านพลังไซโอนิค แม้ความเสียหายจะร้ายแรง แต่พวกมันก็ยังสู้ต่อได้ และแม้กระทั่งทักษะ[การดัดแปลงของเสีย]ก็ยังไม่ถูกนำมาใช้
ช่องว่าง..กว้างถึงเพียงนี้?!
ฮีเบอร์ไม่เพียงแต่จะอิจฉาเขายังโกรธ เขาค่อนข้างมั่นใจก่อนการต่อสู้ คิดว่าคงชนะได้ง่ายๆ
แต่หลังสู้มานานความมั่นใจเขาก็ยิ่งลดถอย สุดท้ายเขาก็พบว่าเขาไม่มีความสามารถเอาชนะกายสถิตของแบล็คสตาร์ได้ด้วยซ้ำ!
เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
ตอนแรกฮีเบอร์สามารถทนการปิดล้อมของกองทัพจักรกลได้ แต่เมื่อบาดแผลเพิ่มขึ้นและพลังงานก็ถดถอย สภาพเขาจึงย่ำแย่
หานเซี่ยวนั้นแตกต่างเขากลับยิ่งเกรี้ยวกราดกว่าเดิม แค่พรสวรรค์แปลงพลังงานเป็นพลังชีวิตของเขาก็รับรองได้แล้วว่าเขาจะมีพลังสู้ต่อเรื่อยๆ นอกจากนี้ ด้วยพรสวรรค์[รากฐานชีวิตขั้นสูง] [ภูมิปัญญาแห่งสนามรบ] และ[หนึ่งต้านโลก] ยิ่งเขาสู้ เขาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้ ฮีเบอร์จึงรู้สึกอับอายมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนราชาที่ถูกทุบตี
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปฉันต้องแพ้แน่!
ด้วยความคิดนี้ดวงตาของฮีเบอร์จึงกลายเป็นแดงก่ำ เขาไม่ชอบความล้มเหลว โดยเฉพาะการแพ้ให้แบล็คสตาร์ในลักษณะนี้
บูม!
วินาทีต่อมาการตอบสนองพลังงานสูงจากฮีเบอร์ก็เริ่มพุ่งทะยานอย่างผิดปกติ และคลื่นเพลิงนักสู้ก็ทำให้ทหารจักรกลที่อยู่ใกล้เคียงกลายเป็นเศษโลหะ
“โอ้เขาใช้ความสามารถอะไร?”
หานเซี่ยวจ้องหน้าต่างสถานะและพบสถานะใหม่ปรากฏขึ้น[กระแสพลังสุดขั้ว – ทะลุขีดจำกัด]
เขารู้จักความสามารถนี้นี่คือทักษะนักสู้และผู้เล่นบางคนก็เรียนรู้มันในชีวิตก่อนหน้าเขา มันคือการบังคับกระตุ้นศักยภาพคน เพิ่มค่าสถานะทั้งหมดให้ทะลุขีดจำกัด เช่น พลังชีวิตและพละกำลัง ได้รับพลังต่อสู้ที่สูงขึ้นชั่วคราวเป็นเวลาหลายชั่วโมงถึงหลายวัน
แต่ทว่าผลกระทบที่ตามมาก็ร้ายแรง วินาทีที่ใช้ความสามารถนี้ การพัฒนาในอนาคตจะยากขึ้นกว่าเดิม70% และสิ่งนี้จะซ้อนทับทุกการใช้โดยไม่มีขีดจำกัด!
นี่เทียบเท่ากับการบีบเค้นศักยภาพในอนาคตออกมาเพื่อแลกเป็นพลังชั่วคราว!
พูดง่ายๆไม่มีใครคิดใช้ท่าไม้ตายนี้เว้นแต่มันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
หานเซี่ยวตกตะลึงเล็กน้อยการยอมรับความพ่ายแพ้ยากขนาดนั้นเชียว?ถึงกับใช้วิชาที่ทำลายตัวเอง…
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของฮีเบอร์หานเซี่ยวก็เข้าใจ
มีเพียงความดื้อรั้นและความภาคภูมิตัวเองบนหน้าเขา
แม้ปกติฮีเบอร์นั้นจะอวดดีและทำให้หลายคนวิจารณ์เขาแต่ตอนนี้ หานเซี่ยวก็ยอมรับว่าเขาคือนักสู้ตัวจริง
คนที่สามารถกลายเป็นผู้อยู่เหนือได้ย่อมจัดการไม่ได้ง่ายๆอยู่แล้วหานเซี่ยวเม้มปาก
พลังงานที่พุ่งสูงขึ้นของฮีเบอร์ถูกตรวจพบโดยเรดาห์และทุกคนก็เริ่มคุยกันอย่างตื่นเต้น
“นี่คืออะไร?ฮีเบอร์ดึงเอากระบวนท่าสังหารออกมา?”
“ฉันคิดว่าเขาคงทนไม่ได้อีกแล้วแต่ดูเหมือนจะยังมีการโต้กลับอยู่!”
ฮีเบอร์ลุกเป็นไฟข้ามขีดจำกัดขั้นพลังงาน52000 และเกรดก็เพิ่มเป็นS+ บาดแผลบนตัวเขาเริ่มฟื้นตัว
เขาจ้องหานเซี่ยวด้วยความโกรธมือเขาประสานเข้าด้วยกัน และแสงสีทองแพรวพราวก็เริ่มสาดออกมาจากฝ่ามือเขา มันยิ่งสว่างขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นแบบนี้กายสถิตของหานเซี่ยวก็หยุดกลางอากาศ
“ในเมื่อแกเอาจริงฉันก็ควรหยุดเล่นด้วย”
วินาทีที่เขาพูดพลังจักรกลเขาก็ถักทอกันเหมือนใยแมงมุม เชื่อมต่อกับทหารจักรกลทั้งหมด
จากนั้นทหารจักรกลก็กลับมาเหมือนนกหวนคืนสู่รัง พุ่งไปหากายสถิตและประกอบร่างใหม่ โครงสร้างจักรกลขนาดใหญ่ค่อยๆก่อตัวขึ้น
พลังจักรกลคล้ายกับเส้นประสาทและเส้นเลือดของร่างใหญ่โตนี้!
บูซ!
“นี่..นี่คือ..”
ภายใต้สายตาตกใจของทุกคนจักรกลขนาดใหญ่ได้ประกอบขึ้นเหนือดาวเผด็จการทมิฬ
แรงกดดันที่ระเบิดออกจากเครื่องจักรนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ทหารจักรกลแต่ละตัวที่มารวมกัน…แต่เป็นเครื่องจักรใหม่โดยสิ้นเชิง!
ดวงตาของฮีเบอร์เบิกกว้างและภายใต้ความตกใจเขา คลื่นนักสู้ก็กระเพื่อมเหมือนหลอดไฟที่ริบหรี่
ในขณะเดียวกันแมนิสันผู้ชมการต่อสู้อยู่บนยานอวกาศของสหพันธ์แห่งแสงพลันสะดุ้งเหมือนโดนค้อนทุบ ดวงตาเขาเบิกกว้าง ร้องอุทานออกมา”นี่คือ…เทพจักรกล?!”