The Legendary Mechanic - ตอนที่ 968 เงาของยุคสำรวจ
วิธีสำรวจของจักรวรรดิคือการขยายปฏิบัติการอย่างมั่นคงกองยานสำรวจเพิ่งเข้าทั้งสองกลุ่มดาวและกำลังเริ่มการสำรวจจากชายแดน
ที่ระบบดาวชายแดนของกลุ่มดาวแสงธุลีกองยานสำรวจมาถึงดาวสีเขียว สัญลักษณ์ของอารยธรรมระบบดาวสลักไว้บนเกราะยานและพวกเขาก็รับผิดชอบการสำรวจภูมิภาคนี้
“ออกไฮเปอร์ไดรฟ์เรามาถึงจุดหมายแล้ว”
“ปล่อยตัวสำรวจดาวเคราะห์กำลังจำลองสภาพแวดล้อมและทรัพยากรบนดาว”
“เปิดใช้เครื่องสแกนพลังชีวิตและตรวจสอบสัญญาณชีพ”
ในห้องควบคุมหลักของยานหลักเจ้าหน้าที่ของกองยานสำรวจกำลังยุ่งอยู่กับการใช้อุปกรณ์ต่างๆ และผู้บัญชาการก็เดินวนขณะรอผลลัพธ์
หวือ!
ประตูเปิดออกและชายในชุดเกราะหนักก็เดินมา
ผู้บัญชาการหันไปมองและกล่าวด้วยความเคารพ”กัปตันเคร็บ คุณต้องการอะไรงั้นหรอครับ?”
“ฉันแค่มาดูเฉยๆ”ชายที่ชื่อเคร็บกล่าวอย่างร้อนใจ
เขาคือหนึ่งในภัยพิบัติของอารยธรรมนี้และรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของพวกเขา
แต่ทว่ามันก็มีโอกาสน้อยมากที่จะให้เขาลงมือ และเคร็บก็มาอยู่ที่นี่แค่เพื่อเป็นหลักประกัน เช่นนั้น เขาจึงไม่พอใจกับงานนี้และรู้สึกว่ามันเสียเวลาฝึกฝนของเขา
หลังรออยู่สักพักผลทดสอบก็ออกมาและแสดงบนจอห้องควบคุมหลัก
“ผู้บัญชาการข้อมูลได้รับการวิเคราะห์แล้วครับ นี่คือดาวที่อาศัยได้ และทรัพยากรบนดาวก็อุดมสมบูรณ์มาก เรายังพบร่องรอยชีวิตบนดาว และก็พบสายพันธุ์ต่างๆ มากถึง 730000 ชนิด มีสายพันธุ์ที่มีสติปัญญาหนึ่งสายพันธุ์บนดาว และก็อยู่ในยุคชนเผ่า ระดับสติปัญญายังไม่รู้ และประชากรก็ประมาณ120000ครับ
จากนั้นหน้าตาของเผ่านี้ก็ปรากฏบนจอมันดูเหมือนก๊อบลินที่มีรอยเหี่ยวย่นมากมายบนผิวขาว
“สายพันธุ์ที่มีสติปัญญาไม่เลวเลย” ผู้บัญชาการพยักหน้า” ทำการติดต่อกับพวกเขาตามกฎ”
จักรวรรดิได้ตั้งกฎถึงขั้นตอนการติดต่อกับอารยธรรมพื้นเมืองพวกเขามีวิธีการเข้าหาต่างๆ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สำหรับชนพื้นเมืองเช่นนี้ที่ไร้ภัยคุกคาม พวกเขามักเข้าหาอย่างสันติและให้การศึกษาเป็นหลัก นี่คือวิธีที่หานเซี่ยวใช้ตอนเขาติดต่อกับชนพื้นเมืองของดาวแพนกูรัส
จากนั้นกองยานก็ลงจอดในป่ากองทัพภาคพื้นเริ่มทำการติดต่อกับชนเผ่าพื้นเมือง
คนพื้นเมืองเหล่านี้ทั้งกลัวและตกใจแต่ก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
ภายใต้ความช่วยเหลือของเครื่องมือแปลภาษากองยานสำรวจนี้จึงสร้างสะพานการสื่อสารได้สำเร็จ พวกเขาอธิบายถึงเจตนาพวกเขาต่อชนพื้นเมืองและใช้ภาพต่างๆ เพื่ออธิบายของจักรวาล พวกเขายังแนะนำจักรวรรดิคริมสันต่อชนพื้นเมืองและอธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง
เหล่านักวิจัยยังเริ่มการทดสอบชนพื้นเมืองเพื่อตรวจสอบไวรัสต่างๆบนตัว มีตัวอย่างเช่นนั้นน้อยเกินไปและพวกเขาจึงเริ่มตรวจสอบโครงสร้างทางชีววิทยาของชนพื้นเมือง
ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและเคร็บก็เดินเล่นรอบค่าย
จากนั้นเขาก็พลันเห็นชนพื้นเมืองออกแถวและตรงไปบ้านแห่งหนึ่งด้วยท่าทางน่าสงสัย
เคร็บไม่คิดมากและอยากเดินเล่นต่อแต่ก็พลันรู้สึกถึงอันตราย
เขาแข็งค้างผู้ใช้พลังระดับภัยพิบัติส่วนใหญ่มีสัมผัสเฉียบแหลมมาก พวกเขาสามารถตรวจพบภัยคุกคามได้ และส่วนใหญ่ก็เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง..”เคร็บขมวดคิ้วและตามคนน่าสงสัยไป จากนั้นก็ผลักเปิดประตูบ้าน เดินเข้าไป
ชนพื้นเมืองผู้นี้หันกลับมามองประตูเมื่อได้ยินเสียงและก็ตกใจที่มีคนปรากฏตัวด้านหลังเขา
“แกกำลังทำอะไร?”สัมผัสอันตรายนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น
วินาทีต่อมาใบหน้าของชนพื้นเมืองก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม เขาชักมีดกระดูกออกมาแทงใส่คอของเคร็บ
ซวบ!
ลมแรงพัดและเคร็บก็มาปรากฏตรงหน้าอีกฝ่ายปัดมีดออกไปและบีบคอชนพื้นเมือง
เขาไม่รู้เจตนาของอีกฝ่ายแต่มันไม่ผิดที่เขาจะหยุดการโจมตี
แต่ก่อนเขาจะได้สอบปากคำชนพื้นเมืองก็เริ่มน้ำลายฟูมปากและเขาก็ตายไป
“ฆ่าตัวตาย?”เคร็บตกใจ
ตอนนี้เองเขาได้ยินเสียงอุทานจากด้านนอก เคร็บรีบวิ่งออกไปขณะแบกศพ จากนั้นก็ตระหนักถึงความปั่นป่วนรอบทีมวิจัย นักวิจัยกลุ่มใหญ่ล้อมรอบเครื่องมือทางการแพทย์ราวกับพวกเขาพบบางสิ่ง
จากนั้นเคล็นท์ก็เดินไปและถามคนที่เป็นหัวหน้า
“พวกคุณกำลังทำอะไร?”
“ท่านครับดูรายงานพันธุกรรมนี่สิ!” หนึ่งในนักวิจัยกล่าวด้วยสีหน้าแปลกๆ” เราพบข้อบกพร่องขนาดใหญ่ในพันธุกรรมของเผ่านี้ นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยการดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งส่งผลให้ความสามารถสมองพวกเขาถูกยับยั้งอย่างน้อย 80%! กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีคนกำลังพยายามระงับสติปัญญาพวกเขา!”
“คุณหมายความว่าพวกเขากำลังถูกเลี้ยงเหมือนสัตว์?”เคร็บถาม
ตอนนี้เองบางสิ่งพลันเกิดขึ้น!
บูม!
ทุกคนพลันรู้สึกว่าพื้นใต้เท้าตัวเองสั่น
วินาทีต่อมาสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นในทุกยาน
“คำเตือน!คำเตือน! ตรวจพบปฏิกิริยาพลังงานสูง กำลังเทียบปฏิกิริยาพลังงานกับฐานข้อมูล…การเทียบสำเร็จ เข้ากันได้กับ [การระเบิดพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม] 99.8% โปรดอพยพเดี๋ยวนี้! โปรดอพยพเดี๋ยวนี้!
“พลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม?!”
สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป
เคร็บดูเหมือนจะฉุกคิดอะไรได้และบดขยี้หัวของศพแปลกๆในแขน เทของเหลวในหัวและพบชิปจักรกลขนาดเล็กไหลออกมาด้วย
วินาทีที่เขาเห็นชิปจักรกลนี้ดวงตาของเคร็บก็หรี่แคบ เขาเข้าใจแล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
นี่คือเครื่องตรวจจับพลังชีวิตพูดง่ายๆ มันจะส่งสัญญาณออกไปเมื่อพลังชีวิตของร่างนั้นขาดหาย และมันจะกระตุ้นสวิตช์หรืออุปกรณ์ของอีกฝั่ง การระเบิดพลังงานไซโอนิคแรกเริ่มอาจเกี่ยวข้องกับเครื่องตรวจจับพลังชีวิตนี้!
บูม!
ผิวดาวเริ่มทรุดและพลังงานสีฟ้าก็ปะทุจากใต้ดิน
จากนั้นทั้งดาวก็กลายเป็นปนเปื้อน
ภูเขาแม่น้ำ ป่า ผืนดิน ทะเล ท้องฟ้า..ทุกอย่างถูกกลืนโดยพลังงานไซโอนิคและกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม!
มันขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
ทุกสิ่งถูกกลืนกินและย่อยสลายกองยานสำรวจไม่สามารถรอดพ้นจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของพลังงาน
เคร็บรีบพุ่งออกจากยานและอยากหนีเอาชีวิตรอดแต่ทว่า แสงสีฟ้าไร้สิ้นสุดก็ได้กลืนกินร่างเขา ต่อหน้าพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม ผู้ใช้พลังระดับภัยพิบัติไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตธรรมดา
ฉากเดียวกันเกิดขึ้นกับดาวหลายดวงในกลุ่มดาวแสงธุลี
..
มันผ่านไปไม่นานหลังการประชุมครั้งสุดท้ายแต่ทุกองค์กรที่เข้าร่วมการสำรวจต่างก็มารวมกันในห้องประชุมของดาวประภาคารอีกครั้ง
นี่คือการประชุมฉุกเฉินและหานเซี่ยวกับผู้อยู่เหนือคนอื่นก็ถูกเรียกตัวมาด้วย
เมื่อมองความเสียหายบนหน้าจอบรรยากาศในห้องก็หนักอึ้ง
“กองยานสำรวจเราพบกับอุบัติเหตุในกลุ่มดาวแสงธุลี”ทาราคอฟกล่าวด้วยเสียงเคร่งเครียด” ยานรบกว่าหกพันลำถูกทำลาย มีผู้ตายมากกว่าเจ็ดล้าน รวมถึงภัยพิบัติสองคน”
ความปั่นป่วนขนาดเล็กเกิดขึ้นทันที
“พวกเขาพบกับอะไร?พบกับอารยธรรมที่ทรงพลังงั้นหรือ?”
“มีชนพื้นเมืองที่ทรงพลังขนาดนั้นในกลุ่มดาวแสงธุลีได้อย่างไร?!”
ดวงตาหานเซี่ยวหรี่แคบเขารู้ว่าอารยธรรมพื้นเมืองนี้จะสร้างปัญหาให้จักรวรรดิแต่ไม่ชัดเจนถึงรายละเอียด เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงอัปเดทเวอร์ชันและผู้เล่นก็ไม่ได้ประสบกับมันเอง พวกเขาแค่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจากข้อมูลเบื้องหลัง
ทาราคอฟยกมือขึ้นเพื่อให้ทุกคนเงียบ”พลังของอารยธรรมพื้นเมืองนี้ทรงพลังกว่าที่พวกคุณคิด พวกเขาเข้าใจพลังงานไซโอนิคและกองยานเหล่านี้ก็พบกับระเบิดพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม เรามีเหตุผลให้เชื่อว่านี่คือกับดักที่ตั้งโดยอารยธรรมลึกลับนี้”
วินาทีที่คำพูดนี้หลุดออกไปทุกคนก็อดสูดหายใจลึกไม่ได้
พวกเขาสามารถยอมรับได้แม้อีกฝ่ายจะมีกองทัพทื่ทรงพลังด้วยเทคโนโลยียานรบของจักรวรรดิ การเอาชนะอารยธรรมพื้นเมืองไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่ากองทัพอีกฝ่ายจะทรงพลังแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถคุกคามกองยานสำรวจได้
แต่ทว่าเรื่องราวจะต่างออกไปหากอารยธรรมนั้นเข้าใจพลังงานไซโอนิค!
ภายใต้การปกครองของอารยธรรมจักรวาลจักรวาลที่ได้รับการสำรวจถูกห้ามไม่ให้ใช้พลังงานไซโอนิคแรกเริ่มเป็นอาวุธ พลังของมันน่ากลัวและยังทำให้เกิดมลพิษ
ชนพื้นเมืองเหล่านี้กลับเข้าใจพลังงานไซโอนิคได้!
หรืออีกฝ่ายจะยังมีเทคโนโลยีอื่นที่เราไม่มีอีก?!
ทุกคนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง.novel-lucky.
ความรู้สึกของการเผชิญหน้ากับอารยธรรมพื้นเมืองเช่นนั้นแตกต่างไปในสังคมกาแล็กซี่ ต่อให้ไม่สามารถเข้าใจบางเทคโนโลยีได้ พวกเขาก็ยังรู้ถึงการดำรงอยู่ของมัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอารยธรรมพื้นเมืองที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีเทคโนโลยีแปลกๆ อะไรบ้าง?
อารยธรรมส่วนใหญ่มีประสบการณ์กับยุคสำรวจและรู้สึกเดจาวูไม่มีใครรู้ไพ่ตายที่อารยธรรมอื่นมี เช่นอุปกรณ์เปิดฟ้าหลากมิติของสหพันธ์แห่งแสง คฑาหมื่นเทพของศาสนจักร และการเปลี่ยนแปลงของอารยธรรมวิวัฒนาการ
อารยธรรมพื้นเมืองนี้ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยกฎของสังคมและไม่สนใจที่จะโยนระเบิดพลังงานไซโอนิคเล่นมันเหมือนกับเด็กถือปืน ทุกคนรู้สึกว่าโอกาสที่พวกเขาจะตายนั้นสูงขึ้น
“จักรวรรดิมีแผนอย่างไร?”บางคนถาม
ทาราคอฟกล่าวเสียงเย็น”สถานการณ์ยังไม่อาจทราบและอารยธรรมพื้นเมืองนี้ก็ไม่เป็นมิตรต่อเรา ตามกฎการสำรวจ เราจะต้องใช้วิธีที่24”
หลายคนอดตกใจไม่ได้
นี่คือวิธีสุดท้ายเทียบกับวิธีอื่น วิธีนี้นั้นง่ายมาก พวกเขาจะใช้สงครามเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์และหยุดเมื่ออารยธรรมตรงข้ามถูกกวาดล้างหรือตกเป็นทาส
อารยธรรมที่สามารถก้าวออกจากยุคสำรวจและกลายเป็นผู้ปกครองจักรวาลได้ย่อมไม่ใจดี
การสำรวจโลกริบหรี่คล้ายกับยุคสำรวจเล็กน้อยและความแตกต่างก็คือสามอารยธรรมจักรวาลได้เป็นเผด็จการไปแล้ว พวกเขาคิดใช้วิธีอ่อนโยนกว่าและนี่ก็ทำให้อารยธรรมที่อ่อนแอมีโอกาสปกป้องตัวเอง
ยิ่งชนพื้นเมืองทรงพลังท่าทีของสามอารยธรรมจักรวาลก็ยิ่งรุนแรง
อารยธรรมจักรวาลที่เข้าใจพลังงานไซโอนิคถือเป็นภัยคุกคามและจักรวรรดิคริมสันก็ไม่คิดจะใจดีด้วยเพื่อลดศัตรูระดับกลุ่มดาวไปอีกหนึ่งนี่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมกาแล็กซี่
จากนั้นทาราคอฟก็กล่าวเสียงเย็นกวาดตามองทุกคน” เรายังไร้เบาะแสถึงพวกมัน เราไม่รู้ตำแหน่งหรือสายพันธุ์พวกมัน แต่ทว่า อีกฝ่ายได้โจมตีเราแล้ว ซึ่งหมายความว่าพวกมันต้องมีข้อมูลในมือบ้าง ก่อนหน้านี้ เราไม่ได้ติดต่อกับอารยธรรมนี้ ดังนั้น มันต้องมีคนคอยรั้งสายจากความมืดและคนที่น่าสงสัยสุดก็ไม่พ้นพวกลักลอบ”
สีหน้าของตัวแทนแปลกไป
นี่ไม่ยากเกินกว่าจะเดามันยากสำหรับอารยธรรมหนึ่งที่จะสร้างต้นไม้ทักษะเทคโนโลยีแบบสมบูรณ์ผลประโยชน์ของสังคมกาแล็กซี่คือการแลกเปลี่ยนทักษะเทคโนโลยีพวกลักลอบต้องโยนถุงทักษะเทคโนโลยีให้อารยธรรมพื้นเมืองแน่ รวมถึงทักษะพลังงานไซโอนิค
อารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดเหล่านี้ยังมีแรงจูงใจมากพอก่อนอื่น พวกเขาอยากสร้างความเสียหายให้จักรวรรดิ สอง พวกเขาอยากชะลอการสำรวจ สาม พวกเขาอยากยืมมืดและกำจัดอารยธรรมพื้นเมืองที่ทรงพลังเพื่อให้มีพื้นที่ว่างในโลกริบหรี่มากขึ้น
แน่นอนพวกเขาไม่มีทางโยนของให้มั่วๆ มันต้องเป็นอารยธรรมพื้นเมืองที่ทรงพลังมากพอ
“ผมขอประกาศว่าแผนสำรวจของกลุ่มดาวแสงธุลีกำลังจะจบลงกองยานสำรวจของจักรวรรดิจะทำสงครามแทน” ทาราคอฟกล่าว
ทุกคนพยักหน้า
ก่อนจะจัดการศัตรูพวกเขาไม่มีทางได้สำรวจต่อ จักรวรรดิมีประสบการณ์ด้านสงครามมามากและมีแผนการมากมาย
ศัตรูได้เปรียบในด้านข้อมูลแต่ข้อได้เปรียบนี้จะคงอยู่ไม่นานนัก เหล่าผู้พยากรณ์ในกองยานจักรวรรดิกำลังจะออกโรงรวมถึงเหล่าช่างกล
ด้วยจักรวรรดิที่รวมกองทัพพวกเขากองทัพแบล็คสตาร์จึงถูกเรียกมาด้วย แต่ทว่า หานเซี่ยวไม่คิดลงมือเอง เขาอยากปล่อยให้เนโร่และลูกน้องเขาจัดการกันเอง เขาแค่ต้องส่งกองทัพจักรกลเขาไปปกป้องเนโร่
เขารู้ว่าคุนเด้ไม่มีผู้ใช้พลัง ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สุดนั้นมาจากระเบิดพลังงานไซโอนิคเท่านั้น ตราบเท่าที่พวกเขาเลี่ยงสนามรบเหล่านี้ได้ จำนวนผู้เสียชีวิตก็จะลดลง
ข้อได้เปรียบฉันคือความคุ้นเคยกับแผนที่..หานเซี่ยวคิดกับตัวเอง
…
ในเวลาเดียวกันในกลุ่มดาวแสงธุลี ยานนับไม่ถ้วนที่บรรจุคนมากมายหายลับไปในอวกาศ เมื่อเห็นฉากนี้ ทหารเผ่าคุนเด้ก็มีความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจ
“รายงานกองยานอพยพของทุกดาวอาณานิคมได้ออกตัวแล้ว พลเรือนท้องถิ่นล้วนขึ้นยาน และก็กำลังค้นหาบ้านใหม่ร่วมกับทุกเผ่าที่พวกเขาค้นพบ”
เมื่อได้ยินรายงานผู้นำเผ่าคุนเด้ก็พยักหน้าเงียบๆ
ข้อมูลของซากยานไม่ได้โกหกพวกเขาพวกเขาจัดการให้อารยธรรมบริวารติดต่อกับอีกฝ่ายและอีกฝ่ายก็เรียกตัวเองว่าจักรวรรดิคริมสัน พวกเขาทรงพลังเหมือนกับในข้อมูล
แม้อีกฝ่ายจะเป็นมิตรมากแต่ในสายตาเผ่าคุนเด้ ความทะเยอทะยานก็ซ่อนเร้นภายใต้ความเป็นมิตรนี้
เดิมทรัพยากรของทั้งกลุ่มดาวจะเป็นของพวกเขา แต่ทว่า จักรวรรดิคริมสันก็ได้มาถึงและยากชิงทรัพยากรไปจากพวกเขา
ในเรื่องนี้อารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดไม่ได้โกหก
เผ่าคุนเด้ไม่เต็มใจกลายเป็นบริวารจักรวาลคือสถานที่กว้างใหญ่และพวกเขาก็ยังมีทางให้ถอย
จากวินาทีที่พวกเขาตัดสินใจต่อต้านพวกเขาก็ได้พร้อมรับสถานการณ์เลวร้ายไว้แล้ว พวกเขาส่งพลเรือนส่วนใหญ่ออกไป ไม่ว่าพวกเขาชนะหรือแพ้ พวกเขาย่อมไม่มีโอกาสได้พัฒนาอย่างปกติในสถานที่นี้ เช่นนั้น พวกเขาจึงส่งเผ่าตนไปหาบ้านใหม่ที่ที่พวกเขาจะไม่ถูกรบกวน
มีเพียงกองทัพเผ่าคุนเด้ถึงอยู่ด้านหลังเพื่อปกป้องดินแดนของตน
สงครามคือสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้