The Legendary Mechanic - ตอนที่ 969 คนคุ้นหน้าและการปะทะ
เมื่อปิดภาพฉายทางไกลมุมมองของหานเซี่ยวกลับก็มาที่ห้องเขา ก่อนเขาจะได้ขยับ การแจ้งเตือนก็ผุดขึ้น มันคอภารกิจเร่งด่วนสำหรับจักรวรรดิ
เนื้อหาภารกิจคือรับฟังแผนจักรวรรดิและปฏิบัติภารกิจสงครามต่างๆเพื่อจัดการกับเผ่าคุนเด้มันคล้ายกับภารกิจสงครามลับ และหานเซี่ยวก็ไม่แปลกใจอะไร
“ตามรางวัลของภารกิจลับหากฉันสามารถทำภารกิจสงครามระดับนี้ได้สำเร็จ มีโอกาสสูงที่จะได้รับแต้มตำนาน สินทรัพย์การเมืองหรือรางวัลประเภทดันเจี้ยนใหม่ โอ้ใช่ แต้มสะสมฉันควรเพิ่มขึ้นอีกมากด้วย”
หานเซี่ยวลูบคางอย่างไม่แน่ใจเหนือสิ่งอื่นใด ผลึกม่วงและเคล็นท์มีพลังใกล้เคียงกันมากตอนสงครามลับ แต่สำหรับจักรวรรดิ เผ่าคุนเด้เป็นได้แค่ภัยคุกคามเล็กน้อย การกำจัดเผ่าคุนเด้ไม่ใช่งานยาก และรางวัลอาจไม่มากเท่าสงครามลับ
แต่ทว่านี่ไม่ใช่เป้าหมายหลักเขา เป้าหมายหลักเขาครั้งนี้คือการกระตุ้นภารกิจจากเนโร่
แม้เขาจะไม่คิดเข้าร่วมเองหานเซี่ยวก็ไม่ได้ตระหนี่ เขาไม่รังเกียจที่จะให้การสนับสนุนเทคโนโลยีเสมือนกับจักรวรรดิในช่วงสงคราม นอกจากนี้ หานเซี่ยวยังไม่คิดซ่อนความได้เปรียบด้านแผนที่
แผนที่ที่เขาอ้างอิงไม่ใช่แผนที่ดาวอุปกรณ์สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ของอารยธรรมจักรวาลได้รับการพัฒนาอย่างดีและก็ได้วาดแผนที่โลกริบหรี่ทั้งหมดแล้ว แต่ทว่า รายละเอียดของแผนที่จะสมบูรณ์ผ่านการสำรวจเท่านั้น
หานเซี่ยวคุ้นเคยกับอาณาเขตของเผ่าคุนเด้ดีและข้อมูลเช่นนั้นก็ไม่อยู่ในแผนที่ นี่หมายความว่าจักรวรรดิไม่จำเป็นต้องค่อยๆสรวจและสามารถบุกตรงเข้าอาณาเขตเผ่าคุนเด้ได้เลย
แน่นอนจักรวรรดิต้องสงสัยในข้อมูลเขา แม้จะด้วยสถานะผู้อยู่เหนือของเขา เขาก็ไม่สามารถแทรกแซงคำสั่งสงครามของจักรวรรดิได้ ทุกอารยธรรมขั้นสูงต้องสงสัยในข้อมูลที่ไม่สามารถตรวจสอบได้
หานเซี่ยวไม่สนใจเรื่องนี้นักเขามีชื่อว่าผู้ทำนาย และยังมีอีซอปอยู่ข้างๆ นอกจากนี้ จักรวรรดิเองก็ต้องใช้ผู้พยากรณ์หลายคน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาที่จะปลดปล่อยข้อมูล
แต่ทว่าเพื่อป้องกนัคนอื่นจากการใส่ร้ายเผ่าคุนเด้ หานเซี่ยวไม่สามารถปล่อยข้อมูลเจาะลึกกับจักรวรดริได้ แม้เขาจะสามารถทำได้ตามใจชอบ แต่การระวังตัวไว้ย่อมดีกว่า
“สงครามระดับกลุ่มดาวนี่คือครั้งสองที่ฉันเข้าร่วม แต่นี่แตกต่างจากสงครามลับ..”
หานเซี่ยวพ่นลมหายใจ
สงครามลับคือสงครามตัแทนและแม้ขนาดสงครามจะใหญ่มันก็ไม่เกี่ยวกับชีวิตและความตายของทั้งเผ่า ครรั้งนี้ อีกฝ่ายต้องสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดตนเองและต้องทุ่มทุกวิธีการแน่
ต่อให้เผ่าคุนเด้จะเป็นอารยธรรมกลุ่มดาวขนาดของสงครามนี้ก็ไม่สามารถเทียบได้กับสงครามลับ
หานเซี่ยวไม่รู้สึกเป็นศัตรูกับเผ่าคุนเด้มากนักแต่ก็ไม่มีความปรารถดีด้วย หากเขาคือส่วนหนึ่งของเผ่าคุนเด้ เขาคงไม่มีความสุขเช่นกันหากอารยธรรมต่างดาวพยายามแย่งชิงทรัพยากรตน เมื่อจักรวรรดิคริมสันสำรวจกลุ่มดาวแสงธุลีเต็มที่ มันก็คล้ายกับการขังเผ่าคุนเด้ไว้ในกลุ่มดาวนี้และจำกัดให้อยู่ในระดับอารยธรรมกลุ่มดาวเท่านั้น
แต่ทว่าปัจจุบันเขาอยู่ฝ่ายจักรวรรดิ แรงจูงใจของจักรวรรดิในการสำรวจทุ่งดาวใหม่คือการได้รับทรัพยากรใหม่ ด้วยความได้เปรียบของกำลังทหารทางฝั่งพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยอมหยุด อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองฝ่ายแค่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์
เนื่องจากไม่มีฝ่ายใดผิดฝ่ายที่แพ้จึงเป็นคนผิด
จากนั้นหานเซี่ยวก็เขียนจดหมายส่งข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าคุนเด้ให้ทาราคอฟ โดยไม่รอการตอบ เขาส่งคำสั่งรวมกองกำลังเขาออกไป
“เรียกเราให้เข้าร่วมสงคราม?”
ในกองยานสำรวจของกองทัพแบล็คสตาร์สมาชิกกองทัพแบล็คสตาร์ได้รับข้อความบนอุปกรณ์สื่อสารพวกเขา บางคนตื่นเต้น บางคนรู้สึกแย่
เนโร่เป็นสมาชิกหน่วยสำรวจนี้และก็รู้สึกประหม่าทันทีที่ได้รับคำสั่ง
เขาไม่ได้เตรียมใจสำหรับสงครามเช่นนี้เขาแค่เคยเข้าร่วมการแข่งขันต่างๆแต่ไม่เคยเข้าร่วมสงครามจริงมาก่อน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ปรหม่า
ความคิดต่างๆแวบผ่านหัวเขาและเนโร่ก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้จินตนาการโลดแล่น ฉันจะสามารถฆ่าศัตรูได้ไหม?
การฆ่าจะรู้สึกยังไง?
ฉันจะถูกศัตรูฆ่าไหม?
มีอาจะเข้าร่วมสงครามด้วยไหม?เธอจะเป็นอันตรายไหม?
เพียงเมื่อเขาปล่อยให้จินตนาการโลดแล่นเขาก็รู้สึกถึงมือบนไหล่ มันคือหัวหน้าหน่วยเขา ทหารรับจ้างอิสระที่แข้งแกร่ง
“ไม่ต้องห่วงเจ้าหนูเราจะดูแลนายเอง”หัวหน้าหัวเราะ
“ทำตัวสบายๆ”รองหัวหน้าที่กำลังจำคาถาอยู่มองมา”ฉันเคยเข้าร่วมสงครามลับมาก่อนและสงครามก็เป็นแค่เรื่องธรรมดา มันคือการฆ่าหรือถูกฆ่า ความตายในสงครามกาแล็กซี่ระดับนั้นจะเกิดขึ้นชั่วพริบตา จะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดหรอก ไม่ต้องกังวล”เนโร่ลูบหัวและฝืนยิ้มทันทีที่ได้ยิน เขาถูกส่งมาหน่วยนี้ภายใต้ตัวตนของเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง หัวหน้าและรองหัวหน้าดูแลเขาดีมากและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเช่นกัน
ในหน่วยรบระดับนี้ภูมิหลังเขาไม่สำคัญ และพลังต่อสู้เขาคือสิ่งสำคัญสุด พลังของเนโร่ไม่อ่อนแอ และทักษะช่างกลก็โดดเด่น สมาชิกคนอื่นจึงเต็มใจดูแลเขา
แม้เนโร่จะรู้สึกกังวลถึงการเข้าร่วมสงครามเขาก็ไม่มีเจตนาจะติดต่อหานเซี่ยว เขาไม่อยากได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แม้พ่อบุญธรรมอาจตกลงไม่ให้เขาเข้าสนามรบ พ่อบุญธรรมก็ต้องดูถูกเขาแน่ เนโร่ไม่อยากทำให้พ่อบุญธรรมผิดหวังหลังศึกษามานาน
จากนั้นเนโร่ก็เดินไปด้านข้างและหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาหลังลังเลสักพัก เขาก็โทรหามีอา
หลังจากนั้นไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย แต่ทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงหายใจ
หลังเงียบไปอยู่นานเนโร่ก็กล่าว”อืม….เธอเห็นประกาศภายในหรือยัง?ฉันกำลังจะทำสงคราม”
“โอ้”
“เอ่อ…เธอไม่เป็นห่วงฉันหน่อยหรอ?”
“มีอะไรให้น่าห่วง?ฉันเองก็ถูกเรียกตัวเหมือนกัน”มีอาแค่นเสียง
เนโร่กล่าวด้วยความลังเล”เอ่อ…เธอไม่กังวลเลยงั้นหรอ?”.novel-lucky.
“มีอะไรให้กังวล?”มีอาถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ”นายก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงเมื่อนายกลายเป็นผู้ใช้พลัง”
เนโร่พูดไม่ออก”ดูแลตัวเองด้วยนะเราไม่ได้อยู่หน่วยเดียวกัน ฉันไม่สามารถปกป้องเธอ…”
“ใครต้องการให้นายมาปกป้อง?”มีอากลอกตา”นายควรดูแลตัวเองให้ดีอย่าตายละ”
สายถูกตัด
จากนั้นเนโร่ก็วางอุปกรณ์สื่อสารเขาลงถูจมูกด้วยใบหน้าหน่ายใจ
เขายังชอบมีอาแสนขี้อายที่เขาพบวันแรกมากกว่านับตั้งแต่เธอเป็นนักสู้ เธอก็มีนิสัยชอบความรุนแรงมากขึ้น
ไม่มีสิ่งใดที่เป็นความลับในโลกและจักรวรรดิก็ไม่ได้พยายามปกปิดอะไร
ไม่นานหลังจากนั้นข่าวก็มาถึงจักรวาลที่ได้รับการสำรวจ และทุ่งดาวต่างๆก็พบว่าจักรวรรดิกำลังทำสงคราม
ประชากรส่วนใหญ่ไม่มีความคิดเห็นมากนักมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรสำหรับพวกเขา พวกเขากลับอยากให้จักรวรรดิรีบกวาดล้างศัตรูทั้งหมดและจบสิ้นการสำรวจเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปโลกริบหรี่กันเสียที ยังมีกลุ่มน้อยที่สงสารอารยธรรมพื้นเมืองและกำลังร้องหาสันติภาพ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจพวกเขา และการกระทำของพวกเขาก็ไม่สามารถมีอิทธิพลต่ออารยธรรมขั้นสูงได้
องค์กรส่วนใหญ่ไม่สนใจกับข่าวแต่อารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดต่างๆกำลังมีความสุข
พวกเขาหวังให้เผ่าคุนเด้สร้างปัญหากับจักรวรรดิให้ได้มากที่สุดด้วยพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม เผ่าคุนเด้ต้องมีพลังพอจะสร้างความเสียหายต่อจักรวรรดิ ยิ่งพวกเขาฆ่าได้มาก มันยิ่งดี มันจะดีสุดหากมีผู้อยู่เหนือตายด้วย ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ พวกเขาก็มีแต่ได้กับได้
การสำรวจกลุ่มดาวแสงธุลีถูกระงับและจักรวรรดิก็กำลังรวมทัพบนดาวประภาคาร
นอกจากกองยานสำรวจจักรวรรดิคริมสันได้ระดมกองกำลังจากกาแล็กซี่กลางด้วสย
พวกเขาไม่อยากดูถูกศัตรูแถมนี่ยังเป็นการฝึกฝนทหารของพวกเขาด้วย พวกเขาไม่สามารถพบกับสงครามเช่นนี้ได้บ่อยในจักรวาล และนี่ก็เป็นโอกาสอันดีให้ฝึกทหาร
เพราะหานเซี่ยวไม่คิดแทรกแซงเองกองทัพแบล็คสตาร์จึงถูกนำโดยเฮอลัส
“กองทัพครั้งนี้ถูกสร้างจากองค์กรต่างๆมากมายผมจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุด และรับผิดชอบการตัดสินกลยุทธ์รวม ทุกกองทัพจะมีผู้บัญชาการของตนเพื่อนำทัพพันธมิตรต่างๆ ผู้บัญชาการที่ดูแลกองยานแบล็คสตาร์เองก็ได้รับการตัดสินใจแล้ว’
จากนั้นทาราคอฟก็เปิดประวัติย่อและแสดงให้เฮอลัสดู
หลังมองประวัติย่อเฮอลัสก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างคุ้นเคย
“เทนนี่อเมนอส?”
“ถูกต้องมันเป็นเขา”
“ตำแหน่งเขาไม่สูงเขาจะสามารถทำงานนี้ได้หรือ?”เฮอลัสถามอย่างกังขา
“อ่าไม่ต้องห่วง เขาคือเจ้าหน้าที่ที่จักรวรรดิกำลังฝึก เขามีความสามารถบัญชาการที่โดดเด่นมาก”ทาราคอฟยิ้ม”เขาเพิ่งมาถึงดาวประภาคารได้ไม่นาน ตามผมมา”
ขณะกล่าวเช่นนั้นทาราคอฟก็เคาะโต๊ะและประตูห้องก็เปิดออกทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารก็เดินมาในห้องพร้อมผู้ช่วยด้านหลัง
“เราเจอกันอีกแล้วเพื่อนจากกองทัพแบล็คสตาร์”เจ้าหน้าที่ทหารพยักหน้า
“โอ้!มันเป็นนายนี่เอง”เฮอลัสจำคนคนนี้ได้ทันที
เขาคือทหารหัวกะทิของจักรวรรดิที่ได้รับพลังงานวิวัฒนาการแม่ทัพจักรวรรดิในอนาคต เขาเคยมีปฏิสัมพันธ์สั้นๆกับหานเซี่ยว8-9ปีก่อน และรองผู้บัญชาการของเขาก็คือคอร์บัส ผู้ช่วยที่ไว้ใจได้
เฮอลัสลุกขึ้นและจับมือทั้งคู่ก่อนนั่งลง”มันก็เกือบสิบปีแล้วนะฉันมีความสุขมากที่เห็นสถานะเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ”เทนนี่กล่าว
เฮอลัสพยักหน้าหน้าก่อนกล่าวด้วยความอยากรู้”ตำแหน่งนายคงเพิ่มขึ้นแล้วครั้งสุดท้ายที่เห็นนายเป็นแค่พันเอกเอง”
“ฉันได้รับความดีความชอบแต่ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับแบล็คสตาร์”เทนนี่ส่ายหัว”ฉันร้องขอเป็นผู้บัญชาการกองยานแบล็คสตาร์และหวังว่าจะลดความสูญเสียของทางฝั่งนายได้”
“งั้นก็ต้องขอบคุณล่วงหน้า”เฮอลัสดีใจในฐานะองค์กรพันธมิตรจักรวรรดิ เขากลัวผู้บัญชาการที่ไร้ความสามารถมากสุด
“ไม่ต้องขอบคุณกันหรอกถือซะว่ามันเป็นการตอบแทนบุญคุณ”เทนนี่โบกมือ”แบล็คสตาร์ให้ชุดองครักษ์จักรกลกับฉันเป็นการส่วนตัว ซึ่งช่วยให้ฉันเอาชนะความยากลำบากมาได้ ฉันควรเป็นคนที่ขอบคุณเขา”
“ฉันเข้าใจแล้ว”
เฮอลัสตระหนักไม่มีของฟรีในโลก มันกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเป็นหนี้บุญคุณเจ้านายเขา
เขาอดชื่นชมการมองการณ์ไกลของหานเซี่ยวไม่ได้
“ฉันจะไปกลุ่มดาวการูเพื่อพบแบล็คสตาร์หลังจบศึกหวังว่าเขาจะว่าง”เทนนี่กล่าว
“ไม่ต้องห่วงเจ้าหน้าที่จะเป็นคนดูแลกองทัพ เขาว่างมาก”เฮอลัสขายหานเซี่ยว
จากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันสักพักจนทาราคอฟกระแอมพวกเขาออกห้องทำงานของทาราคอฟด้วยกันและคุยกันต่อ
ขณะเดินรอบฐานเทนนี่ก็พบบางคนที่เขารู้จัก ผู้บัญชาการอีกคนของจักรวรรดิ ทั้งคู่ทักทายและคุยกัน
เฮอลัสไม่สนใจนักตอนแรกแต่ก็ตระหนักว่าผู้ช่วยร่างผอมข้างผู้บัญชาการคนนี้กำลังจ้องเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง
“เอ๊ะ…แค่กนายมองฉันทำไม?”เฮอลัสถาม
จากนั้นผู้ช่วยก็หัวเราะชี้เครื่องแบบเฮอลัส เขาถาม”นายเป็นสมาชิกกองทัพแบล็คสตาร์ใช่ไหม?”
“ฉันคือผู้บัญชาการกองทัพแบล็คสตาร์เฮอลัส แล้วนายละ?”เฮอลัสพยักหน้า
“อ่าฉันชื่อกอดด์”
“เราเคยเจอกันมาก่อนไหม?ทำไมนายถึงจ้องฉัน?”เฮอลัสถาม
กอดด์หัวเราะ”ไม่แต่ฉันมักชื่นชมแบล็คสตาร์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพแบล็คสตาร์ ฉันจึงอยากรู้”
จากนั้นเขาก็หันไปโดยไม่มีเจตนาจะคุยต่อ
เมื่อเห็นอย่างนั้นเฮอลัสก็สำรวจกอดด์ขึ้นลง และลอบตกใจ ชายคนนี้ไม่ได้มีตัวตนมากนัก แต่เฮอลัสกลับอดรู้สึกกดดันไม่ได้เมื่อยืนข้างเขา
ตอนนี้เองเทนนี่คุยกับอีกฝ่ายเสร็จและเขาก็จากไปกับกอดด์
“นายรู้จักผู้ช่วยคนนั้นไหม?”เฮอลัสถาม
เทนนี่ส่ายหัวและคอร์บัสก็ตอบแทน
“นายกำลังพูดถึงกอดด์หรอ?ฉันรู้จักเขามีเรื่องอะไรงั้นหรอ?”
“ฉันคุยกับเขานิดหน่อยและอยากรู้”
คอร์บัสพยักหน้า”กอดด์คนนี้ไม่ได้จบจากโรงเรียนทหารและก็ไม่ได้รับใช้กองทัพมานาน แต่ทว่า เขาคือผู้ใช้พลังที่มีศักยภาพสูงและถูกพบเห็นโดยผู้บัญชาการคนนั้น ความสามารถของเขาโดดเด่นมากและฉันได้ยินว่าเขาอยู่ในรายชื่อบุคคลที่จะได้รับการฝึกฝนโดยกองทัพ”
“ประวัติย่อนี้ฟังดูธรรมดามาก….”
เฮอลัสไม่สามารถเข้าใจได้ว่าแรงกดดันมาจากไหนแต่เขาก็เชื่อสัญชาตญาณตัวอง
แต่ทว่าไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องกังวลถึงเรื่องแบบนั้น และเขาก็คุยกับเทนนี่ต่อ โยนเรื่องกอดด์ทิ้งไป
จักรวรรดิมีประสิทธิภาพมากพวกเขาใช้เวลาไม่กี่วันเพื่อรวมกองทัพ
เดิมจักรวรรดิไม่รู้ที่ตั้งของเผ่าคุนเด้และอยากส่งหน่วยสอดแนมไปค้นหาก่อนแต่ทว่า แบล็คสตาร์ได้ส่งข้อมูลมาเมื่อไม่นานถึงตำแหน่งของเผ่าคุนเด้ในกลุ่มดาวแสงธุลี แม้พิกัดจะไม่แม่นยำนัก มันก็ช่วยจักรวรรดิลดเวลาลงได้มาก
แม้รายงานข้อมูลจะไม่แม่นยำมันก็ช่วยให้จักรวรรดิบีบขอบเขตลงได้ หน่วยลาดตระเวนจำนวนมากถูกส่งไปยังพิกัดที่แบล็คสตาร์กำหนดและกองทัพก้เริ่มเคลื่อนไป
ด้วยกลุ่มดาวทั้งหมดเป็นสนามรบความคล่องตัวคือปัจจัยสำคัญ และประตูดาวก็จะเป็นเส้นเลือดที่เชื่อมกองทัพ
เพราะกับดักระเบิดไซโอนิคแรกเริ่มจักรวรรดิจึงยอมรับไปว่าอีกฝ่ายมีเทคโนโลยีปะตูดาว เช่นนั้น จักรวรรดิจึงให้ความสำคัญกับการป้องกันประตูดาวตัวเองเพื่อป้องกันศัตรูซุ่มโจมตี
แต่ทว่ากองทัพไม่ได้พบกับศัตรูเลยตลอดครึ่งเดือน ศัตรูอยู่ในความมืดขณะพวกเขาอยู่ในที่สว่าง และศัตรูก็ดูเหมือนจะหายไป
หลายวันต่อมาสถานการณ์นี้เปลี่ยนไป ในที่สุดจักรวรรดิก็ปะทะกับกองยานเผ่าคุนเด้
ตำแหน่งของสนามรบคือดาวประภาคาร!