The Lord’s Empire - ตอนที่ 862
รอบสุดท้ายได้จัดขึ้นที่เวทีขนาดใหญ่และมีนักวิชาการทุกประเภทอยู่ที่นั่น ผู้คนส่วนมากสวมเสื้อคลุมยาวและดูมีความกล้าหาญ ทั้งชายและหญิงต่างรอให้รอบสุดท้ายเริ่มขึ้น
“พระองค์เสด็จแล้ว!” เสียงร้องดังออกมาในขณะที่จ้าวฝูเดินนำกลุ่มคนออกไป เนื่องจากรอบสุดท้ายของการทดสอบของจักรวรรดินั้นค่อนข้างเป็นทางการ จ้าวฝูจึงสวมเสื้อคลุมจารึกมังกรสีดำและสีทองแต่ไม่ได้สวมมงกุฎ นอกจากสาวใช้ในวังแล้ว ยังมีหลี่ซือ ซางหยาง เมิ่งฮ่าวหราน ซางกวนหว่านเอ่อร์ และ หลี่มู่ชิง
นอกจากนี้ยังมีอู่เจ๋อเทียน ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับการทดสอบของจักรพรรดิ หลังจากนั้น การทดสอบของจักรพรรดิก็ได้รับความนิยมในช่วงราชวงศ์ถังและอู่เจ๋อเทียนก็ได้สร้างการทดสอบการต่อสู้ขึ้นเอง เธอสามารถดูแลได้ทั้งการสอบพลเรือนและการป้องกันตัว
ด้วยเหตุนี้ จ้าวฝูจึงพาเธอมาที่นี่ เนื่องจากเขาเป็นคนจากโลกสมัยใหม่ จ้าวฝูจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ เขารู้ว่าเขาไม่มีความสามารถ ดังนั้นเขาจึงนำคนที่เหมาะสมมาช่วยดูการทดสอบของจักรพรรดิ
“ถวายความเคารพแด่องค์จักรพรรดิ!” เมื่อได้ยินว่าจ้าวฝูมาถึงแล้ว ผู้เข้าร่วมทุกคนต่างคุกเข่าและเปล่งเสียงตะโกนพร้อมกันเป็นเสียงเดียวด้วยความสดใสร่าเริง
จ้าวฝูเดินเข้ามาที่บัลลังก์และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากจนเกินไปแต่กลับทรงพลังครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ว่า “ลุกขึ้น!”
ผู้เข้าร่วมนับไม่ถ้วนต่างก็ลุกขึ้น บางคนก็อดใจไม่ได้และแอบเงยหน้ามองขึ้นไปที่จ้าวฝู บรรยากาศที่นั่นเงียบอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความกลัวและความเคารพต่อจ้าวฝู
หลังจากนั้นรอบสุดท้ายก็ได้เริ่มขึ้น จ้าวฝูและผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหลายคนได้นั่งลงและรอดูผลของการทดสอบ
“พวกเจ้าหมายตาใครเอาไว้?” จ้าวฝูถามผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ในขณะที่สายตาของเขามองไปที่ผู้เข้าร่วม
เมิ่งฮ่าวหราน ผู้อำนวยการของสถาบันรื่อซิ่งฉิน เป็นคนแรกที่ก้าวเท้าออกมา เขายิ้มเล็กน้อยในขณะกล่าวว่า “ฝ่าบาท ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ มั่นใจในตัวของนักเรียนทุกคนของสถาบัน!”
คำพูดเหล่านั้น ช่างเป็นคำตอบที่ไร้ประโยชน์เสียจริง เพราะนั่นหมายความว่าเขาจับตาดูเพียงแค่นักเรียนของสถาบันเท่านั้น จ้าวฝูจึงหันไปหาคนอื่นๆ
คนต่อไปที่ก้าวออกไปคือหลี่ซือ เขาโค้งคำนับก่อนที่จะกล่าวว่า “ฝ่าบาท ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ ได้จับตามองคนสามคน ได้แก่ เพ่ยจื่อฉือ ชุ่ยถง และซุนตง ข้าเคยทดสอบทั้งสามคนนั้นมาก่อนและทั้งสามคนนั้นมีความสามารถมากทีเดียว พวกเขามีปรัชญาการปกครองที่ไม่เหมือนใครและนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อต้าฉินเป็นอย่างมาก จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเลย หากพวกเขาเป็นรัฐมนตรี”
สิ่งนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวหรานรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนเหล่านี้ไม่ได้มาจากสถาบัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “รัฐมนตรีหลี่ คุณไม่ประทับใจใครในสถาบันเลยหรือไง?”
หลี่ซือรู้ว่าเมิ่งฮ่าวหรานพยายามจะสื่ออะไร เขาจึงพูดเสริมไปว่า “ ทั้ง เป่ยเว่ย ลู่ซวินซือ และหม่าผูจ้งก็ใช้ได้ทีเดียวเลย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวหรานก็ยิ้มและพยักหน้าให้กับหลี่ซืออย่างสุภาพ
เมื่อได้ยินว่าพวกเขาเหล่านี้ต่างเป็นผู้ชายทั้งหมด หลี่มู่ชิงและซางกวนหว่านเอ่อร์ต่างก็ถอนหายใจ ถึงแม้ว่าจ้าวฝูจะมองว่าชายและหญิงนั้นเท่าเทียมกัน แต่ดูเหมือนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาต่างก็มองว่าชายนั้นสูงส่งกว่าหญิง ท้ายที่สุดแล้วผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่โดยกำเนิด ส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างหัวโบราณและมองว่าชายนั้นเหนือกว่าหญิง
เป้าหมายของพวกเขาคือการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ หลี่มู่ชิงจึงก้าวออกไปข้างหน้าและพูดว่า
“ฝ่าบาท จากที่ข้าเห็นอวี๋ซือหยา จางซุนจู และเป่ยหรงก็ค่อนข้างดีเช่นกันและพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครในหมู่ชายเหล่านั้นเลย โดยเฉพาะอวี๋ซือหยา ผู้ที่เขียนบทกวี “ลำห้วยหิมะ” หญิงสาวเหล่านี้ สามารถเรียนรู้ได้อย่างเหลือเชื่อและยังเหนือกว่านักวิชาการทั่วไปอีกมากด้วย!”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้หลี่ซือและเมิ่งฮ่าวหรานรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ซางหยางนั้นได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ
หลังจากนั้น ก็เริ่มมีคนแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมามากขึ้น จ้าวฝูจึงเริ่มพูดถึงกลุ่มต่างๆ ที่กำลังจะเริ่มในต้าฉิน
อู่เจ๋อเทียนมองไปที่จ้าวฝูด้วยสายตาแทะโลม ราวกับจะกระชากวิญญาณของเขาออกมา แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นที่โจ่งแจ้งใดๆ ออกมา
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในยามกลางวันและยามกลางคืน
อู่เจ๋อเทียนจึงเริ่มเกิดความลุ่มหลงมากขึ้นกว่าเดิม เธอไม่เรียกจ้าวฝูด้วยชื่อของเขาอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเรียกเขาว่าฝ่าบาทหรือพระสวามี และเธอก็ได้มอบทั้งใจและกายให้แก่เขา
อู่เจ๋อเทียนหันหน้าไปหาจ้าวฝูและจ้องมองไปที่เขา พร้อมกับยิ้มและพูดออกไปว่า “ทุกคน ไม่จำเป็นจะต้องทะเลาะกันเช่นนี้เลย เมื่อผลออกมาเราก็จะได้รู้กัน”
นี่เป็นความจริง – ความสามารถเป็นสิ่งหนึ่งที่คอยกำหนดทุกอย่าง มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการแบ่งแยกระหว่างผู้ที่มีอำนาจ และมันก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน สิ่งนี้ได้รับการบริหารจัดการเป็นอย่างดี เพื่อรักษาดุลอำนาจเอาไว้
เวลาค่อยๆ ผ่านไป หลังจากนั้นไม่นานผลของการทดสอบก็ได้สรุปออกมา เอกสารการสอบทั้งหมดถูกรวบรวมและส่งมอบให้กับรัฐมนตรีหลายคนอ่าน และเอกสารที่ดีที่สุดจะถูกนำไปให้ผู้ที่มียศสูงขึ้นไป
จ้าวฝูอ่านเอกสารเหล่านั้นแค่บางส่วน เนื่องจากการสอบนี้เป็นเรื่องของการบริหารการเมืองการปกครอง ซึ่งจ้าวฝูนั้น รู้เรื่องเหล่านี้เพียงเล็กน้อย
ในส่วนของการทดสอบเกี่ยวกับการต่อสู้นั้นง่ายกว่าและรุนแรงกว่า การต่อสู้ได้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผู้ที่เหนือกว่าผู้อื่นจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากกองทัพ และจะถูกเลือกจากผู้บัญชาการและนายพลอย่างไป๋ฉี หวังเจี้ยน เหว่ยเหลียว ไป๋ซีฮั่น ซุนหานเซียง เป็นต้น
การทดสอบการต่อสู้คือการเลือกผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้สูง และสามารถต่อสู้ได้อย่างเด็ดเดี่ยว เนื่องจากอาชีพพิเศษบางอาชีพมีโบนัสพิเศษ ทุกคนจึงได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเป็นอาชีพเดียวกัน เพื่อความเป็นธรรม ทุกคนจึงใช้ได้เฉพาะความสามารถของตัวเองเท่านั้น
จ้าวฝูนั้นก็ได้รับชมการต่อสู้ในหลายๆ รอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บสาหัสหรือบาดเจ็บถึงตาย อาวุธที่ใช้ส่วนใหญ่จึงทำด้วยไม้ เนื่องจากพวกเขายังสามารถใช้พลังแฝงได้ อาวุธไม้เหล่านี้จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุธจริงเลย ดังนั้นจึงต้องเตรียมยาไว้มากมาย
การได้ดูการต่อสู้เหล่านี้นั้นน่าสนใจกว่าการดูการทดสอบเรื่องการเมืองการปกครอง อย่างไรก็ตาม การทดสอบนี้มีผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชายมาก
สำหรับการทดสอบเรื่องการเมืองการปกครองนั้น 60% ของผู้เข้าร่วมเป็นผู้ชายและ 40% เป็นผู้หญิง แต่สำหรับการทดสอบการต่อสู้ 90% ของผู้เข้าร่วมเป็นผู้ชายและมีเพียง 10% เท่านั้นที่เป็นผู้หญิง
ในเรื่องของการต่อสู้นั้น ผู้หญิงย่อมเสียเปรียบกว่าผู้ชายโดยธรรมชาติและผู้หญิงธรรมดาส่วนใหญ่จะไม่สามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ป่าเถื่อนของผู้ชายได้
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่กล้าเข้าร่วมการทดสอบนี้ก็มีพลังมหาศาลไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นพวกเอาท์แลนเดอร์หรือพวกที่มาจากเผ่าพันธุ์ที่ล่มสลายในยุคโบราณ พวกนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งและดุร้ายป่าเถื่อนโดยกำเนิด
ในวันที่สาม หลังจากการทดสอบต่างๆ พวกเขาได้เลือกผู้ที่มีความสามารถมากมายและผู้ที่มีผลงานมากที่สุดในการทดสอบการเมืองการปกครองคืออวี๋ซือหยา หนึ่งในผู้หญิงที่หลี่มู่ชิงได้ให้การรับรอง
ผู้ชนะในการทดสอบการต่อสู้คือคนที่มาจากเมืองหยินหยางนามหลิวเซี่ยว ด้วยความสามารถในการควบคุมน้ำแข็งและไฟ เขาจึงสามารถคว้าที่หนึ่งมาได้ด้วยความยากลำบาก การต่อสู้ในการทดสอบนั้นค่อนข้างรุนแรง ผู้ที่มีสายเลือดระดับสูงหรือมีพลังแฝงระดับสูงมักจะได้เปรียบ
จ้าวฝูได้พบกับผู้ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในการสอบของจักรพรรดิเป็นการส่วนตัว และได้จัดงานเลี้ยงสำหรับพวกเขาเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของพวกเขา
เรื่องต่อไปคือเรื่องของจักรพรรดินี ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือหนู่ลู่ เธอเป็นลูกหลานของหนู่วา และยังเป็นผู้เล่นอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังสุภาพอ่อนโยน นั่นทำให้เธอเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มาก
ก่อนหน้านี้ถัวป้าชิงก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ตัวตนของเธอเป็นคนที่มาจากเผ่าต้นกำเนิด จ้าวฝูจึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก น่าเสียดายที่ต้องจากเธอไป ดังนั้นเธอจึงไม่อยู่ในตัวเลือก