The rise of the white lotus - ตอนที่ 136 นายคิดว่านายเป็นใครกัน?
ตอนที่ 136 นายคิดว่านายเป็นใครกัน?
การจู่โจมอย่างกะทันหันทําให้มอริสหลิวเสียการทรงตัว ซึ่งทําให้เขาเซถอยหลังก่อนที่เขาจะสะดุดล้มลงกับพื้นคอนกรีต ชั่วขณะสิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงแฟลตไลน์ดังขึ้นในหัวของเขาและความเจ็บปวดที่รุนแรงก็แล่นเข้ามาในจิตใจของเขา
อีธานลู่คลายเนคไทด์ของเขาอย่างลวก ๆ เขาขบฟันแน่นขณะที่มือของเขายังคงกําเป็นกําปั้น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเขา ตาของเขาคมกริบดอันตราย ในขณะที่เขามองลงไปที่เพื่อน
แม้ว่าเขาจะชกเพื่อนของเขาไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ดับความโกรธของเขาได้เลย ไม่เลยสักนิด
” มอริสหลิว! ” อีธานลู่เรียกชื่อของเขาด้วยฟันที่กัดแน่น
พระเจ้ารู้ดีว่าอีธานนั้นขับรถเร็วแค่ไหนเพื่อให้มาถึงที่นี่เร็วกว่าเดิม แทนที่จะใช้ความเร็วปกติของเขา เขารู้ว่ามอริสหลิวจะปฏิเสธที่จะรอแน่นอน โชคดีที่ตอนที่อีธานมาาถึงก่อนที่มอริสจะกลับออกไป
“นายน้อย !!” ผู้ช่วยของมอริสตื่นตระหนกตกใจ และก้มลงทันที่เพื่อตรวจสอบเจ้านายของเขา
จากนั้นเขาก็รีบเลื่อนมือเข้าไปในแจ็คเก็ตสูทเพื่อรับโทรศัพท์ หลังจากทําเช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาสักวินาทีและโทรออกเพื่อโทรเรียกรถพยาบาล อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้ช่วยเขาจะกดปุ่มสีเขียวโทรออก มอริสก็จับแขนไว้เพื่อหยุดเขา
“นายน้อย…”
มอริสหลิวไม่ตอบสนองต่อผู้ช่วยของเขา ในขณะที่เขาเช็ดเลือดที่มุมปากที่แตกด้วยนิ้วหัวแม่มือ แน่นอนว่า อีธานลู่ทาให้เขาทําได้ดีจริง ๆ ด้วยหมัดนั้นทําให้เขามึนงงไปถึงหนึ่งนาที
เมื่อมองขึ้นไปสบกับดวงตาที่ร้อนแรงคู่นั้น การจ้องมองที่เย็นชาของมอริสหลิวกลายเป็นน้ําแข็งและบรรยากาศรอบตัวของเขาลดลงเป็นศูนย์องศา ในทางกลับกัน บรรยากาศของอีธานนั้นแผดเผาไปด้วยเปลวไฟที่อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งสามารถเผาผลาญได้ทุกอย่าง
หากมีใครไม่ระมัดระวังเพียงพอและบังเอิญล่วงล้ําเข้าไปในเขตของพวกเขา พวกเขาอาจจมอยู่ท่ามกลางอากาศที่เย็นยะเยือกและร้อนแรงนี้ได้
จากนั้นคริสหยูก็ออกมาจากอาคารอย่างไม่พอใจ ในขณะที่เกาหลังท้ายทอยด้วยความหงุดหงิด ปกติเขาไม่ตามมอริสหลิวหลางจากที่เดินออกไปแล้วหรอก เพราะเขาก็เป็นแบบนั้นเสมอ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง เท้าของเขาก็ลากเขาออกมาข้างนอกจนได้
“หมอนั่น…หมอนั่นต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าพี่มอริสเกลียดการเสียเวลาแค่ไหน เราแค่ไปหา เขาที่ทํางานก็จบ – ทําไมต้องจัดการประชุมทางการ ถ้าเขาจะมาสายซะเอง ให้ตายสิ!” คริสหยูบ่น
“นายน้อยต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แวครับ” เบื้องหลังคริสหยูคือท่าทางประกอบของลริคเจียง เขารู้ดีว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้านายของเขาได้ และไม่สามารถหยุดมอริสหลิวได้ด้วยด้วยเหตุนี้ลิริคจึงตัดสินใจรอเจ้านายหนุ่มของเขามาถึงและรายงานว่าเขาล้มเหลวในการรั้งมอริสหลิว
วินาทีต่อมา สิ่งที่ต้อนรับพวกเขาจากด้านนอกคือฉากที่น่าเหลือเชื่อ ชายทั้งสองจ้องมองกัน จากมอริสหลิวที่ค่อยๆยืนขึ้นจากพื้น ไปยังอีธานลู่ที่ยังคงอยู่ในตําแหน่งของเขา พวกเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เมื่อรู้ตัว กรามของคริสหยูและลิริคเจียงก็แทบจะหล่นลงไปที่พื้น พวกเขาสรุปได้ว่าอีธานลู่ทําร้ายมอริสใช่หรือไม่? พวกเขาทะเลาะกันใช่ไหม? ไม่มีทางที่เขาจะทําอย่างนั้นใช่หรือเปล่า? แล้วทําไมดูเหมือนว่า เขาทําสิ่งที่อยู่ในความคิดของพวกเขากันล่ะ!
“โอ้พระแม่มารี” คริสหยูพึมพําด้วยความไม่เชื่อสายตา ในขณะที่เขาไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาได้
ลิริคเจียง “…”
เมื่อมอริสหลิวลุกขึ้นยืนได้สําเร็จเขาก็กระอักเลือดออกมาที่ปากของเขา ก่อนที่เขาจะจ้องมองอย่างเย็นชากลับไปที่อีธานลู่ “หยุดทําไม”
“ฉันมาที่นี่เพื่อปลุกความรู้สึกบางอย่างในตัวนาย ไม่ใช่เพื่อฆ่านาย “
“หึ…งั้นนายอยากเจอฉันเพื่อ ปลุกความรู้สึกบางอย่างในตัวฉัน?” มอริสเน้นคําว่า ปลุก จากนั้นเขาก็สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและคว้าซองบางที่บรรจุบุหรี่ เขาคบกันบุหรี่ไว้ระหว่างริมฝีปากของเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ และจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็คจากกระเป๋ากางเกง มอริสก็พ่นควันที่ลอยไปในอากาศ เขาว่าต่อ
” แล้วทําไมล่ะ นายคิดว่านายเป็นใครกัน? “
“เหอะ ” อีธานลู่เย้ยหยันขณะที่เขามองชายตรงหน้าด้วยความดูถูก
“มอริส ฉันไม่สนใจว่านายจะมีเรื่องอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของนายไม่ใช่ของฉัน แต่นายนอนหลับอย่างสบายในตอนกลางคืนได้ยังไง? เมื่อรู้ว่าตัวนายกําลังเหยียบย่าชีวิตของคนอื่นอยู่ ทําให้พวกเขาสิ้นหวังและทําราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายคิดว่านายเป็นใครกัน?!”
“แล้วยังไง? นายจะใช้ความรุนแรงเพื่อพวกเขา? ตลกดีนะ ” มอริสหลิวยิ้มเยาะขณะที่เขาส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความผิดหวัง ก่อนจะสูบบุหรี่อีกครั้งและเป่ามันไปในอากาศ
เขาไม่จําเป็นต้องถามว่าคนตรงหน้าหมายถึงใคร เนื่องจากอีธานลู่ไปไหนมาไหนกับเล็กซีและมักถูกพบเห็นในคฤหาสน์หยาง เขารู้ได้อย่างไรน่ะเหรอ? เขาจับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด … ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
“เพราะพวกเขาเหรอ? เฮอะ อาจจะใช่… แต่สาเหตุหลักที่ฉันหันมาใช้สิ่งนี้คือฉันเป็นเพื่อนของนาย” ที่จริงแล้วแม้ว่าอีธานสู่จะถูกกระตุ้นหลังจากได้ยินความกังวลของพ่อแม่หยางและสิ่งที่เล็กซี่ต้องเผชิญ แต่สิ่งที่ทําให้เขาโกรธมากคือความจริงที่ว่าเพื่อนของเขาเป็นต้นเหตุของมัน
เขาชื่นชมและมองขึ้นไปที่มอริสเสมอ และเขาเป็นคนสําคัญอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีที่เขาต่อสู่กับตระกูลหลิวและเป็นผู้นําอาณาจักรหลิวตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างไรก็ตาม อีธานไม่ชอบวิธีการจัดการกับเล็กซี่ของเขา
มันยังคงเป็นปริศนาสําหรับอีธานลู่ ทําไมเพื่อนเขาไม่เลิกกับเล็กซี่หลังจากที่เขาพบผู้หญิงที่เขารักแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจมัน ในขณะที่เขาถือว่ามันมีความสําคัญเป็นศูนย์และต้องขอบคุณเขาแทน เพราะมันทําให้เขามีโอกาสที่จะอยู่กับเล็ก
ถึงกระนั้นหลังจากทุกสิ่งที่เขาได้ยินและคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีธานลู่ก็เหลือแต่เครื่องหมายคําถามขนาดใหญ่บนหัวของเขา ทําไมกัน? โดยไม่คํานึงถึงเหตุผลของเขา นี่ไม่ใช่คนแบบที่อีธานลู่ต้องการเป็นเพื่อน เหยียบย่ำใครบางคนเพียงเพื่อให้ไปอยู่ในจุดสูงสุด
” แล้ว ตอนนี้นายกําลังบอกว่าเพราะเป็นฉัน? ฉันควรจะขอบคุณนายแทนดีหรือไม่?” มอริสอยู่บนฟางเส้นสุดท้ายของความอดทน ในขณะที่เขาเหยียดหยาม
“ใช่ นายนั้นแหละที่ต้องขอบคุณฉัน!” เมื่อย้อนกลับไปถึงคําพูดถากถางของเขา อีธานลู่เริ่มก้าวเข้ามาหา เรื่อยๆ ขณะที่มอริสยังไม่ได้ทําอะไร แต่เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ลิริคเลี้ยงก็จับที่เอวของเขาไว้ แล้วคริสหยูก็เข้ามาขวางระหว่างพวกเขาที่เผชิญหน้ากัน ซึ่งดูเหมือนว่าเขาก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ด้วย
“นายสองคนกําลังทําอะไรกันอยู่เนี่ย?!” คริสหยูร้องเสียงหลงขณะจ้องมองมอริสหลิวก่อนที่เขาจะหันหน้าไปทางอีธาน
“นายน้อย นายน้อย ได้โปรดหยุดเถอะ!” ลิริคท่าลายภาพลักษณ์ของเขาในขณะที่เขาตื่นตระหนกและพยายามที่จะหยุดการก้าวเดินของอีธาน
“ปล่อยฉัน ! ฉันจะทุบตีหมอนั้นให้เจ็บซะบ้าง จนกว่าเขาจะรู้จักคําว่าเหมาะสม” อีธานลู่ยังดึงผู้ช่วยของเขาออกอย่างรุนแรง ลิริคก็ยิ่งก่ามือแน่นขึ้น
“ความเหมาะสม? ปล่อยเขามา แล้วฉันจะแสดงให้เห็นว่าอะไรกันแน่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง” ดวงตาของมอริสหลิวคมขึ้นขณะที่เขากัดฟันแน่น
“โว้ว โว้ว พี่น้อง ใจเย็นกันก่อน นี่มันอะไรกัน!” เมื่อเห็นว่าความผ่อนปรนของมอริสหมดลง คริสหยูก็ยืนอยู่ตรงหน้ามอริสพร้อมกับยกมือขึ้นครึ่งหนึ่ง เขาไม่ต้องการให้สิ่งนี้หลุดมือไปกว่าที่เป็นอยู่แล้ว
” นายน้อยโปรดใจเย็นๆก่อน !” ลิริคเจียงอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง
“พี่มอริส ได้โปรด…” น้ําเสียงของคริสหยูดูเคร่งขรึมขณะที่เขาจับจ้องไปที่มอริสหลิว เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้หลุดการควบคุมตนเองแบบนี้มาก่อน มันง่ายที่จะหยุดเขามากกว่าที่จะหยุดอีธานลู่
มอริสหลิวจ้องตาของคริสหยูครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเย้ยหยันอย่างดูถูก เขาจะเหลือบมองไปผู้ช่วยของเขา “ไปกันเถอะ” จากนั้นเขาก็เดินไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ด้านข้างและเดินเข้าไปข้างในอย่างไร้คําพูด
เมื่อรถของมอริสหลิวเร่งออกไป ลิริคก็ยอมปล่อยเจ้านายของเขา
“เชอะ จะหยิ่งไปถึงไหนวะ! “อีธานลู่เดาะลิ้นของเขาขณะปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าที่ยับย่น