The rise of the white lotus - ตอนที่ 46 พี่ใหญ่…เพื่อน…ไอ้อีธานลู่!
ตอนที่46 พี่ใหญ่…เพื่อน…ไอ้อีธานลู่!
หลังจากลูบเบา ๆ สองสามครั้ง อีธานลู่ก็ถอนมือออกจากเธอและยิ้มอย่างอ่อนโยน ในทางกลับกัน เล็กซี่รู้สึกตะลึงกับความอ่อนโยนอย่างกะทันหันของเขา คิ้วขมวดมุ่นเข้าด้วยกันเธอถามกลับ
” ขอโทษอะไร? “
“ สำหรับการเป็นคนนิสัยแย่ที่แกล้งคุณ และล้ำเส้นจนมาถึงตอนนี้ ” เมื่อได้ยินเรื่องราวของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ประดิษฐ์คำพูดของเธอ และยอมรับอย่างเต็มอกในสิ่งที่คนอื่นชี้ว่าผิด แต่ว่าจากเหตุการณืเหล่านี้ อีธานลู่ก็เข้าใจว่าเล็กซี่เป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังและมีศักดิ์ศรี เธอไม่เพียงแต่ปกป้องความสบายใจของตัวเอง แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นว่า เธอภักดีต่อมอริสหลิวเพียงใด
หากสิ่งที่เขาทำกับเธอก่อนหน้านี้เป็นการกระทำเดียวกันกับที่ผู้ชายเหล่านั้นทำกับเธอนั่นหมายความว่าเขาทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ในมุมมองของเขา เล็กซี่คงต้องดิ้นรนที่จะไม่ตอบโต้อย่างก้าวร้าวแบบที่เธอเคยทำในอดีต ถึงกระนั้นก็ไม่มีข้อแก้ตัวที่ว่าเขาจะไม่ชดใช้เธอ
แม้ว่าอีธานจะเป็นคาสโนว่าที่มีรายชื่อคนออกเดทด้วยเยอะกว่ารายชื่ออาชญากรที่รัฐบาลต้องการ แต่เขาก็ได้รับความยินยอมจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเดทด้วย แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเขาที่มีต่ออดีตคู่หมั้นของเพื่อนสนิทของเขาในครั้งนี้ ทำให้เขาได้เห็นด้านที่ดีของเธอ
” นอกจากนี้สิ่งที่คุณทำกับพวกเขา และอาจเป็นสิ่งที่คุณจะพูดเตือนผมไม่ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน อย่างไรก็ตามมันสมเหตุสมผลและเข้าใจได้ ” เขาบอกเพิ่มอย่างจริงจัง
เล็กซี่ตกตะลึงเมื่อได้ยินเขายอมรับผิดด้วยความเข้าใจอย่างเต็มที่ในครั้งนี้ และเข้าใจการกระทำที่ ‘ไม่ถูกต้อง’ ที่เธอเคยทำในอดีต นอกเหนือจากพ่อแม่ของเธอแล้ว ไม่มีใครเข้าใจนิสัยของเธอเพราะพวกเขาเอาแต่ตำหนิความไร้เหตุผลของเธอที่ไล่ตามคนๆนึง และมีบุคลิกเอาแต่ใจ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรหรือจะตอบสนองอย่างไรต่อคำพูดของอีธาน
อนิจจา สิ่งที่ชัดเจนสำหรับเธอก็คือผู้ชายคนนี้ที่ดูเหมือนคนอวดดีที่เปลี่ยนคนรักเร็วกว่าตอนที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เธอเข้าใจเขาผิดด้วยหรือ? ท้ายที่สุดชื่อเสียงของเขาจากประวัติการออกเดทที่ยุ่งเหยิงกับอดีตอันหยิ่งผยองของเธอก็คือเรื่องจริง
“หยุดพูดคำน่าอายแบบนี้ – มันน่าอึดอัด” เล็กซี่จ้องมองลงมาด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับสถานการณ์ตรงหน้า
‘ ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นตรงๆได้กัน? ‘
” ฟุ–!” เมื่อเห็นเธอแสดงท่าทีสติหลุดลอยกับใบหน้าที่เย็นชาและภาคภูมิใจตามปกติของเธอ มันส่งแรงกระเพื่อมของอารมณ์ภายในตัวเขาถึงขนาดที่ว่ามันรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา
เสียงหลุดขำของเขากลายเป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่เกือบจะทำให้มุมตาของเขาหยีขึ้น ด้วยเหตุผลบางอย่างเล็กซี่น่ารักจริงๆ ทุกครั้งที่เธอทำแบบนี้ เมื่อเธอถูกชื่นชม เบื่อหน่าย สีหน้าอันภาคภูมิใจของเธอ โดยรวมแล้วอีธานเต็มใจที่จะเป็นเพื่อนกับเธอมากกว่าและอาจจะปกป้องเธอด้วยหากจำเป็น
“ คุณแปลกมากจริงๆ ” เล็กซี่มองเขาด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม ขณะที่เขาหัวเราะให้กับเนื้อหาในใจ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่พบความไม่พอใจใด ๆ และตอบสนองด้วยภาพรวมที่ซื่อสัตย์ของเธอจากนิสัยเท่านั้น
แน่นอนโดยที่เล็กซี่ไม่รู้ตัว ประตูที่ถูกล่ามโซ่ปกป้องหัวใจของเธอซึ่งทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถเข้าไปได้นั้น ก็ถูกเลื่อยด้วยเลื่อยไฟฟ้า
“ขอโทษ ขอโทษ แต่คุณจะชินกับมันในอนาคตนะ เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่” อีธานกล่าวขณะเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมา
“ใครจะอยากเป็นเพื่อนของคุณกัน? คนแปลกแบบนี้ ฉันไม่นับหรอก” ตามปกติของเล็กซี่ที่จะตอบโต้กลับ อนิจจา มันไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือไม่สบายใจแบบเดียวกับที่เธอเคยพบเขาครั้งแรก หากสิ่งที่เธอรู้สึกตอนนี้คงคือความผ่อนคลาย ความสบายใจแบบของเพื่อนเช่นเดียวกับชูรู
” ไอหยา ~ เธอไม่อนุมัติเหรอ แต่ไม่ต้องห่วงฉันจะเป็นพี่ใหญ่ที่ดีให้เอง” อีธานขยิบตาขณะที่เขาเดาะลิ้นของเขา ลืมไปว่าก่อนหน้านี้เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
“ว้าว ประธานลู่ ฉันพูดไม่ออกเลยจริงๆ” เล็กซี่ส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มอ่อน ๆ ที่มุมริมฝีปากขณะที่เธอกลอกตาอย่างเอือมระอา
การหยอกเย้าของพวกเขาดำเนินต่อไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่อีธานลู่จะรู้สึกเวียนหัวอีกครั้งและถูกเธอบังคับให้พักผ่อนไป
“ อย่าดื้อ ปล่อยให้ฉันมีวันที่สงบสุขบ้างได้ไหม?” เล็กซี่เตือนสติคนลวงโลก
“ ขอรับคุณหนู…ตามที่คุณต้องการ” อีธานหันไปอีกด้าน เล็กซี่มองไปที่ด้านหลังของเขาก่อนที่เธอจะหรี่ตาอย่างสงสัย แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะออกไปเพราะเธออยู่ค่อนข้างนานแล้ว เธอมองกลับมาที่เขาเป็นครั้งสุดท้าย เล็กซี่ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะจากไปจริงๆ
เมื่ออีธานได้ยินเสียงประตูปิดลงเบา ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นด้วยสายตาที่ซับซ้อน เขาพึมพำด้วยความไม่พอใจ
“ พี่ใหญ่…เพื่อน…ไอ้อีธานลู่! ฉันอาจจะเสียสติไปแล้วแน่ๆ” แม้ว่าเขาจะไม่เสียใจที่ยื่นข้อเสนอนี้กับเล็กซี่ หรือบังคับให้เธอเป็นเพื่อนของเขา แต่การกระทำและคำพูดของเขาก็ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นการได้คุยกับเธอในเวลาสั้น ๆ แสดงให้เห็นว่าทุกการกระทำของเธอ เธอมักจะมีมอริสหลิวอยู่ในใจซึ่งทำให้เขาอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
” เฮ้อ น่าเสียดาย ” เขาเอ่ยก่อนที่จะยักไหล่และตัดสินใจหลับพักผ่อน