The rise of the white lotus - ตอนที่135 เธอน่าทึ่งมากพี่ไม่คิดเหมือนกันเหรอ?
ตอนที่135 เธอน่าทึ่งมากพี่ไม่คิดเหมือนกันเหรอ?
[ ณ อีเลฟเว่น เลาทจ์ บาร์ ]
ภายในห้องวีไอพที่กว้างขวางและหรูหรา มอริสหลิวรินไวน์ชั้นเลิศ ขณะที่เอามือซ้ายไว้ในกระเป๋ากางเกง
แม้จะมีแสงไฟสลัวรอบ ๆ เลานจ์ส่วนตัว และชายคนนี้ไม่ได้มีสีหน้าเย็นชา แต่มันก็กลับเพิ่มเสน่ห์ให้เขา ราวกับชายลึกลับล่อลวงให้ใครบางคนอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ในใจของเขากันแน่
เหนือสิ่งอื่นใดมีเพียงคนที่ตาบอดเท่านั้น ที่จะไม่รู้สึกตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ได้รับการแกะสลักอย่างสมบูรณ์แบบราวกับว่าพระเจ้าใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพื่อหล่อหลอมใบหน้าของเขา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เล็กซี่เคยตกหลุมรักเขาอย่างหัวปักหัวป่าในอดีต เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ อาชีพ ความสําเร็จ สถานะและตัวเลขในบัญชีธนาคารของเขา สิ่งเหล่านี้เพียงอย่างเดียวก็อาจทําให้ผู้หญิงทุกคนพร้อมจะโยนตัวเองให้ผู้ชายคนนี้
“มันแปลกนะ…พี่มอร์ส ที่พี่มาถึงก่อนเวลาได้” คริสหันหน้าไปทางบาร์ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของห้องที่มอร์สหลิวยืนอยู่ คริสเอียงศีรษะไปด้านข้างด้วยสีหน้าสงสัย
เมื่อมองย้อนกลับไป มอร์สหลิวมักจะมาถึงที่ประชุมก่อนเวลาที่ตกลงกันแค่หนึ่งนาที่ ไม่ว่าคริสหยูจะนึกย้อนในความทรงจําของเขามากแค่ไหน ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่มอร์สหลิวมาถึงก่อนหน้าถึงสิบนาที! ดังนั้นคนสอดรู้สอดเห็นคริสหยูจึงกลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่คริสหยูพูดประโยคของเขาแล้ว แก้วไวน์ที่ถูกเติมเต็มไปแล้วครั้งหนึ่งก็ชะงักพลัน มอริสหลิวหยุดตัวเองไม่ให้รินไวน์ต่อ จากนั้นก็วางไม้ก๊อกลงบนปากขวดไวน์
มอริสหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและเดินไปที่โซฟาตัวยาว ซึ่งเขาก็ไม่สนใจคําพูดที่ชัดเจนของคริสหยู
ท่าทางของเขาทุกย่างก้าวและแม้แต่วิธีที่เขานั่งก็มีความสง่างาม ราวกับว่าเขามาจากครอบครัวชนชั้นสูง เพราะด้วยความสง่างามตามธรรมชาติของเขาเอง
เมื่อมอริสหลิวนั่งอยู่ที่มุมโซฟา เขาเอนหลังและไขว่ห้างพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ ในที่สุดเขาก็พูด
“ทําไมนายถึงอยู่ที่นี่?” เมื่อหมุนไวน์เบาๆ มอริสเงยหน้าขึ้นมองไปทางซ้ายซึ่งคริสหยูนั่งอยู่
“เอ่อ คนคลั่งรักนั่นถามว่าฉันมาดื่มด้วยกันหรือเปล่า?” คริสหยูยักไหล่ตอบอย่างตรงไปตรงมาถึงเหตุผลของมีอยู่ของเขา
อันที่จริงคืนที่ผ่านมา ในที่สุดเขาก็ได้รับการติดต่อจากเพื่อนของเขา หลังจากที่อีธานหายเงียบไปเกือบเดือน และบอกให้เขามาพบที่นี่เพราะมีบางอย่างที่สําคัญ
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถลืมครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่กับอีธานลู่ได้ ในขณะที่พวกเขาคุยกันเกี่ยวกับความรู้สึกที่แท้จริงของเพื่อนของเขาที่มีต่อหญิงสาวปริศนาที่อีธานพูดถึง ดังนั้นคริสหยูจึงตกลงโดยไม่ลังเลที่จะมาเห็นความมุ่งมั่นของเพื่อน ใครสนใจเรื่องสําคัญน่าเบื่อที่เขาอยากคุยกัน
“รัก…” มอริสหลิวเอ่ยกระซิบที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็จิบไวน์จากแก้วของเขา แต่เขาก็ยังคงมีใบหน้านิ่ง
“ฮะ? พี่มอร์สพูดอะไรรึเปล่า? ” เช่นเดียวกับคริสหยู เขาได้ยินเขากระซิบ น่าเศร้าที่มันไม่ได้ดังมากพอที่เขาจะเข้าใจสิ่งที่พูด
หลังจากเงียบไปสักพักและมันก็ดูสิ้นหวังสําหรับมอร์สหลิว โดยอยากให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาคริสหยูเลยเยาะเย้ยเสียงดัง
“ฮ่าฮ่า! เจ้าโง่นั้นเขาตกหลุมรัก ‘เพื่อน’ ของเขาจริงๆ ฮ่าฮ่า! กรรมตามทันเร็วจริงๆ!”
แน่นอนว่าเขาใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าอีธานลู่ยังไม่มาถึง เพราะเขาไม่มีโอกาศได้เยาะเย้ยมากพอในเดือนที่ผ่านมา นี่ถือเป็นโอกาศ
“เขาออกไปตามหาจิตวิญญาณ…อาจเป็นเพราะเขารู้ว่าไม่มีโอกาสสําหรับเขาแล้วน่ะสิ!” คริสหยูพูดคําพูดของเขา จนต้องมาคิดอีกทีว่าเป็นเพื่อนกับอีธานจริงๆหรือเปล่า
ไม่มีใครว่าเขาได้หรอก อีธานก็เคยเยาะเย้ยเขาในอดีตตอนที่เขายังจมอยู่กับความรัก เขาเสียเวลาไปหลายปีในชีวิตเลยล่ะ
“ฉันต้องบอกว่าฉันรู้สึกถึงมาก ใครเป็นผู้หญิงที่ทําให้ผู้ชายคนนั้นตกหลุมรักกันนะ ฉันต้องขอบคุณเธอซะแล้ว!” คริสหยูส่งเสียงเชียร์มากขึ้นขณะที่เขาโยกไปมาด้วยความยินดีและรินวิสกี้ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว
“เธอน่าทึ่งมาก พี่ไม่คิดเหมือนกันเหรอ” ในขณะที่คริสหยูกําลังหัวเราะอยู่ มอริสหลิวก็พึมพํา มันไม่ดัง แต่ก็เพียงพอที่จะไปถึงหูของคริสยู
“เธอคือ ฮ่าฮ่าฮ่า – ฮะ?” คริสหยูหัวเราะอย่างเต็มที่ แต่เขาก็หยุดกลางคันและหันหน้าไปทางมอร์สหลิวเขากระพริบตาหลายครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
โดยปกติมอร์สหลิวจะทําตัวเงียบเวลาออกไปเที่ยวกลางคืนกับพวกเขา และเป็นคนแรกที่กลับ หลังจากทนกับพวกเขาได้เป็นเวลา 15 นาที อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งแบ่งปันความคิดเห็นกับเขาใช่หรือไม่? หรือว่านี่เป็นจินตนาการของคริสหยูกัน?
“การที่ทําให้อีธานชอบได้ ผู้หญิงคนนั้นก็น่าชื่นชม” มอริสหลิวอธิบายโดยไม่สนใจการจ้องมองอย่างงุนงงของคริสหยู
“ว้าวพี่มอริส! พี่ให้ความสําคัญกับชีวิตรักที่ยุ่งเหยิงของอีธานจริงหรือ?” คริสหยูตกใจกับข้อสรุปของเขาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันไม่ได้สนใจ…” มอริสตอบด้วยน้ําเสียงเรียบเฉยของเขา ก่อนจะกระดกเหล้าชั้นดี คริสหยูไม่ได้ใส่ใจกับปริมาณการดื่มที่ผิดปกติของมอร์ส ในขณะที่เขาก็ดื่มวิสกี้เช่นกัน
“… ไม่จนถึงตอนนี้” มอริสหลิวเอ่ยเสียงต่ําขณะที่จ้องลงไปที่แก้ว
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะเบา ๆ จากด้านนอกของประตูซึ่งดึงดูดความสนใจของทั้งสองคน จากนั้นมันก็เปิดออกในภายหลัง เป็นลิริคเลี้ยงที่มีทรงผมปาดข้างที่จัดแต่งทรงอย่างเรียบร้อยปรากฏขึ้น เขาเดินตรงไปที่มอริสหลิวและก้มศีรษะลงอย่างสุภาพ
“คุณหลิว นายน้อยของเราต้องขออภัยล่วงหน้าที่เขามาสายเล็กน้อย”
“สาย?” มอริสหลิวขมวดคิ้วพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือและเห็นมันหนึ่งนาทีก่อนเวลาการประชุมที่นัดไว้
“ผมขอโทษสําหรับความไม่สะดวกนี้นะครับคุณหลิว นายน้อยของเราบอกว่าคุณรอได้ -” เมื่อรู้สึกถึงออร่าที่พุ่งออกมาจากมอร์สหลิว ลิริคเจียงกลืนน้ําลายก่อนที่เขาจะรวบรวมความกล้าที่จะทําให้คําพูดของเจ้านายของเขาไม่ขวานผ่าสากจนเกินไป อย่างไรก็ตามเขาถูกขัดจังหวะก่อนที่เขาจะจบประโยค
“เขาอยากให้ฉันรอเหรอ หึ…” น้ําเสียงของมอริสหลิวไม่เปลี่ยนแปลง แต่ใครก็บอกได้ว่าเขาไม่พอใจ มอริสหลิววางแก้วไวน์ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เร่งรีบและไม่เอ่ยคําพูดใด ๆ เขาเริ่มก้าวไปยังทางออก
เขาไม่มีเวลามารอ เขามาที่นี่ก่อนเวลามากแล้ว และเขาจะไม่บ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่อีธานสู่ต้องรู้ว่าเขาเข้มงวดต่อสิ่งเหล่านี้แค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้นัดหมายเกี่ยวกับธุรกิจอย่างเป็นทางการ
เมื่อมอริสหลิวมาถึงนอกอาคาร เขากําลังที่จะขึ้นรถ อย่างไรก็ตามขณะที่ผู้ช่วยของเขาเปิดประตูเบาะหลัง และเมื่อเขากําลังจะเข้าไปนั่ง เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“พี่มอริส!”
มอริสหลิวหันหน้าไปทางแหล่งที่มาและก่อนที่เขาจะรู้ตัวหมัดอันทรงพลังก็พุ่งเข้าใส่แก้มซ้ายของเขาแล้ว