The Second Coming of Gluttony - ตอนที่ 189
บทที่ 189 – ก้าวก่าย
หลังจากจัดระเบียบความคิดเสร็จแล้ว คิมฮันนาห์ก็ได้หยิบเอาซองกระดาษออกมาจากกระเป๋า
“เอาเถอะ ลองดูแล้วกัน ฉันจะช่วยสนับสนุนนายเอง”
แน่นอนว่าเธอก็ยังไม่ลืมที่จะพูดถึงสิ่งที่เธอกังวล
“ฉันเข้าเรื่องสัญญาจ้าง กับวงเงินเบิกเกินบัญชีนะ แต่ว่านายจะต้องการเมนูในโรงอาหารของบริษัทไปทำไมกัน?”
“ฉันคิดว่าฉันจะต้องใช้น่ะ”
ซอลจีฮูที่กินไก่จดหมดกล่องแล้ว ได้รับเอาซองเอกสารมา
“พี่ชายของผมเป็นคนที่ละเอียดอ่อนที่สุดในครอบครัวแล้ว พี่อาจจะสงสัยในทุกๆเรื่อง เพราะงั้นเขาจะต้องถามคำถามยากๆกับผมแน่ ผมแทบจะรับประกันมันได้เลย”
“โอ้ งั้นหรอ?”
หลังจากฟังซอลจีฮูพูดอย่างตั้งใจแล้ว คิมฮันนาห์ก็ได้แนะนำแผน โดยบอกว่านี่เป็นวิธีที่คนในบริษัทใช้กันเป็นปกติ ซอลจีฮูได้เม้มปากขึ้นมา
“ฉันไม่รู้สิว่าฉันต้องทำถึงขนาดนั้น”
“นายบอกว่าพี่ชายนายเป็นคนละเอียดอ่อนไม่ใช่หรอ?”
“ก็ใช่ แต่ว่า….”
“”คนแบบนั้นจะไม่หยุดแค่ได้รับกระดาษข้อมูลไม่กี่แผ่นกับข้อมูลที่เตรียมเอาไว้ง่ายๆหรอกนะ นายจะต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมา มีคนจากบริษัทที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่ เพราะงั้นแค่ลองคุยกับเขาดู”
วอลจีฮูรู้สึกไม่ค่อยจะเต็มใจในตอนแรก แต่แล้วก็หยักหน้าออกมาเมื่อคิมฮันนาห์ยังยืนกราน
“ก็ได้ ฉันจะลองดู ขอบคุณมากนะ!”
“ยอดเยี่ยม เตรียมการเสร็จแล้วก็บอกฉันนะ จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็พักผ่อนซะ”
คิมฮันนาห์ได้ปัดก้นและลุกขึ้นยืน ซอลจีฮูได้แต่มองขึ้นไปอย่างไม่เข้าใจ
“เธอกำลังจะไปแล้ว?”
“ก็แน่สิ ช่วงนี้ฉันค่อนข้างจะยุ่งน่ะ?”
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?”
“ก็ใช่สิ”
คิมฮันนาห์ได้ยิ้มออกมา
“นายไม่ได้รู้เรื่องกลางเดือนกันยายนใช่ไหม?”
“กลางเดือนกันยา?”
เมื่อรับรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องไขพื้นที่เป็นกลาง เขาก็ร้องอ่อออกมา พอดูวันที่แล้ว ตอนนี้มันก็คือกลางเดือนตุลาคม
“เดือนตุลาคมแล้ว…? คราวนี้มีกี่คนล่ะ?”
“อย่าไปพูดถึงมันเลย สถานที่ที่เต็มไปด้วยพวกเด็กใหม่ มีเด็กๆทุกประเภทจะเข้ามาแข่งขันกัน เอาเถอะนะ พวกเราก็คาดหวังกับเรื่อนี้มากเพราะว่าจำนวนของชาวโลกที่ใช้งานได้เพิ่งงจะลดลงไปเมื่อหกเดือนก่อน”
คิมฮันนาห์ได้เลียริมฝีปากพร้อมยกกระเป๋าถือขึ้น
“ยังไงก็ตาม หากว่าเดือนกันยายนมันเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเดือนมีนาคมหน้าจะเป็นยังไง…”
“เดือนมีนาคมหน้า?”
“อ่อ ก็พวกนายหน้าเดือนกันยายนไม่ค่อยมีเวลาไปทำหน้าที่ก็เพราะสงครามที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันไง พวกเราได้คัดเลือกคนที่ทำได้มาแล้ว แต่ว่าเรายังได้ไม่ถึงโควต้าเลย แล้วก็เพราะเรารีบกันแบบนี้ก็เลยทำให้มาตราฐานต่ำลงอีกด้วย หรือก็คือเราจะมีเวลาอีกมากกว่าจะไปถึงเดือนมีนาคมหน้า”
เธอกำลังบอกว่ามีเวลามากขึ้นในการหาผู้คน และการมีเวลาเพิ่มขึ้นก็จะทำให้มีโอกาสได้เจอเข้ากับคนที่มีความสามารถได้อีกด้วย
“ยังไงก็ตาม องค์กรที่จะรับหน้าที่ดูแลในเดือนกลางเดือนมีนาคมของปีหน้าก็แจ็คพ็อตเลยล่ะ แค่คิดมันก็ทำให้ฉันอิจฉาขึ้นมาแล้ว”
‘แจ็คพ็อต?’
ซอลจีฮูได้เอียงหัวออกมา
“เดี๋ยวก่อนนะ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย ฉันจำได้ว่าต้องใช้คะแนนคุณูปการในการเปิดใช้งานเขตพื้นที่เป็นกลางนี่ การรับหน้าที่ดูแลมันมีผลประโยชน์อยู่งั้นหรอ?”
“โอ้ นี่นายกำลังถามแบบนี้จริงดิ!?”
คิมฮันนาห์ดูจะตกตะลึงมาก
“ก็แน่นอนสิ! หากว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยว จะมีองค์กรไหนกันที่จะยอมคายคะแนนคุณูปการที่หาได้ยากออกมา”
“แล้วพวกเขาจะได้อะไรเป็นโบนัสเล็กๆกันล่ะ?”
“โบนัสเล็กๆงั้นหรอ? คิดให้กว้างหน่อยสิ เหตุผลที่ว่าทำไมทุกๆคนถึงได้วิ่งเต้นที่จะรับหน้าที่นั้น นอกไปจากนี้นายก็จะยิ่งเก็บคะแนนคุณูปการคืนมาได้ตามจำนวนคนเข้าร่วมที่มากขึ้นอีกด้วย”
เมื่อคิมฮันนาห์ได้เริ่มร่ายยาวถึงผลประโยชน์จากการเป็นเจ้าภาพของเขตพื้นที่เป็นกลาง หัวข้อนี้ก็ได้ดึงความสนใจของเขาไปในทันที
“แล้วเธอจะเป็นเจ้าภาพเขตพื้นที่เป็นกลางได้ยังไงกันล่ะ?”
“นายจะต้องเติมเต็มเงื่อนไขบางอย่าง แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันก็จะต้องประมูลกันที่วิหาร ทำไมล่ะ? นายสนใจงั้นหรอ?”
เมื่อซอลจีฮูได้หยักหน้ายืนยันออกมา คิมฮันนาห์ก็ยิ้มขึ้น
“น่าเสียดายนะ องค์กรที่จะรับหน้าที่ดูแลเขตพื้นที่เป็นกลางในเดือนมีนาคมได้ถูกตัดสินใจเอาไว้แล้ว แต่นั่นก็ต่อเมื่อองค์กรนั้นสนใจแหละนะ”
“โอ้ จริงหรอ? แล้วองค์กรไหนหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คิมฮันนาห์ก็จ้องไปที่ซอลจีฮู
“อืมม ใครกันนะ?”
จากนั้นเธอก็ขยิบตาให้เขา ก่อนที่จะหันหน้าไป และบอกกับเขาว่า “ลองตั้งใจคิดดูสิ”
“ฉันไปล่ะ นายไม่ต้องส่งก็ได้”
แกร๊ก เสียงประตูถูกปิดได้ดังออกมา ซอลจีฮูก็ได้แต่ใช้หลังมือเช็ดปากของเขา
‘เธอคนนี้เจริญรอยตามเทพธิดากู่ลางั้นหรอ?’
ทำไมเธอไม่พูดชัดๆออกมาเลยล่ะ?
หลังจากบ่นกับตัวเองเงียบๆแล้ว เขาก็หันกลับมาสนใจซองกระดาษที่คิมฮันนาห์เอามาให้ เธอได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดีทำให้ข้อมูลที่เขาต้องการทั้งหมดอยู่ข้างในนั้น
ซอลจีฮูได้เอนหลังพิงกำแพง จากนั้นก็ค่อยๆตรวจสอบบัตรพนักงานที่มีรูปใบหน้าของเขาแปะอยู่ จากนั้นก็หยิบเอาเมนูอาหารขึ้นมา และเริ่มจดจำมันเอาไว้
***
เขาคิดว่าคิมฮันนาห์จะใช้เวลาหลายวัน แต่ว่าเธอกลับติดต่อมาหาเขาในวันต่อมาเลย ซอลจีฮูได้ใช้เวลาอีกวันหนึ่งเพื่อเตรียมตัวเอง ก่อนที่จะติดต่อเธอกลับไป
หลังจากคุยกันซักพักแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้นัดแนะกันสำเร็จ พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะไปเจอกันที่ร้านกาแฟตรงหน้าสำนักงานใหญ่ซินยองที่อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ
กริ๋ง! ซอลจีฮูได้มาถึงก่อนเวลานัด 20 นาที เขาได้เปิดประตูออกไป และมองไปรอบๆ
ด้วยทำเลที่ตั้งนี้ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่มากมาย แต่ว่าอาจจะเพราะเลยช่วงพักเที่ยงไปแล้ว ทำให้ยังพอมีเหลือที่นั่งดีๆอยู่
‘พี่ยังมาไม่ถึงสินะ?’
บัตรพนักงานของเขาถูกห้อยเอาไว้ที่คอ และเขากำลังใส่ชุดสูทยับๆอยู่ ยิ่งบวกกับท่าทางถือกระเป๋าสีดำวางลงบนโต๊ะ มันทำให้เขาเหมือนกับพนักงานบริษัท
ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ?
กริ๋ง! ขณะที่ซอลจีฮูกำลังนั่งรอพร้อมกับแก้วกาแฟดำตรงหน้าสองแก้ว ประตูก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง
ชายรูปหล่อที่สวมชุดกันหนาวได้เดินตรงเข้ามา ซอลจีฮูได้ยืนขึ้นทันที
“พี่”
เมื่อเขายกมือขึ้นและเรียกออกไป ซอลวูซอกก็หยุดลง จากนั้นเขาก็ได้เดินตรงมาหาซอลจีฮู
“นาย…”
เมื่อเขาได้เหลือบมองชายหนุ่ม เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“สูทนั่นมันอะไรกัน?”
เมื่อซอลจีฮูเอียงหัวออกมาอย่างไม่เข้าใจ ซอลวูซอกก็ถอนหายใจยาว
“ฉันรู้นะว่านายอยู่คนเดียว แต่อย่างน้อยก็รีดเสื้อหน่อยสิ หากว่าพนักงานใหม่ที่เพิ่งทำงานแต่งตัวแบบนี้ พนักงานอาวุโสจะมองนายไม่ดีเอานะ”
“โอ้… อืม ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งน่ะ…”
ซอลจีฮูได้หัวเราะแห้งๆออกมา
ซอลวูซอกได้แค่นเสียงขึ้น จากนั้นก็ขยับแก้วกาแฟตรงหน้าไปข้างๆ ก่อนจะนั่งลง
เมื่อซอลจีฮูได้นั่งลงไปด้วยเช่นกัน ซอลวูซอกก็พูดขึ้น
“ฉันได้ยินมาเมื่อวานนี้… แต่ว่ามันจริงหรอ? นายทำงานในซินยองจริงๆดิ?”
ซอลจีฮูได้ส่งนามบัตรออกไป ซอลวูซอกได้มองมันอย่างตั้งใจ จากนั้นก็พึมพำออกมาพร้อมกับหยักหน้า
“เอาเถอะ… ยังไงนายก็จบมาจากมหาวิลัยซูยองด้วยเกรดนิยมนี่นะ…”
จากนั้นจู่ๆเขาก็ถามออกมา
“แล้วกินข้าวเที่ยงยังล่ะ?”
“กินแล้วครับ ที่โรงอาหารของบริษัท”
“กินอะไรล่ะ?”
“ซัมกเยทัง”
ในเมื่อซอลจีฮูได้รู้เมนูอาหารทั้งหมดของโรงอาหารอยู่แล้ว ทำให้เขาตอบได้โดยไม่ลังเลเลยสักนิด เมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของซอลวูซอก เขาก็แอบยิ้มขมขื่นอยู่ภายในใจ
‘ฉันว่าแล้ว’
ซอลวูซอกเป็นเหมือนกับแอ็กเนสในเวอร์ชั่นผู้ชาย มันชัดเจนว่าเขาไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยได้ง่ายๆ แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็น่าจะกำลังวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจากคำพูดของซอลจีฮูอยู่
แต่ว่าก็ไม่มีใครจะไปว่าซอลวูซอกได้ ยังไงมันก็เป็นเพราะตัวซอลจีฮูเองที่ทำให้ซอลวูซอกหมดความไว้ใจ
ซอลวูซอกได้จ้องเขม็งมาที่บัตรพนักงานของวอลจีฮู จากนั้นก็วางนามบัตรลง
“นายบอกว่านายจ่ายเงินกู้เกินบัญชีแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ครับ นี่ไง”
ซอลจีฮูได้โชว์บัญชีเงินฝากกับบัญชีธนาคารที่ถูกฝากเงินเอาไว้ทุกๆเดือนออกไป
ซอลวูซอกได้ใช้เวลาตรวจดูบัญชีอยู่สักพัก หลังจากผ่านไปหลายสิบนาที ซอลวูซอกก็ดันแว่นขึ้น
“นายจ่ายคืนไปเยอะเลยนะ”
“ผมได้ทุ่มเงินเดือนเกือบทั้งหมดไปกับการใช้นี้ เหลือไว้ก็แค่เงินส่วนน้อยที่ต้องเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน”
“เงินเดือนนายสูงกว่าที่ฉันคิดอีกนะ ไม่ใช่ว่านายเพิ่งจะเข้าซินยองปีนี้หรอกหรอ?”
“ก็คือว่า ซินยองเป็นที่ที่มีสวัสดิการให้กับพนักงานเป็นอย่างดี ผมได้เงินมาจากการทำงานล่วงเวลา ทำงานวันหยุดพิเศษ แล้วก็งานอะไรก็ได้ที่ผมทำได้ พวกเขาถึงขนาดบอกให้ผมหยุดทำงานล่วงเวลาเลยนะ ฮ่าฮ่า”
หลังจากพูดแบบนั้นไปแล้ว…
“พี่”
ซอลจีฮูได้ประสานนิ้วเข้าด้วยกัน
“ผมไม่ได้ได้เงินมาจากการพนันจริงๆ ผมทำงานอย่างสุจริต และซื่อตรง”
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกผิดที่โกหกเรื่องการทำงานให้ซินยอง แต่ว่าเขาภูมิใจที่จะบอกว่าเขาได้ทำงานอย่างสุจริตและซื่อตรง
“หืม…”
ซอลวูซอกได้หลับตาลงราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่
จากนั้น คนที่นั่งมองคู่พี่น้องอยู่ข้างๆด้วยความสนใจก็แอบลุกขึ้นเดินจากไป
และไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหญิงสาวที่เดินเข้ามา
เธออยู่ในชุดเดรสแขนกุดสีขาวแสดงให้เห็นถึงรูปร่างสมส่วนของเธอ เสื้อโค้ทบางๆสีเทา และรองเท้าส้นสูง
ผู้หญิงคนนี้ได้เดินเข้ามาอย่างสง่างาม และโบกมือให้กับซอลจีฮู เขาเผลอคิดไปว่า ‘นั่นใครน่ะ?’ แต่แล้วจากนั้นก็นึกขึ้นได้ถึงตัวช่วยที่คิมฮันนาห์เคยพูดถึงเอาไว้
นอกจากนั้นแล้วหญิงสาวคนนี้ก็ได้สบตากับเขาในทันที เธอสวยมากจริงๆ
ผิวของเธอขาวราวกับหิมะ ผมยาวของเธอดำยาวพริ้วไสว เธอก็ยังสูงมากพอที่จะเป็นนางแบบได้เลย และไม่ว่าใครที่มองเธอแว๊บแรกก็สามารถจะบอกได้เลยในทันทีว่าเธอได้ใส่ใจดูแลรูปร่างเป็นอย่างดี
หากจะเรียกเธอว่าเป็นตัวแทนความงามในอุดมคติก็คงจะไม่ผิดนัก เธอได้รายล้อมไปด้วยบรรยากาศสบายๆ เหมือนกับลมเย็นในฤดูใบไม้ผลิ…
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอคือผู้หญิงประเภทที่ซอลจีฮูจะโผเข้าหาโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
แต่ว่าเมื่อหญิงสาวคนนี้ลดมือลง ซอลจีฮูก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างดับลงไป ขณะที่เขาคิดว่าหัวหน้าแผนกจะปรากฏตัว แต่แล้วเขาก็ทิ้งความคิดนี้ไปเพราะว่าเธอยังเด็กเกินไป
‘พอมาคิดดูแล้ว เธอก็ดูเหมือนกับคุณยุนซอราเลยนะ…’
“คุณจีฮู?”
ในตอนนั้นเองหญิงสาวก็ได้เรียกชื่อเขา และเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส ซอลวูซอกได้เบิกตากว้าง และหันไปมอง
“คุณอยู่นี่เอง….”
เมื่อเธอได้สบตากับวูซอก เธอก็เบิกตากว้างขึ้น และชะงักเท้าเอาไว้
“โอ้ คุณกำลังคุยกับคนอื่นอยู่
“อ่อ ครับ”
“แล้วนี่คือ…?”
เขาไม่ค่อยมันใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเขาได้ตัดสินใจเล่นตามน้ำ และลุกขึ้นยืน
หลังจากมองสลับไปมาระหว่างสองคน ซอลวูซอกก็ลุกขึ้นเช่นกัน
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเป็นพี่ชายของจีฮู”
เมื่อเขาได้ทักทายออกไปด้วยน้ำเสียงสุขุม หญิงสาวก็อุทานขึ้นอย่างประหลาดใจ
“อ่า! อ่อ~ เข้าใจแล้ว ฉันติดว่า… อ่า ฉัน-“
เมื่อหญิงสาวได้เปิดกระเป๋าถือใบเล็กๆ ซอลวูซอกก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋าสตางค์ที่ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ หลังจากทั้งคู่แลกนามบัตรกันแล้ว ต่างก็มีปฏิกิริยาคล้ายๆกัน
จะมีความแตกต่างก็คือความตกตะลึงที่ต่างกันไป
ดวงตาของซอลวูซอกได้เบิกกว้างเป็นวงกลม แต่ว่าหญิงสาวก็แค่ยิ้มออกมาโดยไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณทำงานที่ศูนย์วิจัยแฮซอลนี่เองสินะ?”
ซอลวูซอกดูจะผงะไป แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว หญิงสาวได้เก็บนามบัตรลงไปในกระเป๋า และยิ้มสดใสออกมา
“ถ้างั้นคุณก็น่าจะรู้จักฉัน”
“ผมเคย… ได้ยินชื่อของคุณ”
“เหมือนกันเลย ว้าว โลกมันกลมจังเลยเนอะ! หัวหน้าซอลจากสถาบันวิจัยแฮซอลเป็นพี่ชายของจีฮูนี่เอง”
ซอลจีฮูค่อยๆเริ่มสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวกับพี่ชายของเขาคุยเหมือนกับคนรู้จักกัน
“ฉันก็สงสัยอยู่เลยว่าเขาไปหลงใหลการทำงานขนาดนี้มาได้ยังไงกัน ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วล่ะ”
“คุณชมผมเกินไปแล้ว ผมควรจะขอบคุณคุณที่ช่วยดูแลน้องชายงี่เง่าของผมให้”
“งี่เง่า? น่าขำจังเลยนะ”
หญิงสาวได้ส่งเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันคิดว่าการจ้างคุณจีฮูเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เราทำในปีนี้เลยล่ะ”
เธอกำลังยกย่องเขาให้มากที่สุด
ด้วยความที่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร ยิ่งทำให้ซอลวูซอกตกตะลึงขึ้นไปอีก
หญิงสาวได้ก้าวเข้ามาใกล้ซอลจีฮูที่กำลังสับสน และจับมือแขนเขาไว้เบาๆ
“สิ่งที่เขาทำให้เราเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก เขามีบทบาทสำคัญที่ทำให้การเจรจาโครงการใหญ่สำเร็จได้”
“จริงหรอครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ โครงการนี้เกือบจะถูกยกเลิกไปแล้วหลายครั้ง แต่ว่าเขาก็วิ่งออกมาบอกว่าเขาจะทำอะไรซักอย่างเอง แล้วดูสิ เขาทำมันได้จริงๆ? พอเขาบอกว่าเขาตกลงงานสำเร็จแล้ว พวกเราต่างก็ทึ่งกันหมดเลยล่ะ”
ซอลวูซอกได้มองซอลจีฮูด้วยสีหน้าตกใจ
ซอลจีฮูได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา
ถ้าหากว่าโครงการใหญ่นั่นหมายถึงสงคราม และความสำเร็จหมายถึงการฆ่าผู้บัญชาการกองทัพ เธอก็ไม่ได้พูดผิดเลย
“เขาเป็นสมบัติล้ำค่าของบริษัทเรา จริงๆนะ”
หญิงสาวที่กำลังหัวเราะคิกคักได้เกี่ยวแขนของซอลจีฮู จากนั้นก็เอียงหัวออกมา
“แต่ว่าคุณจีฮู มันหมดช่วงเวลาพักเที่ยงแล้วนะ คุณมั่นใจว่ายังจะมาเที่ยวเล่นอยู่แถวนี้อีกหรอ?”
“เอ่อ”
เมื่อเห็นซอลจีฮูพูดไม่ออก หญิงสาวก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง
“ฉันแค่ล้อเล่นเอง คุณเพิ่งจะทำข้อตกลงใหญ่ได้สำเร็จ แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณพักได้!”
“ไม่ ไม่ครับ ผมจะรีบกลับไป”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ฉันก็กำลังจะไปซาวน่าเหมือนกัน”
จากนั้นจู่ๆเธอก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา
“โอ้ คุณอยากจะไปกินอาหารเย็นกันหลังเลิกงานไหมล่ะ? ฉันรู้จักร้านซูชิดีๆด้วยนะ”
“ว่าไงนะครับ”
“แค่ล้อเล่นน่ะ ซัมกเยทังที่เรากินไปตอนกลางวันสองถ้วยยังทำให้ฉันแน่นท้องอยู่เลย”
จากนั้นหญิงสาวก็หันไปยิ้มให้กับซอลวูซอก และเมื่อดูจากความตลกของคู่พี่น้องนี้ทำให้เธออยากจะแกล้งพวกเขาอีก
ซอลวูซอกได้หัวเราะออกมา แต่ว่ามันก็ยังชัดเจนว่าเขาสับสนอยู่ แววตาของเขาสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำว่าซัมกเยทัง
“อ่า~ ขอโทษที่รบกวนทั้งสองคนด้วยนะ”
หญิงสาวยังคงหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็แตะบ่าซอลจีฮู
“วันนี้กลับบ้านก่อนก็ได้ ฉันจะบอกผู้จัดการคิมให้เอง”
“แต่ว่า-“
“ไม่เอาสิ กลับไปกินอาหารเย็นกับครอบครัวคุณเถอะ คงไม่ได้เจอกันมานานแล้วใช่ไหมล่ะ คุณจะทำงานล่วงเวลาไปทุกวันเลยงั้นหรอ?”
จากนั้นหญิงสาวก็โค้งให้กับซอลวูซอกเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม และออกไปจากร้านกาแฟ
ทันทีที่เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ซอลวูซอกก็ถอนหายใจยาวที่กลั้นเอาไว้
“ฟู่ววว…”
เขาได้ลูบหน้าผากและทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้ จากนั้นเขาก็ถามชายหนุ่มทั้งๆที่ยังคงมองไปที่ประตูอยู่
“นาย… เกิดอะไรขึ้นกัน?”