The Second Coming of Gluttony - ตอนที่ 196
บทที่ 196 – พาราไดซ์กับโลก (2)
ซอลจีฮูได้สงสัยในสิ่งที่ได้ยินอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้ยินมันชัดๆเลย แต่ว่าการทำความเข้าใจนี่สิปัญหา
บาร์แห่งนี้เป็นที่ที่ผู้คนจะมาดื่มสังสรรย์ส่งเสียงดังกัน แน่นอนว่าทุกๆบาร์มันไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่กับกิน ดื่ม และเพลิดเพลินเป็นเช่นกัน
ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าฮิวโก้ส่งเสียงดังไปหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาพูดใส่ว่า ‘หุบปากแล้วนั่งแดกเงียบๆ’ ได้
เว้นก็แต่ว่าคนๆนั้นอยากจะมีเรื่องกัน
นี่คือเหตุผลที่ซอลจีฮูรู้สึกไม่สบายใจกับคำรามพวกนี้ เขาระบุไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่ว่าเขารู้สึกได้อย่างรุนแรงว่ามันแปลกๆ
เหมือนกันกับในตอนที่เขาได้ก้าวขึ้นไปบนชั้นบนสุดของคฤหาสน์จักพรรดิ มันเป็นความรู้สึกว่าหากเขาก้าวไปอีกก้าวเดียว เขาก็จะข้ามไปในเส้นที่ศัตรูร่างไว้
ความสงสัยมันได้อยู่เหนือความโกรธของเขา
ยังไงก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหวังให้ฮิวโก้ที่เมาอยู่คิดแบบเขา
ตึง
“แกพูดบ้าอะไรว่ะ?”
ฮิวโก้ได้กระโดดลงจากโต๊ะไม้ และคำรามขู่ออกไป มันชัดเจนมากว่าเขาสูญเสียเหตุผลไปแล้ว
ในบรรดาชายสี่คน ชายหนุ่มจมูกแดงเหมือนฮิวโก้ได้ล้อเลียนเขาออกมา
“เชี้ยเอ้ย ใครจะไปทนฟังแกคิดเหมือนกับสู้ในสงครามคนเดียวได้ล่ะ อะไรนะ? ยกย่องอะไรกัน? ไร้สาระทั้งเพ… อ่า ทำไมล่ะ? ฉันพูดอะไรผิดไป?”
“เฮ้ เฮ้! หยุดเลย พวกเขาคือคาเพเดี่ยมนะ”
“คาเพเดี่ยมแล้วทำไมล่ะ? พวกเขาจะทำไมกันหา? ที่ฉันพูดมันผิดงั้นหรอ?”
เมื่อชายอีกสามคนได้พยายามหยุดเขาเอาไว้ ชายคนนั้นก็ส่งเสียงดังขึ้นมาอีก
กูถูก พวกเขาก็ได้เข้าร่วมสงครามโดยเอาชีวิตไปเสี่ยงเช่นกัน การได้ยินว่าพวกเขาควรจะยกย่องคนๆหนึ่งมันคงไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกดีแน่ๆ
ซอลจีฮูได้พึมพำเบาๆกับตัวเอง และตัดสินใจอดทนเอาไว้ เขาอดทนก็เพราะความรู้สึกอึดอัดใจภายในอกยังคงไม่หายไป
“เขาพูดถูก ฮิวโก้ คำพูดของนายมันหยาบคายไปหน่อยนะ”
ซอลจีฮูได้ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม
ด้านหลังของเขาได้มีเสียงกระซิบของจางมัลดงออกมาว่า “ซังจิน” ก่อนจะเกิดเสียงวุ่นวายขึ้นจากด้านหลัง
“หากว่านั่นมันทำให้คุณไม่พอใจ ถ้างั้นผมต้องขออภัยด้วย พวกเราจะลดเสียงลง”
ซอลจีฮูได้ขออภัยออกมา และดึงฮิวโก้กลับไปนั่ง
“ทำไมนายต้องไปขอโทษไอ้พวกไร้ค่าแบบนี้ด้วยล่ะ?”
โชฮงได้พึมพำออกมาเบาๆ ชายคนนั้นได้หรี่ตาขึ้น และขยับริมฝีปากยิ้มออกมา
“อ่อ จริงๆหรอ?”
ชายคนนี้ได้เตะเก้าอี้ของเขา และแกว่งร่างไปมาอย่างน่าอันตราย
“ไอ๊หย๊า! วีรบุรุษสงครามกำลังไกล่เกลี้ยสถานการณ์! เขากระทั่งขออภัยฉันด้วยตัวเองอีกด้วย โอ้ ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ?”
เมื่อซอลจีฮูไม่ได้ตอบกลับ และหันไปมองเงียบๆ
“ว้าว~ เขาไม่ได้สนใจฉันเลย หรือว่าเขากำลังอดกลั้นมันเอาไว้อยู่กันล่ะ? นายคงจะใจกว้างขึ้นหลังจากได้รับทั้งชื่อเสียงแล้วก็ผู้หญิงสินะ”
“อ่า จริงด้วยสิ ฉันได้ยินมาว่านายเพิ่งจะเทียวไปเทียวมาภายในบ้านของบุตรแห่งลูซูเรียนี่นา!”
ซอลจีฮูได้ชะงักไป ทำไมจู่ๆเขาถึงได้เอาเรื่องซอยูฮุยขึ้นมาพูดล่ะ?
“ยัยนี่ก็ตอแหลเหมือนกันนะ เธอเอาแต่ปฏิเสธทุกๆคนทำเหมือนกับเป็นใจแข็งอะไรแบบนั้น แต่ดูตอนนี้สิพอมีผู้ชายดีๆปรากฏตัวขึ้นมา เธอก็รีบเข้ามาคว้าไปทันทีเลย”
แม้กระทั่งซอลจีฮูก็ยังหันกลับมาอย่างช้าๆ ชายคนนั้นกำลังยิ้มยิงฟันเยาะเย้ยเขาอยู่
“ก็จริงไหมล่ะ? ไม่ใช่ว่าเราก็รู้กันดีหรอกหรอว่าเธอรับใช้ในเทพธิดาองค์ไหน? หากว่าเธอซื่อย์ตรงจะมีใครว่าอะไรเธอได้กันล่ะ? แต่ว่าเพราะเธอทำเหมือนกับบริสุทธิ์ทั้งๆที่คนอื่นรู้ความจริงหมดแล้ว นั่นแหละที่ทำให้เธอดูปลอม”
‘…อะไรนะ?’
“แล้วบุตรแห่งลูซูเรียเยี่ยมดีไหล่ะ? ฉันก็อยากจะลองลิ้มรสดูสักครั้งเหมือนกัน! เฮ้ บอกมาหน่อยสิว่าเป็นยังไงบ้าง ในฐานะเพื่อชายด้วยกัน ฉันอยากจะรู้ชิปหายเลยว่ะ”
ดวงตาของซอลจีฮูได้ค่อยๆเบิกกว้างขึ้น มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ยังทำให้หมดของเขาไม่ได้พุ่งออกไป
“อย่า”
เพราะว่าจางมัลดงได้มาปรากฏตัวขึ้นข้างๆเขาโดยไม่รู้ตัว และจับแขนเขาเอาไว้แน่น
“เขาตั้งใจทำแบบนั้น เขากำลังพยายามยั่วยุนายให้ลงมือ”
ซอลจีฮููได้พยายามสงบอารมณ์ของเขาลง เขายังสังเกตเห็นอีกด้วยว่าพรรคพวกของชายอีกคนหนึ่งกำลังพยายามข่มใจแอบมองมา
จางมัลดงได้ก้าวออกมา
“หยุดแค่ตรงนี้ แล้วดื่มต่อไปเถอะ เดี๋ยวเราก็จะไปกันแล้ว”
ขณะที่จางมัลดงพูดแบบนี้ ชายคนนั้นก็เหลือบมองจางมัลดงด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
“ได้สิ ได้เลย สุดท้ายแล้วผู้อาวุโสมมากชื่อเสียงก็ยังมาพูดกับเรา เราจะต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว โฮ่ ฉันดื่มได้ไม่สนุกเพราะเจ้าตัวน่ารำคาญพวกนี้เลย”
เขาได้เยาะเย้ยออกมาก่อนจะถ่มน้ำลายลงบนพื้น
“หึ พวกเขานี่ไม่มีจิตสำนึกเอาซะเลย เขาเคยคิดไหมนะว่าทำไมฮารามาร์คถึงได้กลายเป็นแบบนี้?”
นี่มันคือการเยาะเย้ยอย่างชัดเจน ใบหน้าของซอลจีฮูที่ดูเคร่งขรึมลงไปได้มืดมนลงไปจนน่ากลัว
“เพื่อผลประโยชน์ชายแก่เกษียณได้คลานกลับเข้ามา-“
ตึง! ชายคนนี้ยังไม่ได้ทันพูดจบเลย นั่นมันเพราะได้มีเสียงระเบิดดังลั่นออกมา
“โซฟา”
จางมัลดงได้ตะโกนขึ้นพร้อมทั้งกดซอลจีฮูกับฮิวโก้เอาไว้
ฟีโซราได้รีบลุกขึ้นหยุดโชฮงเอาไว้
โชฮงที่ถูกหยุดเอาไว้ได้จ้องมองศัตรูอย่างอาฆาต หากว่าเธอมีไม้กระบองอยู่ในมือ เธอคงจะโยนมันออกไปแล้ว
ทั้งบาร์ได้กลายเป็นเงียบสงัดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจ
ภายในสถานการณ์อึดอัดนี้ ยี่ซอลอาได้ทำอะไรไม่ถูก และได้แต่มองอย่างอยู่ไม่นิ่ง จางนั้นเมื่อเธอหันไปมองซอลจีฮู เธอก็ได้กลืนน้ำลายลงไป
ซอลจีฮูกำลังมองชายคนนั้นอย่างใจเย็น ไม่สิ เขาไม่ได้แค่กำลังจ้องอยู่
แต่แค่มองดูชายหนุ่มจากด้านข่าง จู่ๆความอบอุ่นในร่างกายเธอก็หายไปหมดแล้ว เธอกลายเป็นหวาดกลัวขึ้นมาราวกับเห็นผี
นี่มันเป็นเรื่องธรรมดา
ยี่ซอลอาเคยเห็นเพียงแค่ด้านเดียวของซอลจีฮูเท่านั้น นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้เห็นเขาเผชิญหน้ากับศัตรู
ในตอนนั้นเอง
“ฟุฟุฟุ”
ทันใดนั้นเองเสียงหัวเขาต่ำๆของจางมัลดงก็ได้ดังออกมาทำลายความเงียบ ชายคนนี้ได้หรี่ตาลง
“หัวเราะอะไรกัน? ตาแก่นี่คงเลอะเลือนไปแล้วสินะ”
จากนั้นฟีโซราก็ยิ้มขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“งี่เง่า”
หลังจากกดโชฮงลงไปที่ที่นั่งแล้ว เธอก็เยาะเย้ยเขาออกมา
“อย่างน้อยนายก็ควรจะเล็งจังหวะที่เขาอยู่คนเดียวสิ ฝ่ายเรามีระดับ 5 อยู่ตั้งห้าคนเชียวนะ”
“อะไรนะ?”
“เฮ้! นายคิดว่าฉันกลายเป็นแรงค์เกอร์ระดับสูงจากการสู้โง่ๆงั้นหรอ? แค่ฉันคนเดียวก็เห็นคนโง่ๆแบบนายมาเป็นสิบครั้งแล้ว”
หลังจากเยาะเย้ยพวกเขาแล้ว เธอก็สะกิดยี่ซังจิน เด็กหนุ่มได้ผงะไป และกระพริบตามองจางมัลดง หลังจากที่จางมัลดงหยักหน้าให้ เขาก็ค่อยๆยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ
ภายในมือของเขามีลูกแก้วคริสตัลกำลังส่องแสงจางๆออกมาอยู่
มันก็คือคริสตัลสื่อสาร
-ขยับไปข้างๆหน่อยนึงสิ
น้ำเสียงเซื่องซึมได้ดังออกมา
-ฉันมองไม่เห็นหน้าหมอนั่น
ยี่ซังจินได้รีบขยับแขนทันที
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ซอลจีฮูหันกลับมามองด้านหลัง ชายคนนั้นก็ได้แสดงสีหน้ามึนงงออกมา
ภายในคริสตัล…
-หืมมม
เป็นหญิงสาวที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนเก้าอี้ จากท่ากอดอกและไขว้ห้างของเธอแล้ว เธอดูเหมือนจะเป็นไปด้วยออร่าแห่งความกดดัน
องค์กรที่เป็นตัวแทนของฮารามาร์ค และเป็นหัวหน้าของเหยี่ยวสงครามแห่งทิศใต้
นั่นก็คือทาเซียน่า ซินเซีย
เมื่อจินตนาการได้ว่าเธอได้เฝ้ามองดูสถานการณ์นี้เป็นการส่วนตัวมาตลอด เสียงกลืนน้ำลายก็ได้ดังออกมาทั่วทั้งบาร์
“พอจะรู้จักไหม?”
จางมัลดงได้ถามออกมา
-ไม่เลย นี่ไม่ใช่ใบหน้าที่ฉันเคยเห็นในฮารามาร์ค
ซินเซียได้ส่ายหัวออกมาอย่างช้าๆด้วยสีหน้าไม่แยแส
“ซึ่งนั่นหมายความว่า… มันเป็นอย่างที่ฉันคิดสินะ”
-เอาอีกแล้วสินะ พอเห็นติดต่อมา ฉันก็พอจะเดาได้แล้วล่ะ
“แต่ว่าพวกเขาบอกว่าพวกเขาได้เข้าร่วมสงคราม”
-ไร้สาระ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาไปสู้ที่อื่นหรือเปล่า แต่ว่าไม่ใช่ที่ฮารามาร์คแน่ๆ
เธอได้ปฏิเสธออกมาเหมือนกับมันเป็นมุกตลก
-แอ็กเนส เธอเคยเห็นพวกเขามาก่อนไหม?
-ไม่ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นพวกเขา
แม้ว่าเธอจะไม่โผล่ออกมาให้เห็นจากในคริสตัล แต่ว่าน้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมา
สายตาจำนวนมากได้ตกลงไปบนโต๊ะที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ พูดตรงๆแล้วถึงการเกณฑ์คนจะมีอยู่ในทุกๆเมือง แต่ว่าสถานที่ที่เกิดการต่อสู้ขึ้นจริงก็มีแค่ฮารามาร์คเท่านั้น
ชายคนนี้ได้มองไปรอบๆด้วยสีหน้าหงุดหงิด และรีบตะโกนออกมา
“ธะ เธอกำลังขมขู่เราหรอ?”
-ข่มขู่?
“ทำไมซิซิเลียจะต้องเอาตัวเองไปเอี่ยวกับเรื่องเล็กๆแบบนี้ด้วย-“
=นั่นก็เพราะว่ามันดูไม่เหมือนกับการทะเลาะกันเล็กๆนี่สิ นายอาจจะโน้มนามให้ฉันเชื่อเป็นอื่นได้นะ หากว่านายยอมรับว่านายแค่พูดเล่นเท่านั้น
ซินเซียได้ตอบกลับมาอย่างสงบ
-นอกไปจากนี้แล้วซิซิเลียกับคาเพเดี่ยมก็เป็นพันธมิตรกันซะด้วยสิ เพราะงั้นฉันคิดว่านี่มันก็มากพอให้ฉันเข้าแทรกแซงแล้ว
“หลอกลวง!”
ชายคนนี้ได้ตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ว่าน้ำเสียงของเขากำลังสั่นเครือ มีบางอย่างผิดปกติอย่างมาก เมื่อสิ่งต่างๆได้กลายมาเป็นแบบนี้ เสียงตะโกนของเขาแทบจะเหมือนกับเป็นการวิงวอน
“ฉันก็แค่-!”
-พอได้แล้ว!
ซินเซียได้ตะโกนขัดขึ้นมาด้วยความรำคาญใจ
-นายดูจะยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้นะ นายคิดว่าฉันเป็นคนที่นายจะมาเล่นด้วยได้งั้นหรอ?
“ถ้างั้น!”
-แล้วก็มันจะเป็นการตบตาหรือไม่ก็ตาม ทุกๆอย่างมันก็จะกระจ่างชัดออกมมาเองเมื่อเราทำการสอบสวน ฉันเป็นคนประเภทที่ชอบลงมือทำมากกว่าพูดซะด้วยสิ
“ไม่ ฉัน-!”
-ถ้างั้นเราควรจะเล่นเกมกันไหมล่ะ? ไม่ว่านายจะตอบรับหรือไม่ตอบรับก็ตามที
ซินเซียได้ประสานนิ้วเท้าคางขึ้นมา และยิ้มขึ้น เธอได้เผยเขี้ยวออกมาเล็กน้อยแต่ว่ามันกลับดูอันตรายมากๆ
-จะเป็นขาของนายหรือว่าพวกเขาที่เร็วกว่ากัน? ฉันขอพนันด้วยแขนขาของฉันแล้วกันว่ากิลด์ข่าวสารอยู่เบื้องหลังนาย
ใบหน้าของชายคนนี้ได้หมองลงไป
-อ่า นายรู้อะไรไหม?
ซินเซียได้หัวเราะออกมาราวกับจู่ๆเธอก็จำเรื่องบางอย่างได้
-มันไม่มีอะไรจะอันตรายไปกว่าแม่ของสัตว์ร้ายที่ลูกน้อยถูกแตะต้องหรอกนะ
“อะ อะไรนะ?”
ชายคนนี้ได้เงยหน้าขึ้นมา
ซินเซียได้ยกมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วก็ยักไหล่ออกมา
-ลองวิ่งหนีให้เต็มทีเลยสิ แอ็กเนส?
แอ็กเนสไม่ได้ตอบกลับมา นี่ยิ่งทำให้มันน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก ทันใดนั้นความเงียบก็ได้เข้าปกคลุมทันที
ครู่ต่อมาหนึ่งในชายสี่คนก็สะดุดล้มเก้าอี้ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไป อีกสามคนที่เหลือก็ได้รีบวิ่งไล่ตามไปอย่างสุดชีวิต
“แอ็กเนส! แอ็กเนสกำลังมา!”
“อ๊าาาา!”
แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องก็ยังกรีดร้องออกมา และเริ่มวิ่งหนี
“อ่า… อ่า…”
ชายคนนี้ได้เริ่มก้าวถอยหลังไปก่อนที่จู่ๆจะหันกลับหลังออกวิ่ง
“จับไอ้สารเลวนั่นไว้!”
โชฮงได้ตะโกนออกมา และรีบยืนขึ้น แต่ว่า-
“ปล่อยเขาไป”
จางมัลดงได้หยุดเธอเอาไว้
“อยู่เฉยๆ เมื่อไหร่ที่เราไปแตะต้องพวกเขา พวกเราก็จะมอบข้ออ้างให้พวกเขาได้”
“แต่ว่า!”
-แค่รออยู่เฉยๆ ทำไมล่ะ? เธอคิดว่าแอ็กเนสจะแพ้จะพวกนั้นหรอ?
ซินเซียได้หัวเราะออกมา
โชฮงได้นิ่งไปเพราะคำพูดนี้ ทันใดนั้นซอลจีฮูก็เห็นกลุ่มควันสีดำแอบออกมาไล่ตามชายที่หลบหนีไป แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรหรอหยุดเอาไว้เลย
จางมัลดงได้พูดขึ้นมา
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะ”
-มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก
ซินเซียได้หยิบเอาบุหรี่ออกมา และยิ้มอย่างผ่อนคลาย
-พวกเราจะจัดการส่วนที่เหลือเอง หากว่ากลับกันไปตอนนี้ก็คงจะดีที่สุดแล้วล่ะ
“พวกเราก็คิดไว้แล้ว แต่ทำไมล่ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น
-มีเรื่องเกิดขึ้นน่ะ ฉันเพิ่งจะได้รับการติดต่อมา พอกลับไปแล้วเดี๋ยวก็คงจะรู้กันเองนั่นแหละ
และหลังจากพูดแบบนี้ ซินเซียก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง
-สำหรับรายละเอียด พรุ่งนี้ฉันจะไปหานะ… หรือไม่ก็วันถัดไป
สายได้ตัดไปหลังจากเธอพูดคำนี้จบ
“อะไรล่ะเนี้ย…”
จางมัลดงได้เม้มปากขึ้นพร้อมกับมองดูหายนะรอบๆบาร์ จากนั้นเขาก็วางมือลงบนบ่าของซอลจีฮูที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนกับหิน
“อดทนได้ดีมาก”
ซอลจีฮูไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“ไว้เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟัง ตอนนี้กลับกันเถอะ”
เขาเพียงแค่หยักหน้ารับเบาๆเท่านั้นเอง
***
ระหว่างทางกลับซอลจีฮูไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คิดเดียว พรรคพวกของเขาก็ตามเขามาเงียบๆเช่นกัน จะมีก็แต่โชฮงกับฮิวโก้ที่ส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ
ซอลจีฮูก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน ถึงภายนอกเขาจะดูไม่เป็นอะไร แต่ว่าภายในของเขากำลังเดือดระอุ
วันนี้มันเป็นวันที่ดี แต่แล้วมันกลับพังลงไป เจ้าพวกนั้นเก่งในเรื่องกวนประสาทคนอื่นมากจริงๆ
ซอลจีฮูได้กำหมัดของเขาแน่น หากว่าเขาได้ชกออกไปสักหมัด หรืออย่างน้อยได้ถอนฟันเจ้าพวกนั้น…
ความคิดรุนแรงทุกประเภทได้เข้ามาในหัวของเขา มันถึงขั้นที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจจางมัลดงที่มาหยุดเขาเอาไว้
ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังสงสัยถึงเหตุผลของคำยั่วยุพวกนั้นเช่นกัน พวกเราไม่ได้แค่พูดว่า ‘ต่อยเราเถอะ’ แน่ๆ มันจะต้องมีแผนการบางอย่าง มันจะต้องมีการสมรู้ร่วมคิด พวกเขาอาจจะไม่ได้เมาด้วยซ้ำไป
แล้วก็ยัง-
ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสับสนมากเท่านั้น
“?”
ซอลจีฮูได้หยุดเดินต่อไป
“นั่นมันอะไร?”
มาแชล จิโอเนียที่เดินอยู่เงียบๆได้แสดงสีหน้าสับสนขึ้นมา มีฉากที่คาดไม่ถึงปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา
มีแสงไฟอยู่นับไม่ถ้วนบนท้องถนน พูดให้ชัดกว่านี้คือมีคนนับร้อยกำลังเดินกันอยู่รอบถนนตรงหน้าสำนักงานคาเพเดี่ยม
มีทั้งทหารในชุดเกราะ และนักบวชในชุดคลุมสีขาวปะปนกันไป ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ นักบวชชุดคลุมขาวได้แอบเหลือบมองซอลจีฮูก่อนจะเดินผ่านเขาไป
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?
ซอลจีฮูได้รีบมองสำรวจดูภาพตรงหน้าของเขา และเขาก็รู้ถึงสิ่งหนึ่ง ผู้คนไม่ได้อยู่รอบๆสำนักงานคาเพเดี่ยม แต่ว่าเป็นอาคารที่อยู่ตรงกันข้ามต่างหาก
หรือก็คือบ้านของซอยูฮุย
และในทันทีที่เขารู้ถึงเรื่องนี้ ประตูบ้านซอยูฮุยก็ถูกเปิดขึ้น และมีคนๆหนึ่งเดินออกมาทำให้ซอลจีฮูหันไปมองชายคนนั้นตามสัญชาตญาณ
ครู่ต่อมา
หลังจากยืนยันว่าคนๆนั้นเป็นใครแล้ว ดวงตาของซอลจีฮูก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมา