The Second Coming of Gluttony - ตอนที่ 217
บทที่ 217 – ความปรารถนาที่ไม่อาจเติมเต็ม
ซอลจีฮูสงสัยในความฝันของเทเรซ่าเป็นอย่างมาก แต่ว่าในตอนนี้เขาได้ตัดสินใจที่จะตั้งสมาธิกับหน้าที่ในมือก่อน
‘ฉันระวังตัวเกินไป’
ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาพยายามที่จะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะเขาขาดข้อมูล แต่ว่าเขาควรที่จะทำลายหินบ้านั่นไปในทันทีที่เห็นเหมือนอย่างที่โฟลนแนะนำ
แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจว่ามันจะถูกต้องไหม แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้
แต่ปัญหาก็คือความผิดพลาดได้เกิดขึ้นแล้ว
ในตอนนี้มีทางเลือกให้ซอลจีฮูแค่สองทางเท่านั้น
[ทำการช่วยเหลือต่อไป]
[ทำลายหินนั่น]
หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ซอลจีฮูก็เลือกอย่างแรก
นั่นเพราะว่ามันไม่มีอะไรรับประกันว่าการทำลายหินจะปลุกให้พรรคพวกของเขาตื่นขึ้นมาจากฝัน
แน่นอนว่ายังมีตัวเลือกให้ทำทั้งสองอย่างพร้อมกันอยู่ แต่ว่าเขาจะต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด
หากให้เปรียบเทียบแล้ว ทั้งห้าคนเหมือนกับกำลังอยู่ในโลกเสมือนจริงที่มีหินนั่นเป็นตัวเชื่อมต่อพวกเขาเข้ากับที่นั่น ซอลจีฮู เทเรซ่า และฟีโซราได้ออกมาจากโลกนั้นแล้ว เพราะงั้นการปิดตัวเชื่อมต่อจะไม่มีปัญหาอะไรกับพวกเขา
แต่หากว่าตัวเชื่อมต่อถูกปิดไปในตอนที่พวกเขายังติดอยู่ในโลกเสมือนล่ะ?
แค่คิดก็ทำให้เขาต้องขนลุกขึ้นมาแล้ว อย่างแรกเขาจะต้องปลุกพรรคพวกขึ้นมาก่อน
และเพราะแบบนั้นซอลจีฮูจึงอธิบายสถานการณ์คร่าวๆออกมา
หากว่าเขาอยู่คนเดียวมันคงจะเป็นสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวัง แต่ว่าในเมื่อเทเรซ่าก็ได้ตื่นขึ้นมาเองได้แล้ว เขาก็กลายเป็นมั่นใจมากขึ้น
ในที่สุดปฏิบัติการช่วยเหลือก็ได้เริ่มขึ้นโดยที่ซอลจีฮูกับฟีโซราจะรับมือกับมาเรีย และเทเรซ่ารับมือกับฮิวโก้
ซอลจีฮูได้แนะนำให้พวกเขาร่วมมือกันภายใต้การคุ้มครองจากจี้ แต่ว่าเทเรซ่าได้แย้งออกมาว่าการแยกกันจะเร็วกว่า
เมื่อคิดว่าคำแนะนำของเธอก็มีเหตุผล ทำให้ซอลจีฮูเชื่อเธอเนื่องจากว่าเธอคือคนที่ตื่นมาจากฝันด้วยตัวเอง
ทุกๆคนต่างก็มีเวลาตื่นนอนที่ต่างกันไป
บางทีอาจจะเป็นเพราะบุคคลิกที่แตกต่างกันไปก็ได้
สำหรับมาเรียแล้วแม้ว่าจะไม่ใช้เวลานานเท่าที่เขาใช้ไปกับฟีโซรา แต่ว่าก็ยังต้องใช้เวลาในการปลุกเธอนานอยู่ดี
ในความฝันของเธอ มาเรียได้กลายเป็นคนถังแตก พูดให้ชัดก็คือเธอได้กลายเป็นขอทานข้างถนนที่น่าสงสาร โดยที่มีแค่คนหยิบยื่นขนมปังมาให้เธอก็ยินดีแล้ว
การหาเธอไม่ได้ยากเลย แต่ปัญหาก็คือเสียงโหยหวนของเธอในตอนที่เธอเจอเข้า ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เขาอย่างแรก
‘นายมันไอ้เศษสวะไร้ค่า! เพราะนาย! เพราะนาย ฉัน!’
ซอลจีฮูได้ค่อยๆปลอบมาเรียว่าทุกๆอย่างคือความฝันอยู่นานก่อนที่จะทำให้เธอตื่นขึ้นมาได้สำเร็จ
ในอีกด้านหนึ่ง ขณะที่คาซุกิกำลังฝันร้ายถึงเรื่องน้องสาวเขา แต่แล้วเมื่อเขาเห็นซอลจีฮูปรากฏตัว เขาก็รู้ตัวว่านี่คือความฝันและตื่นขึ้นมาได้ในทันที
หลังจากช่วยได้อีกสองคนแล้ว เขาก็เห็นเทเรซ่ากับฮิวโก้กำลังนอนอยู่ข้างๆโชฮงโดยที่จับมือเธอไว้แน่น
จากที่ดูแล้ว เทเรซ่าได้ปลุกฮิวโก้ขึ้นมาได้สำเร็จ และในตอนนี้กำลังไปช่วยโชฮงต่อด้วยกัน
แต่แล้วเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเขาตื่นขึ้นมาหลังจากช่วยคนสุดท้าย มาแชล จิโอเนีย
เขาได้ใช้เวลานานกว่าที่จะปลุกนักธนูเหล็กกล้าคนนี้ขึ้นมาจากฝันเกี่ยวกับคู่มั่น แต่ว่าทั้งเทเรซ่ากับฮิวโก้ก็ยังคงหลับอยู่
ในตอนแรกที่มองดู สีหน้าทั้งสามคนไม่สู้ดีเลย พวกเขาทั้งสามคนกำลังเปียกเหงื่อโชก
ซอลจีฮูได้รีบเข้าไปช่วยพวกเขาอย่างตื่นตระหนก แต่ว่าโชคดีที่ทั้งสามคนได้ตื่นขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร
เทเรซ่าได้หอบอย่างหนักทันทีที่ตื่นขึ้นมา
“ฟู่ววว! รอดแล้ว”
“อ๊าาา”
ฮิวโก้ได้ส่ายหัวออกมา
ในที่สุดซอลจีฮูก็โล่งใจออกมาหลังจากที่เห็นใบหน้างุนงงของโชฮง
และเพราะแบบนี้สมาชิกทีมทั้งหมดก็ถูกช่วยเอาไว้ได้สำเร็จแล้ว
***
หลังจากการช่วยเหลือแล้ว สมาชิกทีมก็ได้มารวมตัวกันอยู่ห่างจากดอลเมน
นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่คือการพักและจัดระเบียบความคิด
มันถูกแล้วที่พวกเขาทำแบบนี้ แม้ว่าความเป็นจริงจะผ่านไปแค่สิบนาทีเท่านั้น แต่ว่าพวกเขาแต่ล่ะคนต่างก็ได้ใช้เวลาอย่างน้อยหลายวันไปจนถึงหลายเดือนในความฝัน นอกไปจากนี้เพราะความฝันมันเป็นฝันร้าย พวกเขาทั้งหมดจึงค่อนข้างจะไม่มั่นคง
“ทุกๆคนโอเคกันนะ?”
ซอลจีฮูได้มองไปที่สมาชิกแต่ล่ะคนที่นั่งหันหลังให้หิน และถามออกมา
“ฉันขอโทษนะ ฉันตัดสินใจพลาดไป ฉันควรจะทำอะไรสักอย่างก่อนเราจะมาหาหิน…”
“มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก”
คาซุกิได้พูดออกมาเบาๆ
“ไม่มีใครรู้ว่าหินนั่นคืออะไรตั้งแต่แรกแล้ว ในทันทีที่แสงสว่างจ้าออกมาเราก็ไม่ได้ทำอะไรกันเลย… กลับกัน พวกเราควรจะขอบคุณนายที่ช่วยเราไว้”
และเขาก็กัดฟันด้วยสีหน้ามัวหมอง
“มันเป็นฝันที่ทุเรศจริงๆ…”
“คิคิ”
เสียงแปลกๆได้ดังออกมา มันเหมือนกับเป็นเสียงของคนที่กำลังกลั้นขำอยู่
ซอลจีฮูกับคาซุกิได้หยุดคุยกัน และหันไปมองฮิวโก้ที่กำลังตัวสั่นด้วยสีหน้าฝืนทน
แม้กระทั่งเทเรซ่าก็ยังเอามือมาปิดปากเอาไว้ และไหล่เธอกำลังสั่นอย่างชัดเจน
“อ๊ะ-! อย่าขำ- ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“พรืดดด-!”
ขณะที่ฮิวโก้ส่งเสียงแปลกๆออกมา โชฮงที่นั่งอย่างสับสนจู่ๆก็คอแดงขึ้นมาทันที เธอได้ทำอะไรไม่ถูกก่อนที่จะแอบเหลือบมามองซอลจีฮู จากนั้นเธอก็จ้องไปที่ฮิวโก้พร้อมจิตสังหาร
“แกขำบ้าอะไรกัน? ไอ้เวรนี่?”
“พรืดดด!”
“เฮ้! พอได้แล้ว ไอ้เวรนี่ไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่น…”
“พรืดด ฮ่าฮ๋า!”
“ไอ้สารเลวเอ้ย”
โชฮงได้ยืนขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
เธอได้ควานหาแท่งเหล็กหนามของเธอที่พื้นก่อนที่จู่ๆจะเลิกคิ้วขึ้นมา
“หืม? มีอะไรแปลกๆ”
ฮิวโก้ได้หัวเราะเยาะออกมา
“ดูสิ เธออายจนเปลี่ยนเรื่องเลย!”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น”
โชฮงได้ตะโกนออกมา
“ดูพื้นสิ! มันกำลังกระพริบ!”
คำพูดนี้ได้ทำให้ตาคาซุกิเบิกกว้างขึ้นมา เขาได้รีบยืนขึ้นทันทีหลังจากที่มองสลับไปมาระหว่างหมอกกับพื้น
“จริงด้วย”
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่แสงจะสลัวลงเมื่อพวกเขาอยู่ห่างไกลออกไป ยังไงก็ตามแสงมันชัดเจนมา และมันมีการกระพริบติดและดับเหมือนกับหลอดไฟที่หมดอายุการใช้งาน
“อ๊าาาา! ระ เราต้องหนีแล้ว!”
มาเรียที่กำลังได้ผลกระทบจากฝันร้ายอยู่ได้เริ่มชักกระตุกขึ้นมา
พวกเขากำลังพักผ่อนกันอยู่ในป่าอย่างเหนื่อยล้า แต่ทุกๆคนต่างก็คิดเหมือนกัน การยอมแพ้มันดีซะกว่าการต้องเจอกับฝันร้ายแบบนั้นอีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า
จากนั้นเอง
วูมมมม-!
จู่ๆเสียงรบกวนที่เหมือนกับคลื่นเสียงก็ดังไปทั่วทั้งป่าที่เงียบสงบ
-กำลังตรวจสอบครั้งล่าสุดที่เปิดการทำงาน
-…เสร็จสิ้น 586 ปี 274 วัน 3 ชั่วโมง 26 นาที 47 วินาทีก่อน เปิดการทำงาน ‘จารึกแห่งการประเมิน’ เสร็จสิ้น
เสียงกลไกอันน่าเบื่อหน่ายได้ดังออกมาโดยไม่รอการตอบสนองจากพวกเขาเลย
‘หืม?’
ซอลจีฮูได้สงสัยในสิ่งที่จู่ๆเขาก็ได้ยิน แต่ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็ตาม เสียงกลไกก็ยังคงดังต่อไป
-ผู้บุกรุกแปดคน… แก้ไข ตรวจพบมนุษย์แปดคนกับวิญญาณหนึ่งตน การประเมินจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
ในเวลาเดียวกันแสงสีน้ำเงินก็กวาดผ่านทั้งทีมไปเหมือนกับคลื่นมหาสมุทร
-เสร็จสิ้น ยืนยันการผ่าน ‘ฝันร้ายจำลอง’ การประเมินได้เปลี่ยนจาก ‘ผู้บุกรุกอันหยาบคาย’ เป็น ‘ผู้บุกรุกที่คาดไม่ถึง’ กำลังเตรียมการเตือนภัยระดับ 2
-แก้ไข วิญญาณมาจากตระกูลรอชเชอร์กับ ‘สัญญาแห่งการหักห้าม’ ได้รับการยืนยัน การประเมินเปลี่ยนแปลงจาก ‘ผู้บุกรุกที่คาดไม่ถึง’ เป็น ‘แขกอันชอบธรรม’ การเตือนภัยระดับ 2 จะถูกยกเลิกไป
-การแก้ไขเพิ่มเติม ยืนยันตัวตนบุคคลที่ผ่านการจำลองได้ด้วยตัวเองสองคน มอบคุณสมบัติ ‘ผู้เชี่ยวเชี่ยวที่เฝ้ารอ’ เหนือ ‘แขกอันชอบธรรม’
เสียงกลไกได้ดังก้องในหัวของทุกๆคน
มาเรียได้ชะงักไป
“มะ มันพูดว่าอะไรกัน?”
“ฉะ ฉันก็ไม่รู้ แขก? ผู้เชี่ยวชาญ?”
โชฮงก็ยังแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ยังไงก็ตามด้วยสติปัญญาของซอลจีฮู เขาได้เข้าใจสถานการณ์ในทันที
‘เป็นไปได้ไหมว่า?’
คาซุกิได้พูดขึ้นมา
“การพูดของเสียงนี้จะขึ้นอยู่กับตัวตนของผู้บุกรุก แล้วก็การที่พวกเขาตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย”
ซอลจีฮูก็คิดเหมือนกัน
“นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า นายกำลังบอกว่านี่มี AI ด้วยงั้นหรอ?”
“…โชฮง”
คาซุกิได้ถอนหายใจยาวออกมา
“อย่าได้ดูถูกเวทมนต์ของพาราไดซ์ เมื่อหลายศตวรรษก่อน ตอนที่จักรวรรดิยังอยู่ในยุคทอง และบรรลุถึงจุดสูงสุดของวิศวกรรมเวทย์ คุณภาพชีวิตของพวกเขาอาจจะเทียบได้กับที่โลกของเรา หรือไม่ก็เหนือกว่าด้วยซ้ำไป”
“แต่ว่า…”
คาซุกิได้เบือนหน้าจากโชฮงที่พูดขาดไป
“ยังไงก็ตามคนสองคนที่ผ่านการจำลองน่าจะเป็น…”
เขาได้มองไปที่ซอลจีฮูกับเทเรซ่า
‘แต่ว่าฉันไม่ใช่นี่’
ซอลจีฮูได้เอียงหัวออกมา ที่เขาตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายได้นั่นก็เพราะจี้
จารึกแห่งการประเมินหรืออะไรก็ตามอาจจะนับว่าการไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภายนอกว่าเป็นความสำเร็จก็ได้
-นายท่านได้มอบคำเชิญให้กับ ‘แขกอันชอบธรรม’ กับ ‘ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ารอ’
-หากจุดประสงค์ของท่านมีเพียงแค่มารับมรดกของตระกูลรอชเชอร์ไป โปรดยืนอยู่ในจุดเดิม หากว่าท่านต้องการตอบรับคำเชิญ ‘ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ารอ’ โปรดวางมือลงบนจารึกแห่งการประเมิน
เสียงกลไกได้กลายเป็นสุภาพขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทัศนคติของเสียงได้เปลี่ยนไปตามคุณสมบัติของพวกเขาอย่างที่คาซุกิบอกจริงๆ
“ดูจะไม่ใข่ความคิดที่แย่นะ… เอาไงดีล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถามของคาซุกิ ซอลจีฮูได้หันไปมองเทเรซ่า
เทเรซ่าก็ยังหันหน้ามามองซอลจีฮู
-หลังจากหนึ่งนาที คำเชิญจะถูกพิจารณาว่าเป็นการปฏิเสธ และการส่งมอบมรดกของตระกูลรอชเชอร์จะเริ่มต้นขึ้น 59 วินาที 58 วินาที…
ไม่มีอะไรให้ต้องคิดแล้ว
ซอลจีฮูได้รีบวิ่งออกไปข้างหน้า
“หืม? เฮ้ เฮ้!”
ซอลจีฮูได้ยินเสียงโชฮงเรียกออกมา แต่ว่าเขาก็ยังไม่หยุด
นั่นก็เพราะเขาได้ใช้นพเนตรตรวจสอบสีของมันแล้ว
สีเหลืองจากทั้งพื้นที่ได้หายไป และที่แห่งนี้กำลังเปล่งแสงสีทองออกมา
หากไม่พูดถึงเรียกบัญญัติทองคำ เอาแค่การหายไปของสีทิศเบื้องซ้ายนั่นก็หมายความว่าอันตรายได้หายไปแล้ว
จารึกแห่งการประเมินยังคงส่องแสงสีน้ำเงินออกมาเหมือนเดิม หากว่าจะมีอะไรที่ต่างจากเดิม ก็คือแทนที่มันจะเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ในตอนนี้มันกำลังเปล่งแสงอ่อนๆ
ซอลจีฮูได้มาถึงจารึกเป็นคนแรก และคนที่เหลือได้ตามเขามาอย่างรวดเร็ว มาเรียที่วิ่งใช้มือปิดตาอยู่ได้สะดุดก้อนหินไป
-12 วินาที 11 วินาที 10 วินาที 9 วินาที…
มันไม่มีอะไรแล้ว ต่อให้เขาอยากจะคุยกันอีกสักหน่อยก็ตาม
“ฉันจะไป”
หลังจากพูดจบ ซอลจีฮูได้วางฝ่ามือลงไปบนจารึกแห่งการประเมิน
ในตอนนั้นเอง
วูมมมมม!
เสียงทุ้มได้ดังก้องออกมาจากจารึกแห่งการประเมิน
มือของเขารู้สึกร้อนขึ้นมาในทันที
แสงประกายระยิบระยับได้ปรากฏออกมารอบๆจารึกจนทำให้ทั้งโลกสั่นไหว
“อ๊าา! อ๊ากกก! ฉันบอกนายแล้ว! ซอลจีฮู นายมันสารเลว!”
มาเรียที่คิดว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหว ได้ย่ำเท้ากับพื้นอย่างไม่พอใจ และร้องออกมา แต่ว่าคนอื่นๆนอกจากมาเรียต่างก็มองไปรอบๆตัวด้วยสีหน้าที่พูดอะไรไม่ออก
“โลกใบนี้คือ…”
มันกำลังละลาย
ไม่มีคำพูดอื่นที่จะอธิบายอีกแล้ว
ใครบางคนได้อุทานออกมา
“ไม่น่าเชื่อเลย…”
นี่ภาพที่น่าเหลือเชื่ออย่างถึงขีดสุด ทุกๆครั้งที่โลกสั่น ใบไม้ก็จะร่วงจากต้นไม้ และหมู่เมฆบนท้องฟ้าก็จะหายไป
มันราวกับว่ามีคำกำลังสาดน้ำเข้าใส่ภาพวาดที่ยังไม่แห้ง
ภาพตรงหน้าของพวกเขาได้หายไปเหมือนกับไม่เคยมีมาก่อน และหลังจากนั้นโลกที่ซ่อนอยู่ด้านหลังก็ได้เริ่มเผยออกมา
ภูมิทัศน์ของมันงดงามมากจนทำให้คนๆหนึ่งต้องอ้าปากค้างได้เลย ทัศนียภาพของมันงดงามมากจนพระราชศ์ของฮารามาร์คดูด้อยค่าไปเลยเมื่อนำมาเทียบกัน
ถนนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ต้นไม้และต้นหญ้าที่ส่องประกายรับแสงอย่างสดใสตามข้างถนน และกรีบดอกไม้ที่ร่องรอยไปตามสายลม…
ขณะที่สูดหายใจกลิ่นหอมอ่อนก็จะเข้ากระทบกับจมูกของพวกเขา
ใจกลางสวนอันงดงามได้มีพระราชวังสีทองตั้งตระหง่านอยู่ ภายใต้ภูมิทัศน์อันน่าอัศจรรย์นี้ พระราชวังที่ถูกปกคลุมไปด้วยทองคำดูน่าตื่นตะลึงมากจริงๆ
“ว้าว…”
แทนที่จะ ‘ยิ่งใหญ่’ มันกลับดูเหมือนฝันมากกว่า
-ยินดีต้อนรับสู่เจดีย์หลักแห่งมนตราโบราณ เจดีย์แห่งความฝัน
น้ำเสียงกลไกอันน่าเบื่อได้ดังขึ้นอีกครั้ง
-นายแห่งข้า ‘แม่มดแห่งความฝัน’ ‘โรเซร่า ลา กาเซีย’ กำลังรอท่านอยู่
-ทางนี้
ถนนตรงหน้าที่นำไปสู่พระราชวังได้สว่างไสวออกมาด้วยแสงอ่อนๆในทันทีที่เสียงพูดจบ
ซอลจีฮูได้ก้าวไปข้างหน้าราวกับต้องมนต์ และคนที่เหลือก็ค่อยๆก้าวตามเขาไป
ไม่มีใครวิ่งเลย
กลับกันทุกๆคนดูเหมือนจะอยากเดินไปอย่างช้าๆ
“มันงดงามมากจริงๆ… จนแทบจะกลายเป็นน่าหลงใหล”
เทเรซ่าอดไม่ได้ที่จะพูดแบบนี้ออกมาเมื่อมองดูภาพรอบตัวด้วยสีหน้าชวนฝัน
ซอลจีฮูก็เห็นด้วย
การได้เดินไปตามท้องถนนที่เหมือนกับกระจก และเพลิดเพลินไปกับกรีบดอกไม้ที่กระทบใบหน้าทำให้เขามีความสุขมากจริงๆ
มันเหมือนกับว่าเขากำลังได้รับการบูชาจากทุกๆคน
ในตอนที่เขาได้มาจนสุดทาง เขาถึงขนาดรู้สึกผิดหวังแปลกๆขึ้นมา
ไม่ว่าจะยังไงเขาก็อยู่ตรงนี้ไปตลอดไม่ได้
เอื๊อดดด-!
เมื่อสงวนท่าทีได้แล้ว ซอลจีฮูก็ได้มองดูประตูหน้าเปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติในทันทีที่เขามาถึง
หลังจากนั้นไม่นานขณะที่ซอลจีฮูกำลังเดินเข้าไปข้างในหลังจากประตูใหญ่ถูกเปิดขึ้น-
“ยินดีต้อนรับ”
น้ำเสียงสดใสชัดเจนที่เหมือนกับเสียงหยกหินอ่อนกลิ้งไปบนจานเงินได้ดังเข้าหูเขา