The Second Coming of Gluttony - ตอนที่ 218
บทที่ 218 – ความปรารถนาที่ไม่อาจเติมเต็ม
ภายในพระราชวังทองคำนั้นงดงามอย่างแท้จริง สัญลักษณ์สีทองได้ถูกสลักเอาไว้บนพื้นหินอ่อน และกระทั่งหน้าต่างก็ยังมีขอบทองอีกด้วย
และด้วยเครื่องประดับตกแต่งต่างๆภายในพระราชวัง ต่างก็ทำให้ทุกๆคนนึกไปถึงพระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศษ ที่ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม
“ฉันรู้สึกยินดีนะที่พวกคุณชอบพระราชวังจนๆแห่งนี้”
จากนั้นเสียงดังกังวาลก็ดังเข้ามาในหูทุกๆคน จนทำให้สายตาของพวกเขามองตรงออกไปด้านหน้า
มีบัลลังก์ที่ทำมาจากทองคำตั้งอยู่ที่ปลายสุดของทางเดิน และตรงนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังค่อยๆลุกขึ้นมองดูทีมปฏิบัติการอย่างเป็นมิตร
เธอดูยังเด็กและอ่อนแอ ส่วนสูงดูจะไม่ถึง 150 เซนติเมตรด้วยซ้ำไป ผมสีน้ำเงินของเธอถูกเสยไปด้านหลัง และมัดเป็นจุกไว้ซึ่งช่วยขับเน้นใบหน้าเล็กๆของเธอมากยิ่งขึ้น
ดูเหมือนการเรียกเธอว่าหญิงสาวจะเหมาะกับผู้หญิงซะอีก
ตึก… ตึก…
ซอลจีฮูได้รู้สึกงุนงงขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงส้นเท้า หญิงสาวกำลังเดินลงมาจากบันไดอย่างสง่างาม โดยที่มือยังคงประสานอยู่ที่ท้องน้อย
เมื่อเธอเข้ามาใกล้ขึ้น เครื่องแต่งการของเธอก็เริ่มมองเห็นได้ชัดเจน ด้านบนของเธอสวมใส่ไว้ด้วยชุดเดรสสีดำในสไตล์โกธิคโลลิต้าซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงส่วนโค้งเว้าของเธอ และส่วนร่างของเธอได้สวมไว้ด้วยกระโปร่งกว้างที่ยาวจนถึงข้อเท้า
“ขอบคุณทุกๆคนที่ตอบรับคำเชิญของฉันนะ”
หลังจากที่เดินลงมาจากบันไดแล้ว เธอก็จับชายกระโปร่งของเธอ และโค้งให้พวกเขาอย่างสุภาพ
“ยินดีต้อนรับสู่เจดีย์แห่งความฝัน แขกอันชอบธรรม”
เธอได้มองดูทีมปฏิบัติการคร่าวๆ จากนั้น
“และผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ารอ”
เธอได้ยิ้มให้กับซอลจีฮูและเทเรซ่า รอยยิ้มของเธอดูน่ารักมากจนดึงความสนใจจากทุกๆคนไปในทันที
ยังไงก็ตามซอลจีฮูก็ยังไม่ลดความระวังตัวลง มุมปากของหญิงสาวได้โค้งออกมาเป็นรอยยิ้ม แต่ว่าดวงตาของเธอยังคงสงบนิ่งเหเมือนแม่น้ำในมหาสมุทร
ซอลจีฮูรู้สึกได้ถึงความไม่ลงรอยกันตั้งแต่ที่เขาได้เข้ามาในที่แห่งนี้แล้ว ภายในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่แบบนี้กลับมีแค่หญิงสาวอู่เพียงลำพัง? เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังฝันอยู่
“คุณพูดถูก งานเลี้ยงตอนรับของฉันยังไม่ดีพอ แม้ว่าแขกผู้ทรงเกียรติจะตอบรับคำเชิญแล้วก็ตาม ได้โปรดอภัยให้กับการไม่คิดให้รอบคอบของผู้หญิงคนนี้ด้วย”
ซอลจีฮูได้ผงะไป เขายังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย แต่หญิงสาวดูเหมือนจะอ่านความคิดเขาได้
ดวงตาอ่อนโยนของเธอได้ค่อยๆโค้งมนพร้อมทั้งยกมือทั้งสองข้างขึ้น
แป๊ะ!
เธอได้ปรบมือออกมา
ตื๋อดื๋อออออ~!
ซอลจีฮูแทบจะผงะไปด้วยความตกตะลึง ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ทุกๆคนก็เป็นเช่นเดียวกัน
ภายในพระราชวังได้เต็มไปด้วยผู้คนในทันที ผู้คนเหล่านั้นได้ล้อมรอบทีมปฏิบัติการ พวกเขาทั้งร้องและเล่นดนตรี บ้างก็โยนกรีบดอกไม้ขึ้นบนท้องฟ้า
“อย่าตกใจไปเลย”
เสียงหัวเราะเบาๆได้ดังออกมา
“นี่คือโลกความคิดของฉัน”
เสียงชวนฝันได้ดังออกมาเป็นจังหวะ
“ในเมื่อนี่คือโลกแห่งความฝัน ทุกๆอย่างที่ฉันต้องการจะกลายเป็นจริง”
โรเซร่าได้สะบัดมือเหมือนกับเป็นผู้ควบคุมวงดนตรี และผู้คนก็ได้หายไปในทันที พระราชวังได้กลับมาเงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง
“ชอบการแสดงต้อนรับของฉันไหม?”
เธอได้ถ้ามออกมาพร้อมเอียงหัวเล็กน้อย
ซอลจีฮูไม่ได้พูดอะไรกลับไปไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ก็ตาม เขาเคยได้เจอกับสิ่งต่างๆมาแล้วมากมาย แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้มาเห็นอะไรแบบนี้
“ตอนนี้”
โรเซร่าได้ปรบมืออีกครั้ง และฉากก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ในตอนนี้ทีมปฏิบัติการกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสวนสุดงดงาม
เบื้องหน้าของพวกเขามีโต๊ะกลมสีขาวพร้อมกับแก้วชาวางเอาไว้ด้านบน
“ถึงมันจะช้าไปหน่อย แต่ขอแนะนำนำตัวเองก่อนนะ”
หญิงสาวได้วางมือลงบนอกเบๆา
“ชื่อของฉันคือโรเซร่า ลา กราเซีย”
ซอลจีฮูได้ฝืนพูดออกมาได้ไม่กี่คำ
“แม่มดแห่งความฝัน…”
“ใช่แล้ว ครั้งหนึ่งฉันเคยถูกเรียกด้วยชื่ออันเล็กน้อยแบบนั้น”
โรเซร่าได้ยิ้มสดใสออกมาก่อนที่จะนั่งลงไปอย่างสง่างาม เธอได้เปิดฝ่ามือและชี้ไปที่เก้าอี้ตัวอื่น
“เชิญนั่ง”
ซอลจีฮูได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานนักเขาก็เตรียมใจกับตัวเอง แม่มดแห่งความฝันได้ดูแลพวกเขาทั้งหมดเป็นอย่างดีทั้งในฐานะเจ้าของที่นี่ และในฐานคนที่เชิญพวกเขามา
เพราะงั้นการตอบรับความปรารถนาดีของเธอในระดับเดียวกันก็เป็นเหมือนการเคารพเธอ
‘ทำกับคนอื่นเหมือนกับที่พวกเขาทำกับนาย’
“ขอบคุณมาก!”
เมื่อซอลจีฮูได้นั่งลงไป พรรคพวกของเขาก็ค่อยๆนั่งลงทีล่ะคน แต่ว่าเมื่อทุกๆคนได้นั่งลงไป ก็มีที่นั่งเหลืออยู่อีกหนึ่งที่
“คุณผู้หญิงที่อยู่ในจี้จะไม่นั่งด้วยหรอ?”
โรเซร่าได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงชวนฝัน
[!?]
‘เธอรู้?’
ซอลจีฮูได้อ้าปากค้างออกมา
“เอ่อ เธอไม่ค่อยถูกกับคนแปลกหน้า… เธอค่อนข้างจะขี้อาย”
“เอ๋? บุตรสาวที่น่านับถือของตระกูลรอชเชอร์… อาย?”
โรเซร่าดูจแปลกใจ
“เข้าใจแล้ว… ฉันหวังว่าจะได้คุยเรื่องต่างๆกับเธอนะ…”
ขณะที่เธอกำลังยื่นมือไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย-
[คุณปู่ก็มาที่นี่หรอ?]
โฟลนได้รีบถามออกมา
โฟลนได้ถามออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าโรเซร่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเพียงแค่มองจี้ด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
[อ่า อืมม…]
โฟลนคงจะรู้ตัวว่าทำผิดไปทำให้เธอติดอ่างขึ้นมา เธอได้รีบพูดต่อทันที
[ขออภัยด้วย… ฉันเผลอโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว…]
โฟลนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สง่างามผิดกับเธอตามปกติ
“ไม่หรอก ไม่เป็นไรเลย”
โรเซร่าได้พูดออกมาโดยที่ยังคงยิ้มอยู่
“ทั้งคุณแล้วก็ฉันต่างก็ตายไปแล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องรักษาธรรมเนียมจากในตอนที่เรามีชีวิตอยู่หรอก”
[…]
“แล้วก็ฉันได้ยินมาว่าบุตรสาวคนเล็กของตระกูลรอชเชอร์เป็นทอมบอยเอาแต่ใจ”
[!]
‘เอาแต่ใจ? ทอมบอย?’
จี้ได้ส่ายออกมารัวๆ โรเซร่าได้มองดูจี้ราวกับว่ามันน่ารักก่อนที่จะกระแอ่มขึ้นมา
“สำหรับคำถามก็ ใช่แล้วล่ะ หัวหน้าตระกูลรอชเชอร์ได้มาที่เจดีย์แห่งความฝันอย่างแน่นอน ในตอนที่เขารู้ตัวว่าถูกจักรพรรดิจอมโลภหมายตา เขาก็ได้ขอให้ฉันเก็บเอามรดกส่วนหนึ่งของรอชเชอร์เอาไว้ ถึงมันจะเป็นเรื่องเมื่อร้อยกว่าปีก่อน แต่ฉันก็ยังจำได้อย่างชัดเจน”
ซอลจีฮูสังเกตเห็นได้ถึงคิ้วของโรเซร่าที่เฉียบคมขึ้นมาในตอนที่เอ่ยถึงจักรพรรดิ
“พูดตามตรง ฉันก็ไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของหอกแห่งจักรวรรดิเลยสักนิด แต่ว่าเพราะฉันเกลียดจักรพรรดิ ฉันถึงได้ยอมรับคำขอของหัวหน้าตระกูลรอชเชอร์”
“ถ้างั้น-“
“ใช่แล้ว ฉันยังคงเก็บมรดกเอาไว้อยู่”
โรเซร่าได้ตอบกลับมาราวกับว่าเธอรู้ว่าซอลจีฮูจะถามอะไร จากนั้นเธอก็หยุดค้างในท่ากำลังยกแก้วชาอย่างสง่างอม รอยยิ้มทึ่งใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ
โรเซร่าได้พูดขึ้น
“อ่า เชี้ย”
ซอลจีฮูได้สงสัยในสิ่งที่ได้ยิน
“น่าเบื่อจริงๆเลย ก็แค่ให้ของเรามา แล้วปล่อยเราไปได้แล้ว ทำไมยัยนี้ถึงได้เชิญพวกเรามากันนะ?”
โรเซร่าได้พูดขึ้นนิ่งๆ
“ฮิ๊คคคค!?”
มาเรียได้ร้องเสียงหลงออกมา
ซอลจีฮูได้อุทานขึ้นในใจ
‘ไม่มีทางน่า’
มาเรียได้กระแทกหัวกับโต๊ะ และอ้อนวอนออกมา
“ฉันขอโทษ! อย่าฆ่าฉันเลย!”
“ไม่หรอก!”
โรเซร่าได้ปิดปากด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ส่ายหัวออกมา
“หากว่าคุณพูดออกมา ฉันก็จะคิดว่ามันเป็นความผิดของคุณ แต่ว่าคุณก็แค่คิดเท่านั้น ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดที่อ่านใจคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างที่เห็นนี่มันเป็นนิสัยเสียของฉัน”
มาเรียได้แอบเงยหน้าขึ้นมา
“ฉันสามารถจะมอบมรดกของตระกูลรอชเชอร์ให้คุณได้ทุกเมื่อ หากว่าคุณต้องการ ฉันก็สามารถจะมอบให้คุณได้เดี๋ยวนี้เลย”
โรเซร่าได้ยกชาขึ้นจิบ จากนั้นก็ค่อยๆวางแก้วลง
“แต่ว่าฉันจะยินดีมากหากว่าพวกคุณฟังฉันก่อนว่าทำไมฉันถึงเชิญพวกคุณมา”
ซอลจีฮูได้พูดขึ้น
“แน่นอนว่า ยังไงซะ…”
“ใช่แล้ว ก็อย่างที่ฉันพูดไป ฉันคือคนที่ตายจากเมื่อร้อยปีก่อน ร่างกายของฉันได้กลายเป็นขี้เถ้าเน่าสลายไปจนหมดแล้ว คนที่พวกคุณกำลังคุยอยู่ในตอนนี้คือ-“
ซอลจีฮูได้เงียบลงไปโดยที่ยังไม่ทันได้พูดว่า ‘คุณบอกว่าคุณตายไปแล้ว’ จบ
“ตัวตนที่มีเพียงแค่ความคิดหลงเหลืออยู่เท่านั้น”
ด้วยเหตุผลบางอย่างหญิงสาวคนนี้…
“…เอาแต่ใจ ในตอนฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันเคยได้ยินมันบ่อยๆเพราะนิสัยชอบอ่านความคิดคนอื่น ได้โปรดยกโทษให้กับพฤติกรรมของฉันด้วย”
“…อ่า ครับ”
“ตอนนี้ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นหรอก หากว่าแค่สักเล็กน้อย ฉันจะห้ามตัวเองเอาไว้”
ซอลจีฮูได้ไอแห้งๆออกมา
“ในตอนที่ผมได้เห็นบันทึกประวัติศาสตร์ ทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจดีย์แห่งโรคระบาด หรือเจดีย์แห่งความฝันได้ถูกลบไป”
“ใช่แล้ว นี่มันเป็นมาตราการที่ค่อนข้างจะได้ผลเลย”
โรเซร่าได้ตอบกลับมาอย่างหนักแน่น
“ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโรคระบาดความฝันจะส่งไปถึงจักรวรรดิ แต่ว่าฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะตอบสนองอย่างรุนแรงในทันทีที่โรคระบาดความฝันได้เพิ่มกระจายออกไป”
จากนั้นโรเซร่าก็เสริมขึ้น
“เขามีศัตรูอยู่มากมาย เพราะงั้นเขาก็มักจะรีบป้องกันตัวเองอยู่เสมอ”
“ย้อนไปตอนนั้นฉันทำอะไรไม่ได้มาก ฉันได้สร้างคำสาปที่ทรงพลังรอบๆเจดีย์ เพราะงั้นจึงไม่มีใครเข้ามาใกล้ แต่ว่าฉันก็ก้าวเท้าออกไปนอกเจดีย์ไม่ได้เหมือนกัน”
ซอลจีฮูได้มองดูโรเซร่าอย่างละเอียด ครั้งหนึ่งแม่มดคนนี้เคยวางแผนล้มล้างจักรวรรดิ แต่ว่านอกเหนือไปจากความน่าเหลือเชื่อของเธอ เขาก็ยังตั้งคำถามกับวิธีการของเธอ พูดตรงๆแล้วเจดีย์แห่งโรคระบาดได้ส่งผลเสียต่อผู้บริสุทธิ์ของจักรวรรดิ
“คุณพูดถูก เพราะเจดีย์ของฉัน พลเมืองที่ดีมากมายได้ตายลงไปนับไม่ถ้วน”
โรเซร่าได้เสริมขึ้นโดยไม่กั๊กไว้เลย
“แต่ว่าฉันก็ไม่ได้เสียใจเลย นั่นก็เพราะว่ามีผู้ติดตามจักรวรรดิจำนวนมากตายไปเหมือนกัน แล้วคนพวกนั้นก็สมควรตายทั้งหมด”
ซอลจีฮูได้กลายเป็นหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้ยินเธอพูดเหมือนนี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาได้ประสานนิ้วเข้าด้วยกันและถามออกมา
“ผมอยากจะรู้ว่าทำไมคุณถึงได้ทำขนาดนั้น”
“มันยังไม่ชัดอีกหรอ”
โรเซร่าได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนร้องเพลง
“เพื่อที่จะกำจัดจักรพรรดิบ้าสงคราม…”
ไหล่น้อยๆของเธอได้สั่นไหวเบาๆในตอนที่เธอกำมือ
“แล้วก็ข้ารับใช้ทรราชที่สนับสนุนในความบ้าคลั่งของจักรพรรดิ…!”
ซอลจีฮูได้ผงะไปเล็กน้อยจากความหนาวเย็นที่จู่ๆก็คืบคลานเข้ามา และกระจายไปทั้งร่างเขา
ความเย็นชาได้พวยพุ่งออกมาจากร่างของโรเซร่าเหมือนกับหนาม มันเหมือนกับว่าซอลจีฮูกำลังอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิติดลบ 40 องศาได้เลย นี่สินะคือความโกรธของโรเซร่า
‘พลังอะไรกัน….’
พลังที่เธอแสดงออกมาได้เหนือล้ำกว่าโฟลนไปไกลลิบ ในที่สุดซอลจีฮูก็รับรู้แล้วว่าแม่มดคนนี้ทรงพลังแค่ไหน บางทีเธออาจจะก่ำกึ่งกับผู้บัญชาการกองทัพปรสิตได้เลย
โรเซร่าได้สูดหายใจลึก จากนั้นก็คลายพลังงานลงไป
“ขออภัยด้วย”
เสียงถอนหายใจได้ดังออกมาจากทุกๆทาง
“ยังไงก็ตามหลังจากการตัดสินใจของจักรพรรดิ ฉันได้พยายามทำทุกวิธีเพื่อเสริมพลังให้กับคำสาป แต่ว่าร่างกายของมนุษย์ธรรมดาก็ยังคงมีข้อจำกัดที่ไม่อาจเลี่ยงได้อยู่ แม้กระทั่งหลังจากพยายามเลือดตาแทบกระเด็น จนฉันได้รับคุณสมบัติในการไล่ตามต้นกำเนิด…”
คำพูดช่วงท้ายของเธอได้คาดหายไปกับแนวคิดที่ยากจะเข้าใจ
“มีอยู่หนึ่งเหตุผลที่ฉันเชิญคุณทุกคนมา”
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง โรเซร่าก็จิบชาและพูดขึ้นอีกครั้ง
“แม้ว่าพลังของคำสาปจะอ่อนกำลังลงเป็นอย่างมากจากเวลาที่ผ่านพ้นไป แต่ฉันก็ได้ใช้เวลาทั้งชีวิตสร้างมันขึ้นมา ในเมื่อคุณทั้งสองคนเป็นคนที่หลุดมาจากคำสาปนี้ได้ด้วยพลังของตัวเอง พวกคุณก็คงจะมีพลังใจที่แข็งแกร่ง”
‘จริงๆแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย’
ซอลจีฮูได้เกาหัวขึ้นมา
“ฉันจะพูดตรงๆเลยนะ ฉันกำลังหาคนที่จะทำความปรารถนาที่ครั้งหนึ่งฉันทำมันล้มเหลวให้สำเร็จ”
ซอลจีฮูได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ความปรารถนาของโรเซร่าจะต้องเป็นการล่มสลายของจักรวรรดิ
“ฉันรู้ จักรพรรดิทรราช กับข้ารับใช้ทั้งหมดคงจะตายกันไปหมดแล้ว และมีสิ่งต่างๆมากมายได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต แต่ว่า- ความต้องการในการแก้แค้นของฉันก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือหายไป ย้อนกลับไปในการก่อตั้งมัน จักรวรรดิอันเน่าเฟะได้หยั่งรากลึกลงไปบนพื้น เพราะงั้นมันจะต้องถูกทำลาย ต่อให้จะผ่านไปแล้วเป็นร้อยปีก็ตามที”
เธอคงจะตีความสีหน้าของซอลจีฮูผิดไป
“แน่นอนว่าฉันจะไม่บังคับพวกคุณ”
และเธอก็คงจะหยุดอ่านใจคนอื่นแล้วจริงๆ
“และฉันก็จะไม่ร้องขอให้คุณทำอะไรกับมันด้วย”
หรือบางทีเธออาจจะไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกเลยเพราะเธอติดอยู่ที่นี่
“แต่ว่าหากคุณยอมรับคำขอของฉัน ฉันก็จะช่วยคุณสุดความสามารถ”
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เธอก็เข้าใจผิดไปมากจริงๆ
“เจดีย์แห่งความฝันนี่ยังเป็นมรดกของฉัน ทั้งขนาดและความสำคัญของมันมากจนตระกูลรอชเชอร์นั่นเทียบไม่ติดเลย”
โรเซร่าได้พูดอย่างภูมิใจพร้อมกับยื่นอกเล็กๆออกมา
ซอลจีฮูได้กระพริบตาขึ้น
‘หืม คนๆนี้ไม่ธรรมดาเลย’
ความแค้นยังคงไม่หายไปแม้จะผ่านไปเป็นร้อยปี… มันยากที่จะเข้าใจว่าความกระหายที่จะแก้แค้นของเธอมาจากไหนกัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการคาดเดา แต่ดูเหมือนโรเซ่ร่าจะไม่ได้อย่างล้มล้างจักรวรรดิแค่เพราะสงครามแน่ๆ
‘ยังมีเหตุผลอื่นอีก’
มันจะต้องมีเหตุผลที่ทำให้เธอเกลียดต้นกำเนิดของจักรวรรดิมากแน่ๆ
ไม่ว่าจะยังไงก็ตามซอลจีฮูได้ตัดสินว่ามันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควรจะไปยุ่งด้วย ไม่สิ ต่อให้เขาจะอยากช่วยเธอ แต่ว่าความปรารถนาของเธอก็ไม่มีวันสำเร็จได้อีกต่อไป
หากว่าจะมีสิ่งหนึ่งที่เขาบอกเธอได้-
นั่นก็คือการบอกความจริงแสนสำคัญให้กับหญิงสาวที่ใช้ชีวิตในความฝันมานับร้อยปี
โรเซร่าได้ถามขึ้นด้วยตาเป็นประกาย
“ว่ายังไงล่ะ? คุณคิดยังไง? คุณคงจะต้องการเวลาก่อนจะให้คำตอบสินะ”
ต่อจากนั้นเธอก็ยกแก้วชาขึ้น
“…”
ในด้านหนึ่งสิ่งที่ซอลจีฮูกำลังจะบอกกับเธอเป็นเรื่องโหดร้าย เพราะงั้นเขาจึงลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะพูดมันออกไป
“นี่อาจจะอวดดีไปหน่อย แต่ว่าผมมีบางสิ่งที่จะบอกกับคุณก่อนจะให้คำตอบ”
โรเซร่าได้หยักหน้าออกมาพร้อมกับทำท่าให้เขาพูดต่อ
“จักรวรรดิ…”
หลังจากสูดหายใจสั่นๆ ซอลจีฮูได้พูดขึ้นอย่างหนักแน่น
“ได้ล่มสลายไปแล้ว”
“พรูดดด!”
ชาได้ถูกพ่นออกมาจากปากเล็กๆของเธอจนเลอะโต๊ะไปหมด
โรเซร่าได้ตัวแข็งทื่อไปในท่าถือแก้วชาราวกับเวลาได้หยุดลง จะมีสิ่งเดียวที่แสดงให้เห็นว่าเธอยังมีสติอยู่ก็คือดวงตาที่กระพริบไม่หยุดของเธอ
ซอลจีฮูได้พูดตอกฝาโลงต่อทันที
“จักรวรรดิได้ล่มสลายมากว่า 10 ปีแล้ว ผู้คนได้ถูกฆ่าโดยไม่สนสถานะทางสังคน แม้กระทั่งหญ้าสักต้นยังไม่มีเหลือในเขตจักรวรรดิเลย”
โรเซร่าได้ค่อยๆเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ
“…”
ความเงียบได้เข้าปกคลุมอีกครั้งหนึ่ง การล่มสลายของจักรวรรดิที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในจุดสูงสุดของพาราไดซ์มาเป็นเวลานานคงจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมากสำหรับเธอ นั่นเพราะว่าเธอเอาแต่จ้องมองออกมาด้านหน้าอย่างว่างเปล่าโดยที่ไม่คิดจะวางแก้วชาลงเลย
“อ่า…”
ปากเล็กๆที่ปิดแน่นของเธอได้เปิดขึ้นเล็กน้อย
“ไม่”
และซอลจีฮู…
“อืมม…”
ได้เป็นสักขีพยานว่า…
“…ว่ายังไงนะ???”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดเวลาของเธอได้พังทลายลงไปในทันที