The Second Coming of Gluttony - ตอนที่ 248
บทที่ 248 – อีวายามค่ำคืน (3)
ฮิวจ์ โรดริโก้
เขาเป็นชาวโลกที่รับผิดชอบในการดูแลจัดการโรงประมูล Vip ในตอนนี้เขากำลังนอนกอดมนุษย์สัตว์ไร้สติหลับอยู่
ในตอนที่เขาได้มานอนหลังจากจัดการมนุษย์หมาป่าดื้อรั้นจนเกือบตายแล้ว เขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าในคืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ในความคิดของเขาแล้ว เขาคงจะตื่นมาในตอนเช้าด้วยความสดชื่น และยิ้มออกมาหลังจากได้เห็นมนุษย์หมาป่าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขารู้สึกขอบคุณในพระเจ้ามากที่ทำให้เขาได้มาในโลกที่เหมือนขุมทรัพย์นี้
เขาไม่คิดเลยสักนิดว่าคืนนี้จะต่างไปจากคืนอื่นๆ
มันจนกระทั่งเขาต้องตื่นขึ้นมาจากความวุ่นวายที่ชั้นล่าง
โรดริโก้ได้เบิกตากว้าง และรีบลุกขึ้นในทันทีที่ได้ยินเสียงวุ่นวาย แต่ว่าเนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่เกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นทำให้ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกเลย
ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือเสียงวุ่นวายได้ดังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว นี่มันหมายความว่าการรักษาความปลอดภัยที่ด้านนอกได้ถูกทะลวงผ่านเข้ามาแล้ว
นี่มันเป็นกรณีที่หาได้ยากมากที่จะมีใครบุกทะลวงเข้ามาในข้างได้ ทำให้โรดริโก้ไม่กล้าจะเมินเฉยอีกต่อไป
“หลี่! หมิน!”
เขาได้ลุกขึ้นจากเตียง และคำรามออกมา ประตูได้ถูกเปิดขึ้นทันทีราวกับตอบสนองต่อเสียงเรียก แต่แทนที่จะมีสองเงาปรากฏ กลับมีแค่เงาเดียวเดินเข้ามาเท่านั้น
“ท่านรู้ตัวช้าไปหน่อยนะ”
เสียงหัวเราะได้ดังออกมาจนทำให้โรดริโก้ถามกลับไปอย่างสับสน
“นาย…”
“อ่า อย่าเข้าใจกันผิดนะ ผมก็เพิ่งจะตื่นขึ้นมาเหมือนกัน”
ชายคนนี้ได้หยักไหล่ออกมา และมองกลับไปที่ประตู
“แต่ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะมาถึงที่ชั้นสองกันแล้ว… ค่อนข้างจะมีฝีมือเลยล่ะ”
ท่าทีเมินเฉยของชายคนนี้ได้ทำให้โรดริโก้สงบลง
‘ฉันคงจะโชคดีงั้นสินะ?’ โรดริโก้ได้คิดกับตัวเอง
ชายหนุ่มตรงหน้าเขาคนนี้คือคนที่จะมาในทุกๆครั้งที่มีการประมูล และจะเรียกร้องอะไรที่ไร้สาระอย่างข้ออ้างที่ว่า ‘ตรวจสอบสินค้า’ แต่สถานการณ์ในวันนี้มันต่างออกไป
โรดริโก้ได้รีบพูดทันที
“นายจะช่วยไหม?”
“แน่นอนสิ แค่ท่านอย่าลืมผมก็พอแล้ว”
ชายคนนี้ได้พูดออกมาพร้อมกับส่งสายตาให้โรดริโก้อย่างดุร้าย แน่นอนว่าโรดริโก้ก็ไม่ใช่คนที่จะไม่เข้าใจอะไร
“เยี่ยม ถ้างั้นก็ช่วยด้วย ฉันจะให้รางวัลอย่างงามเลย”
“พูดถึงรางวัลแล้ว…”
“ฉันไม่อาจจะให้สินค้าไปฟรีๆได้ แต่ว่าจะเป็นราคาที่ถูกมากๆแทน ฉันจะคัดแบบที่นายชอบไว้ให้เลย แบบคนที่นายนอนด้วยคืนนี้เป็นยังไงล่ะ?”
“ผมก็ไม่ได้หวังอะไรฟรีๆหรอก แต่ว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบกินอะไรซ้ำๆด้วยสิ”
เขาได้เลียริมฝีปากออกมา
“พอมาคิดดูแล้วที่ชั้นใต้ดิน…”
โรดริโก้ได้สบถในใจ แต่ว่าเขาก็พยักหน้าออกมาอย่างหมดทางเลือก
“ตราบเท่าที่ไม่ใช่มนุษย์จิ้งจอกก็ไม่มีปัญหา นายไปเลือกเอาได้เลย”
“เยี่ยม!”
ชายคนนี้ได้ระเบิดหัวเราะออกมา
“ท่านช่างเป็นคนใจกว้างซะจริง! เยี่ยม เยี่ยมมาก ผมจะออกไปทำงานเดี๋ยวนี้แหละ เชิญกลับไปพักผ่อนได้ตามสลายเลย”
เมื่อได้ยินคำตอบของเขา โรดริโก้ก็ดูจะผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วชายคนนี้จะน่ารำคาญ แต่ว่าเขาก็คือจิรายุ แมทธิว ตัวหลักและเป็นนักรบระดับ 5 ขององค์กรรอยัลพัทยา นั่นมันหมายความว่าเขาเป็นหนึ่งในชาวโลกที่แข็งแกร่งที่สุดในอีวา
โรดริโก้ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ว่าเขาก็ได้สติกลับมาได้ในทันที การได้นักรบระดับสูงมาช่วยก็เป็นเรื่องดี แต่ว่าก็คงจะมีแค่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะหวังพึ่งเอาแค่กับชายคนเดียว
“ไม่ ฉันก็มีงานต้องทำเหมือนกัน ยังไงก็ช่วยรีบจัดการกับสถานการณ์นี้ทีนะ”
จากนั้นโรดริโก้ก็ออกไปหยิบคริสตัลสื่อสารมา
จิรายุ แมทธิวก็ยังหันมามอง
“ถึงจะไม่รู้ว่าใครบุกมา แต่ก็ขอบคุณจริงๆนะ”
เพราะผู้บุกรุกทำให้ในตอนนี้เขาสามารถจะได้ทาสต่างเผ่าพันธุ์มาอยู่ในมือได้ในราคาถูกๆ เขาถึงขนาดสามารถจะเลือกทาสได้ตามต้องการอีกด้วย!
พอมาคิดแบบนี้แล้วจิรายุ แมทธิวก็ได้เดินผิวปากออกไปจากห้อง
ที่โถงทางเดินมีหญิงสาวผมยาวหน้าเหมือนกันสองคนกำลังรออยู่
หวังหลี่กับหวังหมิน
พี่น้องฝาแฝดคือองครักษ์ส่วนตัวของโรดิโก้ และจิรายุ แมทธิวก็รู้จักกับพวกเธอเป็นอย่างดี
“ถึงนี่จะเป็นงานของพวกเธอ แต่ให้ฉันจัดการ และสาวๆก็ไปพักดื่มชาเถอะนะ”
จิรายุ แมทธิวได้หัวเราะออกมา
“หรือหากว่าอยากจะแสดงความขอบคุณก็เชิญไปรอฉันที่เตียงก็ได้นะ”
เขาได้พูดล้อเล่น แต่ว่าสองพี่น้องไม่ได้ตอบกลับเลยสักนิด คนหนึ่งได้มองออกไปด้วยสีหน้าเคอะเขิน ในขณะที่อีกคนไม่ได้สนใจเลยสักนิด
จากนั้นเอง เคร๊ง เคร๊ง! เสียงโลหะปะทะกันได้ดังออกมาที่ทางเดินอันเงียบสงบ คิ้วของจิรายุ แมทธิวได้ขมวดขึ้น
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็”
เขาได้หันไปมองบันไดพร้อมหยิบขวานมือเดียวกับโล่ขึ้นมา
“มาดูโฉมหน้าฮีโร่ผู้กล้าหาญกันดีกว่า”
ไม่นานนักผู้บุกรุกก็ได้มาถึงชั้นบนของบันได และเผยตัวออกมา จิรายุ แมทธิวที่กำลังตั้งใจยืนมองถึงกลับหลุดหัวเราะออกมา
เขาคิดว่าผู้บุกรุกจะเป็นคนที่มีทักษะอย่างบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ขึ้นมาได้ถึงชั้นสาม แต่ว่าตัดสินจากชุดเกราะซอมซ่อของอีกฝ่ายแล้ว อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นแค่คนโง่ที่กล้าหาญเท่านั้นเอง
ถึงแน่นอนว่าชุดเกราะมันไม่จำเป็นต้องสะท้อนถึงความสามารถเสมอไป แต่เรื่องที่ว่าพาราไดซ์นี้การมีอุปกรณ์ที่ดีมันหมายถึงพลังก็เป็นความจริงที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้
จิรายุ แมทธิวได้ก้าวเท้าออกไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง
“เฮ้! สหาย!”
เขาได้ทักทายออกมาอย่างเป็นมิตร พร้อมทั้งยกขวานที่มีประกายแสงเย็นชาขึ้น
“ขอบคุณ! ขอบคุณมาก! ขอบคุณที่นาย….?”
สายตาของเขาได้เปลี่ยนไปก่อนที่จะได้ทันพูดจบ นั่นก็เพราะหอกสีน้ำเงินที่ปรากฏขึ้นบนมือซ้ายของผู้บุกรุก และหอกเล่มนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา
จิรายุ แมทธิวได้ยื่นโล่ออกไปรับไว้ทันที ตึง! หลังจากกันหอกมานาแล้ว จิรายุ แมทธิวถึงกับร้องออกมา
เขาป้องกันมันได้แน่ๆ แต่ว่าแขนของเขากลับชาขึ้นมาจนน่าตกใจ
‘เชี้ย ผู้บุกรุกเป็นนักเวทย์?’
แต่ว่าก่อนที่อาการชาจะได้หายไป จิรายุ แมทธิก็ต้องรีบบิดโล่ขึ้นมา
นั่นก็เพราะมีหอกมานาอีกเล่มกำลังพุ่งเข้ามา
“กรอดดด!”
จิรายุ แมทธิวที่ทนรับแรงกระแทกไม่ไหวต้องก้าวเท้าถอยกลับไป แม้ว่าเขาจะพยายามปัดป้องการโจมตีอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวส่งตรงมาถึงมือของเขา
มันถึงขนาดที่ทำให้เขาต้องปวดข้อมือ
‘บ้าเอ้ย เขาไม่ใช่นักเวทย์ แต่เป็นนักรบที่เพิ่มค่ามานางั้นหรอ?’
ถ้าแบบนี้มันก็เข้าใจได้ว่าทำไมเกราะของเขาถึงอยู่ในสภาพแบบนั้น นั่นเพราะการใช้เกราะหนักจะสร้างภาระให้กับค่าสถานะพละกำลังอันน้อยนิดของเขา
‘อย่างน้อยสุดก็ปานกลาง (ปานกลาง) หรือไม่ก็ ปานกลาง (สูง) ก็ได้’
จิรายุ แมทธิวได้กัดฟันฝืนทนความเจ็บปวดเพื่อวิเคราะห์ศัตรู ระดับสมรรถภาพร่างกายของศัตรูน่าจะต่ำกว่าตัวเขา เขาจะเสียเปรียบในการต่อสู้ระยะไกล และจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดการต่อสู้ระยะประชิดขึ้น
จิรายุ แมทธิวได้ทิ้งอาวุธลง และคลำไปที่รอบเอว ในทันทีที่เขาจับที่จับที่อยู่บนเข็มขัดได้ เขาก็เหวี่ยงมันออกไปข้างหน้าสุดแรง
ฟิ้ววว ขวานมือขนาดเล็กได้ลอยคว้างเข้าไปใส่ศัตรู
ยังไงก็ตามศัตรูได้หมุนแขนซ้ายอย่างสงบ โล่ทรงกลมได้ที่ถูกสร้างขึ้นจากข้อมือเขาได้บังคับให้ขวานมือต้องกระเด็นออกไป
‘เชี้ย ถึงขนาดมีอาร์ติแฟคด้วย?’
สีหน้าของจิรายุ แมทธิวได้กลายเป็นบิดเบี้ยวไป แต่ว่าเขาก็ยังไม่หยุดขว้างขวานมือ
ถึงมันจะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เขาก็เชื่อว่าเขาสามารถจะจัดการศัตรูได้ง่ายๆหากเขาเข้าไปใกล้ศัตรูได้
เล่มที่สอง เล่มที่สาม… ขวานทุกๆเล่มที่เขาขว้างออกไปต่างก็ถูกป้องกันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าเขาก็ยังไม่หยุด
และเมื่อเขาได้ขว้างขวานเล่มที่สีออกไป เขาก็ได้หยิบอาวุธขึ้นมาอีกครั้ง และถือโล่พุ่งไปข้างหน้า
พลังงานได้พุ่งขึ้นมาจากโล่ของเขา เขาได้วางแผนเอาไว้ว่าจะสร้างช่องว่างขึ้นด้วยขวานมือที่ขว้างออกไป และจากนั้นก็จะพุ่งไปใช้โล่ที่เต็มไปด้วยพลังมานากระแทกเข้าใส่ศัตรู
แต่กลับผิดไปจากที่เขาคาดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ศัตรูไม่ได้ป้องกันการพุ่งเข้าใส่ของเขาด้วยหอกมานาเลย
ถึงแบบนั้นยังไงเขาก็เข้ามาประชิดศัตรูได้สำเร็จแล้ว
“ย๊ากกก!”
จิรายุ แมทธิวได้เหวี่่ยงอาวุธในมือขวาออกไปในทันทีที่เห็นศัตรูยังคงยืนนิ่ง จากนั้นเองทันทีที่เขาฟาดอาวุธลงไป หอกของศัตรูก็เริ่มเคลื่อนไหว
เคร๊ง! คมขวานได้ปะทะเข้ากับด้ามหอกจนทำให้เกิดประกายไฟกระจายไปทั่ว
จิรายุ แมทธิได้รีบดึงขวานกลับไป และเริ่มทุบกระหน่ำขวานออกไปอย่างบ้าคลั่ง เขาได้วางแผนที่จะใช้พละกำลังเอาชนะศัตรู
ในตอนแรกจิรายุ แมทธิวได้คิดว่าทุกๆอย่างได้เป็นไปตามแผน เขาเป็นคนที่โจมตีอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่ศัตรูจะต้องคอยพะวงไปกับการรับการโจมตี
แต่จู่ๆสถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหันหลังจากที่ขวานมือเล่มที่หกที่เขาขว้างออกไปถูกกันเอาไว้
นั่นคือในตอนที่เขาได้เห็นหอกของศัตรูเป็นครั้งแรก และยังเป็นตอนที่เขาได้รู้ตัวว่านับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ ศัตรูยังไม่ได้ขยับไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียว
จากนั้นจิรายุ แมทธิวที่กำลังจะโจมตีครั้งที่เจ็ดออกไปได้ร้อง ‘อ๊ะ’ ออกมา นั่นมันเพราะหอกของศัตรูได้เปลี่ยนจากป้องกันเป็นโจมตี
ขณะที่คมขวานของเขากำลังฟันลงไป คมหอกสีขาวก็ได้แทงสวนเข้ามาใส่เขา
เคร๊ง!
“เฮือก!”
ปากของจิรายุ แมทธิวได้อ้าค้างออกมา แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวขวานที่เขาต้องใช้เงินมหาศาลซื้อมาก็กระจายออกเป็นชิ้นๆ
จิรายุ แมทธิวได้รีบบดตัวเพื่อหลบหอกออกไป แต่ระหว่างนั้นเขาก็ต้องเสียสมดุลไป เขาพยายามที่จะด้ามหอกที่ผ่านตัวเขาไปเพื่อรักษาสมดุล แต่แล้วเขาก็ถูกเตะเข้าที่ท้องอย่างแรง
“อั๊ก-!”
เขาได้ถูกส่งลอยออกไปกระแทกพื้นด้วยสภาพไม่น่ามอง
เขาพยายามที่จะตั้งท่าใหม่ และลุกขึ้นอยู่ แต่จู่ๆเขาก็ต้องกระอักเลือดออกมา ดวงตาของเขาได้เบิกกว้างขึ้น
เขารู้สึกได้ถึงลมที่กระทบท้องของเขา เมื่อเขาก้มลงไปมองโดยไม่รู้ตัว เขาก็ได้เห็นเกราะหนาถูกบดขยี้เข้ามา
ฝ่ามือของเขาฉีดขาดจนเลือดหยุดลงพื้น ส่วนขวานที่เขาเคยถือก็ตกลงอยู่ที่ไหนสักจุดไปแล้ว
ตอนนี้เองดวงตาของจิรายุ แมทธิวถึงได้เริ่มสั่นเทาขึ้นมา
‘มานาอะไรกัน…!’
ตึก ตึก เสียงฝีเท้าได้ดังกังวาลไปทั่วโถงทางเดิน
เมื่อจิรายุ แมทธิวได้เงยหน้ามองขึ้นไปสบกับสายตาไม่แยแสของศัตรู เขาก็ต้องสะอึกออกมา
“พวกเธอกำลังทำบ้าอะไรกันอยู่!?”
เขาได้ตะคอกใส่หวังหลี่ กับหวังหมินอย่างไม่พอใจ
‘ไม่ใช่ว่านายบอกว่าจะจัดการเองหรอกหรอ?’ หวังหลี่ได้แค่นเสียงออกมา เธออยากจะสบถด่าชายหนุ่มดังๆ แต่เธอก็รู้ดีว่าการทะเลาะกันในระหว่างการต่อสู้มันไม่มีอะไรดีเลย
หวังหลี่ได้โยนดาบยาวสำรองไปให้กับจิรายุ แมทธิว และพึมพำมออกมาอย่างเย็นชา
“รีบขึ้นลุกซะ”
จากนั้นเธอก็ค่อยๆหันไปมองทางศัตรู
ชิ้ง! สองฝาแฝดได้พาดดาบเข้าด้วยกัน จากนั้นก็พุ่งแยกกันออกไปทางซ้าย และขวา
จิรายุ แมทธิวก็รีบลุกขึ้นยืน และชักดาบยาวที่เพิ่งจะได้รับมา จากนั้นเองขณะที่เขากำลังจะแสดงพลังใช้ปราณดาบออกไป จู่ๆเขาก็กลายเป็นสับสน
“ดะ เดี๋ยวก่อน!”
สองฝาแฝดอยู่ในระดับ 4 ที่ทรงพลังกันทั้งคู่ แต่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ มีอยู่สิ่งหนึ่งที่จิรายุ แมทธิวได้เรียนรู้มาจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้
มานา สมรรถภาพร่างกาย อุปกรณ์ เขาด้อยกว่าศัตรูในทุกๆด้าน
ศัตรูจะต้องเป็นระดับ 5 หรือบางทีอาจจะระดับ 6 ด้วยซ้ำไป
นี่คือสิ่งที่จิรายุ แมทธิวเชื่อ
ต่อให้พวกเขาสามคนจะร่วมมือกันก็อาจจะยังไม่พอเอาชนะผู้บุกรุกได้เลย ยิ่งเมื่อเห็นตำแหน่งของสองฝาแฝด จิรายุ แมทธิวก็ต้องรีบตะโกนออกมา
“เฮ้! เจ้าพวกปัญญาอ่อน!”
ในเวลาต่อมาหวังหลี่กับหวังหมินก็ได้ถีบตัวพุ่งเข้าใส่พร้อมๆกัน คนหนึ่งลอยเข้าใส่ ในขณะที่อีกคนย่อตัวพุ่งเข้าใส่ พวกเธอได้เสียดแทงดาบยาวออกไปพร้อมๆกัน
แต่แม้ว่าทั้งคู่จะแสดงการผสานงานอันยอดเยี่ยม และเฉียบแหลมออกมา ผู้บุกรุก ซอลจีฮูก็ยังคงนิ่งสงบ
จากการปะทะกับนักรบผู้ใช้ขวานก่อนหน้านี้ได้ทำให้ซอลจีฮูรู้แล้วว่าทำไมจางมัลดงถึงได้บอกว่ามีความแตกต่างระหว่างแรงค์เกอร์ระดับสูงที่แท้จริง กับแรงค์เกอร์ระดับสูงเทียม
เขายังรู้อีกด้วยว่าทำไมในตอนนั้นฟีโซราถึงได้เอาชนะเขาได้ง่ายนัก
ศัตรูของเขาไม่รู้วิธีต่อสู้ พวกเขารู้ก็แต่ใช้พลัง และความสามารถพุ่งเข้าใส่ตรงๆโดยพึ่งแค่เพียงหน้าต่างสถานะ
มันแทบจะเหมือนกับการคลิ๊กแค่เมาส์ซ้าย โดยไม่สนใจควบคุมตัวละครในเกมสักนิด
และกระทั่งตอนนี้มันก็ยังเป็นอยู่ แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกเลยที่ซอลจีฮูได้เผชิญหน้ากับรูปแบบการผสานการโจมตี แต่ว่าเขาก็มองการเคลื่อนไหวของศัตรูออกอย่างชัดเจน ทั้งคู่กำลังพุ่งเข้ามาโดยเล็งที่คอกับเอวของเขาอย่างชัดเจน
เมื่อรู้การเคลื่อนไหวของศัตรูแล้ว การจะจัดการก็เป็นเพียงเรื่องง่ายดาย ซอลจีฮูได้บิดตัวก่อกวนการโจมตีของฝ่ายตรงช้าม และแทงหอกเข้าใส่ดาบยาวที่เล็งใส่คอของเขา
หวังหมินได้รีบตวัดดาบลงทันทีเพื่อโต้กลับ แต่ซอลจีฮูก็ได้กระจายมานาออกไปทั่วร่าง และกระทืบเท้า
คลื่นนน! หวังหวินได้ผงะไปกับแรงกระแทก ก่อนที่จะคลื่นปราณพัดกระเด็นจากแรงระเบิดของปราณที่ปะทะกันของอาวุธทั้งสอง
ในเวลาเดียวกันกระแสไฟฟ้าสีทองที่ถูกจุดขึ้นจากปลายเท้าของซอลจีฮูก็ได้ปกคลุมร่างของเขาทันที
‘จบได้แล้ว’
เมื่อเขาคิดแบบนี้ ซอลจีฮูก็พุ่งออกไปเหมือนกับสายฟ้าผ่านคู่ฝาแฝดไป
จิรายุ แมทธิวที่กำลังเตรียมการโจมตีครั้งถัดไปได้เบิกตากว้างขึ้นมา
หลังจากทิ้งภาพติดตาสีทองเอาไว้ ซอลจีฮูที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ดึงหอกกลับมา ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็คิดออกมาเมื่อไหร่ที่หอกพุ่งลงมาร่างของจิรายุ แมทธิวก็จะต้องขาดครึ่งอย่างแน่นอน
จิรายุ แมทธิวที่ตอนแรกไม่รู้ว่ามอนสเตอร์อันน่ากลัวจะมาหาเขาก่อนได้รีบแทงดาบออกไปด้านหน้าทันที แม้ว่าเขาจะตกใจเกินกว่าจะคิดอะไรได้ทัน แต่เขาก็ได้โจมตีโดยพนันทุกๆอย่างเอาไว้กับการเคลื่อนไหวสุดท้ายนี้แล้ว
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรจากดาบเลยสักนิด ไม่มีแม้กระทั่งแรงปะทะอะไรเลยสักนิด
ขณะที่ดาบของเขาทะลวงผ่านความว่างเปล่าไป จิรายุ แมทธิวก็ได้เห็นหอกค่อยๆถูกดึงกลับไปอย่างชัดเจน
เหตุผลที่เขาไม่เห็นการโจมตีก็เพราะว่าปลายหอกได้ฟาดเข้าที่คางของเขาแล้ว
หลังจากที่คางถูกกระแทก จิรายุ แมทธิวก็ได้ตัวลอยขึ้นมา
และหลังจากเขาตกถึงพื้น คมหอกก็ได้แทงทะลุชุดเกราะที่ทรุดโทรมของขาจนมาถึงท้อง
“อั๊ก!”
ตึก แขนของจิรายุ แมทธิวได้ตกลงกับพื้น เคร๊ง และเสียงกระแทกของดาบตกลงพื้นก็ดังออกมา
ซอลจีฮูได้บิดใบหอก ก่อนที่จะตวัดขึ้นเต็มแรง คมหอกได้ตัดผ่านหน้าอก ลำคอ จมูก และหัวของเขาจนขาดครึ่ง
ซากศพของนักรบระดับ 5 ได้ถูกตัดแบ่งครึ่่งอย่างหมดจด
ยังไม่หมดเท่านั้น ซอลจีฮูรู้สึกเสียวขึ้นที่คอ
เมื่อเขาได้ดึงหอกกลับมา เขาก็เหวี่ยงมันออกไปในแนวนอนทันที ฉั๊วะ! ความรู้สึกของการตัดเฉือนเนื้อได้ถูกส่งกลับมาที่มือของเขา
และเมื่อเขาหันกลับไปมอง เขาก็ได้เห็นหัวที่ถูกตัดกำลังลอยอยู่
“หลี่!”
ซอลจีฮูได้ยื่นมือซ้ายออกไปหาหวังหมินที่กำลังร้องไห้ หอกมานาได้พุ่งเข้าไปปักหวังหมินไว้กับกำลังแพงทันที
จากนั้นซอลจีฮูก็ใช้ประกายสายฟ้าพุ่งตามเข้าไปแทงเข้าที่หน้าอกของเธออย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง
“อ๊ากกก!”
การถูกหอกปักไว้กับกำแพงได้ทำให้หวังหมินสำลักเลือดออกมากองโต
ขณะที่เธอจ้องมองศัตรูด้วยสายตาที่สั่นเทา ซอลจีฮูก็ถามขึ้นอย่างสงบ
“ผู้จัดการอยู่ที่ไหน?”
แทนที่จะตอบกลับ หวังหมินได้วางมือเอาไว้บนกระเป๋าแทน จากนั้นเมื่อเธอกำลังดึงมันออกมาก็ต้องเบิกตากว้าง-
ตูม! หมัดของเธอได้บดขยี้ใบหน้าของเธอโดยตรง
เนื่องจากว่าหมัดของเขาได้เต็มไปด้วยพลังมานาอันน่ากลัวจึงส่งผลให้นอกจากหัวของเธอถูกบดขยี้ ยังทำให้กำแพงด้านหลังถูกทำลายไปอีกด้วย
เลือดได้กระจายออกไปจนทั่ว และรูที่หัวก็ได้ถูกสร้างขึ้นมา
แม้ว่าซอลจีฮูจะค่อยๆลดมือลงอย่างช้าๆ แต่ว่าร่างกายของเธอก็ยังไม่ตกลงมา กล่องเสียงของเธอได้ส่งเสียงอู้อี้ออกมาสองสามวินาทีก่อนที่จะเงียบง่ายไป
ร่างกายของเธอได้ทรุดลงไป
เธอได้เสียชีวิตลงไปแล้ว
ซอลจีฮูได้สูดหายใจเข้าปอดเอาไว้โดยที่หอกพิสุทธิ์ยังคงแทงเข้าไปในศพอยู่ เขาได้มองกลับไปที่ศพของศัตรูทั้งสามคน
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนซึ่งมีนักรบระดับ 5 อยู่หนึ่งในนั้นได้ถูกทำลายลงไปด้วยมือของเขา