The Second Coming of Gluttony - ตอนที่ 279
บทที่ 279 – ผจญฤดูหนาว (4)
ซอลจีฮูได้มุ่งหน้าไปที่วิหารลูซูเรีย บางทีอาจจะเพราะว่าดึกแล้วทำให้ภายในวิหารเงียบสนิท
ลูซูเรียได้อ้าแขนตอบรับซอลจีฮู โดยที่บอกว่าเขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว
ซอลจีฮูก็ไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากถูกลูซูเรียดูแลอย่างดีสักหน่อยแล้ว เขาก็เผยเหตุผลในการมาที่นี่ของเขา
ลูซูเรียที่อ่านความคิดของซอลจีฮูได้พูดขึ้นด้วยความตกใจ
[นี่เจ้ากำลังจะใช้คะแนนคุณูปการมากขนาดนี้เลย?]
‘ครับ ได้หรือเปล่าครับ?’
[ขอเวลาดูก่อนนะ]
ลูซูเรียได้ขอเวลาในการคำนวน ไม่นานนักน้ำเสียงอันยั่วยวนก็ได้ดังขึ้นในหัวของเขา
[ได้สิ ใช่แล้ว ถึงมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ก็ตามที]
คำตอบในแง่บวกได้ถูกส่งกลับมา สีหน้าของซอลจีฮูได้สดใสขึ้น
[จริงหรอครับ? ทำได้ใช่ไหมครับ?]
ซอลจีฮูได้ถามขึ้นอีกครั้ง
[เจ้าคงไม่รู้สินะว่าเจ้ามีแต้มคุณูปการมากแค่ไหน?]
ลูซูเรียได้พูดอย่างอารมณ์ดี จนทำให้ซอลจีฮูหัวเราะแห้งๆออกมา
‘ผมไม่รู้ครับ คนรอบตัวผมเอาแต่ยกยอผมโดยเรียกผมว่าวีรบุรษหรือตำนาน แต่ว่าผมไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรแบบนั้น…’
[ลองคิดแบบนี้นะ เจ้าได้กำจัดความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ลงไป นี่เป็นสิ่งที่ทั่วทั้งพาราไดซ์ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนนับตั้งแต่ที่การบุกรุกของราชินีปรสิต]
ลูซูเรียได้พูดขึ้นอย่างใจดี
[ที่สำคัญคือเจ้าเป็นคนแรกที่ทำมันสำเร็จ สำหรับงานแบบเดียวกันแล้ว คะแนนคุณูปการที่จะได้รับจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และประวัติความเป็นมา]
‘อ่า’
[คะแนนคุณูปการจะเป็นการแสดงอิทธิพลของบุคคลต่อสังคมออกมาเป็นตัวเอง]
ซอลจีฮูที่นึกถึงคำพูดของซอยูฮุยได้เข้าใจถึงความสำคัญของคนแรกที่ทำบางอย่างสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว พูดง่ายๆก็คือคนที่เป็นคนแรกจะได้รับรางวัลพิเศษ
การกำจัดความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ก็เป็นผลงานที่น่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว แต่ว่าคะแนนคุณูปการไม่ได้คำนวณจากเรื่องนี้
ด้วยการกำจัดผู้บัญชาการที่หนึ่งผู้ที่อยู่ยงคงกระพัน ซอลจีฮูได้เป็นคนมอบความหวัง และความกล้าให้กับเหล่าผู้คนที่อยู่ในพาราไดซ์
เนื่องจากผลกระทบของสงครามได้ส่งผลไปทั่วทุกภูมิภาค จำนวนคะแนนคุณูปการของเขาจึงไม่สามารถจะประเมินได้เลย
[ยังไม่หมดเท่านั้นนะ ความสำเร็จของเจ้าทั้งหมดต่างก็ส่งผลถึงเรื่องราวสำคัญเป็นอย่างมาก เร็วๆนี้เจ้าก็เพิ่งสร้างความสำเร็จอันโดดเด่นออกมาไม่ใช่หรอ?]
เธอคงจะกำลังพูดถึงเหตุการณ์อีวา
นอกไปใจนี้เนื่องจากว่าซอลจีฮูแทบไม่ได้ใช้คะแนนคุณูปการเลยยกเว้นก็แต่การเพิ่มระดับ ดังนั้นจำนวนคะแนนจึงมหาศาลจนน่ากลัว
[ข้าขอรับประกันด้วยนามของข้าเลย ในตอนนี้ไม่มีใครที่ถูกครองคะแนนคุณูปการไปมากกว่าเจ้าแล้ว แม้กระทั่งผู้บริหารอย่างบุตรแห่งข้าก็ยังเทียบเจ้าไม่ได้]
ความจริงแล้วคือซอยูฮุยได้ใช้ความปรารถนาแห่งเทพเพื่อช่วยซอลจีฮูที่งานจัดเลี้ยง และยังได้ใช้เลื่อนระดับ 8 อีกด้วย แต่ว่าลูซูเรียไม่ได้พูดถึงเรื่องเหล่านี้ ยังไงสุดท้ายแล้วสิ่งที่เธอพูดก็คือความจริงในปัจจุบัน
ซอลจีฮูกำหมัดแน่น
เป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้
นี่คือคำถามที่สำคัญที่สุด แน่นอนว่าความจริงที่เขาต้องใช้คะแนนคุณูปการจำนวนมหาศาลก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่า-
[โอ้?]
ในตอนนี้เองลูซูเรียก็อุทานออกมา
[ฮุฮุ โฮ่โฮ่โฮ่!]
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ ซอลจีฮูก็ร้อง ‘อ๊ะ’ ออกมา
[นี่เป็นความคิดที่น่าสนใจจริงๆ บางทีคงมีแค่เจ้าที่คิดได้]
ในเมื่อเธอไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ ซอลจีฮูจึงค่อยๆถามออกมา
‘นี่ก็เป็นไปได้ใช่ไหมครับ?’
[แน่นอนว่าเป็นไปได้]
ลูซูเรียได้ตอบกลับอย่างสดชื่น เธอได้คำตอบกลับมาอย่างชัดเจน ต่างกับอีกคนที่ชอบให้มาแต่ความคลุมเครือ
[ลองคิดดูนะ เจ้าคิดว่าทำไมเราถึงแยกระดับการเชิญด้วยล่ะ?]
‘ผมไม่มั่นใจ…’
ซอลจีฮูได้เอียงหัวเมื่อลูซูเรียวางมือลงบนหัว และลูบผมเขาอย่างอ่อนโยน
[ไม่ต้แงห่วง สิ่งที่เจ้ากำลังจะทำไม่ได้ขัดต่อข้อจำกัดที่เราตั้งเอาไว้ เพราะงั้นมันไม่มีเหตุผลให้เราเข้าแทรกแซงหรือหยุดเจ้า]
ภายในใจของซอลจีฮูรู้สึกยินดีขึ้น เขาเพิ่งจะได้รับอนุญาติจากตัวตนที่น่าเชื่อถือ ตอนนี้เขาไม่มีความกลัวอีกแล้ว
‘ขอบคุณครับ’
เขาได้โค้งคำนับอย่างสุภาพ และหันหน้าไป
[บะ บุตรข้า!]
เขาได้วิ่งออกไปจากวิหาร โดยทิ้งลูซูเรียที่ขอให้เขาอยู่เล่นนานกว่านี้อีกหน่อยด้วยความผิดหวัง
บางทีอาจจะเพราะหน้าหนาวแล้วทำให้อากาศยามค่ำคืนหนาวมาก ร่างกายของเขาสั่น และมีควันสีขาวออกมาจากปากของเขา แต่ว่าภายในหัวของเขากระจ่างชัดเหมือนกับถูกเทน้ำราดหัว
เมื่อเขาได้รับการยืนยันความเป็นไปได้ของความคิดแล้ว มันก็เหมือนกับคลื่นน้ำที่พัดพาอุปสรรคออกไปจนหมด
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้เตะบอลเข้าประตู ทั้งๆที่เตะออกไปทางหน้าประตูแบบสุ่มๆ
‘ชิ’
ระหว่างเดินอยู่เขาก็ระเบิดหัวเราะออกมา
‘หากว่าฉันไม่ได้เห็นนิมิตนั่น…’
เขาจะรู้ถึงเรื่องอึนยูริอันลึกลับไหมนะ?’
เธออาจจะไม่รู้เลยว่ามีคนๆหนึ่งกำลังพยายามที่จะดึงเธอเข้ามาที่ต่างโลกอยู่ แต่ว่าเขาก็ไม่คิดที่จะบังคับเธอ อึนยูริจะต้องเป็นคนเลือกเอง
แต่เขาก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเธอจะมาพาราไดซ์
‘อึนยูริ’
ซอลจีฮูได้เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงตาของเขาได้เป็นประกายเหมือนกับดวงดาว
‘หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกไม่นานนะ’
***
เช้าวันถัดมา
“มีเรื่องดีเกิดขึ้นงั้นหรอคะ?”
คิมฮันนาห์ได้ถามออกมาหลังจากที่เธอเข้ามาในห้องประชุมตามการเรียกตัวของซอลจีฮู
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องเขตพื้นที่เป็นกลางเดือนมีนาคม”
ซอลจีฮูพูดด้วยรอยยิ้มสดใส
“เราจะเข้าร่วมการประมูลกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องเป็นหนึ่งในคนที่ดูแลรับผิดชอบเขตพื้นที่เป็นกลางในเดือนมีนาคมนี้”
คิมฮันนาห์พยักหน้า ด้วยคะแนนคุณูปการของซอลจีฮู มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
“แล้วเรื่องอึนยูริล่ะคะ?”
“ฉันจะรับเธอเข้าองค์กร”
คิมฮันนาห์ไม่ได้ตกใจเลยสักนิด นับตั้งแต่ที่เขาถามเธอเรื่องอึนยูริ เธอก็เดาเอาไว้แล้ว และเธอก็รู้ว่าซอลจีฮูก็จะต้องเรียกเธอในเร็วๆนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องใช้ความปรารถนาแห่งเทพ แต่ว่าเขาคงจะใช้มันหลังจากที่ตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนแล้ว
“คุณจะพาตัวเธอมาในฐานะผู้ทำสัญญา หรือผู้ถูกเชิญ?”
“ผู้ถูกเชิญ”
ซอลจีฮูได้พูดขึ้นอย่างไม่ลังเล
“พวกเราจะมอบตราประทับทองคำเป็นคำเชิญให้กับเธอ”
สีหน้าคิมฮันนาห์ได้แข็งทื่อไป ไม่ใช่ทองแดงหรือเงิน แต่เป็นทองงั้นหรอ?
“เดี๋ยวก่อนนะคะ”
คิมฮันนาห์ได้รีบยกมือขึ้น
“คุณรู้ดีถึงคุณค่าของตราประทับทองคำใช่ไหม?”
“ฉันก็ไม่มั่นใจนะ”
“ตัวแทน มันมีเหตุผลที่องค์กรส่วนใหญ่เลือกใช้สัญญาแทนที่จะใช้การเชิญอยู่นะคะ”
“นั่นเพราะมันใช้คะแนนคุณูปการที่น้อยกว่าใช่ไหม?”
“หากว่าคุณรู้แล้ว… ฟู่ ค่ะ”
คิมฮันนาห์ได้กลืนเสียงถอนหายใจลงไป
“โบนัสและสิทธิพิเศษไม่ใช่สิ่งเดียวที่ควรคำนึงถึงในการมอบการเชิญระดับสูงเท่านั้น มันมีความต่างระหว่างสัญญากับการเชิญมากกว่านั้น การเชิญคนๆหนึ่งเข้ามามันหมายความว่าคนที่เชิญจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการพาคนๆนั้นเข้ามาในพาราไดซ์”
ซอลจีฮูพยักหน้าเงียบๆ
“ตราประทับทองแดงที่เป็นการเชิญระดับต่ำที่สุดมีค่าเทียบได้กับตราประทับแดงห้าอัน ตราประทับเงินมีค่าเทียบได้กับตราประทับทองแดงเจ็ดอัน และตราประทับทองคำมีค่าเท่ากับตราประทับเงินสิบเอ็ดอัน”
นั่นมันหมายความว่า ตราประทับทองคำมีค่าใช้จ่ายที่สามารถจะแลกเป็นสัญญาได้ 385 อัน
“อย่างที่ทราบกันดี แค่เพียงตราประทับเงินไม่กี่สิบอันก็ทำให้คุณชนะการประมูลดูแลเขตพื้นที่เป็นกลางได้แล้ว”
“ฉันรู้ เธอกำลังบอกว่าเราจำเป็นแค่ต้องใช้ตราประทับทองแดงเพื่อตัดสินอึนยูริสินะ”
ซอลจีฮูพูดเหมือนกับว่าเขารู้ถึงความสำคัญ และค่าใช้จ่ายกับตราประทับทองคำ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็จะทำมัน คิมฮันนาห์ได้เงียบลงไป
ใช่แล้ว มันจะต้องมีเหตุผลอยู่ เหตุผลที่เขาใช้ตราประทับทองคำลงทุนไป ทั้งๆที่แค่ตราประทับแดงหรือทองแดงก็พอเพียงแล้ว
ซอลจีฮูได้เริ่มอธิบายสบายๆ เริ่มต้นจากข้อมูลที่เขาได้มาจากการคุยกับลูซูเรีย และเป้าหมายสุดท้ายที่เขาเล็งเอาไว้
ยิ่งคิมฮันนาห์ฟัง สีหน้าของเธอก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไป เธอดูจะสงสัยยิ่งกว่าตกใจซะอีก
“ตัวแทนซอล”
คิมฮันนาห์ได้หรี่ตาพูดออกมา
“มันไม่ใช่ว่านับตั้งแต่ที่พาราไดซ์เปิดขึ้นไม่เคยมีใครคิดหรอกนะ”
“แน่นอน”
“แต่ท้ายที่สุดแล้วส่วนใหญ่ต่างก็ล้มเหลว มีคนแค่หยิบมือเท่านั้นที่ทำสำเร็จ แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้ว ฉันจะยอมรับว่ามันเป็นไปได้ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนะ”
“นั่นคือเหตุผลที่เราต้องใช้ตราประทับทองคำไงล่ะ”
ซอลจีฮูยิ้มออกมา
“แทนที่จะใช้งานคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย การใช้คนที่มีศักยภาพและมีประสบการณ์มาก่อนมันก็ดีกว่ามาก มันจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้กับเรา”
“…”
“โอกาสนี้มันก็ไม่ได้หาได้ยากหรอก แต่มันก็แค่ว่าเราจะต้องไขว่คว้าและสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง เหมือนกับการใช้เงินลงทุนนั่นแหละ”
คิมฮันนาห์เม้มปากออกมา เธอเข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
ซอลจีฮูได้กำหนดทั้งเขตพื้นที่เป็นกลางเป็นเป้าหมาย ไม่ใช่แค่อึนยูริเท่านั้น
‘แน่นอน’
หากว่ามันสำเร็จ มันก็จะเป็นการใช้เงินลงทุนจริงๆ พวกเขาจะสามารถได้รับรางวัลที่ถึงขนาดกับการปฏิบัติการเจดีย์แห่งความฝันเทียบไม่ได้เลย
“ในทางทฤษฎีมันเป็นไปได้ แต่ว่า…”
ถึงเธอจะลังเล แต่คิมฮันนาห์ก็ตัดสินใจยอมถอย พูดตรงๆแล้วเธอก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรไปหยุดซอลจีฮูไม่ให้ใช้แต้มคุณูปการของเขาเอง
“แต่จากที่ดูแล้วคุณ….”
“หืม?”
“ไม่หรอก ไม่มีอะไรค่ะ”
ซอลจีฮูหัวเราะออกมา จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องไป
“ยังไงก็ตาม ฉันอยากจะให้เธอไปตามดูอึนยูริหน่อย”
“การพาเธอมาไม่ได้ยากหรอก”
คิมฮันนาห์ได้พูดอย่างชัดเจน
“ฉันเคยบอกคุณไปแล้วใช่ไหม? เรื่องที่ว่าซินยองเลยนำชื่อของอึนยูริลงลิสต์ในการรับเข้าองค์กรน่ะ”
“ใช่แล้ว”
“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยุบแผนนี้ไปก่อนที่จะดำเนินการ แต่ในตอนนั้นฉันก็เป็นคนที่ทำหน้าที่ในการสังเกตดูเธอ ฉันยังจำได้ถึงกลยุทธที่เราคิดไว้ และฉันก็เอาข้อมูลนี้มากับตัวด้วย เพราะงั้นหากคุณต้องการ ฉันก็สามารถจะติดต่อเธอได้เลยในทันที”
“เยี่ยมไปเลย ถ้างั้นเราควรทำการจบข้อตกลงนี้เมื่อไหร่ล่ะ?”
“เราควรที่จะได้รับเขตพื้นที่เป็นกลางกับตราประทับทองคำมาก่อน”
คิมฮันนาห์พูดต่อ
“ประกาศน่าจะออกมาในประมาณช่วงเดือนมกราคมบนโลก ฉันจะติดต่อไปหาเธอในทันทีที่ขั้นตอนพวกนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ในตอนนั้นเธอก็จะได้รับคำเชิญ การใช้เวลาเตรียมการหน่อยไม่น่าจะเสียอะไรหรอกนะ”
“ใช่แล้ว การไปบอกเธอเอาตอนสองสามชั่วโมงสุดท้ายมันค่อนข้างจะโหดร้ายเกินไปหน่อย”
ซอลจีฮูได้พึมพำเบาๆจนทำให้คิมฮันนาห์ผงะไป
“ฮะ เฮ้ ตอนนั้นมัน…”
“เฮ้? นี่มันไม่ใช่การคุยกันอย่างเป็นทางการหรอครับ?”
“อ่า ขะ ขออภัยด้วยค่ะ”
ซอลจีฮูหัวเราะเยาะ และโบกมือออกมา
“ฮ่าฮ่า ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ ไม่ต้องร้อนรนขนาดนั้นก็ได้”
เสียงกัดฟันของคิมฮันนาห์ได้ดังออกมา
***
ซอลจีฮูได้ดำเนินการในทันทีที่เป้าหมายชัดเจนแล้ว
สิ่งแรกเลยก็คือการรวบรวมคะแนนคุณูปการ การที่จะเป็นผู้ดูแลเขตพื้นที่เป็นกลาง เขาจะต้องขอคะแนนคุณูปการของสมาชิกวัลฮาลาแต่ละคน
แน่นอนว่าหากว่าพวกเขาไม่เอาด้วยก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าพวกเขาก็รู้ดีกว่าการไม่ทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาไม่อาจจะเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นกลางได้
มันไม่มีคำบ่นอะไรอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ถูกบังคับ และไม่มีใครลังเลที่จะใช้จ่ายแต้มคุณูปการ ยังไงแล้วพวกเขาก็รู้ถึงผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับตลอดสามเดือนที่เข้าไปในเขตพื้นที่เป็นกลาง
นอกไปจากนี้วัลฮาลาก็มีโอกาสอยู่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับเขตพื้นที่เป็นกลาง คนที่ไม่เข้าร่วมด้วยก็คงมีแต่คนโง่เท่านั้น
หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีประกาศใหญ่ถูกแขวนเอาไว้บนกระดานข่าวสารตรงกลางลานกว้าง นั่นก็คือการประกาศการประมูลเป็นผู้ดูแลเขตพื้นที่เป็นกลางที่กำลังมาถึง
ในเดือนมีนาคม ปี 2018 นี้จะมีสี่เขตพื้นที่เป็นกลางถูกเปิดขึ้น โดยจะกระจายออกเป็นสี่วันได้แก่ วันที่ 22 วันที่ 23 วันที่ 24 และวันที่ 25 นี่เป็นการเปิดเขตพื้นที่เป็นกลางที่มีจำนวนมากที่สุดแล้วในประวัติศาสตร์พาราไดซ์
แต่ละพื้นที่จะรับผู้จัดการต่างๆได้เพียง 50 คนเท่านั้น แต่เพราะพื้นที่ที่ 1 เป็นพื้นที่อิสระจึงได้รับการเพิ่มขนาดจึงระดับเข้ามาได้ 75 คน และเนื่องจากว่ามีเขตพื้นที่เป็นกลาง 4 แห่ง ทำให้มีผู้จัดการต่างๆได้ 300 คนสามารถจะเข้ามาได้จากเกาหลีใต้ได้
แล้วการเป็นผู้ดูแลเขตพื้นที่เป็นกลางกำหนดจากอะไรล่ะ?
การประมูลจะถูกจัดขึ้นสองรูปแบบผสมกันคือ ประมูลแบบเปิดกับประมูลแบบปิด ในการประมูลแบบเปิดจะเปิดโอกาสให้เสนอราคาออกมาเป็นช่วงๆ และการประมูลแบบปิดผู้ร่วมประมูลจะไม่รู้ว่ารู้ถึงจำนวนตราประทับที่อีกฝ่ายซื้อไป
ขั้นตอนก็ค่อนข้างจะเรียบง่าย เนื่องจากเขตพื้นที่เป็นกลางทำงานโดยใช้แต้มคุณูปการ ผู้ดูแลจึงจะเป็นองค์กรที่ได้ใช้คะแนนคุณูปการไปมากที่สุด
ทีนี้วิธีการวัดก็คือจำนวนคะแนนคุณูปการที่ใช้ไปในการซื้อตราประทับ นั่นมันหมายความว่ายิ่งองค์กรไหนซื้อตราประทับ ก็ยิ่งมีโอกาสได้เป็นผู้ดูแลเขตพื้นที่เป็นกลาง
แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่ด้วยเช่นกัน
เมื่อองค์กรได้เป็นผู้ดูแลเขตพื้นที่เป็นกลางแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังสามารถเข้าร่วมการประมูลในครั้งถัดไปได้ แต่ว่าพวกเขาจะไม่อาจทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลได้อีก จนกว่าจะมีเขตพื้นที่เป็นกลางครั้งถัดไปเปิดขึ้นอีก
หรือก็คือสมมติว่าเขตพื้นที่เป็นกลางในเดือนกันยายนนี้เปิดขึ้น วัลฮาลาก็จะไม่อาจเป็นผู้ดูแลได้ พวกเขาจะเป็นผู้ดูแลอีกครั้งได้ก็ต่อเมื่อเป็นเขตพื้นที่เป็นกลางเดือนมีนาคมในปีถัดไป
ข้อจำกัดนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งผูกขาดเขตพื้นที่เป็นกลางหลายๆครั้งติดต่อกัน
ถึงแม้ว่าซอลจีฮูจะอยากรู้ว่ามันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นทำให้เกิดข้อจำกัดนี้ แต่เขาก็ตั้งใจไม่ถามออกไป เขารู้สึกว่าการไม่ได้รับรู้อะไรมันดีกว่าการต้องมาหงุดหงิดอีกครั้งหนึ่ง
ไม่ว่าจะยังไงก็ตามแต่ หลังจากที่ได้รับข้อมูลพื้นฐานพวกนี้แล้ว ซอลจีฮูก็ได้มุ่งหน้าไปเข้าร่วมวิหารประมูลที่สกีเฮราซาร์ด
วัลฮาลาได้เสนอราคาเขตพื้นที่เป็นกลางที่เปิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม ปี 2018
การประมูลในครั้งนี้จะเป็นการแปลงคะแนนคุณูปการที่ใช้ซื้อตราประทับมาเป็นการเสนอราคาประมูล
หากว่าองค์กรซื้อตราประทับตามจำนวนที่พวกเขาต้องการเท่านั้น โอกาสที่พวกเขาจะได้รับเป็นผู้ดูแลเขตพื้นที่เป็นกลางก็จะลดลง ทำให้เป็นธรรมที่พวกเขาจะต้องค่อยๆประเมินถึงตราประทับที่องค์กรคู่แข่งจะซื้อไป
ซึ่งนี่จะส่งผลให้การประมูลเขตพื้นที่เป็นกลางจะดำเนินไปด้วยบรรยากาศอันหนักหน่วง ยังไงก็ตามบรรยากาศภายในวันนี้กลับปลอดโปร่ง มีกระทั่งเสียงหัวเราะออกมาได้ยินด้วยซ้ำไป
ซอลจีฮูรู้ได้เป็นอย่างดี
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น ทุกๆคนที่เข้าร่วมการประมูลในวันนี้ต่างก็รู้ดี
90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เข้าร่วมต่างก็มาซื้อตราประทับแดง นี่มันเป็นสิ่งที่บ่งชี้อย่างชัดเจน
มันไม่ได้มีเขตพื้นที่เป็นกลางเพียงแค่เดียว มันยังมีอีกสามแห่งนอกเหนือไปจากวันที่ 22 องค์กรต่างๆที่ต้องการจะแย่งชิงสิทธิ์ผู้ดูแล ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเสี่ยงมาแย่งชิงกับวัลฮาลาที่เป็นตัวเต็งชนะการประมูลอยู่แล้ว
จริงๆแล้วมันชัดเจนมากว่าพวกเขาไม่อาจจะเอาชนะได้เลยด้วยซ้ำไป มันจึงเป็นธรรมดาที่จะมีแค่องค์กรเล็กๆ และกลุ่มที่ไม่มีโอกาสชนะอยู่แล้วมาเข้าร่วมการประมูลในวันนี้
“หากว่าไม่มีการเสนอราคาอีกแล้ว การประมูลก็จะปิดลงในตอนนี้”
เนื่องจากไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มเติมหลังจากรอบแรก การประมูลจึงปิดตัวลงไปเร็วกว่าที่คาดเอาไว้มาก และไม่นานนักนักบวชที่สวมชุดคลุมสีขาวก็ได้เดินออกมา
“ผมจะขอประกาศผลนะครับ”
แม้ว่าตามปกติแล้ววินาทีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุด แต่คนส่วนใหญ่กับดูเบื่อหน่าย ในเมื่อพวกเขารู้แล้วว่าใครชนะ พวกเขายังจะไปสนใจอีกทำไมล่ะ?
“องค์กรที่ได้รับหน้าที่ดูแลในเขตพื้นที่เป็นกลางวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม ปี 2018 คือ…”
นักบวชก็ยังประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงลากยาวโดยไม่จำเป็นเลย
“วัลฮาลาจากอีวา”
ซอลจีฮูได้ยิ้มขึ้นโดยเท้าคางมองออกไป
‘พวกเราซื้อตราประทับทองคำ’
มันเป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนอยู่แล้ว