The Second Coming of Gluttony - บทที่ 294 - เบาะแสที่คาดไม่ถึง (1)
บทที่ 294 – เบาะแสที่คาดไม่ถึง (1)
ปัง! ทันทีที่ร่างยักษ์ล้มลงพื้นได้สร้างเสียงดังสนั่นออกมา
โฮมุนครุสได้ล้มลงแล้ว มันได้พยายามทำทุกวิธีเพื่อขยับร่างที่แน่นิ่ง แต่เพลิงแห่งชีวิตของมันก็ได้มอดลงไปในทันทีที่มันดึงแขนออกมาจากหน้าผาได้
การโจมตีฝ่ายเดียวของซอลจีฮูไม่ใช่สิ่งที่มันจะรับไหวต่อให้อาวุธของเขาจะเป็นแบบจำลองก็ตามที แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลเดียว ก่อนหน้านี้ได้มีการโจมตีสร้างบาดแผลสาหัสให้กับโฮมุนครุสอยู่แล้ว
ซอลจีฮูได้มองดูศพของโฮมุนครุสที่กลายเป็นฝุ่นไปนิ่งๆ
‘อะไรกัน?’
ในตอนที่่นอนอยู่บนพื้นเขามองได้ไม่ชัด แต่ว่าพอมามีเวลาคิดแล้ว ระหว่างที่เขากำลังฟาดฟันศัตรูด้วยความตื่นเต้น ได้มีบอลเวทย์สองลูกลอยเข้าไปในโพรงจมูกของโฮมุนครุส หลังจากนั้นมันก็ได้รีบดึงแขนออกมา และตัวแข็งทื่อไปกับที่
‘นี่เป็นสิ่งที่ฆ่าโฮมุนครุสก่อนหน้านี้งั้นหรอ?’
ขณะคิดกับตัวเองสีหน้าเขาก็ค่อยๆบิดเบี้ยวไป มันบ้าเกินไปแล้ว แต่เพราะเขาเห็นมันด้วยตาตัวเองทำให้เขาไม่อาจจะปฏิเสธได้
แถมไม่ใช่ว่ามันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวด้วย ในเมื่อเธอทำมันได้สำเร็จถึงสองครั้ง มันก็ยากที่จะบอกว่าเป็นโชคช่วย
ลองคิดดูแล้วโฮมุนครุสก็เอาแต่สนใจซอลจีฮูจนมันตายลงไป เพราะงั้นเขาจะพูดว่าอึนยูริโจมตีในระหว่างเขาดึงความสนใจอยู่ก็ได้ แต่ว่าการทำแบบนี้จะต้องมีการคุยกันก่อนถึงจะได้ผลลัพธ์ออกมา
โฮมุนครุสก็ไม่ได้อยู่นิ่ง มันได้สะบัดตัวอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าอึนยูริก็สามารถส่งบอลเวทย์เข้าหูของมันได้สำเร็จ หากว่าเธอเป็นนักแม่นปีนอย่างมาแชล จิโอเนีย เขาก็พอจะยอมรับว่ามันเป็นไปได้ แต่นั่นก็แค่เป็นไปได้เท่านั้น มันไม่มีอะไรมารับประกันว่าต้องสำเร็จ
ผู้รอดชีวิตได้ทำสิ่งที่แม้กระทั่งนักธนูเหล็กกล้ายังไม่กล้ารับประกันความสำเร็จได้เลยงั้นหรอ?
แถมเธอไม่ได้ลอบโยนมันเข้าใส่โฮมุนครุสด้วย เธอได้ควบคุมบอลเวทย์เหมือนมันมีชีวิต
‘เกิดอะไรขึ้นกัน…?’
เมื่อสายลมได้พัดกองฝุ่นออกไป ดวงตาซอลจีฮูก็สว่างขึ้น เขาได้เห็นบางอย่างที่อยู่ตรงที่ที่เคยมีศพโฮมุนครุสอยู่
‘ใช่แล้ว’
หากว่าความสำเร็จแบบนี้ไม่มีรางวัลเพิ่มมันก็คงจะแปลก
ซอลจีฮูได้หยุดคิด และเดินออกไปข้างหลัง ตรงจุดนั้นมีกล่องสีเหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือตกอยู่ มันดูเหมือนกับจะทำมาจากวัสดุโปร่งแสง แต่ภายในนั้นก็มีพลังงานสีดำสนิทหมุนเวียนอยู่
‘นี่คือ…’
…
[จตุรัสเวทย์หลอมรวม]
คริสตัลที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับพลัง ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากนักเวทย์มืด
จตุรัสเวทย์หมายถึงตารางสี่เหลี่ยมจตุรัสที่ประกอบด้วยตัวเลขที่มีค่าระหว่าง 1 ถึง n2 เพื่อให้ตัวเลขในแต่ละแถว คอลัมน์ และเส้นทแยงมุมมีค่าที่เท่ากัน
ตามกฎนี้นักเวทย์มืดได้สร้างสูตรใหม่ขึ้นเพื่อให้สามารถจะรักษาสมดุลของพลังใดๆก็ตามที่ผสานเข้าด้วยกัน
แต่เพราะสูตรนี้สร้างขึ้นด้วยความคิดที่จะจัดการพลังงานขั้วตรงข้าม มันจึงไม่อาจจะพูดว่าสมบูรณ์แบบได้ แต่ถึงมันจะเป็นสูตรที่ไม่สมบูรณ์ มันก็ยังสามารถใช้ควบคุมพลังงานที่ขัดแย้งได้ ‘ชั่วคราว’ หากว่าผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงควบคุมมัน
*พลังงาน ‘ขีดสุดความชั่วร้าย’ กำลังปะทุอยู่ภายในคริสตัล พลังงานนี้จำเป็นต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะสงบลง
*เพื่อที่จะลบล้างพลังงาน ‘ขีดสุดความชั่วร้าย’ และใส่พลังงานใหม่เข้าไป คริสตัลจะต้องถูกชำระล้าง
…
‘โอ้’
จากคำอธิบายอันยาวเหยียดแล้ว ซอลจีฮูแทบจะไม่เข้าใจเลย แต่เขาก็พอจะบอกได้ว่ามันเป็นของที่น่าถึง
ถึงมันจะไม่ได้มอบพลังอันทรงพลังอย่างแก่นแท้น้ำแข็ง แต่ว่ามันก็เป็นไปได้ที่จะทำให้เขาได้รับพลังมหาศาลหากใช้ถูกต้อง
ขณะที่ซอลจีฮูกำลังพลิกกล่องไปมาอยู่นี้ อึนยญูริกับยูยอลมูก็ได้วิ่งเข้ามาหาซอลจีฮู พวกเขาคงจะตัดสินใจว่าการต่อสู้จบไปแล้วเนื่องจากโฮมุนครุสได้หายไป
“คุณไม่เป็นอะไรนะ?”
อึนยูริได้รีบถามออกมาอย่างเป็นกังวล ถึงปาร์ควูรีจะใช้โพชั่นรักษาเขาแล้ว แต่เมื่อเห็นตัวเขาปกคลุมไปด้วยฝุ่น เธอก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้
ซอลจีฮูได้มองตรงไปที่อึนยูริ
“คุณอึนยูริ”
ผู้รอดชีวิตใช้มานา เขามีคำถามมากมายที่อยากจะถามเธอ แต่ว่านี่เป็นสิ่งที่เขาต้องถามให้ได้ก่อน
“คุณทำมันได้ยังไง?”
“หืม?”
“ผมเห็นนะ คุณอยากจะรู้ว่าคุณทำได้ยังไง”
เขาได้ถามขึ้นทันทีที่เห็นเธอ
“ฉะ ฉันไม่รู้”
แต่ว่าคำตอบมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาหวัง
“คุณไม่รู้?”
“ไม่สิ ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ค่อยได้เลย… ฉันคิดว่ามันเกิดขึ้นได้ในตอนที่ฉันพยายาม”
ซอลจีฮูขมวดคิ้วขึ้นมา เขาอยากจะถามว่า ‘นั่นมันเป็นไปได้ยังไงกัน?’ แต่ว่าเขาก็ห้ามตัวเองเอาไว้ ตัดสินจากน้ำเสียงเขาแล้ว มันดูเหมือนว่าเขากำลังคุกคามเธอ
ในตอนนั้นเองระยะเวลาของหอกพิสุจน์ก็หมดลง และหายไป เมื่อตอนนี้มือว่างแล้ว ซอลจีฮูก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบเอาก้อนน้ำแข็งที่ห่อดอกไม้น้ำแข็งออกมา และส่งมันให้กับเธอ
“หากคุณไม่บอกผม คุณจะไม่ได้เจ้านี่นะ”
“อ่า”
อึนยูริได้ทำมันถึงสองครั้ง เธอได้รีบวิ่งเข้ามาหาซอลจีฮู และเอื้อมมือมาที่ก้อนน้ำแข็ง แต่แน่นอนว่าซอลจีฮูไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาได้ยกแขนขึ้นสูงจนทำให้อึนยูริยื่นแขนไม่ถึง
“ยะ ยกให้ฉันเถอะนะ”
“ผมควรทำแบบนั้นหรอครับ?”
“ฉันชนะการแข่งขันนะ ให้ความยุติธรรมกับฉันด้วย”
“ปล่อยความยุติธรรมไว้ก่อน บอกผมมาว่าคุณทำได้ยังไง หากคุณพูดตรงๆเจ้านี่มันจะเป็นของคุณ”
“อู้วว…”
กระทั่งกระโดดเธอก็ยังแย่งเอาก้อนน้ำแข็งมาไม่ได้จนทำให้เธอหน้ามุ่ย จากหน้าตาบูดบึ้งนี้มันชัดเจนมากว่าเธอไม่พอใจ
“คนโกหก”
แม้ว่าเธอจะบ่น แต่พอเห็นซอลจีฮูไม่มีทีท่าจะลดแขนลงเลย เธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“…ฉันคิดว่ามันเพราะความสามารถที่ฉันได้รับมาจากโบนัสสิทธิพิเศษ”
“ความสามารถ?”
“หมายถึงวงจรมานาประยุกต์”
ซอลจีฮูได้แต่นิ่ง ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ในตอนแรกที่เปิดกล่องของจำเป็น อึนยูริได้บอกว่าหน้าต่างสถานะของเธอเปลี่ยนไป
“คุณบอกว่ากล่องของจำเป็นจะให้สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการที่สุด”
“ใช่ ผมพูดแบบนั้น”
“ย้อนกลับไปในตอนที่ฉันจะเปิดกล่องของจำเป็น ฉันคิดกับตัวเองว่า ‘ฉันอยากจะใช้มานาให้ได้อีกครั้ง’ หรือพูดให้ชัดคือฉันอยากที่จะควบคุมมันตามต้องการ”
“เดี๋ยวก่อนนะ คุณบอกว่า ‘อีกครั้ง’?”
“ใช่แล้ว คุณไม่รู้หรอ? ฉันเคยผ่านห้องปลุกพลังในเขตพื้นที่เป็นกลางมาแล้ว”
ซอลจีฮูอุทานขึ้นเบาๆ นี่หมายความว่าเธอเคยรู้สึกถึงมานามาก่อน ถึงเธอจะย้อนสภาพกลับมาเป็นในตอนที่ยังไม่ได้ปลุกพลัง แต่ว่าเธอก็เคยมีประสบการณ์มาก่อนอยู่ดี
สรุปแล้วก็คือความสามารถลึกลับนี้คงจะช่วยปลุกวงจรมานาให้กับเธอ
‘แต่ถึงแบบนั้น…’
ซอลจีฮูยังคงสงสัย นั่นก็เพราะว่าการรู้สึกถึงมานามันต่างกับการดึงพลังมานาออกมาใช้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการปล่อยมานาออกมาเพื่อควบคุมวัตถุที่เป็นสิ่งที่ยากมากๆสำหรับชาวโลกส่วนใหญ่แล้วด้วย
เมื่อลูกธนูออกจากสายแล้วจะไม่อาจเปลี่ยนทิศทางได้ ในพาราไดซ์ก็มีกฎนี้อยู่เช่นเดียวกัน จะเว้นก็แต่คนที่มีทักษะ ‘ศรโค้ง’ อย่างอายาเสะ คาซุกิ หรือใช้พลังมานาในระดับสูงเพื่อเปลี่ยนทิศทางมัน มีแค่แบบนี้เท่านั้นถึงจะเปลี่ยนแปลงกฎนั่นได้
เมื่อซอลจีฮูได้ถามเธอในจุดนี้ อึนยูริก็ตอบกลับมาอย่างตกใจ
“แต่มันทำได้นะคะ”
“?”
“ก็มันทำได้นี่นา…”
อึนยูริที่พูดแบบนี้ก็โน้มตัวลงไปหยิบก้อนหินขึ้นมา เธอได้โยนหินซ้ำๆ และจับเอาไว้ก่อนจะโยนขึ้นอย่างแรง เมื่อเธอได้ชี้นิ้วไปที่หินที่กำลังลอยอยู่ และลากนิ้วเป็นวงกลม บางอย่างที่น่าประหลาดใจก็ได้เกิดขึ้น
ถึงหินจะยังกำลังตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงอยู่ แต่ว่ามันช้าลงอย่างเห็นได้ชัด มันกระทั่งหมุนตามเคลื่อนไหวนิ้วของอึนยูริอีกด้วย
จนเมื่อหินได้ตกลงบนฝ่ามือของอึนยูริ ซอลจีฮูก็ถึงกับอ้าปากค้าง อึนยูริได้จับหินแน่น และเอียงหัวออกมา
“นี่มันยากหรอ?”
จากการพูดของเธอแล้ว เธอพูดเหมือนกับมันเป็นเรื่องเล่นๆ แน่นอนว่าเธออาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ซอลจีฮูก็อดจะดีความแบบนั้นไม่ได้
‘ผู้หญิงคนนี้…’
และซอลจีฮู…
‘เธอหลงตัวเอง!’
…กรีดร้องอยู่ในใจ
แต่จริงๆแล้วนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซอลจีฮูควรจะพูดได้เลย ในฐานะของคนที่เริ่มมาพร้อมกับนพเนตรกับนิมิตแล้ว เขาดีกว่าคนอื่นๆมาก
‘ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย… เธอมีพรสวรรค์บ้าๆแบบนี้ได้ยังไงกัน…?’
ซอลจีฮูอดจะรู้สึกอิจฉาไม่ได้เมื่อเห็นพรสวรรค์ที่ล้นเหลือของเธอ แต่ใครจะโทษเขาได้ล่ะ? สิ่งที่ซอลจีฮูต้องใช้ความพยายามอย่างหนักถึงจะทำได้กลับถูกอึนยูริทำได้แทบจะในทันที
‘พรสวรรค์ของฉันก็แค่ทั่วๆไป…’
ในจุดนี้แล้วซอลจีฮูกำลังสงสัยว่าพรสวรรค์ของอึนยูริอยู่ในระดับที่เหนือ ‘เก่ง’ ไปจนถึง ‘อัจฉริยะ’ แล้ว แต่แน่นอนว่าเขาไม่อาจจะด่วนสรุปได้ ในเมื่อโรเซร่าบอกเอาไว้ว่าโอกาสที่อัจฉริยะจะปรากฏตัวมีแค่หนึ่งคนในรอบพันปีเท่านั้น
‘แต่มันก็เป็นไปได้มากว่าเกินกว่าพรสวรรค์ทั่วไป…’
ซอลจีฮูได้ถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจมองในแง่ดี การที่มีบุคคลมีพรสวรรค์แบบนี้เข้าไปในพาราไดซ์ไม่ใช่เรื่องแย่ คนที่ควรจะกังวลจะต้องเป็นราชินีปรสิต ไม่ใช่เขา
‘ดูเหมือนเราจะต้องรีบไปเขตพื้นที่เป็นกลางให้เร็วที่สุดแล้ว’
หลังจากตัดสินใจ ซอลจีฮูก็หันไปมองอึนยูริที่กำลังเล่นโยนหินอยู่
“คุณเหลือเหรียญอยู่อีกเท่าไหร่?”
“?”
“เรากำจัดโฮมุนครุสไปได้แล้ว ตอนนี้มันถึงเวลาไปเขตพื้นที่เป็นกลาง”
หินทั้งหมดได้ตกลง
“ไม่”
แต่ว่าน่าแปลกที่อึนยูริปฏิเสธความคิดนี้
“ยังไม่ไป”
เธอได้พูดอย่างหนักแน่นพร้อมมองไปด้านหลัง ตรงนั้นมีผู้คนนับสิบหรือมากกว่านั้นกำลังมองมาที่พวกเขาด้วยสีหน้าโกรธแค้น
ยูยอลมูที่ยืนนิ่งๆได้ยิ้มแห้งๆ และโบกมือออกไป นี่เหมือนกับการจะบอกพวกเขาว่า ‘ทำได้ดีมาก’
“คนพวกนั้น…”
“เป็นพวกสารเลว!”
เมื่อซอลจีฮูถามถึงคนเหล่านั้น ปาร์ควูรีก็รีบพูดแทรกออกมา
“พวกลูกหมานั่นอยากจะแทงข้างหลังคุณ! พวกเขาวางแผนจะขโมยเหรียญที่เราเก็บสะสมมา!”
“โฮ่”
ซอลจีฮูหัวเราะมองไปที่กลุ่มคน จริงๆแล้วเขาก็เป็นกังวลว่าผู้รอดชีวิตคนอื่นจะต่อต้านอึนยูริ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนอึนยูริคงจะผ่านมันมาได้เป็นอย่างดี
‘คนพวกนี้…’
พูดตามตรงเขาแทบไม่คิดถึงผู้รอดชีวิตคนอื่นๆเลยจนกระทั่งเขาฆ่าแม่ที่หกลงไป เนื่องจากคนเหล่านี้ต่างก็เป็นลูกค้าอันล้ำค่าที่จะใช้จ่ายคะแนนเอาชีวิตรอดในเขตพื้นที่เป็นกลาง เขาจึงคิดว่าจะลองหลับตาพาคนพวกนี้ไปด้วย
นี่คือเหตุผลที่เขากลืนความไม่พอใจ และปล่อยคนพวกนี้ไปในตอนที่พวกเขาหนีจากจุดรวมพล แต่หลังจากที่ได้รู้ว่าพวกเขาจะแอบแทงข้างหลังอึนยูริ ความอดทนอันน้อยนิดของเขาก็หมดลง
‘กรรมตามสนองแหละนะ’
ซอลจีฮูรู้สึกว่าเขาจะไม่สบายใจเลยหากไม่ได้สอนบทเรียนให้พวกเขา ยังไงก็ตามไม่นานนักเขาก็รู้ว่ามันไม่ต้องถึงมือเขาเลย
นั่นเพราะเมื่อเธอมองไปที่กลุ่มคน ดวงตาอึนยูริก็เป็นประกายขึ้นมา
***
ซอลจีฮูได้ตัดสินใจหาเหรียญที่เหลือตามคำขอของอึนยูริ ตอนนี้พวกเขามีเหรียญจำนวนมากพอ และเพราะปาร์ควูรีได้สุ่มได้กลุ่มสุ่มเหรียญจำนวนหนึ่งจากเครื่องสุ่มกาชา ทำให้พวกเขามีเหรียญพอสำหรับผู้รอดชีวิตทั้งสามคนอย่างอึนยูริ ปาร์ควูรี และยูยอลมูให้ผ่านไปต่อแล้ว
แต่อึนยูริได้บอกว่ามีบางอย่างที่เธออยากจะทำ ดังนั้นซอลจีฮูจึงยังไม่ได้ไปต่อเลย
สุดท้ายแล้วการค้นหาเหรียญก็ไม่ใช่งานที่ยากอะไร ระหว่างพวกเขาทำการค้นหาเหรียญตามสมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม หลังจากได้ยินถึงวิธีรวบรวมเหรียญของอึนยูริ ซอลจีฮูก็ไม่อาจจะซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ได้
แน่นอนว่าเขาก็ไม่รีบถึงผลงานของชายทั้งสองคนเช่นกัน
“ผมต้องขอบคุณคุณทั้งคู่ด้วย โดยเฉพาะคุณยูยอลมู คุณคงวิ่งไปกลับหลายรอบเลย”
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ มีแค่เรี่ยวแรงนี่แหละที่ผมมีเหลือเฟือ”
ยูยอลมูได้ยิ้มอย่างไร้เดียงสา
“ไว้ในเขตพื้นที่เป็นกลางผมจะตอบแทนนะ”
“ขอบคุณครับ”
“พี่ชาย! แล้วผมล่ะ? ผมล่ะ?”
เมื่อยูยอลมูโค้งคำนับ ปาร์ควูรีก็ได้แทรกเข้ามาทันที
“คุณก็ด้วยครับ”
ซอลจีฮูพูดด้วยรอยยิ้ม
“ยังไงก็ตามคุณกล้าหาญกว่าที่ผมคิดอีกนะ คุณคิดยังไงถึงได้วิ่งเข้ามาหาผมพร้อมกระเป๋านั่น?”
“พูดตามตรงผมก็กลัวอยู่ แต่ผมมั่นใจว่าผมจะรอด”
“มั่นใจ?”
“นี่ครับ!”
ปาร์ควูรีได้ส่งโทรศัพท์ให้ซอลจีฮูดู หลังจากอ่านข้อควรระวังที่สามที่ไกด์ส่งให้แล้ว ซอลจีฮูก็เบิกตากว้าง
[ด้วยการนำของ ‘ขีดสุดความชั่วร้าย’ ที่ไม่พอใจได้นำมันมาที่เกาะ เป้าหมายแรกของโฮมุนครุสจะเป็นผู้รอดชีวิตที่สังหารแม่ที่หก]
เมื่อเห็นคำว่า ‘คนแรก’ ซอลจีฮูก็อ้าปากค้าง เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมปาร์ควูรีถึงได้วิ่งเข้ามาหาเขาแบบนี้
“แต่ว่า… หากอยู่ใกล้ผม คุณก็ตายได้นะ”
“อ่อ พี่ชายดูจะไม่ได้ตายง่ายๆแบบนั้น นอกจากนี้ผมยังมีการสนับสนุนจากด้านหลังอีกด้วย… ฮ่าฮ๋า!”
เมื่อปาร์ควูรีหัวเราะแห้งๆ ซอลจีฮูก็มองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับชายคนนี้เลย แต่ว่าไหวพริบของปาร์ควูรีก็ไม่ธรรมดาเลย
ถึงจะไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วปาร์ควูรีจะมีคลาสอะไร แต่ด้วยไหวพริบ และความสามารถในการอ่านบรรยากาศเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในพาราไดซ์ สุดท้ายแล้วต่อให้เขาจะมีหน้าต่างสถานะที่ย่ำแย่ แต่ปาร์คดงชุนก็ยังเอาชีวิตรอดในพาราไดซ์ได้ด้วยแค่ไหวพริบของเขาเท่านั้น
ดังนั้นแล้วสุดท้ายทั้งสี่คนก็ได้หาเหรียญที่เหลือด้วยบรรยากาศอันชื่นมื่น แม้ว่าผู้รอดชีวิตที่เหลือรอดอยู่จะกัดฟันตามหลังกลุ่มซอลจีฮูมา แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่กล้าจะทำอะไร
พวกเขาจะไปเอาความกล้ามาจากไหนในเมื่อซอลจีฮูสามารถจะเรียกหอกมานา และบดขยี้ก้อนหินและต้นไม้ในทุกๆครั้งที่เขาเบื่อ
เมื่อไหร่ที่ซอลจีฮูแกล้งทำท่าหลอกขว้างหอกไปทางกลุ่มผู้รอดชีวิต พวกเขาก็จะรีบหันหลังกระจายตัวทันที ดังนั้นทั้งสี่คนจึงสามารถจะหาเหรียญที่เหลือได้โดยไร้ปัญหา
ตื๊ดดด!
จนกระทั่งเมื่อพวกเขารวบรวมเหรียญทั้งหมดได้ ข้อความเตือนว่าด่านที่ 2 สิ้นสุดลงก็ถูกส่งมา และพวกเขาก็ควรที่จะไปรวมตัวกันในแท่นบูชาที่อยู่ใจกลาง
ยังไงก็ตามซอลจีฮูไม่ได้รีบตรงไปใจกลางเกาะในทันที ตอนนี้เขาคิดว่ายังมีของอีกอย่างที่พวกเขาต้องเอามาก่อนออกจากเขตพื้นที่เป็นกลาง
ดังนั้นเขาจึงไปที่เครื่องสุ่มกาชาใกล้ๆเพื่อให้อึนยูริสุ่มกระดาษโน้ตของไกด์ออกมา จากนั้นก็สุ่มเอาเครื่องสังเวยออกมาในราคา 666 เหรียญก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่แท่นบูชา
ที่นั่นมีคนรออยู่ก่อนแล้วหลายคน อึนยูริได้เดินเข้าไปวางเครื่องสังเวยบนแท่นบูชาโดยไม่เหลือบมองพวกเขาเลยแม้แต่นิด จนกระทั่งเมื่อประตูมิติทำงาน ฟีโซราก็โผล่ออกมาราวกับกำลังรออยู่
“ยินดีด้วย~ เท่านี้บทฝึกสอนก็จบลงแล้ว แต่การจะผ่านมันไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ฟีโซราได้มองอึนยูริอย่างพึงพอใจ ตัวเธอดูเหมือนกับกำลังอารมณ์ดีอยู่ แต่ก็ไม่แปลกเลยว่าทำไมฟีโซราถึงได้ชอบอึนยูริ ยังไงแล้วอึนยูริก็ได้ช่วยซอลจีฮูเอาไว้ และยังผูกขาดเหรียญทั้งหมดจากผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ
“ที่นี่มีอยู่ทั้งหมด 28 คน ไม่สิ หากไม่นับรวมผู้ช่วยก็มี 27 คน ยังไงก็ตามฉันคิดว่าคงมีแค่สามคนเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะผ่านไป”
ฟีโซราได้มองดูกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ยืนพูดไม่ออก และยิ้มออกมา
“นี่มันไม่ใช่การโกงกันหรอ?”
ชายหนุ่มที่กำลังกัดฟันมองยูยอลมูได้ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“หุบปากไปซะ”
แน่นอนว่ามันไม่ได้ผล
“โกงที่หน้านายสิ พวกนายมันโง่เองที่ถูกหลอก”
“อะ อะไรนะ? เธอพูดว่ายังไง?”
“สำหรับคนที่จะไปแอบแทงข้างหลังผู้มีพระคุณ และถูกจับได้นี่ นายมันพูดมากจังเลยนะ มีจิตสำนึกบ้างไหม?”
สีหน้าชายหนุ่มบิดเบี้ยวไป
“เชี้ย นี่เธอเป็นไกด์จริงดิ?”
“ฟังนะ พวกเราทุกคนมีองค์กรที่ทำสัญญาด้วย!”
หญิงสาวผู้รอดชีวิตก็ขึ้นเสียงขึ้นมาเช่นกัน เธอคนนี้คือผู้หญิงคนที่บอกว่าเธอหลบหนีมาจากเกาะแรกได้ด้วยตัวเอง และพยายามจะโยนความผิดให้ซอลจีฮู
“ฮึ่ม”
ฟีโซราได้แค่นเสียงออกมาก่อนจะหันกลับไปมองอึนยูริ
“ที่รัก เธอช่วยมอบเหรียญให้เจ้าพวกนี้จนพอให้ผ่านประตูมิติไปได้ไหม?”
“ทำไมคะ?”
“เพราะฉันจะได้ฆ่าเจ้าพวกนี้ด้วยตัวเองไง แน่นอนว่านั่นคือในตอนที่เขตพื้นที่เป็นกลางจบลง”
“อ่า…”
“พวกเขากำลังพูดเหมือนการทำสัญญาเป็นพรวิเศษ ฉันละสงสัยจริงๆเลยว่าพวกเขามีองค์กรอะไรหนุนหลังอยู่”
น้ำเสียงของเธอเย็นชามากจนทำให้ผู้รอดชีวิตผงะไป
“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ตัวแทนองค์กรของเราเป็นคนที่ทำลายองค์กรขยะทั้งแปดในเมืองของเราแค่เพราะเขาไม่ชอบ การต้องมามีปัญหากันระหว่างองค์กรกกับแค่เพราะผู้ทำสัญญานี่… ฮึ่ม”
ฟีโซราได้เหลือบไปมองชายคนหนึ่งในระหว่างพูดแบบนี้ และอึนยูริก็หันไปมองตาม
“…”
ซอลจีฮูได้หลบสายตาจากพวกเธอ
ไม่นานนักอึนยูริก็ได้เรียกยูยอลมูไปเพื่อแผนการกุศลของเธอ เมื่อเธอได้ถามเขาว่ามีผู้รอดชีวิตคนไหนบ้างที่ไม่ได้ไล่ตามเธอ เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชี้ไปที่คนหกคน
พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็บาดเจ็บจนเคลื่อนไหวได้ลำบาก
“พวกคุณมีกันกี่เหรียญ”
เมื่ออึนยูริถามออกมา ทั้งหกคนที่เต็มไปด้วยความหวังก็ได้บอกจำนวนเหรียญที่พวกเขาครอบครอง ไม่นานนักความหวังของพวกเขาก็กลายเป็นจริง อึนยูริได้มอบเหรียญจนพอให้พวกเขาผ่านประตูมิติ และกระทั่งรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเขาอีกด้วย
ทั้งหกคนต่างก็แสดงความยินดี และซาบซึ้งออกมา
หลังจากช่วยผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งไปแล้ว อึนยูริก็ได้หันหน้าไปหาผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่อีก 16 คน
“พวกนายแต่ละคนมีเหรียญกันเท่าไหร่?”
เมื่อเธอถามออกมาในคำถามเดียวกัน ผู้รอดชีวิตก็ได้โพล่งออกมา
“ฉันมีสอง…”
“สะ.. สี่เหรียญ! ฉันมีสี่เหรียญ!”
คนที่ครอบครองเหรียญมีอยู่ไม่มากนัก พวกเราต่างก็มอบเหรียญทั้งหมดให้ยูยอลมูตั้งแต่ร่วมมือกันแล้ว เพราะงั้นเหล่าคนที่มีเหรียญจึงเป็นเหล่าคนที่มารู้ตัวหลังถูกหลอกจนเหรียญเหลืออยู่น้อยแล้ว
“มีทั้งหมดแปดเหรียญ…”
อึนยูริได้พยักหน้าอย่างสง่างาม
“ทำยังไงดีล่ะ? ฉันมีไม่ถึง 1,589 เหรียญซะด้วยสิ…”
แต่ว่าซอลจีฮูที่ยืนอยู่ด้านหลังเห็นอย่างชัดเจนว่าอึนยูริกำลังแอบหยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าเหรียญของเธอ
“นี่เป็นเหรียญพิเศษ”
เธอได้ดึงความสนใจของผู้รอดชีวิตเข้ามาทันที พวกเขาทุกๆคนรู้ดีว่าการตัดสินใจสุดท้ายเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาต่างก็มองเธออย่างเป็นกังวล
“ฉันตัดสินไม่ได้ด้วยสิว่าควรจะให้ใครดี เพราะงั้น…”
อึนยูริได้หยุดพูด และจากนั้นก็หยิบเอาเหรียญออกมาจากกระเป๋าหนึ่งกำมือ…
“รับไปสิ”
เธอได้โยนเหรียญออกไป เหรียญสิบห้าเหรียญได้กระจายไปทั่วท่ามกลางสายตาตกตะลึงของแต่ละคน
ยังไงก็ตามอึนยูริก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น เธอได้หยิบเหรียญออกมาอีกหกกำมือ และขว้างออกไปทั่ว บวกกับการที่เธอใช้มานาด้วยทำให้เหรียญกระจายออกไปไกลมาก
“เธอ…!”
ชายหนุ่มได้จ้องเธอ แต่ว่าเขาก็ไม่มีเวลาให้พูดแล้ว เหล่าคนที่มีไหวพริบต่างก็เริ่มเคลื่อนไหวกัน
ไม่นานนักคนทั้งสิบหกก็ได้กระจายกันออกไปค้นหาเหรียญ
“…คุณโยนออกไปกี่เหรียญหรอ?”
ซอลจีฮูที่กำลังมองเธอนิ่งๆได้ถามออกมา อึนยูริได้ยกมือป้องปาก และกระซิบออกมา
“88 เหรียญ”
“?”
“ฉันโยนออกไป 88 เหรียญค่ะ แต่ฉันก็แอบใส่ก้อนหินเข้าไปด้วย เพราะงั้นมันก็เลยน่าจะดูเยอะ”
ซอลจีฮูได้รีบคิดคำนวณในหัว มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่สิบหกคน และพวกเขาก็มีเหรียญรวมทั้งหมดแปดเหรียญ ในเมื่ออึนยูริโยนเหรียญให้พวกเขา 88 เหรียญ ต่อให้พวกเขาจะหาเหรียญทั้งหมดเจอ…
‘หือ?’
“เธอผ่าน!”
ฟีโซราที่แอบฟังพวกเขาคุยกันได้ประกาศยอมรับอึนยูริ
“ฉันไม่เคยเห็นคนน่ารักแบบเธอมานานแล้ว! มานี่สิ มาดูผลงานของเธอ แล้วก็คำนวณคะแนนเอาชีวิตรอดที่เธอจะได้ดีกว่า”
ฟีโซราได้เรียกผู้รอดชีวิตทั้งเก้าคนที่ผ่านด่านที่ 2 และเริ่มอธิบายถึงการกระทำของแต่ละคน
เมื่อคำอธิบายจบลง ก็ถึงเวลาแจกจ่ายคะแนนเอาชีวิตรอดแล้ว
คนแรกคืออึนยูริ
“เริ่มต้นจากฆาตกรกินคน…”
ฟีโซราได้พึมพำออกมาเล็กน้อยก่อนจะมองอึนยูริ
“ฉันต้องพูดทั้งหมดนี่เลยหรอ? มันเยอะเกินไปแล้ว”
“ถ้างั้นก็แค่บอกคะแนนรวมก็ได้ค่ะ”
“น่าทึ่ง ในบทฝึกสอนพื้นฐานเธอจะได้รับ 100 คะแนนในแต่ละหมวด และได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มอีก 100 คะแนน แต่ว่าภายในบทฝึกสอนพิเศษนี้มันก็จะคูณเพิ่มไปยี่สิบเท่า”
จากนั้นเธอก็เสริมว่าตอนนี้เธอต้องคำนวณคะแนนที่เธอช่วยผู้รอดชีวิตทั้งหกคนอีกด้วย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดต่อ
“คะแนนพื้นฐานคือ 12,240 คะแนน บวกกับการมีตราผู้รอดชีวิตทำให้เธอได้ 122,400 คะแนน”
อึนยูริได้แต่อ้าปากค้าง ย้อนไปในตอนอยู่บทฝึกสอนปกติ เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าเธอจะได้รับคะแนนมากขนาดนี้ ต่อให้มันจะเป็นบทฝึกสอนพิเศษที่เพิ่มคะแนนพื้นฐานขึ้น และการมีตราผู้รอดชีวิตจากตราประทับทองคำจะเพิ่มคะแนนสิบเท่า แต่นี่ก็เป็นจำนวนที่มหาศาลเกินไป
“ยินดีด้วย ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำก็คื่อใช้เหรียญและเข้าไปในประตูมิติ”
หลังจากมอบเหรียญไปแล้ว อึนยูริก็หยุดชะงักหันกลับมามอง ซอลจีฮูกำลังมองดูผู้รอดชีวิตวิ่งหนีไปอยู่ จากการต่อสู้ที่กระจายอยู่ทั่วมันคงจะเพราะว่าพวกเขาหาเหรียญได้ไม่มากพอแน่นอน
ชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเหมือนหัวหน้าของผู้รอดชีวิตกำลังนอนตัวสั่นอยู่กับพื้น จากเลือดที่ไหลอยู่ตรงขมับ เขาคงจะถูกหินฟาดที่หัว
นอกจากนี้ยังมีผู้รอดชีวิตที่ถูกดึงผมจนกรีดร้องออกมา แม้ว่าคนๆนี้จะพยายามต่อต้านสุดกำลัง แต่อีกฝ่ายก็สามารถจะแย่งเหรียญไปจากเธอได้
เรื่องคล้ายๆกันนี้ได้เกิดขึ้นทั่วไปหมด มันเป็นภาพที่สยองขวัญเหมือนอยู่ในนรก
“ฮิฮิ”
ทันใดนั้นเองเสียงหัวเราะก็ดังออกมา ซอลจีฮูได้ผงะ และหันกลับไปมองด้วยสีหน้าตกใจ
‘…เธอกำลังหัวเราะ?’
เขาเห็นว่าเธอมองงั้นหรอ? อึนยูริได้รีบลบรอยยิ้มบ้าคลั่งบนใบหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้เราเข้าไปได้แล้วใช่ไหม?”
เธอได้พูดอย่างสุภาพพร้อมดึงแขนเสื้อของเขาเพื่อให้ตามเธอไป
“ครับ เราเข้าไปได้แล้ว”
ซอลจีฮูได้พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ ทั้งคู่ได้เดินผ่านผู้รอดชีวิตคนอื่นๆที่กำลังรับคะแนนเอาชีวิตรอดกันอยู่
แต่ก่อนจะเข้าประตูมิติไป ซอลจีฮูก็ได้เปิดใช้งานนพเนตร ในตอนนี้การจัดสรรมันเรียบร้อยแล้ว เขาจึงอยากจะรู้ระดับการรู้คิดของเธอ
ช่องแรกก็คือ ‘ละเอียดอ่อน’ เขาเข้าใจในเรื่องนี้จากวิธีที่คนอื่นๆมองเธอ
ช่องที่สองคือ ‘ความสุข’ เนื่องจากว่านี่เป็นสิ่งที่เผยถึงอารมณ์ในตอนนี้ของเธอ เขาจึงเข้าใจได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เขตพื้นที่เป็นกลางกำลังอยู่ตรงหน้าเธอ
และช่องที่สาม…
ซอลจีฮูได้ขมวดคิ้วขึ้นมา
[5.ระดับการรู้คิด]
ละเอียดอ่อน (ใส่ใจในรายละเอียด และไม่มีที่ติ) / มีความสุข / ขี้อาย (ภายนอกดูไร้เดียงสา แต่ภายในกลับไม่บริสุทธิ์)
‘ไม่บริสุทธิ์…?’
ส่วนนี้มันหมายถึงเรื่องทางเพศหรือศีลธรรมของเธอกันแน่นะ?
‘ดูจากที่เธอหัวเราะก่อนหน้านี้แล้ว มันคงจะเป็นอย่างหลัง…’
ขณะที่มองดูอึนยูริหายเข้าไปในประตูมิติ ซอลจีฮูก็กลืนน้ำลายลงไป เหมือนเขาจะคิดว่าเห็นหางจิ้งจอกสะบัดอยู่ด้านหลังเธออีกด้วย?
คอเขาได้เริ่มแห้งขึ้นมา
บางทีเขาอาจจะเพิ่งพาคนที่จะทำให้หกคนบ้าแห่งพาราไดซ์กลายมาเป็นเจ็ดคนบ้าก็ได้