The Second Coming of Gluttony - บทที่ 300 - เก็บกวาดให้เกลี้ยง (2)
บทที่ 300 – เก็บกวาดให้เกลี้ยง (2)
ในวันสุดท้ายก่อนจบเขตพื้นที่เป็นกลาง ในที่สุดทีมของอึนยูริก็ได้ยอมรับภารกิจระดับเป็นไปไม่ได้
อึนยูริได้ยืนอยู่ตรงหน้าป้ายประกาศตรงลานกว้าง และนึกย้อนไปถึงคำเตือนของซอลจีฮู
“ในทันทีที่เข้าไปให้ฉีกแผ่นยันต์ทันที ไม่ต้องมองสำรวจ หากว่าลังเลแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ลูกธนูจะลอยเข้ามาแทงทะลุคอของคุณ”
จากนั้นซอลจีฮูก็เสริมขึ้นมาอีกว่าในจุดนั้นมันจะหมายถึงการตายไปโดยในทนัที
อึนยูริได้คาบแผ่นยันต์เอาไว้ด้วยสีหน้ากังวล จากนั้นก็ฉีกกระดาษภารกิจในมือ สมาชิกทั้งห้าคนต่างก็กลืนน้ำลายลง และจ้องมองอึนยูริโดยที่จับไหล่ของเธอไว้
ทันทีที่อึนยูริฉีกกระดาษขาด พวกเธอก็หายไปโดยไร้ร่องรอย จากนั้นทั้งหกคนก็ได้ปรากฏขึ้นที่ลานกว้างอีกครั้งในเวลาไม่ถึงห้านาที พวกเธอทั้งหมดต่างก็ล้มทรุดกับพื้น พวกเขาแต่ละคนต่างก็อ้าปากค้างอย่างสยองขวัญ
ตามปกติแล้วแผ่นดินไหวสูงกว่า 5.0 ริกเตอร์จะถึงขนาดที่ถูกเรียกว่าแผ่นดินไหวรุนแรง แต่แผ่นดินไหวเมื่อครู่ที่พวกเธอได้เจอมันมากกว่านั้นถึง 32 เท่า
มันถึงขนาดเหมือนกับเป็นภัยพิบัติธรรมชาติ และถึงขนาดเป็นหายนะได้เลย สำหรับกลุ่มคนที่เพิ่งได้เจอแผ่นดินไหวระดับนั้น มันคงไม่แปลกเลยหากว่าพวกเขาจะต้องฉี่ราด
ขณะที่ทุกๆคนยังพูดกันไม่ออก อึนยูริก็ได้สลัดความสับสนออกไปเมื่อได้ยินเสียงเตือน เธอได้รับข้อความที่บอกถึงสิทธิ์การโอนรางวัลแล้ว
เธอเหลือบมองไปรอบๆ แม้ว่าอึนยูริจะเป็นคนที่มีคะแนนเอาชีวิตรอดเยอะที่สุดในเขตพื้นที่เป็นกลาง แต่สมาชิกคนอื่นอีกห้าคนก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย
หากว่าพวกเขาต้องการ พวกเขาก็สามารถจะซื้อของในร้านค้า VIP ได้โดยไร้ปัญหา นอกเหนือจากเงินแล้ว สินค้าในร้านค้า VIP จะเป็นของคนที่มาก่อน
เมื่ออึนยูรินึกได้ถึงเรื่องนี้ เธอก็รีบลุกขึ้นวิ่งออกไป คนอื่นๆที่เห็นเธอวิ่งขึ้นบันไดไปได้แต่มองอย่างสับสน
มาเรียที่กำลังนอนหลับอยู่บนเคาน์เตอร์ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเสียงเปิดประตู เมื่อได้เห็นลูกค้ามาในรอบสามเดือน เธอก็ยิ้มสดใสออกมา
การดูแลร้านค้า VIP ไม่ใช่งานที่ได้รับความนิยมนัก แค่เพียงดูสินค้าแล้วก็จะเข้าใจเหตุผลได้อย่างชัดเจน
[สินค้าร้าน VIP]
1.รองเท้าเหินฟ้าของนิวม่า: 50,000 คะแนน (1 ชิ้น)
2.อนุสรณ์แห่งมอร์ไร: 600,000 คะแนน (1 ชิ้น)
3.ตราโลหะไมย่า: 100,000 คะแนน (1 ชิ้น)
4.เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลก: 400,000 คะแนน (1 ชิ้น)
5.กลุ่มดาวแห่งนักบุญ: 80,000 คะแนน (1 ชิ้น)
6.หญ้ากกอฟิโซ่: 150,000 คะแนน (5 ชิ้น)
สินค้าที่มีราคาถูกที่สุดก็ใช้คะแนนถึง 50,000 คะแนนไปแล้ว มันเป็นจำนวนที่ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ไม่อาจจะฝันถึงได้เลย
แม้ว่าสินค้าไหนในร้านค้า VIP ถูกขายไปก็จะทำให้ผู้ดูแลร่ำรวยได้เลย แต่ก็มีคนไม่มากนักที่จะเข้ามาซื้อสินค้าเหล่านี้
นี่คือเหตุผลที่มาเรียดีใจมากที่เห็นอึนยูริที่เคยซื้ออำนาจการฝึกพิเศษในวันแรกไปมาที่นี่
“คะ คุณต้องการอะไรหรอคะ?”
มาเรียได้รวบมือเข้าด้วยกันและถามออกมาด้วยความตื่นเต้น และกังวล
อึนยูริได้ตรวจสอบคะแนนเอาชีวิตรอดของเธอ ในตอนจบบทฝึกสอนเธอได้มา 120,000 คะแนน และอีก 430,000 คะแนนในเขตพื้นที่เป็นกลาง เพราะเธออยู่ในอันดับหนึ่งทำให้เธอแทบไม่ได้ใช้คะแนนเลยจนมีเหลืออยู่มากกว่า 500,000 คะแนน
ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ยังมีคูปองร้านค้า VIP อยู่ถึงหกใบ
อึนยูริได้ตะโกนออกมาอย่างไม่ลังเล
“ฉันจะเอาอนุสรณ์แห่งมอร์ไรก่อน!”
“เฮือก-”
อึนยูริเบิกตากว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อเลย ลูกค้าคนนี้ได้เลือกสินค้าที่มีราคาแพงที่สุดในทันที ใครจะไปคิดกันว่าเธอจะร่ำรวยขนาดนี้
ยังไงก็ตามอึนยูริยังพูดไม่จบ
“เอาเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โกลด้วย!”
มาเรียอ้าปากค้างไปแล้ว
1,000,000 คะแนน แค่สองประโยชน์เธอก็ใช้คะแนนมาถึงขนาดนี้แล้ว
“ต่อจากนั้น-”
“อ่า อ่า อ๊าาาาาาาาาาาาา-!”
เสียงกรีดร้องของมาเรียได้ดังออกมาอย่างสุดเสียงเหมือนคนถึงจุดสุดยอด เธอได้บิดตัวและครางออกมาอย่างมีความสุข
“ยะ หยุดก่อน! หยุด! คุณกำลังจะฆ่าฉันแล้ว! หยุดก่อน ฉันบอกให้หยุด!”
มาเรียได้ตะโกนอย่างตกใจ และขอให้เธอปราณี แต่ว่าอึนยูริก็ยังไม่ยอมหยุด
“ฉันเอาหญ้ากกของอฟิโซ่ด้วย! เอาสี่อันเลย!”
“เฮือกกก!”
ในท้ายที่สุดมาเรียก็ทนไม่ไหวและทรุดลงไปกับพื้น เธอได้แต่เงยหน้ามองอึนยูริด้วยสีหน้ามืดมัว
มันเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเห็นเทพอยู่ จนกระทั่งเธอได้ยินคำต่อมาของอึนยูริ
“ฉันจะจ่ายของทั้งหกอย่างนี่ด้วยคูปองร้าน VIP ฉันมีอยู่หกใบพอดีเลย”
“ว่ายังไงนะ?”
ใบหน้าของมาเรียได้นิ่งไป ครูฝึกจะได้รับคะแนนจากการที่ผู้รอดชีวิตใช้คะแนนเอาชีวิตรอดเท่านั้น ด้วยการใช้คูปองที่ไม่มีค่าใช้จ่ายนี้มันก็จะหมายความว่ามาเรียจะได้คะแนนเป็น ‘ศูนย์’
“…”
มาเรียได้กระพริบตารัวพร้อมทั้งรู้สึกเหมือนฟังผิดไป ไม่นานนักเธอก็ตรวจสอบคะแนนเอาชีวิตรอดของอึนยูริ และรางวัล
“…เชี้ย”
ใบหน้ามาเรียได้บิดเบี้ยวไป
มันเป็นไปได้ยังไง? มันเป็นไปได้ยังไงกัน? เศษเสี้ยวความหวังของเธอได้พังทลายไปภายในพริบตาเดียว
“เชี้ย!”
“คะ?”
อึนยูริได้ผงะไป แต่ด้วยบุคลิกของมาเรียแล้ว มันคงไม่แปลกเลยหากจะบอกว่าเธอกำลังคิดว่า ‘ยัยสารเลวนี่มันทำให้ฉันเป็นไอ้โง่!’
“เชี้ย! เชี้ยยยยย!”
“ทำไมจู่ๆคุณสบถออกมาแบบนั้นล่ะ…. แต่ช่วยเร็วเข้าหน่อยสิ”
“หุบปาก! ยัยคนทรยศ! เธอกล้ามาทำให้ฉันดูเป็นไอ้โง่งั้นหรอ!?”
“อะไรกัน? ฉันจะไปบอกพี่ชาย!”
“อะไรนะ? เชี้ย เรียกเขามาเลย! เรียกตัวแทนวัลฮาลามาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย! เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร!?”
มาเรียได้ร้องเสียงหลงพร้อมเชิดคาง
อึนยูริเบิกตากว้างขึ้น ใครจะไปคิดว่ากันหญิงสาวผมบลอนด์ตัวเตี้ยคนนี้จะไม่กลัวยักษ์ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับอย่างซอลจีฮู
“ยัยทรยศ ฉันกับพี่นะอยู่ด้วยกันมานากว่าเธออีก! พวกเราเจอกันในเขตพื้นที่เป็นกลาง! จากนั้นก็ไปหมู่บ้านแรมแมนด้วยกัน! ไปงานจัดเลี้ยวด้วยกัน! ไปสงครามด้วยกัน! ปฏิบัติการณ์ด้วยกัน! พวกเขาทำทุกอย่างด้วยกัน!”
ดูท่าแล้วเธอก็น่าจะเป็นสมาชิกวัลฮาลาคนหนึ่ง
“เขายังติดหนี้บุญคุณฉันด้วย! เธออยากจะไปฟ้องใช่ไหม!? เอาเลยสิ มาดูกันว่าเขาจะเข้าข้างใครกัน? เอ๋!?”
มาเรียได้คลั่งไปแล้ว
ช่างนี้เธอกำลังหดหู่อยู่แล้วจากการไปลงทุนขนาดใหญ่ และเสียเงินทั้งหมดไปกับการลงทุน
หรือก็คือเธอกำลังใช้อึนยูริเพื่อระบายความหงุดหงิดออกไป แต่ว่าอึนยูริก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้ และคิดว่าเธอมาเจอผิดคน
“ชะ ช่วยส่งไอเทมให้ฉันด้วย”
“เรียกตัวแทนมา!!!”
“ฉันขอรองเท้าเหินฟ้าของนิวม่า ตราโลหะไมย่า กลุ่มดาวแห่งนักบุญ แล้วก็หญ้ากกอฟิโซ่ด้วย”
“อะไรนะ!?”
“ของพวกนี้ฉันจะใช้คะแนนเอาชีวิตรอดจ่าย”
มาเรียได้ชะงักไป ดวงตาเธอแทบจะถลนออกจากเบ้า ใบหน้าเธอได้แสดงความสับสนและตื่นตระหนกขึ้นมา แต่ไม่นานนักเธอก็ลูบหน้าเธอ
“…ฉันเข้าใจผิดไปเอง!”
ตึง! เธอตะตะโกนออกมาพร้อมวางสินค้าตามคำขอของอึนยูริอย่างรุนแรง
“งดงามมาก!”
ตึง!
“สูงส่งมาก!”
ตึง!
“และมากความสามารถ!”
ตึง!
“คราวนี้พวกเราโชคดีกันจริงๆเลย! ใช่แล้ว! พี่ชายช่างเป็นคนมากความสามารถ!”
หลังจากวางสินค้าทั้งหมดรวดเดียวแล้ว มาเรียก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงโมโห
“ทั้งหมดนี่ 380,000 คะแนน! ขอบคุณมาก!”
อึนยูริดูจะตกตะลึงไปแล้ว
‘เธอคนนี้เป็นใครกันเนี้ย?’
มาเรียที่ถูกจ้องได้กระแอ่ม และขมวดคิ้วขึ้น
“ฉันซาบซึ้งมากเลย ทำยังไงดีล่ะ? จริงด้วย ฉันจะไปชมเธอให้พี่ชายฟังแล้วกันนะ!”
จากนั้นเธอก็วิ่งหายไป
‘…เธอบ้าสินะ’
อึนยูริสับสนมากจริงๆ
‘เธอบ้าชัดๆเลย’
นี่คือการพบกันครั้งแรกระหว่างคนคลั่งเงินกับนักเวทย์อัจฉริยะ
***
วันสุดท้าย
วันสุดท้ายที่เขตพื้นที่เป็นกลางจะเปิดอยู่
ซอลจีฮูได้มองดูสิ่งของที่ได้มาจากอึนยูริด้วยรอยยิ้มสดใส เดิมทีเขาคิดว่าแค่ได้อนุสรณ์มอไรก็พอแล้ว เพราะงั้นการได้ของจำนวนมากมายขนาดนี้จะไม่ให้เขามีความสุขได้ยังไงกัน?
‘เธอทำได้เยี่ยมเลย’
ซอลจีฮูรักษาสัญญาของเขา และอึนยูริก็รักษาสัญญาของเธอ จริงๆแล้วเธอทำเกินกว่าที่สัญญาไว้อีกด้วย เนื่องจากเธอใจกว้างถึงขนาดนี้ ซอลจีฮูจึงอยากจะตอบแทนเธอกลับไป
‘พอมาคิดดูแล้ว เธอดูจะเศร้าอยู่นะ’
มันเป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกแย่ที่ต้องมอบสิ่งของที่เธอพยายามอย่างหนักกว่าจะได้มาให้กับคนอื่น
‘วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ฉันควรจะคุยกับเธอ’
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ซอลจีฮูก็เก็บของเอาไว้ในกระเป๋าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เขาได้ไปแวะโรงอาหารเพื่อเอากระป๋องเบียร์ จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไป
“คุณอึนยูริ?”
ก๊อก ก๊อก หลังเคาะประตูเบาๆ ประตูก็ถูกเปิดขึ้น
อึนยูริได้เดินออกมาพร้อมเสื้อกล้ามและผ้าเช็ดตัวบนหัว เธอคงจะเพิ่งอาบน้ำมาแน่ๆ เพราะผมเธอยังคงเปียกอยู่ กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำได้โชยออกมาอย่างชัดเจน
“คุยกันสักหน่อยได้ไหมครับ? วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว”
ซอลจีฮูได้ขยิบตาพร้อมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมา
อึนยูริก้มหน้าลงเล็กน้อย จากท่าทีที่จ้องพื้นดูเธอจะลังเลอยู่ อีกด้านหนึ่งเหมือนเธอจะระแวงด้วย
“โอเค”
ยังไงก็ตามเธอก็ลังเลไม่นานนัก
“นี่เป็นเวลาดีเลย ฉันก็มีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน”
เธอคงจะอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีทำให้น้ำเสียงเธอดูจะแข็งขืนอยู่ ซอลจีฮูเอียงหัวออกมา แต่ว่าอึนยูริก็หันหน้ากลับไปแล้ว
ภายนอกให้มีโซฟากับโต๊ะอยู่ แต่อึนยูริกลับนั่งลงไปบนพื้นทำให้ซอลจีฮูต้องนั่งตรงข้ามเธอ ชายหนุ่มกับหญิงสาวได้ดื่มเบียร์ไปเงียบๆพร้อมเคี้ยวของกินเล่น
เมื่อบรรยากาศอันน่าอึดอัดได้ดำเนินต่อไป จู่ๆอึนยูริก็ถอนหายใจออกมา บางทีอาจจะเพราะเธอเพิ่งอาบน้ำหรือไม่ก็เพราะแอลกอฮอล์ก็ได้ถึงทำให้คอเธอแดงขึ้นมาแล้ว
เธอดูเหมือนเธอจะดื่มจนหลับไป ดังนั้นซอลจีฮูจึงรีบพูดออกมา
“ไม่ใช่คุณมีเรื่องจะคุยกับผมหรอ?”
“ค่ะ แต่ว่า… พี่พูดก่อนก็ได้นี่”
เธอดูจะระวังตัวเอามากๆ
‘ก็จริงแหละ ฉันก็คงไม่พอใจหากความพยายามถูกพรากไป’
ซอลจีฮูที่ตีความความรู้สึกอึนยูริผิดไปได้หยิบเอาตราโลหะไมย่าออกมาจากกระเป๋า
“นี่เป็นของขวัญครับ”
อึนยูริได้มองดูที่ตา เธอดูจะพูดอะไรไม่ออกเหมือนคนที่จู่ๆได้รับของขวัญอันน่าทึ่ง
“นี่คือตราโลหะไมย่า เมื่อคุณประทับตรากับตัวเอง คุณจะสามารถจะเพิ่มพลังให้เวทย์เป็นสองเท่าทุกๆ 48 ชั่วโมง ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณเลย”
“พะ พี่ไม่ต้องให้ฉันก็ได้”
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกนะ คุณมีสิทธิ์ที่จะได้รับมันไป”
ซอลจีฮูส่ายหัว เขาดูจะบังคับให้เธอรับไปให้ได้ต่อให้เธอจะปฏิเสธก็ตาม อึนยูริก้มหน้าลง และรับตราโลหะไป
“ขอบคุณค่ะ”
ซอลจีฮูมองดูอึนยูริที่กำลังก้มมองตราโลหะไมย่าอย่างตั้งใจ เธอดูไม่มีความสุขเลยสักนิด ไม่สิ เธอดูจะชอบมัน แต่ว่าดวงตาเธอกลับดูไร้พลัง
‘ทำไมล่ะ…?’
พอใช้นพเนตรลองมองดู เขาก็เห็นสภาพอารมณ์ในปัจจุบันของเธอเป็น ‘ซับซ้อน’
“อืม คุณมีอะไรอยากได้อีกไหม?”
“ไม่ ไม่มีค่ะ”
“บอกมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกนะ ตราบใดที่ไม่ใช่อนุสรณ์มอร์ไรก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
“หากมีอะไรที่ฉันต้องการ ฉันก็บอกพี่ไปแล้ว”
เธอได้พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“แค่นี้ก็มากเกินพอแล้วค่ะ โดยเฉพาะการแนะนำอาจารย์ในความฝันให้กับฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิตเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ดูเหมือนของจากร้านค้า VIP จะไม่ใช่ปัญหา
“หืม ถ้างั้นแล้วคุณเศร้าเพราะเขตพื้นที่เป็นกลางกำลังจะจบลงหรอ?”
“?”
“เพราะผมก็เป็นแบบนั้น ผมสนุกกับมันมากจริงๆ เพราะงั้นพอวันสุดท้ายเลยรู้สึกเศร้าขึ้นมา”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ยึดติดกับที่นี่… ยังไงเราทุกคนก็ต้องออกไปอยู่แล้ว”
อึนยูริส่ายหัวออกมา
เธอจะคิดหรือเปล่านะว่ามันแปลกที่ซอลจีฮูถามอะไรแบบนี้? เธอได้ยกเบียร์ขึ้นจิบ และถามออกมา
“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะคะ?”
“ไม่มีเหตุผลหรอก คุณแค่ดูเศร้าๆ”
ตึง กระป๋องเบียร์ได้กระแทกดังเล็กน้อย อึนยูริได้เม้มริมฝีปาก หลังจากเงียบอยู่นาน เธอก็พูดขึ้น
“คือฉันมีเรื่องที่อยากจะรู้มากๆอยู่”
“อะไรงั้นหรอ?”
“พี่มีแฟนแล้วใช่ไหม?”
ซอลจีฮูขมวดคิ้วขึ้น นี่มันคำถามแบบไหนกันเนี้ย? เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงถามเขาแบบนี้ แต่เขาก็ตอบไปตามตรง
“ไม่นะ ผมยังไม่มีแฟน”
“ยังไม่มีหรอ? ถ้างั้น-”
เธอได้ชะงักไป
“ไม่… มันไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกันเลย… ในยุคนี้มันมีหลายคนที่…”
“คุณอึนยูริ?”
“ถ้างั้นแล้วเรื่องนี้ล่ะ?”
เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจู่ๆจะยกมือซ้ายขึ้น ในนิ้วนางเธอมีแหวนสีเงินเปล่งประกายอยู่
“ทำไมพี่ถึงให้แหวนนี้กับฉัน?”
“…ผมไม่ควรให้คุณหรอ?”
“พี่ให้ได้ แต่ว่าทำไมถึงต้องสวมนิ้วนางแล้วก็ก็บอกว่าเป็นของขวัญสำหรับฉันด้วย”
“อ่อ ก็แหวนนี่เป็นสื่อกลางที่ใช้เข้าโลกความฝัน นี่คือเหตุผลที่เป็นของขวัญสำหรับคุณอึนยูริไงล่ะ”
“…หืม?”
“แล้วก็ตอนให้แหวนเป็นของขวัญกับผู้หญิง ไม่ใช่ว่าต้องสวมให้ตรงนิ้วนางหรอ?”
“!?”
อึนยูริได้ทึ่งถึงสองครั้ง โดยที่ครั้งที่สองมันรุนแรงกว่าครั้งแรก
“มะ ไม่ค่ะ ใครเป็นคนบอกพี่แบบนั้น?”
“แฟนเก่าฉันเอง แม่ฉันก็บอกเหมือนกัน”
“แฟนเก่ากับแม่ของพี่?”
“ใช่แล้ว”
อึนยูริเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และเชิดคางขึ้น
“…ขอโทษนะคะ ฉันคงโง่เองที่ไม่เข้าเลย พอจะอธิบายหน่อยได้ไหมคะ?”
ซอลจีฮูเกาหัวออกมา เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องอธิบายออกไป แต่ด้วยสีหน้าสับสนของอึนยูริทำให้เขาตัดสินใจบอกเธอ
“มันเป็นในตอนฉันยังเรียนอยู่มัธยมต้น…? ช่วงนั้นการทำแหวนจากธนบัตรเป็นที่นิยมอยู่”
“ค่ะ ต่อเลย”
“แต่ว่าพอฉันทำออกมาแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครดี แถมตอนนั้นมันก็หมดความนิยมไปแล้วด้วย เพราะงั้นฉันก็เลยถามแฟนเก่าของฉัน ไม่สิ ตอนนั้นเรายังไม่ได้เดทกันเลย พวกเรายังเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก ยังไงก็ตามฉันถามว่าเธออยากได้ไหม และเธอก็ดูมีความสุขมาก ตอนนี้แหละที่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินอะไรแบบนั้น”
“อะไรนะ… เดี๋ยวก่อน แม่ของพี่ก็พูดแบบเดียวกันล่ะ?”
“ใช่แล้ว ในตอนนั้นระหว่างทานอาหารเช้ากันอยู่ แม่ก็ยิ้มและบอกว่าซอนฮวาพูดถูก”
อึนยูริได้กลายเป็นพูดไม่ออก เธอไม่รู้เลยว่าเธอเพิ่งได้ยินอะไรมา
“พี่กำลังบอกว่าความคิดนี้ได้ฝังอยู่ในใจพี่หลังจากได้ยินแบบนั้น?”
“คุณพูดเหมือนผมถูกล้างสมองเลยนะ มันก็ไม่ได้แย่หรอก แค่… ซอนฮวาพูดถูกเสมอเท่านั้นเอง”
“ไม่พี่ สิ่งที่คนเราพูดไม่ได้ถูกอยู่เสมอหรอก”
“มันก็จริง แต่ว่าสิ่งที่ซอนฮวาพูดน่ะไม่ใช่ ก็อย่างหากเชื่อฟังแม่ก็จะได้รับของขวัญ ซอนฮวาก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน หากแค่ฉันฟังสิ่งที่เธอพูด… ถ้างั้นมันก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้”
ซอลจีฮูพูดออกมาด้วยความเสียใจ แต่อึนยูริที่ไม่ได้รู้ถึงสถานการณ์ของเขาดียังคงสงสัยอยู่ แต่สำหรับคนเศร้าเรื่องความรัก เธอก็พอจะคิดออก
“พี่สาวพูดแบบนั้นบ่อยๆใช่ไหม? พูดแบบว่าพี่ควรจะฟังเธอ เธอพูดถูกเสมอ และนี่ก็เพื่อประโยชน์ของตัวพี่เอง”
“โอ้? คุณรู้ได้ยังไงกัน? ซอนฮวาชอบพูดแบบนี้ตลอดเลย”
“…พี่บอกว่าเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ครอบครัวเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เราเกิดแล้ว เธอยังเป็นคนข้างบ้านอีกด้วย”
“งั้นพวกพี่คงจะรู้จักกันมานาน”
“นับตั้งแต่เราเกิด พวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ว่าพวกเราเพิ่งจะเริ่มเดทกันตอนเข้ามหาลัย อ่อ ฉันยังจำได้อยู่เลย ตอนฉันรวบรวมความกล้าถามเธอออกไป เธอก็ถึงกับร้องไห้มาเลย เธอบอกว่าเธอหงุดหงิดตั้งแต่มัธยม และในที่สุดความปรารถนาของเธอ…”
ซอลจีฮูยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ
อึนยูริที่ชาญฉลาดได้เริ่มเข้าใจเรื่องราวทันที เธอรู้แล้วว่าทำไมซอลจีฮูถึงกลายเป็นแบบนี้
‘เขาถูก… ล้างสมองไปแล้ว…’
ถึงซอลจีฮูจะปฏิเสธ แต่หากเขารู้ตัวมันก็ไม่ใช่การล้างสมองแล้ว จากที่ดู แฟนเก่าคนนี้คงจะดูแลเขามานาน และครอบครัวเขาก็แอบเอาใจช่วยเธอด้วย
อึนยูริรู้สึกชื่นชมกับความเอาใจใส่และความพยายามของซอนฮวานี้ พร้อมทั้งเธอยังรู้สึกหวาดกลัวไปด้วย ความดื้อรั้นของเธอคนนี้ไม่ใช่สิ่งที่อึนยูริจะเทียบได้เลย
‘บางทีเธออาจจะปลูกฝังสามัญสำนึกแปลกๆให้กับเขาเพื่อไล่ผู้หญิงคนอื่นออกห่างจากเขาไป…’
นี่เป็นทฤษฎีที่เป็นไปได้สำหรับเหตุการณ์ชุดชั้นใน นอกไปจากนี้อึนยูริก็ยังรู้สึกอึดอัดในตอนที่ซอลจีฮูให้แหวนเป็นของขวัญอีกด้วย
อึนยูริพึมพำเบาๆด้วยความประหลาดใจ
“แต่ว่า… หากเธอเอาใจใส่เขาขนาดนี้ ทำไมเธอไม่ยื้อเขาไว้จนถึงท้ายที่สุดล่ะ…? ทำไมถึงแยกกันกับเขา…? อ่า… เขาบอกว่าเขาเป็นนักพนัน…”
เธอได้เอียงกระป๋องเบียร์พร้อมเอนหลังไปอย่างช้าๆ นี่เป็นภาษากายที่บอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันก็ไม่สำคัญ
“คุณไม่เป็นไรนะ?”
“ค่าาา- ฉันไม่เป็นไร…”
จากน้ำเสียงลากยาวของเธอแล้วได้แสดงให้เห็นว่าเธอเมา อึนยูริได้ทิ้งตัวลงไปกับพื้นเย็น และพึมพำออกมา
“ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าเข้าใจทุกอย่าง.. แต่ฉันคิดว่าฉันคงจะเข้าใจอะไรผิดไป…”
ซอลจีฮูมองเธอก่อนจะร้อง “อ๊ะ” ออกมา เขาเริ่มเข้าใจว่าอึนยูริเข้าใจเรื่องอะไรผิดไป
‘นี่คือเหตุผลที่ทำให้อารมณ์เธอกลายเป็นซับซ้อนสินะ’
เขายิ้มออกมาด้วยความคิดว่ามันไร้สาระมาก ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา หากเป็นซอยูฮุยก็คงเป็นอีกเรื่อง แต่อึนยูริไม่ใช่สเป็คของเขาเลยสักนิด
“มันคงเป็นการเข้าใจผิด ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
ซอลจีฮูได้พูดเขินๆออกมาก่อนจะค่อยๆหันไปมองอึนยูริที่กำลังบ่น สีหน้าเธอกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
แต่เพราะเธอก็ดูสดชื่นขึ้นแล้วทำให้ซอลจีฮูหัวเราะออกมาอีกครั้ง มองย้อนกลับไปในบทฝึกสอนอึนยูริแทบจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาเลย เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไร และเมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นเธอเหม่อมองท้องฟ้า เขาก็จะสงสัยว่าเขาเชิญคนโง่มาหรือเปล่า
แต่ในตอนนี้เธอกำลังเผยส่วนหนึ่งของความคิดออกมา บางทีนี่อาจจะเป็นตัวอึนยูริจริงๆ เขาคงจะสนิทกับเธอมาขึ้นแล้ว
พอคิดแบบนี้ซอลจีฮูก็ยิ้มออกมา
***
ในเวลาเดียวกัน
เป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่ว่าที่พระราชวังอีวายังคงคึกคัก ชาล็อต อาเรียกำลังเดินไปมาอยู่ที่ท้องพระโรง
“องค์ราชินี เชิญไปพักเถอะนะ ไม่ใช่ว่าท่านต้องเข้าโลกความฝันหรอกหรือ?”
ซอกกูนีร์ได้เสนอออกมาโดยที่ทนมองเธอไม่ไหว ยังไงก็ตามชาล็อต อาเรียไม่ได้สนใจเลย
“ทะ ทำยังไงดี?”
“?”
“ซอลจีฮู ซอลจีฮูอยู่ไหน? ทำไมยังไม่กลับมาอีก? เขาหายไปนานแบบนี้ได้ยังไงกัน!?”
“เขตพื้นที่เป็นกลางยังไม่จบลงนะองค์ราชินี”
“แล้วเมื่อไหร่จะจบล่ะ?”
“พิธีปิดจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นพวกเขาคงจะกลับกันมาในทันที เพราะงั้นใจเย็นก่อนนะครับ”
“แต่ว่า…”
“ต่อให้พวกเขาจะกลับมาก่อนหน้านั้น แต่คนรับใช้ของท่านคนนี้ก็ยังอยู่นะครับ”
ซอกกูนีร์ได้โค้งคำนับพร้อมปลอบให้ชาล็อต อาเรียใจเย็นลง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เชิญไปพักผ่อนได้เลย”