The Second Coming of Gluttony - บทที่ 301 - มหาเศรษฐี (1)
บทที่ 301 – มหาเศรษฐี (1)
คืนนั้นซอลจีฮูฮัน เขาไม่ได้ถูกโรเซร่าเชิญไป แต่เขาฝันจริงๆ
ซอลจีฮูในวัยเด็กกับอึนยูริกำลังทะเลาะกันอยู่ และเขาก็ยังเห็นแม่กับคุณป้ายูอีกด้วย
[เร็วเข้าจีฮู]
[แต่ว่าพี่กับฉันจะแอบไปเล่นเกมกันนะ…]
[ไม่ได้นะ ป้าบอกให้นายไปนอน ไปนอนด้วยกันเถอะ]
[แต่ฉันอยากจะนอนกับพี่อะ… ฉันต้องไปนอนกับเธอหรอ?]
[ใช่แล้ว นายต้องนอนกับฉัน]
[ทำไมล่ะ?]
[ก็เพราะว่า- พ่อกับแม่ฉันนอนในห้องเดียวกันทุกคืนเลย แม่ของนายกับพ่อนายก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?]
[ใช่แล้ว!]
[นี่แหละเหตุผล ลองคิดดูนะ พ่อนายกับพ่อฉันต่างก็เป็นผู้ชาย แล้วแม่นายกับแม่ฉันก็เป็นผู้หญิง]
[ใช่]
[แล้วนายก็เป็นผู้ชาย ส่วนฉันเป็นผู้หญิง]
[หืม?]
[นี่คือเหตุผลที่เราต้องนอนด้วยกัน]
[…]
ซอลจีฮูในวัยเด็กเอียงหัวออกมา ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ดูแปลกๆจนทำให้เขาหันหน้าไปมองแม่ของเขา
แม่ของซอลจีฮูได้มองเด็กทั้งสองคนด้วยสีหน้าอ่อนโยน
[แม่ครับ]
[ว่าไงจ่ะจีฮู?]
เมื่อเธอได้เห็นสายตาสงสัยของเขา เธอก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มใจดี
[คือว่าซอนฮวาบอกผม-]
[ใช่แล้วจ่ะ ซอนฮวาพูดถูกแล้วล่ะ!?]
[คะ คุณแม่ของจีฮู?]
แม่ซอลฮวาได้พูดติดอ่างขึ้นมา แต่มันก็สายไปแล้ว ซอลจีฮูในวัยเด็กถามขึ้นอีกครั้งอย่างตกใจ
[จริงหรอครับ?]
[แน่นอนสิจ่ะ]
[อ่อ]
[เข้าใจแล้วนะ? ถ้างั้นไปอยู่กับซอลฮวานะ]
[โอเคครับ]
เพราะแบบนั้นซอลจีฮูวัยเด็กก็ถูกซอนฮวาลากไปนอนอย่างเชื่อฟัง
แม่ซอลจีฮูที่เห็นทั้งคู่จูงมือกันไปนอนบนเตียงก็ยิ้มออกมา
แม่ซอลฮวาก็ยังหัวเราะด้วยสีหน้าแปลกไปเล็กน้อย
[ลำบากเลยนะคะ ต้องขออภัยแทนซอนฮวาด้วย]
[ขอโทษเรื่องอะไรหรอคะ?]
[ฉันก็บอกเธอแล้วนะ แต่พอเป็นเรื่องจีฮู ซอนฮวาไม่ยอมถอยเลย]
[โอ้ ขนาดนั้นเลยหรอคะ?]
[ค่ะ! ครั้งล่าสุดเธอถามฉันด้วยว่าสนใจซอลจีฮูหรือเปล่า และคนที่เป็นครอบครัวต้องทำอะไรยังไง จริงๆเลย ฉันไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปเรียนรู้มาจากไหน]
[โอ้!]
แม่ซอลจีฮูหัวเราะพร้อมปรบมือออกมา
[ซอนฮวาแค่ยังไร้เดียงสาเอง]
[ไร้เดียงสา? ฉันล่ะกังวล ถ้าจีฮูมีนิสัยเสียเพราะเธอล่ะ?]
[อ๊ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ ซอนฮวาจะอยู่กับเขาไปตลอดแหละ]
[แต่ว่า…]
แม่ซอลจีฮูโบกมือบอกไม่มีปัญหา แต่แม่ซอนฮวาก็ยังคงมองดูจีฮูที่ซอนฮวากำลังร้องเพลงกล่อมเขาด้วยความกังวล
อีกด้านหนึ่งซอลจีฮูวัยผู้ใหญ่ที่กำลังฝันถึงอดีตได้ยิ้มอย่างมีความสุข แต่แน่นอนว่าเมื่อตื่นขึ้นเขาก็ลืมความฝันนี้ไป แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คืออึนยูริได้เข้ามาขอโทษเขาโดยบอกว่าเธอเข้าใจเขาผิดไปเอง และไม่เคยรู้ถึงสถานการณ์แบบนั้นมาก่อนเลย
***
ระยะเวลาสามเดือนได้สิ้นสุดไปแล้ว ในวันนี้คือวันที่เขตพื้นที่เป็นกลางจบลง
ในระหว่างพิธีปิด หัวหน้าผู้ดูแลจะต้องมาแสดงความยินดีกับเหล่าผู้ที่ทำสำเร็จ และอวยพรให้พวกเขาโชคดี
ยังไงก็ตามซอลจีฮูได้ทำตามซินเซีย และตัดสินใจจบพิธีในเวลาไม่นาน เขากระทั่งฝากให้คิมฮันนาห์พูดส่วนที่เหลืออีกด้วย
คิมฮันนาห์ได้บ่นพึมพำออกมา
“ทำไมคุณไม่เปิดประตูแสดงความยินดีด้วยตัวเองล่ะ?”
ยังเสริมด้วยว่า
“หากว่าคุณขี้เกียจ ก็แค่พูดเแย่ๆก็ได้ คุณให้ฉันทำแบบนี้ก็เพราะคุณไม่อยากทำเท่านั้นเอง”
ยังไงก็ตามเหล่าผู้ที่ผ่านเขตพื้นที่เป็นกลางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พาราไดซ์ที่พวกเขาเฝ้าฝันกำลังรอคอยอยู่ตรงหน้าแล้ว เพราะงั้นหากว่าไม่ต้องเจอพิธีอันน่าเบื่อมันก็ดีสำหรับพวกเขา
และดังนั้นแล้วพิธีปิดจึงจบลงไปในเวลาอันรวดเร็ว ซอลจีฮูรู้สึกพอใจที่ไม่ได้ยินคำว่า ‘อ้า เชี้ย ทำไมมันนานแล้วนี้? เมือไหร่จะจบกัน?’
ผู้จัดการและครูฝึกได้ส่งคนผ่านเขตพื้นที่เป็นกลางทั้งหมดนอกเหนือจากอึนยูริออกไป และจากนั้นก็ออกจากเขตพื้นที่เป็นกลางหลังจากที่เก็บกวาดพื้นที่ดูแลแล้ว
องค์กรอื่นก็คงจะทำการเซ็นต์สัญญากับเหล่ามือใหม่เรียบร้อย และพาตัวพวกเขาไปแล้วทำให้ภายนอกว่างเปล่า
จะมีก็แค่คนที่เชิญปาร์ควูรีกับยูยอลมูมา ซึ่งคิมฮันนาห์กำลังเจรจากับพวกเขาอยู่ และสุดท้ายพวกเขาทั้งคู่ก็ย้ายมาอยู่ที่วัลฮาลา
ซอลจีฮูได้มองอึนยูริที่มองสลับไปมาโดยไม่พัก และให้เธอไปหาที่นั่งก่อนจะเริ่มทำสัญญา เมื่อเขาจัดการเซ็นต์สัญญา 4 ปี เสร็จสิ้นแล้ว คิมฮันนาห์ก็ได้ย้อนกลับมาพร้อมปาร์ควูรีกับยูยอลมู
“ขอบคุณครับ! พวกเราจะตั้งใจให้สมกับที่คุณคาดหวัง!”
“ฝากตัวด้วยครับ”
ซอลจีฮูได้มองดูทั้งคู่แนะนำตัวกับสมาชิกวัลฮาลาพร้อมพูดออกมา
“เร็วกว่าที่คิดอีกนะ”
“องค์กรเก่าของทั้งคู่ต่างก็เป็นศัตรูกับสกีเฮราซาร์ด”
“แล้วพวกเขาไม่สงสัยหน่อยหรอ? มันไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะคิดว่า ‘ทำไมวัลฮาลาถึงต้องการทั้งคู่?'”
“ฉันแค่หาข้อแก้ตัวออกมา เอาเถอะนะ ฉันก็แค่พูดไปว่า ‘นักเวทย์อันล้ำค่าของเราอยากจะร่วมทีมกับทั้งคู่ต่อ เพราะงั้นฉันก็เลยแค่เสนอออกมา’ จากนั้นพอฉันให้ทั้งคู่แสดงหน้าต่างสถานะทุกอย่างก็ง่ายขึ้น”
คิมฮันนาห์ยังบอกว่าเธอได้ใช้ทองเป็นการแลกเปลี่ยนอีกด้วย แต่ว่าหากนำไปเทียบกับตอนคาเพเดี่ยมรับพี่น้องยี่เข้าทีมแล้วก็ยังเทียบไม่ได้เลย
เมื่อเรื่องต่างๆได้จบลงแล้ว สมาชิกวัลฮาลาต่างก็กระโดดขึ้นรถม้าเดินทางกลับอีวา
และทันทีที่รถม้าเริ่มเคลื่อนไหว และเสียงหมุนของรถม้าได้ดังออกมา ดวงตาอึนยูริก็เป็นประกายขึ้น ภายในรถม้าได้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันครึกครื้นที่ทุกๆคนยิ้มพอใจ
ซอลจีฮูก็ยิ้มพอใจเช่นกัน สิ่งต่างๆที่พวกเขาลงทุกไปได้ย้อนกลับคืนมาในปริมาณที่มาก
ซอลจีฮูได้ลูบกระเป๋าที่เก็บสินค้าต่างๆของร้าน VIP เอาไว้ และเขาได้แอบหันไปมองซอยูฮุย จากนั้นเขาก็หลับตาลง
เขารู้สึกสงบและสบายเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานานแล้ว
ในคืนนั้นรถม้าได้หยุดจอดในจุดที่โล่งเพื่อตั้งแคมป์ ต่อให้พวกเขาจะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้น
เมื่อมื้ออาหารเย็นได้จบลง ซอลจีฮูก็ได้ตั้งทีมเฝ้ายามสองคนขึ้น
ฮิวโก้ที่ฟังอยู่เงียบๆถึงกับบ่นออกมา
“ซอล ทำไมนายกับคุณซอยูฮุยอยู่กลุ่มเดียวกันล่ะ? แถมยังเป็นในตอนกลางดึกอีกด้วย”
“มีเหตุผลที่ฉันกับพี่สาวยูฮุยอยู่กลุ่มเดียวกันไม่ได้งั้นหรอ?”
“อย่ามาหลอกฉันนะ นายคิดว่าฉันมองนายไม่ออกงั้นหรอ?”
“นายมองเห็นอะไรกัน? ถ้าพี่สาวได้ยินเข้าอาจจะเข้าใจผิดได้นะ”
“ก็ได้ นายอาจจะไร้เดียงสาก็ได้ ฉันเชื่อนาย เพราะงั้นนายจะต้องเปลี่ยนกลุ่มเพื่อความเชื่อใจของฉัน”
“ความคิดอะไรเนี้ย?”
“เฮ้อ ฉันว่านายต่างหากแหละที่คิดสัปดน เฮ้ เฮ้ แค่เปลี่ยนกลุ่มเท่านั้นเอง นายจะมาเฝ้ายามกับฉันก็ได้”
โชฮงที่เดินเข้ามาได้เดาะลิ้นขึ้น และยื่นข้อเสนออย่างไม่สนใจ ยังไงก็ตามซอลจีฮูก็ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ยังไงแล้วเขาก็รอวันนี้มาอย่างยาวนาน
“ไม่ กลุ่มเฝ้ายามนี้แหละดีแล้ว เข้าใจนะฮิวโก้ พี่สาวยูฮุยจะเฝ้ายามกับฉันในคืนนี้”
ยังไงก็ตามฮิวโก้ก็ไม่ยอมแพ้ เขาได้แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวโดยบอกว่าอย่างน้อยเขาต้องได้เฝ้ายามกับซอยูฮุยสักครั้ง
จนกระทั่งเมื่อซอลจีฮูใช้อำนาจข่มขู่ในฐานะตัวแทน ฮิวโก้ถึงได้ยอมถอย นั่นก็เพราะว่าจางมัลดงที่เกลียดการเมินเฉยต่ออำนาจที่สุดได้ยืนขึ้นพร้อมไม้เท้าในมือ
“นี่ไม่ยุติธรรม รอก่อนเถอะนะ นายคิดว่าฉันจะยอมหยุดหรอ?”
ฮิวโก้ได้กัดฟันวิ่งหนีออกไป เขากำลังวิ่งไปหาซอยูฮุยที่กำลังเปิดถุงนอนอยู่ จากนั้นก็บอกกับเธอว่า ‘คืนนี้ซอลจีฮูได้วางแผนที่จะเฝ้ายามกลางคืนกับเธอ’
ยังไงก็ตามสีหน้านิ่งเฉยของซอยูฮุยกลับเปลี่ยนเป็นยินดีแทน
“โอ้ จริงหรอ?”
เธอได้ยกมือปิดปากหัวเราะก่อนจะออกไปจากเต็นท์ เธอได้ยิ้มมีความสุขพร้อมมองดูกระต่ายน้อยกระสับกระส่ายราวกับเขาน่ารัก
ซอลจีฮูไอแแห้งๆออกมา และหันหน้าไป จากบรรยากาศแปลกๆระหว่างทั้งคู่นี้ได้ทำให้อารมณ์บนใบหน้าฮิวโก้หายไปอย่างรวดเร็ว ฟีโซราได้เข้ามาตบบ่าฮิวโก้ และส่ายหัวเบาๆ
หลังไล่ตัวขัดขวางออกไปได้แล้ว ซอลจีฮูก็หยิบของออกมาจากกระเป๋า และออกไปจากเต็นท์ในทันทีที่ถึงเวลาเฝ้ายามของเขา
ซอยูฮุยได้อยู่ข้างนอกอยู่แล้ว เธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าแคมป์ไฟเหมือนกับเป็นภาพวาดจนทำให้ซอลจีฮูรู้สึกถึงดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัว
หากว่าซอยูฮุยไม่ได้รู้ตัวว่าเขามาแล้ว และกวักมือเรียกเขา เขาก็คงใช้เวลามองเธอไปทั้งคืนแน่
“พี่สาว”
หลังจากนั่งแล้วซอลจีฮูก็กระแอ่มเรียกชื่อเธอ ซอยูฮุยที่พยายามกลั้นหัวเราะอยู่ได้ระเบิดหัวเราะออกมา ซอลจีฮูคงกำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ แต่จากสายตาที่เขามองเธอ เธอจะไม่รู้ได้ยังไง
“ผมมีบางอย่างจะให้พี่สาวด้วย”
“หืม? เด็กพิเรนทร์คนนี้จะให้อะไรฉันหรอ?”
บางทีอาจจะเพราะคิดว่าซอลจีฮูดูน่ารักทำให้ซอยูฮุยหัวเราะออกมาพร้อมหยิกแก้มเขา ยังไงก็ตามทันทีที่ซอลจีฮูหยิบของออกมาจากกระเป๋าเขา รอยยิ้มของเธอก็หายไป
ในมือของซอลจีฮูมีรูปสลักเทพธิดาสูง 20 ซม. อยู่ ถึงแม้ว่าภายนอกมันจะดูเรียบๆ แต่ซอลจีฮูสามารถจะรู้สึกได้ถึงพลังแห่งเทพอันยิ่งใหญ่อยู่
แม้แต่บุตรแห่งลูซูเรียที่เดินทางไปทั่วพาราไดซ์มานาน และได้ประสบพบเจอกับสิ่งลึกลับมากมายก็จะตกใจกับปริมาณพลังเทะนี้
ซอยูฮุยไม่พูดอยู่พักหนึ่ง จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้ขยับเลยด้วย
ซอลจีฮูที่ชอบปฏิกิริยานี้ได้ยิ้มออกมา
“เป็นอนุสรณ์แห่งมอไร”
เขาพูดต่อเขินๆ
“ผมบอกแล้วนี่ครับ หากพี่สาวมีอนุสรณ์แห่งมอไร พี่สาวก็จะได้พลังคืนกลับมา นี่คือเหตุผลที่…”
ซอยูฮุยที่แทบจะสลัดความสับสนไม่ได้ ได้แต่พ่นลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมา
เธอส่ายหัวอย่างรุนแรง สิ่งที่มีชื่อว่าอนุสรณ์แห่งมอไรคือของที่พิเศษ
มีเพียงหนึ่งเดียวในพาราไดซ์ และการนำไปที่วิหารเพื่อถวายให้กับเทพก็จะทำให้ได้รับคะแนนคุณูปการในจำนวนมหาศาลจนน่าหวาดกลัว
เธอรู้ว่าซอลจีฮูได้มันมาจากไหน แต่เธอก็ไม่อาจจะรับมันมาได้
“จีฮู”
“ไม่”
เธอพยายามจะปฏิเสธ แต่ซอลจีฮูเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน เขาคงจะรู้แล้วว่าซอยูฮุยจะพูดอะไร ทำให้เขาบังคับยัดอนุสรณ์แห่งมอไรเข้าไปในมือเธอ
ซอยูฮุยรู้สึกได้เลยว่ามือของเธอร้อนขึ้นมากจนทำให้กลัวว่าอาจจะไหม้ได้เลย
“ไม่ว่ายังไงมันก็คือของพี่สาว”
“ฟังฉันนะ”
“ไม่ ผมไม่ฟัง”
ซอลจีฮูได้จ้องซอลจีฮูตรงๆ
“ถ้าพี่สาวไม่ต้องการ ผมก็จะเอามันกลับมา แต่ว่าจะไม่มีใครใช้มันรวมถึงตัวผมด้วย”
เขาถึงขนาดมอบคำขู่อันเย็นชาออกมา ยังไงก็ตามซอยูฮุยรู้ว่านี่ไม่ใช่ความรู้สึกแท้จริงของเขา เขาเพียงแค่แสดงออกมาเพื่อให้เธอรับไปให้ได้เท่านั้นเอง
ซอยูฮุยถอนหายใจออกมา หากว่าซอลจีฮูใช้มัน เขาก็จะตั้งเป้าหมายกลายเป็นแรงค์เกอร์ระดับพิเศษได้เลย อย่างน้อยที่สุดเขาก็จะสามารถยกระดับพลังของอึนยูริไปถึงจุดที่ต่อสู้กับปรสิตแล้วได้เลย
นอกเหนือจากนี้แล้วเขายังพยายามที่จะให้อนุสรณ์นี้กับเธอ จริงๆแล้วจะเรียกว่ามันสูญเปล่าก็ไม่ได้ ยังไงแล้วหากซอยูฮุยใช้ สุดท้ายวัลฮาลาก็จะกลายเป็นมีนักบวชระดับ 8
แต่เธอลังเลก็เพราะรู้สึกไม่สบายใจที่รับของล้ำค่าแบบนี้
“พี่สาว เขตพื้นที่เป็นกลางที่เรามาก็เพื่อสิ่งนี้ ผมใช้ตราประทับทองคำเชิญอึนยูริมาก็แค่เพื่อให้ได้อนุสรณ์แห่งมอไร”
ซอยูฮุยเบิกตาขึ้นกว้าง จนถึงตอนนี้เธอคิดว่าเพราะอึนยูริซะอีก แต่เขาเพิ่งจะปฏิเสธออกมา
“แค่เพราะฉัน?”
“แค่หรอครับ?”
ซอลจีฮูส่ายหัวออกมา
“ผมต้องนอนไม่หลับก็เพราะพี่สาวเสียสละเพื่อผม มันเป็นเหมือนภาระบนบ่าที่ทำให้ผมหายใจไม่ออกเลย”
หากเขาบอกไปว่าเขาจะใช้ชีวิตโดยเป็นหนี้แบบนี้ไม่ได้มันก็คงจะน่าขำ แต่ว่านิสัยของซอลจีฮูได้เปลี่ยนไปด้วยบัญญัติทองคำหลังจากเข้าพาราไดซ์ แต่หากมีคนมาถามว่าเขามอบอนุสรณ์แห่งมอไรเพื่อทดแทนบุญคุณของเธอ ถ้างั้นเขาก็คงมีแต่เอียงหัวสับสนออกมา
เขาไม่รู้ว่าทำไม ไม่ว่าจะเค้นสมองมากแค่ไหน เขาก็คิดไม่ออกเลย มันมีบางอย่างที่เขาลืมไม่ได้ ในตอนแรกที่เห็นซอยูฮุยมีบางอย่างที่ดึงดูดเข้ามากๆเหมือนอย่างในตอนเทเรซ่า
อารมณ์นั่นมันทำให้เขาทำแบบนี้ มันบอกให้เขามอบอนุสรณ์แห่งมอไรให้กับเธอ ให้เขาปกป้องเธอ
ซอลจีฮูได้คลายมือลง เขาได้พูดออกมาด้วยสายตาร้อนแรง
“ผมอยากให้พี่สาวรับไว้”
ประโยคสั้นๆนี้ได้ออกมาจากปากเขา แต่ว่าประโยคที่เรียบง่ายนี้เต็มไปด้วยอารมณ์มากมายที่อธิบายออกมาไม่ได้
ซอยูฮุยค่อยๆหลับตาลง หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เธอก็ค่อยๆลูบรูปปั้นหิน
“…ฉันใช้มันได้จริงๆหรอ?”
“ใช่ครับ หากพี่สาวไม่ใช่มัน ผมก็คงจะยึดติดรบเร้าพี่สาวจนกว่าจะรับไป”
เมื่อได้ยินแบบนี้ความมุ่งมั่นของซอยูฮุยก็สั่นคลอน นี่มันไม่ได้ฟังดูแย่เลยสักนิด
ซอยูฮุยลืมตาขึ้น เธอได้มองมาที่ซอลจีฮูด้วยสายตาที่ร่องลอย
“…จีฮู”
ขณะเขากำลังจะตอบกลับ ลมหายใจของซอลจีฮูก็ชะงักไป นั่นก็เพราะซอยูฮุยได้เข้ามากอดเขาอย่างกระทันหัน
“เด็กน้อยน่าสงสาร ช่างน่าเศร้า นายเป็นคนจิตใจดีจริงๆ… แต่ทำไม…”
ซอลจีฮูได้เงยหน้ามองภายในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเธอ ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนได้เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ ใบหน้าของซอยูฮุยดูสว่างไสวสะท้อนกับแสงดาว
นอกไปจากนี้สายตาที่เต็มไปด้วยความหลงไหลของเธอกำลังมองลงมาที่เขาจนร้อนแรงพอจะละลายได้แทบทุกอย่าง
“จีฮู”
เธอได้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบข้างหูเขา
อึก เสียงกลืนน้ำลายของซอลจีฮูดังออกมา ใบหน้าและหลังคอของเขาเริ่มคันขึ้นมา
“จีฮูของเรา-”
เสียงกระซิบพร้อมด้วยลมหายใจได้ผ่านมาที่หูของเขา ซอลจีฮูได้หลับตาลงไปโดยไม่รู้ตัว เขาอาจจะเข้าใจผิดไป แต่มันเหมือนกับว่าเสียงหายใจได้ใกล้เข้ามา
กลิ่นหอมอ่อนๆได้โชยเข้ามาและหลอมละลายบนลิ้นเขา…
“พี่ชาย”
ซอลจีฮูได้เบิกตาขึ้น ทั้งคู่ได้หันไปมองพร้อมๆกัน
อึนยูริกำลังเดินเข้ามาพร้อมลูบดวงตา
“ฉันเพิ่งฝัน”
เธอเอาความฝันขึ้นมาพูด อึนยูริได้หาวออกมาก่อนเปิดปากพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ราชินีถามว่าเมื่อไหร่พี่จะมา”
“ราชินี?”
“หมายถึงคุณชาล็อต อาเรีย เธออยากให้พี่กลับไปเร็วๆ”
“อ่อ”
อึนยูริคงกำลังพูดถึงความฝันของโรเซร่า
“ทำไม?”
“ฉันไม่มั่นใจ แต่ว่าอาจารย์รีบส่งฉันกลับมาโดยบอกว่ามีคนพยายามปลุกเธอ ยังไงก็ตามน้ำเสียงราชินีดูรีบมาก…”
จากนั้นเองอึนยูริก็เห็นซอลจีฮูในอ้อมกอดของซอยูฮุย เธอได้เลิกคิ้วขึ้นทันที
ทั้งคู่ได้ค่อยๆแยกจากกัน ซอยูฮุยไอออกมาเบาๆก่อนจะหยิบหนังสือที่คว่ำอยู่ขึ้นมามอง บางทีอาจจะเพราะแคมป์ไฟที่ทำให้แก้มเธอแดงเปล่งปลั่ง
ดวงตาอึนยูริได้กรอกเป็นวงกลม
“ฉันคิดว่าฉันควรจะบอกพี่ทันที”
“…ถูกแล้วล่ะ ขอบคุณนะ”
ซอลจีฮูได้พูดอย่างสงบ แน่นอนว่าภายในใจเขากำลังร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด เขาอดคิดไม่ได้ว่า ‘เกือบไปแล้ว!’
“ถ้างั้นก็ไปก่อนนะคะ”
อึนยูริได้โค้งคำนับอย่างเคารพก่อนจะกลับไปที่เต็นท์
ต่อจากนั้นสายลมหนาวเหน็บก็ได้พัดผ่านมาระหว่างทั้งคู่ ในระหว่างชายหญิงแล้ว บรรยากาศเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ซอลจีฮูได้สบถถึงชาล็อต อาเรียที่ทำลายบรรยากาศ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้สึกเหมือนเริ่มจะเกลียดเธอแน่ หากมันเป็นเรื่องไม่สำคัญ
“ฟู่วว…”
ซอลจีฮูถอนหายใจยาวพร้อมคาบบุหรี่ ขณะที่เขากำลังจุดไฟ สายตาเขาก็สบกับสายตาซอยูฮุย
“…”
“…”
ต่อจากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
***
ในกลางดึกรถม้าได้มาถึงอีวาเร็วกว่าที่คิด กลุ่มพวกเขาได้ให้เงินคนขับรถม้าเพื่อเร่งกลับมา
นั่นก็เพราะอึนยูริบอก และเพราะหลังจากนั้นชาล็อต อาเรียก็ไม่ได้กลับเข้ามาในความฝันอีกเลย ตามที่โรเซร่าบอกมา เธอบอกว่าเธอไม่อาจจะเรียกชาล็อต อาเรียมาได้ก็เพราะสภาพอารมณ์ที่ไม่ค่อยคงที่
ซอลจีฮูรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้เอาคริสตัลสื่อสารมาด้วย แต่เขาก็ไม่อาจจะเอาเข้าไปได้ จากเหตุการณ์การดึงตัวในอดีตทำให้ราชวงศ์ไม่ยอมให้เอาคริสตัลสื่อสารเข้าไปข้างในเขตพื้นที่เป็นกลาง
ซอลจีฮูได้รีบกลับมาด้วยความเป็นกังวล แต่ว่าบรรยากาศภายในเมืองดูปกติ เขาไม่รู้สึกอะไรที่เหมือนกับบรรยากาศของสงครามที่เคยเห็นในฮารามาร์คเลย และบรรยากาศดูครึกครื้นกว่าปกติอีกด้วย
‘โรคกังวลเธอกำเริบงั้นหรอ?’
เมื่อเห็นชาวโลกกำลังร้องเพลงกันอยู่ข้างนอก ซอลจีฮูก็ตัดสินได้เลยว่ามันไม่มีความจำเป็นให้เขารีบกลับมาเลย และเดินทางกลับสำนักงาน
หลังจากดูมือใหม่ที่ทึ่งกับขนาดสิ่งก่อสร้างแล้ว ซอลจีฮูก็จัดพิธีต้อนรับอย่างที่วางแผนไว้ งานเลี้ยงตอนรับไม่ใช่แค่สำหรับสมาชิกใหม่สามคนเท่านั้น แต่ก็ยังสำหรับบาสเลอร์ โอราฮี แล้วก็คาซุกิอีกด้วย
งานเลี้ยงต้อนรับได้เป็นไปอย่างสนุกสนาน ทุกๆคนได้กินดื่มกันด้วยบรรยากาศสนุกสนานครื้นเครง ทุกๆอย่างเป็นไปด้วยด้วยนอกเหนือจากฟีโซราที่เมาจนไปยั่วโมโหโอราฮี และจบลงที่ต้องไปทะเลาะกันกับพื้น
“ลงข้างสาวผมแดง 200 เหรียญเงิน!”
“ฉันขอพนันข้างยัยหน้าตาย 100 เหรียญเงิน”
มาเรียได้จัดเกมเดิมพันขึ้น ขณะที่ซอลจีฮูกำลังคิดว่าจะพนันข้างใครดี..
“ตัวแทน”
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขา คิมฮันนาห์ได้ยืนอยู่ด้านหลังเขาพร้อมลูกแก้วคริสตัลเปล่งประกาย
“จากราชวงศ์อีวา ผู้ดูแลติดต่อเข้ามา”
“…เมื่อครู่นี้สินะ”
“ใช่แล้ว ไม่มีสายไม่ได้รับเลยหรอ?”
“ไม่ ทันทีที่กลับมาถึงฉันตรวจสอบแล้ว มันไม่มีแสงล่องลอยอยู่เลย”
นี่คือเหตุผลที่ซอลจีฮูคิดว่าสามารถติดต่อไปหาราชวงศ์ในตอนเช้าได้ แต่การที่มีสายติดต่อเข้ามาในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงหลังจากกลับมาถึงมันหมายความว่า…
จากความวุ่นวายตรงหน้านี้ทำให้ซอลจีฮูจากไปเงียบๆ หลังจากย้ายมาที่ทำงานพร้อมคริสตัลในมือแล้ว ใบหน้าซอกกูนีร์ก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น
“คุณกูนีร์?”
-ขออภัยด้วย ผมเพิ่งได้ยินว่าคุณกลับมาถึงอีวา ผมคิดว่าจะติดต่อไปหาวันพรุ่งนี้ แต่ดูเหมือนคุยตอนนี้จะดีกว่านะ
“ไม่มีปัญหาครับ มีอะไรเกิดขึ้นหรอ?”
-คิดไว้แล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้ จากภายนอกมันดูจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่า…
ซอกกูนีร์ได้เม้มปากแน่น
“…อะไรนะ?”
หลังจากฟังคำอธิบายย่อๆแล้ว ซอลจีฮูก็ถามกลับเสียงดัง
“คณะตัวแทนของสหพันธรัฐจะมางั้นหรอ?”
-อื้ม สมาชิกของคณะตัวแทนดูจะเป็นคนที่คุณรู้จัก
“เป็นคุณยูเรลหรอครับ? เธอเป็นแฟรี่ถ้ำ”
-ใช่แล้ว เธอบอกว่าเธอมาในฐานะผู้ติดตาม
ซอลจีฮูขมวดคิ้วขึ้น
ยูเรลเป็นแฟรี่ระดับผู้บัญชาการ ในหมู่แฟรี่ถ้ำแล้ว เธออยู่ลำดับสอง การที่มีคนทำให้เธออยู่ในตำแหน่งผู้ติดตามได้ นั่นมันหมายความว่าคณะตัวแทนคนนี้จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าเธอ