The Second Coming of Gluttony - บทที่ 324 - ศึกเฉียบพลัน (3)
บทที่ 324 – ศึกเฉียบพลัน (3)
ยูนิคอร์นยกขาหน้าของมันขึ้น จากนั้นก็กระทืบพื้น
ตูม!
เสียงคำรามดังสนั่นได้เข้าจู่โจมหูของซอลจีฮู ผืนดินแห้งแล้งได้แตกออก และเกิดเป็นแผ่นดินไหวขึ้น แรงระเบิดมันทรงพลังมากจนทำให้ซอลจีฮูที่ระวังตัวมากแล้วก็ยังต้องเซ
คนอื่นๆ ในทีมต่างก็ประสบเจอกับสิ่งเดียวกัน มาเรียได้ล้มลงไปกับพื้น และกระทั่งนักธนูที่มีทักษะในการรักษาสมดุลอันดีเยี่ยมก็ยังโซเซ
ต่อจากนั้นยูนิคอร์นได้คำรามขึ้นพร้อมพุ่งตัวออกมาก่อนที่จะได้ให้มีใครได้โอกาสรักษาสมดุลกับมา ทันทีที่มันถีบตัวเข้าใส่พวกเขาได้เกิดหมอกควันรุนแรงระเบิดออกมาจากร่าง
ความเร็วของยูนิคอร์นมันมากจนยากที่ยากที่จะแยกแยะได้ว่าสิ่งที่กระจายออกข้างหลังมันคือเงาราตรีหรือภาพติดตากันแน่
“แยกกัน!”
แบคแฮจูได้ตะโกนเร่งออกมา จากนั้นเธอก็พุ่งไปยืนหยัดอยู่ด้านหน้า ในเวลาเดียวกันนั้นเองหัวของยูนิคอร์นก็กระแทกเข้าใส่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์
“อึก!”
แบคแฮจูได้ถูกดันกลับอย่างต่อเนื่องโดยทิ้งรอยยาวเอาไว้ และสมาชิกที่เหลือในทีมรีบกระจายตัวออกทันที
ซอลจีฮูตกใจมากที่เห็นเธอดูดันกลับมา แบคแฮจูเคยสู้กับผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่งได้เพียงลำพัง แต่ในคราวนี้เธอกลับไม่อาจจะต่อต้านการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว
กรรร!
ยูนิคอร์นได้แค่นเสียงก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางไป
‘ฉันควรจะหลบหรือหยุดมันเอาไว้?’
หลังจากลังเลอยู่เสี้ยววินาทีหนึ่ง ซอลจีฮูก็ตัดสินใจได้ นั่นมันก็เพราะฟิลิป มูเลอร์ได้ร่ายเวทย์เทเลพอต และเคลื่อนย้ายไปอยู่ด้านหลังแบคแฮจูกับนักบวชทั้งสองคนแล้ว
เขาในตอนนี้พอจะสบายใจได้บ้างแล้วที่คนที่เขาต้องคุ้มกันอยู่ห่างจากศัตรู
ยังไงก็ตามไม่นานนักเขาก็รู้ตัวว่าเขาคิดผิดไป มันมีเหตุผลที่แบคแฮจูตะโกนให้ทุกคนกระจายตัวอยู
หากว่าอยู่รวมกัน ด้วยพลังทำลายของยูนิคอร์นก็จะสามารถเอาชนะพวกเขาได้ภายในคราวเดียว ดังนั้นเป้าหมายของการกระจายตัวกันก็เพื่อกระจายความสนใจออกไปให้มากที่สุด
และดังนั้นแล้วสมาชิกที่เหลือต่างก็กระจายตัวรักษาระยะห่างระหว่างกันให้มากที่สุด แต่ยังไงก็ตามความเร็วของยูนิคอร์นมันเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
นอกเหนือจากความเร็วในการพุ่งน่าสะพรึงขนาดนี้ มันก็ยังมีความสามารถในการตีโค้งที่สูงมากอีกด้วย ทันทีที่มันเห็นสมาชิกที่กำลังถอย มันก็ได้งอตัวทันที
ซอลจีฮูที่กำลังมองดูอยู่ได้อ้าปากข้างขึ้นมา นั่นก็เพราะว่าท่าร่างของยูนิคอร์นดูคล้ายกันกับก้าวพริบของเขา
“ระวัง!”
“ซวยแล้ว!”
แม้ว่าจะมีคำเตือนของซอลจีฮู แต่ฟีโซราที่ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีได้สบถขึ้น และยกโล่ขึ้นมา เมื่อรู้ตัวว่าไม่อาจจะหนีออกจากระยะโจมตีของมันได้ทำให้เธอเลิกหนี
ในที่สุดยูนิคอร์นก็เด้งตัวขึ้นเหมือนสปริง และใช้เขาบนหน้าผากมันกระแทกเข้าใส่ฟีโซรา
แผ่นแสงสีขาวด้านหน้าของเธอได้แตะกระจายในทันทีที่เขาของมันทะลวงผ่านบาเรียเหมือนแผ่นกระดาษ ต่อจากนั้นเขามันก็ยังเจาะทะลวงโล่ และแทงเข้าที่หน้าอกของฟีโซราไปในเวลาพร้อมๆกัน
“อ๊ากกก!”
ฟีโซราได้กระเด็นออกไปพร้อมเลือดกระจายออกมา ก่อนจะกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง เธอตัวสั่นขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม และดวงตาเธอเบิกโพล่งขึ้นราวกับเธอไม่อาจควบคุมร่างกายได้แล้ว
ยูนิคอร์นก็ยังยกหัวขึ้น และร้องออกมาอย่างภูมิใจ
“คุณฟีโซรา!”
เสียงแค่นได้ดังขึ้นอีกครั้ง ยูนิคอร์นได้ปรับท่าร่างใหม่ราวกับจะบอกว่าตอนนี้มันจัดการได้คนหนึ่งแล้ว
ดวงตาของซอลจีฮูได้เปิดเป็นประกายแสงขึ้นมา กระแสสายฟ้าได้แล่นผ่านขึ้นมาจากที่ใต้เท้าเขา เขาได้เลือกใช้ประกายสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ผู้บัญชาการกองทัพที่สี่ แทนที่จะวิ่งเข้าไปหาฟีโซรา
ยูนิคอร์นได้หยุดหันมามองซอลจีฮู ถึงแม้ว่าเขาจะลอยตรงเข้ามาเหมือนลำแสง แต่มันดูไม่ได้สนใจเลยสักนิด
แต่ถึงแบบนั้นมันก็เลิกสนใจฟีโซรา และหันหน้ามา แต่นั่นไม่ใช่เพราะมันถูกบังคับให้ต้องทำแบบนี้ ท่าทีของมันเหมือนกับจะพูดว่า ‘มาดูสิเจ้ามีดีอะไร’
ซอลจีฮูที่วิ่งเข้าไปได้แทงหอกออกไปอย่างสุดกำลัง ปราณดาบสีทองได้พุ่งตัดอากาศออกไปจากปลายหอก
ยูนิคอร์นอยู่นิ่งจนกระทั่งปราณดาบใกล้จะทะลวงร่างมัน จากนั้นมันได้แค่นเสียง และขยับขาทั้งสี่
‘อะไรนะ?’
ลมหายใจซอลจีฮูชะงักไป ขณะที่เขาคิดว่าการโจมตีถูกตัวศัตรูแล้ว ยูนิคอร์นก็ได้ขยับตัวหลบไปอย่างคล่องแคล่ว
หอกพิสุจน์ได้แต่แทงทะลุผ่านติดตาเข้าไปเท่านั้น ถึงแม้ว่าซอลจีฮูจะรีบสะบัดหอกไปด้านข้างทันที แต่ยูนิคอร์นก็ก้าวถอยหลังหลบการโจมตีอย่างคล่องแคล่วเหมือนก่อนหน้านี้
การเคลื่อนไหวและความเร็วของมันท้าทายกฎฟิสิกส์อย่างแท้จริง
ซอลจีฮูเพิ่งจะมารู้ตัวตอนนี้ว่าต่อให้เขาใช้ประกายสายฟ้าความเร็วของเขาก็ยังด้อยกว่าความสงบนิ่งอันบ้าคลั่งอยู่ดี
“อย่าได้อวดดี”
ยูนิคอร์นขมวดคิ้วขึ้น
“ต่อให้เจ้าทุ่มเต็มกำลังก็ยังคงไม่พอ แต่นี่เจ้ากล้าโจมตีลองเชิง…”
ด้วยเหตุผลบางอย่างนี่มันฟังดูเหมือนกับศักดิ์ศรีของมันถูกทำร้าย
ผู้บัญชาการกองทัพที่สี่คงจะคิดว่าซอลจีฮูออมมืออยู่
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำจัดความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ ข้าสงสัยมากจริงๆว่าเจ้าฆ่าเจ้านั่นได้อย่างไร”
ยูนิคอร์นเผยรอยยิ้มอันหยาบช้าออกมา
“เพราะงั้นรีบๆแสดงพลังที่แท้จริงของเจ้าออกมาจะดีกว่านะ”
มันได้ก้มหัวลงยื่นเขามาด้านหน้า
“ไม่เช่นนั้น…!”
จากนั้นมันก็บินขึ้นก่อนจะพุ่งลงมาเหมือนสายฟ้า
ราวกับจะเสียบให้ซอลจีฮูตาย
ซอลจีฮูอึ้งขึ้น และกระโดดพุ่งตัวไปด้านหน้าโดยไม่รู้ตัว ต่อให้เขาถอยหลังกลับมันก็ไล่เขาทันอยู่ดี ดังนั้นเขาได้เลือกฝ่าไปจากด้านหน้าแทน ยังไงก็ตาม…
ตูม!
พื้นดินด้านหลังเขาสั่นขึ้น….
[ด้านหลัง!]
เสียงเร่งรีบของโฟลนได้ดังขึ้นในหัวเขา
ซอลจีฮูรีบหันกลับไปมอง และเมื่อสังเกตเห็นเขาก็ตกใจจนพูดไม่ออก
หลังจากชนพื้นแล้ว ยูนิคอร์นได้ตีโค้งกลับมาไล่ตามเขาอย่างน่าทึ่ง
ซอลจีฮูได้รีบหันร่างกลับทันที เขาคิดที่จะใช้แรงหมุนเพิ่มแรงโจมตีกลับไป แต่ว่าเขาของมันได้พุ่งเข้ามาก่อนแล้ว
“ย๊ากกก!”
แทบจะทันทีที่เขารู้สึกได้ว่าร่างเขาถูกดึงไปด้านหนึ่ง และสีข้างเขาก็ปวดแสบขึ้นมา
“อ๊ากกก…”
เมื่อเขาตั้งสติกลับมาได้ เท้าของเขาก็ลอยอยู่เหนือพื้นหลายสิบเมตรแล้ว
โฟลนได้รีบออกมายกร่างซอลจีฮูขึ้นเพื่อช่วยให้เขาหลบการโจมตีก่อนหน้านี้พ้นอย่างฉิวเฉียด
[ฟู่ว! เกือบไปแล้ว…]
“แกมันเป็นใคร!?”
ดวงตาของโฟลนได้เบิกกว้างขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก นั่นก็เพราะมีน้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้นเหนือหัวเธอ
ยูนิคอร์นได้ขยับมาด้านบนเธอก่อนที่เธอจะรู้ตัว และในตอนนี้ขาหน้ามันกำลังยกขึ้นอยู่
[อะ เอ๋?]
พร้อมๆกับเสียงร้องตกใจของโฟลน เงาราตรีก็ได้พุ่งออกมาจากร่างของยูนิคอร์น ต่อจากนั้นมันก็ได้ถีบตัวพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง
ตูม! โฟลนได้ถูกส่งลอยออกไปโดยไม่ได้แม้แต่ร้องออกมาสักแอะเดียว
ยูนิคอร์นที่สังเกตเห็นว่าเธอเป็นวิญญาณ มันจึงเลือกใช้การโจมตีที่มีประสิทธิภาพที่สุด
สีน้าของซอลจีฮูเปลี่ยนเป็นดำมืดลงเมื่อเขารู้ตัวว่าเขากำลังลอยอยู่
แอ็กเนสได้รีบปล่อยเส้นด้ายออกมาเพื่อพยายามหยุดยูนิคอร์นเอาไว้ แต่ว่าแค่มันสะบัดตัวเล็กน้อย เส้นด้ายก็ขาดลง
“ตายซะ!”
จากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่ซอลจีฮูอย่างรุนแรง
จากนั้นก็ คว้าง! คลื่นความร้อนได้กระแทกลงบนตัวยูนิคอร์น เปลวเพลิงขนาดใหญ่ได้เข้าปกคลุมร่างกายขนาดใหญ่โตของผู้บัญชาการกองทัพที่สี่
ฟิลิป มูเลอร์ได้ร่ายเวทย์ออกมาช่วยเขาไว้
เพราะแบบนี้ทำให้ซอลจีฮูลงถึงพื้นได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะรีบพยุงตัวขึ้นมา แต่ยูนิคอร์นที่ฝ่าตาข่ายเพลิงมาได้อย่างง่ายดายก็ไม่คิดจะให้เขาได้หยุดพัก
มันดูเหมือนจะไม่ได้บาดเจ็บเลยสักนิดอีกด้วย
หากมองดูใกล้ๆ มันก็จะมีชั้นบาเรียทรงกลมที่คอยคุ้มกันร่างของผู้บัญชาการกองทัพที่สี่อยู่
“พวกหนอนแมลง”
หลังแค่นเสียง ยูนิคอร์นได้ปล่อยเงาราตรีออกมาอีกครั้งหนึ่ง มันได้ยกขาหน้าขึ้นพร้อมปล่อยควันออกมา จากนั้นขณะที่มันกำลังไล่ตามซอลจีฮูที่กำลังหลบหนี และโจมตีลงไป…
“หืม?”
ทันใดนั้นมันก็ต้องหยุดไล่ตาม และถอยกลับไป
แทบจะทันทีหลังจากนั้นได้มีปราณดาบสีเขียวนับสิบพุ่งผ่านจุดก่อนหน้าที่มันยืนอยู่เหมือนคลื่นน้ำ
หญิงสาวสวมใส่ชุดคลุมดั้งเดิมสีขาว แบคแฮจู ได้มายืนอยู่ตรงหน้าซอลจีฮู
“เจ้าโง่ นี่นายกำลังทำอะไรอยู่!?”
ทันทีที่เธอลงมายืนถึงพื้น เธอได้เปิดปากที่เต็มไปด้วยเลือด ตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ
“พวกเราแทบจะไม่มีข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามเลย! นี่คือเหตุผลที่เราต้องลองเชิงศัตรูก่อน! ทำไมนายถึงได้รีบพุ่งเข้าไปแบบนั้น!? นายนี่ไม่รู้เรื่องอะไรบ้างเลย!”
ซอลจีฮูกลายเป็นสับสนไป
เขามีเหตุผลที่รีบพุ่งเข้าไป นั่นก็เพื่อดึงความสนใจจากยูนิคอร์นที่กำลังเล็งฟีโซราที่หมดสภาพอยู่
ยังไงก็ตามซอลจีฮูไม่อาจจะคิดหาคำพูดตอบกลับไปได้ ในระยะเวลาสั้นๆเขาได้ปะทะกับฝ่ายตรงข้ามอยู่หลายครั้ง ไม่สิ แทนที่จะเรียกว่าการปะทะกัน จริงๆแล้วเขาเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสู้กัน แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกับเพิ่งรอดพ้นความตายมาสามหรือสี่ครั้ง
“มัน… แข็งแกร่งกว่าความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ซะอีก…”
“ก็แน่สิ!”
แบคแฮจูได้พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ โดยที่สายตาเธอก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ยูนิคอร์น
“การต่อสู้กับความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการลอบโจมตีหัวใจของเขาสำเร็จ จากนั้นนายก็ลอบโจมตีเขาอีกครั้งจนเกิดเป็นความเสียหายอย่างมหาศาล”
“…”
“แต่เจ้านี่ต่างออกไป มันเตรียมพร้อมรอเราอยู่ นายคิดว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ของเราจะไปเทียบกับตอนนั้นได้งั้นเหรอ?”
จริงๆแล้วซอลจีฮูก็จำไม่ค่อยได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในระหว่างสงครามหุบเขา แต่ว่าเมื่อนึกถึงหอกของแบคแฮจูที่แทงทะลุร่างผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่งราวกับจะฆ่าฝ่ายตรงข้าม ซอลจีฮูก็พยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่รู้ตัว
ย้อนกลับไปมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เขาได้ปะทะกับความหมั่นเพียรอันนิรันดร์อยู่ไม่กี่ครั้งก่อนจะล้มลง ยังไงก็ตามนั่นก็เพราะความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ ‘อ่อนให้’ เขาอีกด้วย
ผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่งได้ใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียวเล่นกับเขาเพราะอยากจะเห็นในพลังของผู้ใช้พลังต่อต้านปีศาจ
ยังไงก็ตามผู้บัญชาการกองทัพที่สี่ต่างออกไป
มันได้เลือกใช้พลังเต็มที่ตั้งแต่เริ่มโดยไม่มีการออมมือหรืออ่อนข้อให้เลยสักนิด
“ในเมื่อเรามาถีงที่นี่แล้ว อย่าได้คิดว่าทุกคนจะมีชีวิตรอดกลับไป”
แบคแฮจูพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซอลจีฮูที่เข้าใจสิ่งที่เธอจะบอกกัดฟันแน่น เธอกำลังบอกไม่ให้เขาเข้าแทรกโดยไม่จำเป็นอย่างก่อนหน้านี้ ต่อให้ฟีโซราจะถูกฆ่าต่อหน้า สมาชิกที่เหลือก็จะได้รับประโยชน์หากสามารถรวบรวมข้อมูลของความสงบนิ่งอันบ้าคลั่งมาได้
เมื่อยูนิคอร์นได้แสดงสัญญาณเริ่มยกสองต่อ แบคแฮจูได้เช็ดเลือดบนริมฝีปาก และตะโกนขึ้น
“มาถึงจุดนี้เราไม่มีทางเลือกแล้ว”
ในตอนนั้นเอง
-ตั้งใจฟังฉันให้ดีนะ
ซอลจีฮูผงะไป จู่ๆเสียงของแบคแฮจูก็ดังขึ้นในหัวเขา
-อย่าตอบสนองอะไรกับสิ่งที่ฉันกำลังพูด อย่าได้แสดงมันออกไป อย่าเผยอะไรก็ตามที่จะทำให้เสียโอกาส
แบคแฮจูดูจะมีความสามารถในการเทเลพาทีซึ่งจะส่งตรงความคิดไปให้อีกฝ่ายหนึ่ง
มันชัดเจนมากว่าผู้บัญชาการกองทัพที่สี่ไม่อาจจะดักฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันได้
“นายกับฉันต้องเป็นคนนำไปล้อมเจ้านั่นจากทุกด้าน แล้วก็ลุมมันให้ตาย!”
-มอนสเตอร์นั่นมีความเร็วและพลังทำลายที่น่ากลัวมา แต่ว่าพลังป้องกันของมันก็คงด้อยอยู่ โดยตัดสินได้จากการที่มันพยายามหลบหรือป้อมกันการโจมตี
“เหมือนอย่างในตอนที่เราฆ่าความหมั่นเพียรอันนิรันดร์!”
-แค่ครั้งเดียว โอกาสเดียวก็พอแล้ว
เสียงที่ส่งเข้ามาในหัวเขาต่างกับที่เธอพูดอยู่เล็กน้อย
ในระหว่างสงครามในหุบเขา แบคแฮจูได้เห็นซอลจีฮูที่ปลุกพลังขึ้นด้วยนิมิตกดดันผู้บัญชาการกองทัพทั้งสามคน นั่นไม่ใช่แค่ทางด้านพลังเท่านั้น แต่ยังมีสติปัญญา และเล่ห์เหลี่ยมอีกด้วย
เธอกำลังวางแผนที่จะใช้กลยุทธการหลอกลวงที่คล้ายคลึงกันนี้
แต่ในความเป็นจริงแล้วซอลจีฮูไม่ได้มีความทรงจำในตอนนั้นเอง
“ฮ่าห์ คิดว่าข้าจะยอมให้มีการลอบโจมตีงั้นเหรอ?”
ความสงบนิ่งอันบ้าคลั่งแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
แบคแฮจูได้ย้ำอีกครั้ง จากนั้นก็ลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ
“ฉันจะเข้าไปสร้างช่องว่างเป็นคนแรก แค่รอก่อน เข้าใจนะ?”
แม้ว่าเธอจะกระซิบ แต่หากทุกคนตั้งใจฟังก็คงจะได้ยินแน่
-คนอื่นๆจะสร้างช่องว่างให้ นายกับฉันต้องไม่พลาดโอกาสนั้น ยังจำในตอนที่เราแทงความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ได้ไหม?
แน่นอนว่าสิ่งที่เธอส่งเข้ามาในหัวเขาต่างจากที่พูดอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าช่าง… ไม่สิ เจ้ามันก็แค่หนอนแมลงชั้นต่ำเท่านั้นแหละ เอาสิ ดิ้นรนกันให้เต็มที่”
ยูนิคอร์นส่ายหัวออกมา ดูแล้วมันคงกำลังคิดว่าจะชนะแน่หากว่าตราบใดมันยังระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
“ดูเหมือนกระทั่งราชินีผู้สูงส่งก็คงจะเป็นกังวลเกินไป การมาเรียกคนแบบนี้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงนี่… ชิ ชิ ฉันละอยากเห็นตอนเธอส่ายสะโพกจริงๆ”
มันได้พึมพำอย่างผิดหวังพร้อมข่วนพื้น ผืนดินที่อยู่ใกล้กับขามันได้กลายเป็นฝุ่นควันกระจายไปทั่ว
-มันกำลังมาแล้ว
แบคแฮจูได้ตั้งท่าขึ้น
“…”
ซอลจีฮูพยักหน้าเงียบๆ ในตอนนี้เขาได้มองไปรอบตัว นักรบที่กระจายตัวกันอยู่ได้ค่อยๆล้อมยูนิคอร์นจากรอบด้าน พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้ามืดมนออกมาราวกับพวกเขาเต็มใจเป็นโล่มนุษย์
-ในตอนที่มันพุ่งเข้าใส่หนึ่งในพวกเขา อย่าได้เคลื่อนไหว ดาวแห่งความโลภจะเริ่มก่อน
“?”
ซอลจีฮูอยากจะถามขึ้น เขาคิดว่านักรบจะพุ่งเข้าไป แต่กลับกลายเป็นนักเวทย์จะเริ่มการต่อสู้เนี้ยนะ?
คาดไม่ถึงเลย
-เขาจะใช้กาจำแลงในทันทีที่ทำการเทเลพอต หากว่ามันไม่ได้พุ่งเข้าใส่พวกเขา เขาก็จะจัดการมันโดยไม่ต้องหยุดกลางคัน
เมื่อซอลจีฮูได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานไร้ขีดจำกัดพวยพุ่งขึ้นมา
พลังงานแห่งความโลภได้กระจายออกมาเป็นวงกล้ามครอบคลุมทั้งพื้นที่
“พลังนี่…”
ตัวตนที่สูงกว่ามนุษย์กำลังปรากฏตัวขึ้น แม้กระทั่งผู้บัญชาการกองทัพก็ไม่อาจจะดูถูกตัวตนนี้ได้
ยูนิคอร์นได้หันหน้าไปที่ที่นักเวทย์กำลังยืนเปิดสมุดอยู่
ฟิลิป มูเลอร์ดูอ่อนแอมากจนแค่สายลมก็พัดเขาปลิวได้แล้ว
ทั้งตัวเขาได้เปียกโชคไปด้วยเหงื่อ ม่านตาก็ปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดสีแดง รวมไปถึงกล้ามเนื้อที่เกร็งกระตุกอีกด้วย
และเหนือหัวของเขาไปจะเห็นภาพเงาร่างๆของคนผมยาวกำลังประสานมีภาวนาอยู่
“โอ้?”
ทันใดนั้นความสงบนิ่งอันบ้าคลั่งที่ไม่แยแสก็ดูจะสนใจขึ้นมา
“โฮ่ๆ! เป็นเจ้าจริงๆสินะ อวาริเทีย!?”
ในตอนนี้เองฟิลิป มูเลอร์ก็ได้ยกมือที่สั่นเทาขึ้นเหนือฟ้า
“อวา-!”
ตาที่เบิกกว้างอยู่แล้วได้เบิกหนักกว่าเดิม…
“อวา-!”
เขาได้บ่นเวทย์ออกมาด้วยลมหายใจหอบหนัก
“…อวาริเทีย”
จากนั้นเองสองมือของเทพธิดาที่ได้จำแลงขึ้นเหนือหัวฟิลิป มูเลอร์ได้กางฝ่ามือกดลงมาทางยูนิคอร์น