The Second Coming of Gluttony - บทที่ 329 - การตื่นของพลัง และโอกาสสุดท้าย (3)
บทที่ 329 – การตื่นของพลัง และโอกาสสุดท้าย (3)
“ย๊ากกกกกก!”
ซอลจีฮูตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมวิ่งตรงออกไป
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวที่กำลังจับคอของแบคแฮจูอยู่ได้หันกลับมามอง
“…”
ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองแบคแฮจูที่กำลังดิ้นอยู่ในมืออีกครั้ง มันเหมือนกับว่าเธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
แต่ยังไงก็ตามท่าทีไม่แยแสของเธออยู่เพียงครู่เดียว
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานจากเบื้องหลังที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอเบิกตากว้างขึ้น ตอนที่เธอหันกลับมามองอีกครั้ง หอกยาวก็ตวัดฟันลงมาที่เธอแล้ว
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวกระพริบตามอง และโยนแบคแฮจูออกไป จากนั้นเธอก็กระทืบพื้นให้เกิดชั้นดินเล็กๆขึ้นมาป้องกันพร้อมด้วยสายลมรุนแรง ก่อนที่จะขยับเท้าหลบอย่างคล่องแคล่ว
เธอได้เบี่ยงเบนหอกที่ฟันเข้ามาจากทุกทิศทาง และย่นระยะห่างระหว่างทั้งคู่ด้วยการเคลื่อนไหวซิกแซก
ฟับ!
แต่เมื่อเธอทำแบบนั้นจู่ๆ วิถีหอกก็เปลี่ยนไป หอกที่แต่เดิมฟันลงมา ได้เปลี่ยนไปเป็นตวัดขึ้นในแนวทแยง
“หืม?”
เมื่อความเมตตาอันบิดเบี้ยวได้รีบเอนหลังหลบก็ทำให้คมหอกเฉียดผ่านหน้าอกเธอไป
ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนหน้านี้ฝ่ายตรงข้ามยังมองการเคลื่อนไหวของเธอได้ไม่ทันเลย แล้วนี่จู่ๆเขามาคาดเดาการเคลื่อนไหวของเธอ และโจมตีเข้ามาอย่างแม่นยำได้ยังไง?
‘เกิดอะไรขึ้น?’
สีหน้าของความเมตตาอันบิดเบี้ยวได้เต็มไปด้วยความสับสน แต่ว่าเธอก็ยังสะบัดหางออกมา
เมื่อหางเธอฟาดเข้าใส่เขาเหมือนแส้ ซอลจีฮูก็ได้ถีบตัวออกไปพร้อมสร้างโล่ขึ้นจากมือซ้าย
เขาได้ใช้โล่เบี่ยงการโจมตีจากหาง ก่อนที่จะลอยโค้งถอยไปอย่างงดงาม และดึงแขนขวากลับมา
ตอนนี้ความเมตตาอันบิดเบี้ยวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา จู่ๆก็หายตัวไป และปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังซอลจีฮูอีกครั้ง
และเมื่อเธอกำลังจะใช้สันมือฟาดเข้าที่คอของเขา
‘อะไรกัน?’
…เธอรู้สึกถึงแรงกชกระแทกที่ค้างโดยไม่รู้ตัว
ผั๊วะ!
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวที่ถูกกระแทกที่คางได้รีบขยับเท้าถอยออกมา หลังจากที่ถูกโจมตีเป็นครั้งแรกทำให้เธอจ้องซอลจีฮูด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
หากเธอมองไม่ผิดไป ซอลจีฮูได้สะบัดแขนอย่างรุนแรงเมื่อเหวี่ยงหอกเป็นวงกลมกลางอากาศ แถมเขาได้ทำทั้งหมดนี้โดยที่ยังมองไปข้างหน้าอีกด้วย นี่คือเหตุผลที่ทำให้เธอถูกปลายหอกกระแทก
“…โฮ่?”
เพราะแบบนี้ทำให้เธอมั่นใจ
เขามองการเคลื่อนไหวของเธอออกไป ไม่สิ เธอไม่มั่นใจว่าเขาอ่านการเคลื่อนไหวของเธอถูกหรือเปล่า แต่เธอก็มั่นใจว่าเขารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเธอได้ และไล่ตามเธอทัน
‘แปลก นี่มันแปลกไปหน่อยแล้ว’
เธออยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซอลจีฮูก็ได้เคลื่อนไหวออกมาแล้ว เขาได้พุ่งตัวเข้าใส่เธอในทันทีที่เหยียบพื้น
‘ควรจะทดสอบดูดีไหมนะ?’
หลังจากสะบัดแขนกันการโจมตีแล้ว ความเมตตาอันบิดเบี้ยวก็ได้ถอยกลับไปสังเกตดูคู่ต่อสู้อย่างตั้งใจ
ในไม่ช้าก็จะต้องปะทะกันอีก
ซอลจีฮูได้ไล่ตามติดเธอ และเล็งหอกมาที่ส่วนร่าง
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวที่เห็นการโจมตีตรงๆนี้ได้ยกเท้าขึ้นมา เธอต้องการที่จะกระทืบหอกของเขาให้จมลงไปกับพื้น แต่จู่ๆหอกก็เปลี่ยนจากการแทงตรงเข้ามาเป็นตวัดขึ้น
พร้อมกันนั้นซอลจีฮูก็หมุนข้อมือทำให้หอกหมุนเป็นวงกลม
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวได้รีบขยับหัวถอยไปตามสัญชาตญาณ ซึ่งนั่นทำให้ปราณดาบสีทองคำที่ถูกเสริมพลังด้วยแรงหมุมเฉียดผ่านปลายจมูกเธอไป แต่ถึงแม้ว่าเธอจะหลบออกมาได้แล้ว แต่หอกก็เปลี่ยนเป็นหมุนรอบตัวก่อนที่สันหอกจะลอยเข้ามาที่ขมับของเธอ
ยังไม่หมดเท่านั้น ซอลจีฮูได้รีบย่นระยะห่างราวกับเขาไม่อยากจะหยุดการโจมตีต่อเนื่องนี้
เมื่อปลายหอกได้หมุนรอบเป็นวงกลมจนชี้ลงไปที่พื้น เขาก็จับหอกในท่าขว้าง และแทงมันลงไป
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวรีบขยับตัวหลบไปทางซ้าย ก่อนที่จะบิดแขนเหวี่ยงเข้ามา
“ฮึ่ม!”
เธอได้ตวัดข้อศอกออกมาโดยหวังที่จะระเบิดหัวของเขา
ซอลจีฮูที่อยู่ติดกับอีกฝ่ายเกินไปจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบิดเอวหลบ
เพราะแบบนี้ทำให้สมดุลของเขาพังลงไปครู่หนึ่ง ทันทีที่ความเมตตาอันบิดเบี้ยวสังเกตเห็นถึงเรื่องนี้ได้ขยับฝีเท้าอันคล่องแคล่วอีกครั้ง…
คลื่นนน!
ทันใดนั้นเองพื้นก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวได้ชะงักเท้าพยายามใช้ขาของเธอเกี่ยวกับขาเขาเพื่อรักษาสมดุลเอาไว้ แต่ว่าซอลจีฮูก็ได้ฟาดหอกลงมาอย่างรุนแรงราวกับบอกให้เธอไสหัวไป
และเมื่อเขาป้องกันไม่ให้เธอรักษาสมดุลเอาไว้ได้ หอกของเขาก็พุ่งเข้าที่คอของเธอเหมือนอสรพิษ
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวได้รีบยกขาเตะเข้าใส่ด้ามหอกจนทำให้ปลายหอกที่ลากเส้นโค้งยาวเข้ามาลอยขึ้น
แต่เมื่อเธอเห็นว่ามันกำลังจะถูกฟาดลงมาอีกครั้งก็ทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้น
แขนของซอลจีฮูที่ตอนนี้กำลังยกชี้ขึ้นไปบนฟ้า จู่ๆก็งอลง พร้อมๆกับการเคลื่อนไหวแขนนี้ หอกของเขาก็หมุนและพาดลงบนไหล่ก่อนที่จะเล็งไปที่เธออีกครั้ง
ต่อจากนั้นเขาก็ได้ยื่นแขนออกไปข้างหน้า และพุ่งเข้าใส่เธออีก ในเวลาเดียวกันโล่ทรงกลมก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
นี่เป็นการโจมตีที่ไม่ยอมให้ศัตรูได้หยุดพักหายใจเลยจริงๆ!
“เจ้า…!”
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวที่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยได้ขยับขาที่ยกขึ้นอยู่อย่างช้ำชอง เธอได้ใช้ปลายขาเกี่ยวหอกเอาไว้ และกดมันลงไป
ปลายหอกได้ถูกกดลงพื้นพร้อมแรงกระแทกอย่างรุนแรงด้วยกำลังขาของเธอ
เมื่อเธอกดหอกได้สำเร็จ เธอก็ได้ใช้เข่ากระแทกเข้าใส่ด้ามหอกเพื่อทำให้หอกจมลงไปในดิน
ในเวลาเดียวกันเธอก็ขยับมือซ้ายไปปตามด้ามหอกเข้าใส่ตัวซอลจีฮู
ซอลจีฮูเบิกตากว้างขึ้น
เมื่อเธอมั่นใจว่าเธอจับเข้าได้แล้ว-
“!”
แสงเจิดจ้าได้พุ่งเข้ามาจากด้านข้างของเธอด้วยพลังอันน่ากลัว
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวเดาะลิ้นขึ้น รีบเหวี่ยงมือออกมาโดยหวังที่จะหักคอของซอลจีฮู และเธอก็ยังยืมแรงเหวี่ยงนั้นสะบัดหางออกไปอย่างสุดกำลังอีกด้วย
ผั๊วะ! หลังจากรู้สึกถึงแรงกระแทกแล้ว เธอก็รีบตรวจสอบสถานการณ์รอบตัว เธอเห็นชายหนุ่ม และหญิงสาวถอยกลับไปจากแรงปะทะที่เกิดขึ้นทางด้านหน้าและด้านซ้าย
ผู้ที่ฉวยโอกาสโจมตีเธอคือแบคแฮจูอย่างที่คาดเอาไว้ ซอลจีฮูที่ยกมือกันหน้าอกอยู่ก็ค่อยๆลดแขนลง
ในช่วงเวลาสั้นๆได้เกิดการจู่โจม และป้องกันขึ้นมากมาย
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวที่เห็นซอลจีฮูกำลังสูดลมหายใจได้แสยะริมฝีปากออกมา
พิจารณาจากการจู่โจมที่กระทันหันแล้ว เธอมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีเยี่ยม แต่น่าเสียดาบที่เธอไม่อาจจะจับศัตรูตามเป้าหมายไว้ได้สำเร็จ ช่องว่างที่เกิดขึ้นจากการถูกลอบโจมตีทำให้ซอลจีฮูมีโอกาสได้ป้องกันตัว
แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ได้เปรียบอยู่
“หืมมมม”
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวที่เหลือบไปเห็นหอกพิสุจน์ที่ยังคงติดอยู่กับพื้นได้ถามออกมา
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“…”
“การเคลื่อนไหวของเจ้าดีขึ้นมาก มันเทียบกับก่อนหน้านี้ไม่ติดเลย”
“…”
“ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่สู้แบบนี้? เจ้าตั้งใจซ่อนความสามารถไว้งั้นเหรอ? ไม่สิ มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น”
ร่างกายที่ร้อนขึ้นเล็กน้อยทำให้เขาพูดเธอกลายเป็นเร็วขึ้น
“พูดสิ เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงกดดันนี้ ซอลจีฮูก็ที่กำลังสูดลมหายใจได้พูดออกมา
“ถ้าผมบอก…”
เขาได้หยุดครู่หนึ่งก่อนเลียริมฝีปาก และพูดต่อ
“…คุณจะให้โอกาสเราได้พักไหม?”
“…อะไรนะ?”
“พอมาคิดดูแล้ว ผมรู้สึกว่าการไม่รับข้อเสนอคุณก่อนหน้านี้มันเสียเปล่าไป กำลังถามว่าหากผมเปลี่ยนใจแล้ว คุณจะยอมให้เราพักไหม”
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวเอียงหัวออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้านี่ช่างเป็นชายที่คาดเดาไม่ได้ซะจริง!”
เธอหัวเราะออกมาก่อนจะส่ายหัว
“นั่นมันจะทำให้ความตื่นเต้นลดลงหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ หากเจ้าตอบคำถามข้า ถ้างั้นข้าก็จะยอมรับ”
“จริงเหรอ?”
“แน่นอน หากว่าสามารถจะได้สนุกกับการต่อสู้แลกชีวิตเหมือนเมื่อก่อนก็น่าสนใจ เพราะงั้นมันไม่มีเหตุผลให้ข้าต้องปฏิเสธเลย”
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวพูดต่ออย่างใจกว้าง
“ตอนนี้ก็รีบพูดเข้าสิ ข้าจะไม่ถามว่าเจ้าได้ใช่ทักษะปลุกพลังทั่วไปที่เพิ่มพลังให้กับเจ้าชั่วคราวหรอกนะ”
“…”
“นั่นเพราะมันไม่ใช่แบบนั้นเลย เจ้ากลายเป็นคนที่ต่างออกไป มันเป็นสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
แต่ว่าซอลจีฮูก็ไม่ได้ตอบเธอง่ายๆ ดวงตาที่กวาดมองไปทั่วของเขาดูสับสนเล็กน้อย
“ผมไว้ใจคุณได้ไหม?”
“แน่นอนสิ”
“แล้วหากคุณโจมตีผมหลังพูดไปล่ะ?”
“ฮ่าห์ นี่เจ้าถูกหลอกมาทั้งชีวิตงั้นเหรอ? ข้าก็เคยสาบานด้วยนามของตัวเองไปแล้วนี่? หรือหากเจ้ายังไม่ไว้ใจ ถ้างั้นก็พักซะเลย ไว้ค่อยบอกข้าหลังจากพักแล้วก็ได้”
“ข้อเสนอมันดีเกินไป”
“เพียงแต่ว่า”
หลังจากสะกิดหอกพิสุจน์เล็กน้อย ความเมตตาอันบิดเบี้ยวก็ก้าวขึ้นมา
“ข้าจะคืนอาวุธให้เจ้าก็ต่อเมื่อข้าได้ยินคำตอบเท่านั้น สุดท้ายแล้วหลังจากเจ้าพักพอ เจ้าก็อาจจะไม่ตอบข้า”
“คงงั้น”
ซอลจีฮูพยักหน้าออกมา
เขาไม่รู้ว่าการสาบานด้วยนามของเธอมันหมายถึงอะไร แต่ว่าเขาก็แสดงท่าทีเชื่อมั่น
“เยี่ยม ถ้างั้น…”
ขณะที่ค่อยๆคุกเข่าลงไป เขาก็ยังคงระแวงอยู่
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวพยักไหล่ออกมาก่อนจะยืดตัวขึ้น
ซอลจีฮูถอนหายใจยาว ก่อนจะรีบพูดต่อ
“อย่างแรกเลย…”
“หืม อย่างแรก?”
ขณะที่ความเมตตาอันบิดเบี้ยวทวนคำด้วยดวงตาเป็นประกาย…
ดวงตาซอลจีฮูเบิกกว้างขึ้น ในเวลาเดียวกันเขาก็ดีดตัวพุ่งออกไปเหมือนนักวิ่งมืออาชีพ
เมื่อความเมตตาอันบิดเบี้ยวรู้สึกได้ถึงจิตสังหาร เธอก็แค่นเสียงออกมา ไม่เพียงเขาจะโจมตีในตอนที่บอกว่าจะพักเท่านั้น แต่เขายังพุ่งเข้ามามือเปล่าอีกด้วย
ในตอนนั้นเองเธอก็รู้สึกถึงพลังงานที่จู่ๆปรากฏขึ้นด้านหลัง มันเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่รุนแรงจนทำให้เธอสะดุ้ง
เมื่อความเมตตาอันบิดเบี้ยวหันหน้ากลับไปมอง เธอก็ต้องประหลาดใจ
หอกพิสุจน์ที่ปักอยู่ในดินตอนนี้กำลังลอยอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นแต่มันยังกำลังลอยตรงมาทางเธออีกด้วย
เทคนิคหอกจันทร์เสี้ยว กระบวนท่าที่สอง หอกบิน
คมหอกอันเฉียมคมได้พุ่งเข้าหาเธอราวกับจะแทงให้ทะลุ
“อะไรกัน!?”
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวที่ประหลาดใจหนักได้รีบตั้งท่าขึ้น ยังไงก็ตามตอนนั้นเอง…
“อ๊ากกก!”
ซอลจีฮูที่พุ่งเข้าใส่เธอได้เร่งความเร็วขึ้น และใช้ไหล่กระแทกเธอ
เมื่อความเมตตาอันบิดเบี้ยวรู้ตัวถึงความผิดพลาดตัวเอง สมดุลของเธอก็พังไปแล้ว แต่เมื่อหอกพิสุจน์ตรงมาอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็คำรามขึ้น
“เจ้า!”
เมื่อเธอตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ ปีกของเธอก็กางขึ้นพาเธอบินขึ้นไปทั้งๆที่ทรุดตัวอยู่
ความเมตตาอันบิดเบี้ยวรู้สึกแสบขึ้นบริเวณหน้าท้องของเธอ
ยังไงก็ตามเธอพยายามบินโค้งอยู่บนท้องฟ้า และทรงตัวไว้ ต่อให้ทั้งร่างเธอจะแข็งทื่อก็ตาม กว่าเธอจะรู้ตัวว่าทั่วทั้งท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยด้ายสีขาวเหมือนใยแมงมุม ก็ตอนที่เธอบินอยู่แล้ว
และเหนือด้ายเหล่านั้นไปก็คือแบคแฮจูที่กระโดดขึ้นไปอยู่เหนือหัวเธอเพื่อเตรียมตัวโจมตีลงมานานแล้ว
‘ไม่มีทาง-‘
แบคแฮจูได้เหวี่ยงแขนทั้งสองข้างลงมาสุดกำลัง ก่อนที่ความเมตตาอันบิดเบี้ยวจะได้ทันคิดจบซะอีก
ใบหน้าเธอกลายเป็นสับสนไป
นั่นก็เพราะเธอรู้สึกได้
นั่นไม่ใช่แค่ใยแมงมุมหรือแบคแฮจู มันคือหอกพิสุจน์ที่เธอคิดว่าหลบพ้นไปแล้วกำลังลอยตรงเข้ามาหาเธอราวกับถูกล็อคเป้าเอาไว้
ยังไม่หมดเท่านั้น
ตัวซอลจีฮูที่กระโดดขึ้นมาคว้าหอกก็ยังทำให้หอกถูกปกคลุมด้วยพลังสีทอง
เหนือหัวเธอมีหอกคถาคตที่กำลังฟันลงมาพร้อมปราณดาบสีเขียว และด้านล่างมีหอกพิสุจน์ที่กำลังจะพุ่งทะลวงร่างเธอ
ปากของความเมตตาอันบิดเบี้ยวอ้าออกมา
และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง-
“กรรรรรรรรรรร!”
เธอได้คำรามออกมาอย่างกราดเกรี้ยวพร้อมปลดปล่อยพลัง
หลังจากที่ที่ใช้เพียงแค่ร่างกายต่อสู้กับพวกเขามาตลอดเวลา ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจะใช้พลังแล้ว
***
ในเวลาเดียวกัน
“ตรงไปแบบนี้แหละ! เร็วกว่านี้อีก”
ตอนนี้มาแชล จิโอเนียวิ่งเต็มกำลังแล้ว
ด้วยบุคลิกเขามันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนเลย แต่ว่าด้วยคำสั่งของซอลจีฮู และสถานการณ์ได้บังคับให้เขาต้องหนี
นอกจากนี้ต่อให้เขาอยู่ที่นั่นก็ช่วยอะไรไม่ได้มากอยู่ดี แต่หากว่าเขาทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ สถานการณ์ทั้งหมดก็จะเปลี่ยนแปลงไป
มาแชล จิโอเนียเชื่อในคำพูดเหล่านี้ และใช้มานาวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ?
หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ และเขาก็เริ่มได้ยินเสียงปั่นป่วนจากใกล้ๆอีกด้วย
“พวกเขาอยู่ตรงนั้น”
ลูกเจี๊ยบที่เร่งมาแชล จิโอเนียมาตลอดทางได้พูดขึ้น
จุดที่เกิดเสียงวุ่นวายมาจากภูติที่กำลังรวมตัวกันอยู่อย่างที่เขาพูดไว้
เหล่าภูติที่รวมตัวกันเป็นจำนวนมากนี้ดูจะทำอะไรไม่ถูกอยู่
“หยุดแค่นี้แหละ อย่าเข้าไปใกล้เกินไป”
มาแชล จิโอเนียหยุดลง ขณะที่เขากำลังเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงตกใจขึ้นจากบนหัว
“นั่นมันอะไร?”
มาแชล จิโอเนียได้เงยหน้าขึ้นอย่างสับสน
“อะ อะไรกัน? รังมาทำอะไรอยู่ที่นี่?”
ตรงหน้าเขามีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ ถึงเมื่อก่อนมันอาจจะสวยงาม แต่ในตอนนี้ทะเลสาบกลับเต็มไปด้วยสิ่งปนเปื้อนสีดำสนิท
และยังมีรังที่นอนเกยอยู่ในทะเลสาบอยู่อีกด้วย พูดให้ถูกคือมีรังขนาดมหึมาล้อมรอบต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาอยู่พร้อมทั้งใช้หนวดรัดพันต้นไม้เอาไว้
จากการขมับของมันดูเหมือนรังพวกนี้จะมีชีวิตอยู่
“รัง? เจ้าพวกนั้นถูกเรียกว่ารังงั้นเหรอ?”
“เดี๋ยวก่อนนะ รอก่อนครับ พวกมันต่างไปจากรังตามปกติ”
เมื่อลูกเจี๊ยบซักถามขึ้น มาแชล จิโอเนียก็รีบตรวจสอบ
ไม่นานนักเขาก็เห็นถึงความต่าง ไม่เพียงแค่มันจะมีขนาดใหญ่มากเกินไปเท่านั้น แต่สีมันยังต่างกันอีกด้วย
ภายนอกของรังเดิมทีแล้วส่วนใหญ่จะเป็นสีเทา แต่ยังไงก็ตามรังที่จมอยู่ในทะเลสาบถูกย้อมไปด้วยห้าสี แดงเข้ม น้ำเงินคราม เขียวหยก น้ำตาลอ่อน และน้ำเงินอ่อน
“พูดสิ ต่างยังไง?”
ขณะที่มาแชล จิโอเนียอธิบายให้ลูกเจี๊ยบฟัง ภูติก็สังเกตเห็นพวกเขา และรีบเข้ามาหา
[เป็นไปได้ยังไงกัน? ทำไมมีแค่สองคนมาที่นี่?]
[พวกเขายังสู้อยู่เหรอ? พวกเขายังไม่ตายใช่ไหม?]
เมื่อเหล่าภูติเริ่มส่งเสียงดังออกมา…
“เงียบ!”
…ลูกเจี๊ยบตวาดออกมา
ความเงียบได้เข้าปกคลุมทันที
ลูกเจี๊ยบกางปีกเล็กๆขึ้น และคิดกับตัวเอง
“บ้าเอ้ย ฉันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมไม่มีกองกำลังปกป้องที่นี่… ตัวรังเองก็แข็งแกร่งมาก….”
[ฉะ ฉันรู้สึกได้ พวกเขาทั้งหมดอยู่ตรงนั้นใช่ไหม? พวกเราควรไปช่วยไหม?]
“อย่ามาไร้สาระ แค่นิ้วเดียวของเธอก็ฆ่าพวกนายได้หมดแล้ว”
[ถะ ถ้างั้นทำยังไงดีล่ะ? ท่านบอกว่าเรามีเวลาไม่มากแล้ว! รีบบอกเร็วสิว่าพวกเราต้องทำอะไร!]
เหล่าภูติพูดถูก ต่อให้ลูกเจี๊ยบจะมอบพลังให้กับซอลจีฮู แต่ลูกเจี๊ยบก็ยังบอกได้เลยว่าความเมตตาอันบิดเบี้ยวยังไม่ได้เอาจริง มันไม่รู้ว่าฝ่ายทางนั้นจะซื้อเวลาได้นานแค่ไหน
ไม่มีเวลามาให้คิดแล้ว ไม่สิ ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ต้องเคลื่อนไหวก่อนจะหาข้อสรุป สถานการณ์มันเร่งด่วนมาก
“…คงไม่มีทางเลือกแล้ว”
ลูกเจี๊ยบเบะปากออกมาก่อนจะเหลือบมองเหล่าภูติ จากนั้นก็พูดขึ้น
“พวกนายน่ะ…”