The Second Coming of Gluttony - บทที่ 340 - โลกเยือกแข็ง (4)
บทที่ 340 – โลกเยือกแข็ง (4)
“โจม…!”
ขณะที่ความบริสุทธิ์อันโสมมจะตะโกนบอกให้โจมตี
“…หืม?”
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงผงะไป หรือทำไมเธอถึงได้ขนลุก
ภาพตรงหน้าเธอก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเลย
ต้นไม้โลกกำลังถูกเผา รวมไปถึงป้อมปราการไทกอลเองด้วย
“…”
มันแค่ว่า… มีบางอย่างผิดปกติไปเล็กน้อย
ไม่สิ ควรจะพูดว่าเธอรู้สึกว่ามันต่างออกไป
มันเหมือนกับว่าความเป็นจริงตรงหน้าเธอไม่ใช่ความจริง
มันดูผิดธรรมชาติ และไม่น่าเชื่อ… ใช่แล้ว… มันเหมือนกับมีสองโลกมาทับซ้อนเข้าด้วยกันอยู่
พอเธอคิดมาถึงจุดนี้ ความบริสุทธิ์อันโสมมก็ได้สูดหายใจลึก
“โลก… ทับซ้อน..?”
ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันระหว่างความเป็นจริง และสิ่งตรงหน้าได้รุนแรงยิ่งขึ้น จากความสงสัยของเธอได้กลายเป็นความมั่นใจขึ้น…
[นี่ นี่…]
“?”
[ช่างเป็นเสียงหัวเราะที่หยาบคาย]
น้ำเสียงเยาะเย้ยนิ่งสงบได้ดังออกมาอย่างกระทันหัน… แป๊ะ พร้อมๆกันกับเสียงปรบมือ
“!”
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้เงยหน้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ
ภาพตรงหน้าเธอได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าเธอซีดลง เมื่อครู่นี้เธอยังลอยอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอกำลังร่วงลงมาโดยไม่รู้ตัว กว่าเธอจะรู้ตัวเท้าของเธอก็ตกถึงพื้นซะแล้ว
“…!”
บนใบหน้าที่สับสนของเธอได้ผสมไปด้วยความมึนงง
กองเพลิงที่ปกคลุมทั้งป้อมปราการได้หายไปก่อนที่เธอจะรู้ตัว
ต้นไม้โลกก็ไม่ได้กำลังถูกเผาเช่นกัน
ภาพนี้มันเหมือนกับภาพในตอนแรกที่เธอมาถึงที่นี่
มันแทบจะเหมือนกับเธอฝันไป
เกิดอะไรขึ้น?
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้มองไปรอบตัวอย่างสับสน…
[ดูสีหน้าของเธอสิ]
…เมื่อเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงไป
บนหัวของเธอมีหญิงสาวผอมบางกำลังนั่งอยู่บนกิ่งต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา เธอกำลังนั่งห้อยขาเท้าคางมองลงมาที่ความบริสุทธิ์อันโสมมด้วยสีหน้าร่าเริง
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้กลายเป็นพูดไปออกไปในทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังอันพิเศษที่หญิงสาวคนนี้ปล่อยออกมา
เธอได้สบสายตากับม่านตาของหญิงสาวที่สงบนิ่งเหมือนมหาสมุทร
[มีอะไรเหรอ?]
ดวงตาอันงดงามของเธอได้โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
[หลับฝันดีหรือเปล่าล่ะ?]
เธอได้พูดเยาะเย้ยออกมา
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้หลุดจากความมึนงงทันที จากนั้นเธอกัดฟันแน่น
แม้ว่าเธอจะไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เธอรู้แล้วว่าถูกยัยคนนี้ปั่นหัว
“แก…!”
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้ยกแขนขึ้นด้วยตาอันเบิกกว้าง
ฟิ้ววว!
เสาเพลิงได้พุ่งออกจากฝ่ามือเธอไปสู่ต้นไม้ที่ตายไปแล้ว
แต่แล้วก่อนที่เพลิงรุนแรงจะได้ไปถึงตัวอีกฝ่าย…
ฟู่ววว!
เพลิงได้แยกออกเป็นแปดสายราวกับถูกบาเรียล่องหนขวางทางเอาไว้
ความบริสุทธิ์อันโสมมขมวดคิ้ว ในขณะที่รอยยิ้มอีกฝ่ายยิ่งมีมากขึ้น
[ฟุฟุ]
พร้อมๆกับเสียงหัวเราะร่างของหญิงสาวได้หายตัวไป
“เคลื่อนย้ายพริบตา?”
เป็นเวทย์ระดับสูงที่จะสลับพื้นที่ระหว่างสองจุด
ความบริสุทธิ์อันโสมมทึ่งมากกับการใช้เวทย์ระดับนี้โดยไม่ต้องร่าย
ต่อจากนั้นเมื่อเธอได้รีบหันไปด้านข้างด้วยความตกใจ…
ฉึก!
แท่งน้ำแข็งยักษ์ได้พุ่งขึ้นมาจากพื้น และแทงเข้าที่ท้องเธออย่างกระทันหัน
“อ๊ากกก!”
ตึง
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้กระอักเลือดออกมาเมื่อเธอกระแทกเข้ากับกำแพงป้อมปราการ
“แค่กๆ”
ขณะไอออกมาสายตาเธอก็พร่ามัวขึ้น
เธอไม่อาจจะทำความเข้าใจสถานการณ์ได้ทันเลย
[ทำไมต้องแกล้งทำเป็นเจ็บด้วยล่ะ?]
หญิงสาวคนนั้นได้ค่อยๆเดินมาเบาๆ
[นี่แค่การทักทายเท่านั้นเอง แค่เท่านี้เธอคงยังไม่ตายใช่ไหมล่ะ?]
เมื่อหญิงสาวได้ถามออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ริมฝีปากของความบริสุทธิ์อันโสมมก็สั่นเทา
มีอีกเรื่องที่เธอมั่นใจแล้ว
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่มนุษย์
เธอได้มีพลังอันมหาศาลที่ไม่ควรจะสามารถสั่งสมได้ด้วยช่วงชีวิตของมนุษย์ปกติ
ในตอนนี้เองผู้บัญชาการคนอื่นที่ยอมเสียสละกองทัพเพื่อส่งตัวความบริสุทธิ์อันโสมมฝ่าเข้าไปก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
ความบริสุทธิ์อันโสมมน่าจะมีเวลามากพอให้ทำลายป้อมปราการจากภายในแล้ว แต่นี่กลับไม่มีข่าวอะไรออกมาเลย
“เกิดอะไรขึ้น…?”
“…”
ความอดทนอันพุ่งพล่านกับความกรุณาอันน่ารังเกียจได้หันไปมองพร้อมกัน
ในเวลาเดียวกัน
“แก…”
เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่ากลัวที่กดทับลงมา ความบริสุทธิ์อันโสมมก็ได้ฝืนถามออกมา
“แก.. แกเป็นใคร!?]
[ฉันเหรอ…? แล้วมันสำคัญด้วยงั้นเหรอ?]
หญิงสาวได้พยักไหล่พร้อมขยับก้อนน้ำแข็งในมือเล่น
[เอาเถอะนะ ในเมื่อเธอก็เคยเป็นนางบำเรอของจักรวรรดิ ถ้างั้นเธอก็น่าจะเคยได้ยินชื่อฉันนะ]
“แกพูดว่าอะไรนะ!?”
ความบริสุทธิ์อันโสมมตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง
นางบำเรอของจักรวรรดิ
นี่เป็นคำที่เคยถูกใช้เป็นปกติ ก่อนที่จะเกิดการรุกรานของปรสิตขึ้น
ย้อนกลับไปในอดีต ซัคคิวบัสไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ถูกเหล่ามนุษย์ล่า
เนื่องจากหน้าตาที่งดงาม และทักษะในเรื่องกิจกรรมทางเพศอันเชี่ยวชาญ พวกเธอจึงมักจะถูกจับกลับไปมอบให้สมาชิกชั้นสูงของจักรวรรดิในฐานะทาสอยู่เสมอ
นี่คือเหตุผลที่ทำให้พวกเธอถูกเรียกว่านางบำเรอ ในเวลาเดียวกันนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ความบริสุทธิ์อันโสมมเกลียดชังมนุษย์
การที่เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์จากยุคของจักรวรรดิ
“เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่เคยเห็นนักเวทย์ในระดับของแกที่จักรวรรดิ!”
[เสียใจด้วนะ]
หญิงสาวยิ้มสดใสออกมา
[ฉันคนนี้ไม่ใช่คนจากเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน แต่เป็นคนจากเมื่อหลายร้อยปีก่อนต่างหาก]
“อะ อะไรนะ?”
หญิงสาวหัวเราะออกมาก่อนจะถอนหายใจ
[แต่ก็นะ]
เธอได้มองไปรอบๆก่อนจะเดาะลิ้น
[เนโครแมนเซอร์ วิญญาณร้าย ซัคคิวบัส แล้วก็อันเดธ… น่าตกใจแหะ ราชินีคนนี้ของเธอเอาสิ่งมีชีวิตน่าขยะแขยงพวกนี้มารวมตัวกันได้ยังไงกันนะ]
จากนั้นก้อนน้ำแข็งในมือของหญิงสาวก็ละลายลงไป ดอกไม้น้ำแข็งที่อยู่ภายในนั้นได้เผยออกมาให้เห็น และหญิงสาวก็ได้ถึงเอาเกสรออกมาจากภายใน
และเมื่อเธอดันแก่นแท้แห่งน้ำแข็งนี้ลงไปในปาก…
[หืม!]
ออร่าของเธอได้เปลี่ยนแปลงไปในทันที
อุณหภูมิรอบตัวได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทันทีที่เธอเริ่มปล่อยะลังงานความเย็นสุดขั้วออกมา
หนาวเย็น มันหนาวมากจนทำให้ผิวหนังแข็งตัวจนลอกออกมาได้เลย
[ฉันก็อยากจะเลี่ยงไม่ใช่อะไรอย่างพลังงานต่อต้านปีศาจอยู่นะ… แต่ในเมื่อนี่ไม่ใช่ร่างกายของฉัน มันก็ไม่สำคัญหรอก]
“ไม่ใช่ร่างกายของเธอ…?”
ความบริสุทธิ์อันโสมมพึงพำอย่างเหม่อลอยก่อนจะเข้าใจ
“การสิงร่าง!”
ในที่สุดเธอก็เข้าใจ
ผู้ทรงพลังจากอีกมิติหนึ่งได้ยืมร่างกายของมนุษย์หญิงสาวเพื่อพูดออกมา
ทำไมเธอถึงไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้? แค่การที่เสียงของอีกฝ่ายดังก้องออกมาแทนที่จะมาจากกล่องเสียงก็เป็นหลักฐานชิ้นดีแล้ว
จากนั้นเอง
[ฉันควรจะเตรียมตัวรับแขกคนใหม่ดีกว่านะ]
ร่างกายของหญิงสาวได้เปล่งแสงจางๆออกมา
หมวกแม่มดได้ปรากฏขึ้นบนหัวเธอ และชุดเธอก็เปลี่ยนไปเป็นชุดคลุมยาวสีม่วง
จากนั้นลูกแก้วแสงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะกลายเป็นวัตถุคล้ายไม้กวาดยาวลอยลงมาไต้เท้าของหญิงสาว
[ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยง แขกผู้ทรงเกียรติคนแรก]
แม่มดได้ขยิบตาก่อนจะนั่งลงไปบนไม้กวาด
ไม้กวาดได้ตีวงลอยขึ้น ก่อนจะบินหายไปไกล
ขณะเงยหน้ามองอย่างสับสน ปากของความบริสุทธิ์อันโสมมก็ค่อยๆอ้าค้างออกมา
นิ้วซ้าย และขวาของหญิงสาวที่กำลังบินอยู่ได้เริ่มประสานมุทรา
เธอยังอ้าปากออกมาในเวลาเดียวกัน
“——. ———. ——. ———.”
เพื่อร่ายเวทย์
เป็นการร่ายเวทย์ถึงสามอย่างพร้อมกัน
นิ้วทั้งสิบได้ขยับไปมาราวกับกำลังเล่นเปียโน จากดวงตาที่หลับสนิท และปากที่ขยับไปมาแล้วมันเหมือนกับเธอกำลังจัดการบรรยากาศต่อหน้าฝูงชนอย่างสง่างาม
เมื่อเห็นแบบนี้ความบริสุทธิ์อันโสมมก็นึกขึ้นได้ถึงชื่อหนึ่ง
หนึ่งร้อยปีก่อนในระหว่างที่เป็นยุคทองของจักรวรรดิ มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นจุดสูงสุดท่ามกลางนักเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวรรดิ
การร่ายเวทย์สามบทพร้อมกันในคราวเดียวอย่างกลมกลืน และถึงขนาดเสริมพลังของเวทมนต์ขึ้นไปอีกด้วย นักเวทย์คนนี้ถูกรู้จักในชื่อแม่มดแห่งความฝันที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบทำให้จักรวรรดิต้องพังพินาศลงด้วยตัวคนเดียว
“…นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้ตะโกนปฏิเสธ และปล่อยพลังออกมา
ปัง! คริสตัลน้ำแข็งได้แตกกระจาย และร่างกายเธอก็กลายเป็นอิสระ
ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดที่ท้องจะพุ่งสูงขึ้น แต่เธอก็รีบกัดฟันชี้ไปบนฟ้า
“หยุดเธอซะ!”
ซัคคิวบัสที่ได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมสูงของเธอได้กระพือปีกรีบพุ่งตรงไปจากทุกด้าน
ในเวลาเดียวกันมุมปากของแม่มดก็ยกเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย
ต่อจากนั้นเมื่อซัคคิวบัสได้ล้อมรอบเธอจากทุกด้าน หญิงสาวก็ได้กางแขนออกอย่างสง่างาม
จากนั้น…
ปัง!
เรื่องน่าตกตะลึงได้เกิดขึ้น
ซัคคิวบัสที่รีบพุ่งเข้ามาจากทุกด้านได้ระเบิดกลายเป็นชิ้นๆโดยไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
ในเวลาเดียวกันการร่ายของเธอก็ยังไม่ได้หยุดลง
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้พึมพำออกมาอย่างแค้นเคือง
“อารัมภบท… แห่งโรเซร่า…”
ดวงตาของโรเซร่าได้หมองลงราวกับจะถามว่าซัคคิวบัสอันต่ำต้อนรู้ชื่อของเธอได้ยังไง
เมื่อความบริสุทธิ์อันโสมมได้เห็นสายตาอันหยิ่งผยองนี้มามองทำให้เธอโกรธขึ้นแทบจะทันท แต่ทันใดนั้นสายลมรุนแรงก็ทำให้เธอต้องชะงักไป
วูมมมมมมม!
ลมพายุยักษ์ที่ปล่อยความหนาวเย็นออกมาได้พัดออกมารอบตัวแม่มด
พายุลมกระหน่ำนี้ได้ค่อยๆถูกลดขนาดลงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งมันถูกบีบอัดจนเหลือขนาดแค่เท่าฝ่ามือของแม่มด
ในตอนนั้นเองความบริสุทธิ์อันโสมมก็เห็นอีกสองกองทัพกำลังเข้ามาใกล้ และพึมพำขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“มะ ไม่นะ”
นั่นก็เพราะเธอสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ถูกบีบอัดไว้จากลูกบอลเล็กๆในมือแม่มด
[ยูริ เธอเคยบอกว่าอยากจะเดินในเส้นทางแห่งมานาถูกไหม?]
ไม่ว่าจะยังไง
[ดูให้ดีนะ]
อึนยูริ ไม่สิ โรเซร่าที่ยืมร่างของอึนยูริอยู่กระซิบออกมา
[นี่คือสุดยอดวิชาของนักเวทย์ที่เดินไปในเส้นทางแห่งมานา!]
และโรเซร่าที่เห็นผู้บัญชาการกองทัพสองคนบินเข้ามาได้ยิ้มขึ้น
“ยะ อย่าเข้ามา!!”
ความบริสุทธิ์อันโสมมได้รีบตะโกน แต่โรเซร่าก็ยกมือขึ้นแล้ว
-เยือกแข็ง!
แกร๊กกกก!
ลูกบอลพลังได้แตกออก และพลังงานความเย็นสุดขั้วที่ถูกเก็บไว้ด้านในก็ทะลักออกมา
ในทุกๆทิศทางได้มีลำแสงสี่สิบแปดสายยิงออกไป ทุกๆพื้นที่ที่อยู่ในเส้นทางจะแตกออก และส่วนที่แตกก็จะกลายเป็นถูกแช่แข็ง
ขณะเดียวกันกับที่ลำแสงถูกยิงไปทั่วทั้งสนามรบ โรเซร่าก็ตะโกนออกมาสุดเสียง
-โลก!!!
ท่าไม้ตายอันเป็นเอกลักษณ์ของโรเซร่า เพียงหนึ่งเดียว ได้ปทะทุขึ้นแล้ว
คลื่นเสียงที่เต็มไปด้วยมานาทรงพลังได้ดังออกมาผสานเข้ากันกับลำแสง จากนั้นพลังงานความเย็นได้กระจายออกไปพร้อมทั้งฉีกมิติอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นคลื่นกระแทก…
คลื่นนนนนน!
และกระเพื่อมออกไปไกลเป็นวงกว้าง
ผมของความบริสุทธิ์อันโสมมได้โบกสะบัดอย่างรุนแรงทันที
ปัง!
แม้ว่าเธอจะเพิ่งดีดตัวออกมาจากกำแพงป้อมปราการ แต่แล้วเธอก็ต้องกลับไปกระแทกเข้ากับกำแพง และกระทั่งฝังลงไปลึกยิ่งกว่าเดิมอีก
“กรี๊ดดดดดดดดด!”
ในที่สุดเธอก็ทนกับลมเยือดแข็งอันรุนแรงได้ และต้องกรีดร้องออกมา
“อะ อะไรกัน!?”
ความอดทนอันพุ่งพล่านที่เข้ามาใกล้ก็ถูกพัดกลับไปเช่นกัน
“ซวยล่ะ…!”
ความกรุณาอันน่ารังเกียจได้รีบหยุด และหันหลังกลับทันที
ยังไงก็ตามมันสายไปแล้ว
พายุโหมกระหน่ำได้กวาดไปทั่วทุกที่กระทั่งบนท้องฟ้าก็ตาม
เมฆได้แข็งตัว หิมะได้เริ่มตกตะกอน และลูกเห็บได้เริ่มตกลงมา ผืนดินก็แข็งไปเช่นกัน ทุกๆที่ที่คลื่นเยือกแข็งกวาดผ่านได้กลายเป็นน้ำแข็งไปหมด
ไม่นานนักพื้นดินก็กลายเป็นทุ่งหิมะอันสงบเงียบ ทุกๆอย่างไม่ว่าจะเว้นแม้แต่ป้อมปราการต่างก็ถูกความหนาวเย็นเข้าปกคลุม
มันแทบจะเหมือนกับว่ามีเวทย์พายุน้ำแข็งอันทรงพลังถูกร่ายนับสิบครั้งพร้อมกันจนเหมือนกับโลกได้ถูกแช่แข็งไปจริงๆ
แต่ที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้นคือสมาชิกของสหพันธรัฐ และมนุษยชาติไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด แม้ว่าพวกเขาจะตัวแข็งทื่อไปกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้ แต่น้ำแข็งก็ไม่ได้ส่งผลกับพวกเขาเลย
พลังมานาเหนือมนุษย์ของโรเซร่าก็ว่าน่าทึ่งแล้ว แต่การควบคุมพลังของเธอเหนือชั้นยิ่งกว่าอีก
เพียงเวทย์บทเดียว เธอได้ทำให้ปรสิตที่บุกเข้ามาอย่างรุนแรงเหมือนกระทิงคลั่งหยุดนิ่งไป
แม้กระทั่งราชินีปรสิตก็ประหลาดใจมากกับภาพนี้
เธอแทบจะลุกขึ้นยืนแล้ว เธอตกใจมากจนก้นไม่แตะบัลลังก์ และกำลังโน้มตัวมองภาพตรงหน้านี้
[อะไร…]
เธอกลายเป็นพูดไม่ออกไป
เธอมีลางสังหรณ์ถึงอันตรายรุนแรง แต่ก็ยังมีความหวังเหนืออยู่ นี่คือเหตุผลที่เธอเร่งผู้บัญชาการกองทัพ และสั่งทุ่มโจมตีเต็มกำลัง
ในตอนความบริสุทธิ์อันโสมมพุ่งผ่านกำแพงป้อมปราการ และไปถึงพื้นที่ใจกลาง เธอก็หวังไว้แล้วว่ามันจะต้องสำเร็จ แต่แล้ว…
[นี่…]
พลังงานทรงพลังจู่ๆก็ปรากฏขึ้น และขัดขวางแผนการของเธอไว้
หากเป็นแค่ครั้งสองครั้งที่แผนเกือบสำเร็จของเธอถูกขัด เธอคงจะทนไว้ได้ แต่ในตอนนี้เธอรู้สึกโมโหมากที่มักจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซ้ำๆในเวลาสำคัญ
แน่นอนว่ามันยังไม่จบ
ผู้บัญชาการกองทัพเพียงแค่ถูกผลักให้ถอยจากพายุลมหนาวอันกระทันหันเท่านั้น พวกเขายังไม่ได้ตาย
ลมพายุคงเพียงต้องการกำจัดสมาชิกกองทัพที่อ่อนแอเท่านั้น หากเป็นผู้ที่ทรงพลังมากหน่อยก็สามารถจะทลายน้ำแข็งได้ตลอดเวลา
แต่ถึงแบบนั้นกองทัพสามารถจะเติมเข้าแทนที่ได้ตลอดเวลา
ใช่แล้ว สงครามยังไม่ได้จบ
แต่ปัญหาก็คือการโจมตีก่อนหน้านี้ถ่วงเวลาให้กับป้อมปราการไทกอลได้หลายสิบวินาที
บางคนอาจจะพูดว่ามันเป็นเพียงไม่กี่วินาที
แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่อาจจะเอาคำว่า ‘แค่’ มาใช้ได้
กับแค่วินาทีเดียวมันก็มากพอที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ และอนาคตของสหพันธรัฐกับมนุษยชาติแล้ว นี่ยังรวมไปถึงทั้งพาราไดซ์ด้วย
[…]
ราชินีปรสิตได้ค่อยๆเงยหน้ามองตรงไปอย่างตกตะลึง
ไม่นานนัก
[..!]
ดวงตาของเธอกำลังมองไปที่ภาพของสวรรค์ที่ค่อยๆปิดตัวลงราวกับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว
[ข้าพลาดอีกแล้วงั้นหรอ…?]
เสียงคร่ำครวญของราชินีได้ดังออกมาอยู่ภายในท้องพระโรงอันว่างเปล่า
ในเวลาเดียวกัน…
ความวุ่นวายที่ป้อมปราการไทกอลได้สงบลงอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น…?”
แฟรี่ท้องฟ้าที่กำลังคุกเข่าร้องไห้ได้มองไปรอบตัวด้วยสีหน้าโง่งม
จากนั้น
“…อ่า?”
เธอได้กระพริบตาออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
ประการแสงเล็กๆได้กระพือปีกลงมาจากท้องฟ้าเพื่อมาหาเธอ แฟรี่ท้องฟ้าได้รีบมองตามการเคลื่อนไหวนี้ทันที
แสงสว่างนี้ได้ตกลงมาบนหลังมือของเธอ และซึมเข้าไปข้างใน จากนั้นพละกำลังได้หายไปจากร่างของเธออย่างกระทันหัน และเธอรู้สึกได้ถึงบางอย่างในร่างเธอ
“อ่า… อ่า….!”
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง และอ้าปากค้าง
มันเป็นความรู้สึกอันคุ้นเคย และน่าคิดถึง
เธอจะลืมมันไปได้ยังไงกัน?
แฟรี่ท้องฟ้าได้ยกมือขึ้นแม้ว่ามันจะสั่นเทามากก็ตามที
“พลังของฉันกำลังกลับมา…?”
มันคือพลังแห่งภูติ
ต่อจากนั้นแฟรี่ท้องฟ้าได้ฝืนเงยหน้าขึ้น
“!”
ไม่ใช่แค่เธอ
ประกายแสงนับไม่ถ้วนกำลังลอยลงมาจากบนท้องฟ้าจนทำให้ทั้งโลกพร่าวพราว ประกายแสงเหล่านี้ได้ลอยลงมาที่มือของพวกเธออย่างแผ่วเบา
และนี่ก็ไม่ใช่แค่กับแฟรี่ท้องฟ้า แต่ยังรวมถึงแฟรี่ถ้ำอีกด้วย
“อ่าาา….!”
แฟรี่ท้องฟ้ารีบมองหน้าไปทางต้นไม้โลกที่อยู่ไกลออกไปด้วยอารมณ์อันพุ่งพล่านทันที
จากนั้นเธอก็ขยับสายตามองขึ้นไปด้านบนท้องฟ้าของต้นไม้โลก เมฆหมอกสีดำที่ปกคลุมท้องฟ้าได้แยกออก และมีแสงส่องประกายลงมา
ไม่สิ แสงนั่นกำลังตกลงมา
เธอไม่ได้เข้าใจผิดหรือเห็นภาพหลอนแน่
แสงนั่นกำลังตกลงมาจริงๆ
ซ่าาาาาาาา!
กลุ่มแสงได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าที่แยกออก แสงนี้เข้าปกคลุมต้นไม้โลก และไม่นานนักเสาแสงที่เชื่อมโยงระหว่างต้นไม้โลกกับท้องฟ้าก็ถูกสร้างขึ้น
ใช่แล้ว สิ่งที่ทุกๆคนในมิดเดิลเวิลด์ปรารถนามานานได้เกิดขึ้นแล้ว
มันก็คือการคืนชีพต้นไม้โลก
“อ่า…!”
และการกลับมาของราชา