The Silver Area - บทที่ 4 ผมต้องการเป็นศัลยแพทย์หลัก!
เฉินชางทำงานเร็วมาก เมื่อเด็กๆ เข้ามาก็ไม่ร้องไห้งอแงอีกต่อไป
เดิมทีอันเยี่ยนจวินยังกังวลว่าตอนเฉินชางจะทำแผลไม่ระวังจนทำให้เด็กๆ เจ็บและวุ่นวายขึ้นมา!
ถึงอย่างไรคนหนุ่มสาวก็ค่อนข้างใจร้อน เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันเยี่ยนจวินจึงเร่งทำแผลให้เร็วขึ้น เมื่อจัดการเสร็จก็รีบเดินมาด้วยความร้อนใจ
แต่เมื่อเข้ามาก็ต้องตะลึงไป
เด็กที่ทำแผลเสร็จแล้วหลายคนนั่งอยู่ด้านในอย่างเชื่อฟังและเงียบเชียบ
อันเยี่ยนจวินอดถามไม่ได้ “หนูน้อย ตกใจหรือครับ? เจ็บหรือเปล่า?”
เด็กๆ พากันส่ายหน้า “ไม่เจ็บ!”
อันเยี่ยนจวินยิ้มพลางลูบหัวเด็กน้อย คาดเดาไปว่าพวกเขาคงถูกความกลัวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนทำให้ตกใจไปแล้ว ถึงอย่างไรก็เพิ่งทำแผลมา คงไม่เงียบนิ่งได้ขนาดนี้แน่
ขณะเดียวกันเฉินชางกำลังจัดการบาดแผลให้เด็กหญิงอีกคนหนึ่ง หัวเข่าของเธอเป็นแผลถลอก มีเศษทรายเล็กๆ เปื้อนอยู่ด้านใน จำเป็นต้องล้างให้สะอาดและนำเศษทรายพวกนั้นออกมา อันเยี่ยนจวินขมวดคิ้ว บาดแผลนี้จัดการค่อนข้างยาก แผลค่อนข้างหนัก จะต้องเจ็บแน่!
เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินชางเริ่มเล็มแผลแล้ว
เมื่อมองตามไป อันเยี่ยนจวินก็ต้องตกตะลึง
เมื่อผู้เชี่ยวชาญลงมือก็ดูออกได้ง่ายๆ!
เทคนิคการเล็มแผลของเฉินชางค่อนข้างพิเศษอยู่นะ?
ไม่ผิดไปจากที่คาด ตอนที่เฉินชางจัดการบาดแผล เด็กหญิงยู่ปากน้ำตาคลอ แต่ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่ร้องออกมา
นอกจากนี้อันเยี่ยนจวินพบว่าตอนที่เฉินชางจัดการบาดแผลยังใส่ใจทำอย่างละเอียดและระมัดระวังมากอีกด้วย!
เขาเล็มแผลบริเวณที่ต้องการได้อย่างแม่นยำและระมัดระวัง…ถ้าทำแบบนี้จะลดทอนความเจ็บปวดของผู้ป่วยได้มาก จนเมื่อเปลี่ยนยาพันแผลเสร็จก็จะลดความเจ็บปวดแต่เดิมลงได้มากด้วย!
นี่เป็นระดับของแพทย์มากประสบการณ์แล้ว
อันเยี่ยนจวินจำได้ลางๆ ว่าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากคลินิกมาโยท่านหนึ่งเคยวิจัยเรื่องนี้มาก่อน กล่าวไว้ว่าสิ่งที่ทำให้คนลำบากที่สุดในการเล็มแผลเปลี่ยนยาก็คือความเจ็บปวด ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะยอดเยี่ยมจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บน้อยลงและลดความไม่สบายใจของผู้ป่วยได้ ซึ่งมีผลทำให้แผลหายเร็วขึ้น
เรื่องนี้อันเยี่ยนจวินเคยลองมาก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนจะได้ผลลัพธ์ธรรมดา ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยมากนัก ภายหลังอันเยี่ยนจวินคิดว่านี่อาจเป็นทฤษฎีกล่าวอ้างเท่านั้น
แต่ดูเหมือนตอนนี้เฉินชางจะทำได้จริงๆ
ในเรื่องการลดความเจ็บปวดให้ผู้ป่วย หมอเสี่ยวเฉินทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้อันเยี่ยนจวินก็รู้สึกแปลกใจ เขาทำได้อย่างไร?
เป็นเรื่องที่น่าศึกษาจริงๆ หากมีเวลาจะต้องขอเรียนรู้แลกเปลี่ยนกันสักหน่อย!
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของอันเยี่ยนจวิน +5]
เฉินชางที่กำลังทำแผลชะงักไปทันที จากนั้นจึงหันไปมอง พบว่าอันเยี่ยนจวินกำลังจ้องก้นตนอยู่
เฉินชางพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างแท้จริง!
จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นรองหัวหน้าแผนกฉุกเฉิน หากบีบบังคับขึ้นมา เขาควรปฏิเสธหรือไม่?
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็อดหนีบขาไม่ได้ ถึงกับเปลี่ยนมุมนั่งเลยทีเดียว
ในใจลอบตัดสินใจไปแล้วว่าภายภาคหน้าจะไม่ยอมไปโรงอาบน้ำกับอันเยี่ยนจวินเป็นอันขาด เกิดทำสบู่ตกขึ้นมา ใครได้ใครเสียก็ยังไม่รู้!
……
[ติ๊ง! ยินดีด้วย ภารกิจประจำวันเสร็จสิ้น ได้รับประสบการณ์ทำแผล +30 เงิน + 50 หยวน]
อันเยี่ยนจวินเดินเข้ามามองเฉินชาง “ลำบากแล้ว ไปส่งเวรด้วยกันเถอะ”
[ติ๊ง! ภารกิจของ NPC อันเยี่ยนจวินสำเร็จ ได้รับ ค่าความรู้สึกดีของอันเยี่ยนจวิน +5 เงิน +20 หยวนประสบการณ์ +30 แต้ม]
เฉินชางพยักหน้า เมื่อพบว่าสายตาที่อันเยี่ยนจวินใช้มองตนคล้ายจะมีประกายไฟลุกโชนก็อดหยิบมีดผ่าตัดเดินเว้นระยะห่างออกไปไม่ได้…
หาก…ก็นับว่าได้เตรียมตัวแล้ว!
แต่เมื่อว่าคิดว่าการทำงานเช้านี้ทำให้เขาได้เงินมาทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบหยวน เฉินชางก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง
จากนั้นเฉินชางจึงคิดสำรวจในใจ
[อันเยี่ยนจวิน ศัลยแพทย์ผู้เคร่งขรึมจริงจัง ค่าความรู้สึกดีปัจจุบัน 15 แต้ม]
ความรู้สึกดีเพิ่งจะสิบห้าแต้ม?
ยังดี!
ในที่สุดเฉินชางก็สงบใจลงได้สักที
……
……
สิ่งที่เรียกว่าการส่งเวร ความจริงก็คือการนำเรื่องเมื่อคืนไปรายงานให้กับแพทย์เวรในวันนี้ เมื่อคืนไม่มีเรื่องใหญ่อะไร การส่งมอบเวรจึงค่อนข้างราบรื่น
อันเยี่ยนจวินส่งเวรเสร็จก็เปลี่ยนชุดแล้วเลิกงาน
ส่วนเฉินชางกำลังจ้องเฉินปิ่งเซิงด้วยความตกตะลึง
[เฉินปิ่งเซิง ศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์โชกโชน ความรู้สึกดีปัจจุบัน 60 แต้ม สามารถดูข้อมูลอย่างละเอียดได้แล้ว!]
เฉินชางดีใจที่จะดูข้อมูลอย่างละเอียดได้แล้ว
[ชื่อ: เฉินปิ่งเซิง]
[อาชีพ: แพทย์]
[ระดับ: lv 42 :960/12600 (รองหัวหน้าแพทย์)]
[ทักษะอาชีพ:
ทักษะศัลยกรรมเบื้องต้น:
ทำแผล: ระดับปรมาจารย์: 3970/8000
การเย็บปิดผิวและเส้นเอ็น: ระดับสูง :1679/4000
การกู้ชีพ: ระดับกลาง: 1500/2000
……
ทักษะการผ่าตัด:
การผ่าตัดระดับ 1:
ผ่าตัดไส้ติ่ง: ระดับสูง: 277/4000
การกรีดระบายหนอง: ระดับสูง: 211/4000
ผ่าตัดไส้เลื่อน: ระดับกลาง: 292/2000
……
การผ่าตัดระดับ 2:
การผ่าตัดเปิดกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก ผ่าตัดเชื่อมอวัยวะ: ระดับกลาง: 656/2000
ผ่าตัดรักษากระเพาะทะลุ: ระดับสูง: 1999/4000
ผ่าตัดรักษาลำไส้บิด: ระดับสูง: 999/4000
ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ: ระดับสูง: 1289/4000
……
การผ่าตัดระดับ 3:
ผ่าตัดลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ผ่านกล้อง: ระดับกลาง: 555/2000
ผ่าตัดต่อมไทรอยด์: ระดับกลาง: 799/2000
ผ่าตัดมะเร็งกระเพาะอาหาร (กระเพาะส่วนปลาย ส่วนต้น ทั้งหมด): ระดับกลาง: 855/2000…]
เมื่ออ่านจบเฉินชางพลันต้องหรี่ตา ในปากอมคำอุทานเอาไว้เนิ่นนานก็ไม่กล้าพูดออกมากลัวว่าจะทำให้หัวหน้าเฉินเข้าใจผิด
แต่ว่า…นี่เป็นคุณสมบัติที่หรูหราจริงๆ!
ตอนนี้ตนมีแต่ทักษะพื้นฐานเท่านั้น แม้แต่ทักษะการผ่าตัดระดับหนึ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดก็ยังไม่มี เมื่อเห็นหัวหน้าเฉินมีทักษะการผ่าตัดระดับหนึ่งสองสามเรียงมาเป็นกอง หนทางตนยังอีกยาวไกลจริงๆ
แต่เฉินปิ่งเซิงระดับสี่สิบสองแล้ว หากแยกแยะตามระดับความสามารถก็ควรอยู่ในระดับรองหัวหน้าแพทย์ แม้ตอนนี้จะถูกเรียกว่าเป็นแพทย์เจ้าของไข้ก็ตาม แต่ระดับจริงๆ สูงกว่ามาก!
ดูท่าทางการวิเคราะห์ของระบบคงไม่ได้อิงตามคำเรียกของคนอื่น แต่อิงตามความสามารถอย่างยุติธรรม
เพียงแต่…เฉินชางยังมีเรื่องหนึ่งไม่เข้าใจ หากจะเปลี่ยนจากแพทย์ดูแลไข้เป็นแพทย์เจ้าของไข้ ต้องทำภารกิจเปลี่ยนอาชีพหรือไม่???
ต้องการใบรับรองเฉพาะทางหรือเปล่า?!
หากว่ากันตามปกติ โรงพยาบาลจะแบ่งระดับการผ่าตัดออกเป็นสี่ระดับตามความยากง่าย ความเล็กใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงของอาการ ดังนี้
การผ่าตัดระดับหนึ่ง: การผ่าตัดเล็กและเรียบง่าย
การผ่าตัดระดับสอง: การผ่าตัดเล็กไปจนถึงการผ่าตัดระดับกลางที่ไม่ซับซ้อน
การผ่าตัดระดับสาม: การผ่าตัดระดับกลางไปจนถึงการผ่าตัดใหญ่ที่มียากธรรมดา
การผ่าตัดระดับสี่: การผ่าตัดใหญ่ในกลุ่มอาการรักษายากและรุนแรงตลอดจนการผ่าตัดในกลุ่มอาการที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย
การผ่าตัดในระดับที่แตกต่างกันก็ต้องใช้หมอในระดับที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น
แพทย์ผู้มีประสบการณ์น้อยหรืออาจเข้าใจได้ว่าอยู่ในระดับแพทย์ดูแลไข้: ขอบเขตการผ่าตัดจะอยู่ในระดับหนึ่งแน่นอน
แพทย์ผู้มีประสบการณ์สูงตลอดจนแพทย์เจ้าของไข้: ขอบเขตการผ่าตัดอยู่ในระดับสอง หากมีแพทย์ที่อยู่ในระดับเหนือแพทย์เจ้าของไข้ผู้มีประสบการณ์สูงคอยชี้แนะ ก็ผ่าตัดระดับสามได้
แพทย์เจ้าของไข้ผู้มีประสบการณ์สูง: ขอบเขตการผ่าตัดอยู่ในระดับสาม หากมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางขึ้นไปคอยชี้แนะ จะผ่าตัดระดับสี่ได้
แพทย์ระดับหัวหน้าและรองหัวหน้า: ขอบเขตการผ่าตัดอยู่ในระดับสี่ หากมีการผ่าตัดในกลุ่มอาการเชี่ยวชาญเฉพาะทางจะผ่าตัดระดับสามได้
ดังนั้นเฉินชางในตอนนี้จึงทำได้เพียงการผ่าตัดระดับหนึ่ง แน่นอนว่าหากเฉินปิ่งเซิงเข้าร่วมการผ่าตัดด้วย เขาก็จะผ่าตัดระดับสองได้
เฉินปิ่งเซิงมองเฉินชางที่เอาแต่จ้องตนเองมาครึ่งค่อนวันจนรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ้เด็กนี่เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก!
“เสี่ยวเฉิน! มานี่ ไปห้องตรวจกับผม อีกสักครู่จะมีการผ่าตัดสองเคส คุณตามผมไปด้วย”
“ครับ!”
แต่ว่า…ทำไมไม่มีภารกิจขึ้นล่ะ?
เฉินชางไม่เข้าใจ
แผนกฉุกเฉินก็มีห้องคนไข้เป็นของตนเองเช่นกัน แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดมีเตียงผู้ป่วยทั้งหมดหกสิบเตียงซึ่งเป็นของแผนกสำคัญ ทั่วทั้งเมืองอันหยางมีศูนย์ฉุกเฉินอยู่ทั้งหมดร้อยยี่สิบแห่ง ปกติยุ่งวุ่นวายมาก
ผู้ป่วยที่ต้องแอดมิทในแผนกฉุกเฉินจะอยู่ไม่นาน ปกติหลังจากอาการทรงตัวก็จะย้ายไปที่แผนกอื่น
ส่วนคนที่อาการไม่ทรงตัว…ถ้าไม่ย้ายโรงพยาบาลก็ไปห้องดับจิต ถึงอย่างไรก็อยู่ที่แผนกฉุกเฉินไม่นานนัก
ใช้เวลาไปที่ห้องตรวจประมาณหนึ่งชั่วโมง ปกติเฉินชางรับผิดชอบดูแลเรื่องซักคนไข้และบันทึกประวัติอาการป่วย จากนั้นเฉินปิ่งเซิงถึงจะลงมือผ่าตัด
แต่วันนี้หลังจากเฉินปิ่งเซิงตรวจเสร็จก็พูดกับเฉินชางว่า “เช้านี้มีเคสผ่าตัดสองเคสก็คือผู้ป่วยเตียงสิบเก้าและยี่สิบเอ็ด สองคนนั้นมีอาการไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน เตรียมผ่าตัดวันนี้ ปกติคุณดูมามากแล้ว วันนี้ผมจะให้คุณดูหนึ่งเคสลงมือผ่าตัดอีกหนึ่งเคส!”
เมื่อเฉินชางได้ยินดังนั้นก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ถึงแม้เขาจะเห็นการผ่าตัดไส้ติ่งบ่อยแล้วและรู้สึกว่าง่ายมาก แต่ถ้าให้เขาเป็นแพทย์หลักในการผ่าตัดจริงๆ คงมีเครียดกันบ้าง
ก็เหมือนกับเชฟกับผู้ช่วยเชฟ ต่างเป็นเชฟเหมือนกัน แต่ยังมีระยะห่างกันอยู่มากนั่นแหละ
แน่นอนว่าสิ่งที่เฉินชางมีมากกว่าก็คือความตื่นเต้น!
ในที่สุดก็จะได้ลงมือแล้วหรือ?
ความรู้สึกเหมือนจะได้เปิดซิงสาวอัดแน่นอยู่ในใจ ผ่านไปนานก็ยังไม่ยอมหายไปสักที วันนี้เป็นวันที่สมควรฉลองจริงๆ กลับไปจะนำข่าวดีนี้ไปบอกแฟนสาวของตนให้ร่วมดื่มด่ำไปด้วยกันสักหน่อย
……
ในฐานะที่เป็นศัลยแพทย์คนหนึ่ง ถ้าไม่ลงมือผ่าตัดก็ไม่แตกต่างอะไรกับปลาเค็ม
สิบโมงเช้า เฉินปิ่งเซิงและเฉินชางก็มาถึงห้องผ่าตัด
เฉินปิ่งเซิงมองเฉินชางที่อยู่ในอาการระมัดระวังทุกฝีก้าว หัวเราะแล้วพูดว่า “การผ่าตัดไส้ติ่งเป็นการผ่าตัดเล็กเท่านั้น คุณก็ทำไปตามปกติ แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว จะเครียดไปทำไม? คุณดูผมทำมาหลายครั้งแล้ว แถมตอนที่ผมทำคุณยังมาบอกว่าผมเงอะๆ งะๆ เป็นไงล่ะ? ตอนนี้รู้หรือยัง?”
เฉินชางหัวเราะแห้งๆ “มีเรื่องแบบนั้นที่ไหนกันครับ นี่เป็นครั้งแรกของผมนะครับ!”
เฉินปิ่งเซิงยิ้ม “ครั้งแรก? ผมต้องส่งอั่งเปาร่วมยินดีกับคุณหรือเปล่า?”
ผู้ป่วยนอนอยู่ในห้องผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รมยาสลบ
ขณะล้างมือเฉินปิ่งเซิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หรือว่า…คนแรกจะให้คุณลงมือดี จำขั้นตอนได้แล้วใช่ไหมครับ?”
เฉินชางชะงัก ในใจพลันเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ย้อนคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบไป “จำได้แล้วครับ!”
เฉินปิ่งเซิงยิ้ม “อีกไม่นานจะรมยาสลบแล้ว คุณเป็นแพทย์หลัก ผมเป็นผู้ช่วย!”
เฉินชางพยักหน้าแรงๆ
วิสัญญีแพทย์เป็นคนคุ้นเคยกัน ชื่อว่าหลิวเจี้ยน เป็นชายอายุสามสิบแปดปี ปกติชอบพูดจาหยอกล้อสร้างความสนุกสนานเฮฮา มีความสัมพันธ์กับเฉินปิ่งเซิงไม่เลวนัก เมื่อเห็นทั้งสองทำเช่นนี้ก็เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาทันที
แต่ผู้ป่วยยังตื่นอยู่ ไม่อาจพูดอะไรมาก ไม่อย่างนั้นจะทำให้ผู้ป่วยเคร่งเครียดไปเปล่าๆ
ทำเพียงมองเฉินชางอย่างให้กำลังใจ ยกนิ้วโป้งให้ เป็นสัญญาณบอกใบ้ว่าสู้ๆ!
Next