The simple life of the emperor - ตอนที่ 153
ไม่นานนักเทียนหลางก็กลับมาถึงเมืองจี้เมิง เขาเดินกลับไปที่รถของเขาที่จอดไว้หน้าโรงแรมทันที จากนั้นก็ขับกลับบ้าน ระหว่างทางกลับโทรศัพของเทียนหลางก็มีสายเข้า
เมื่อเขามองดูก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก เขาจึงกดรับด้วยความสงสัย
“ฮัลโหล ?”
เสียงอันทรงเสน่ของหญิงสาวก็ดังมาจากปลายสายของเขา
[ สวัสดีค่ะ ]
เทียนหลางได้ยินเขาก็จำได้ทันทีว่านั่นเป็นเสียงของแอนเดียร์ พนักงานสาวจากกรุงวาติกันนั่นเอง ดังนั้นเทียนหลางจึงกล่าวถามออกไปว่า
“มีอะไรงั้นเหรอครับ ?”
[ พอดีว่าทางวาติกันนั้นกำลังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกนิดหน่อย ดังนั้นที่จะไปหาคุณนั้นอาจจะล่าช้าไปสักเล็กน้อย ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะบอกกับแอนเดียร์ไปว่า
“คุณไม่ต้องรีบมากนักหรอก พอดีว่าวันที่ 27 นั้นจะมีการประมูลเกิดขึ้นที่ประเทศดาราถ้าหากว่าคุณเคลียร์งานเสร็จก่อนวันนั้นเราก็ไปเจอกันที่นั่นก็ได้”
ทางด้านแอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันอีกสักพัก ก่อนที่เทียนหลางจะหยุดรถของเขาบนทางด่วนเพราะรถนั้นติดเป็นอย่างมาก ทำเอาเขาอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้
“การเดินทางด้วยรถนี้มันลำบากจังแหะ”
เทียนหลางถอนหายใจก่อนจะเปิดเพลงฟัง หลังจากผ่านไปสักพักแถวรถอันยาวเหยียดก็ไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้เทียนหลางนั้นอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรกันแน่ หรือว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นด้านหน้า ?
ไม่นานความสงสัยของเทียนหลางนั้นก็ได้เพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีก เมื่อมีคนจำนวนมากออกมาจากรถพร้อมกับวิ่งกรูกันไปยังทิศทางตรงกันข้าม เทียนหลางมองเหตุการณ์ด้านนอกด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่
ผ่านไปไม่กี่วินาทีความสงสัยของเทียนหลางก็ได้รับการแก้ไขมีกลุ่มคนสองกลุ่ม กำลังยิงต่อสู้กันอยู่ด้านหน้าของเขา และที่เทียนหลางรู้นั่นก็เพราะมีคนจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งหนีมาทางนี้
เทียนหลางมองเหตุการณ์นี้ด้วยความสนใจเพราะไม่คิดว่าในประเทศที่กฏหมายเคร่งครัดแบบนี้กลับมีกลุ่มคนติดอาวุธกำลังวิ่งไล่ยิงกันกลางทางด่วนที่เต็มไปด้วยผู้คนแบบนี้
เทียนหลางเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เขาเพียงแค่นั่งมองดูอยู่เฉยๆบนรถเท่านั้น เทียนหลางเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างตั้งใจเพื่อดูว่าคนเหล่านี้เป็นใครกันแน่
ซึ่งมีสองฝั่งก็คือ กลุ่มคนใส่สูทสุดเนียบซึ่งดูเหมือนจะเป็นหน่วยองรักษณ์หรือบอดี้การ์ด ส่วนอีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นกลุ่มโจรติดอาวุธหนัก
ฉากการยิงอันดุเดือดบนทางด่วนนี้เหมือนกับหลุดออกมาจากหนังที่เขาเคยดูไม่มีผิด ต่างกันเพียงแค่คนเหล่านี้ยิงแม่นกว่าในดังเท่านั้นเอง
แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมีคนมากมายที่ได้รับลูกหลงและบาดเจ็บ เทียนหลางอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว
‘ไอโง่พวกนี้ ถือปืนทั้งทีก็ยิงกันให้แม่นๆหน่อยไม่ได้หรือไง !! โดยคนอื่นหมดแล้ว’
เทียนหลางถอนหายใจออกมาแม้เขาจะเป็นคนเย็นชาและไม่ค่อยเห็นค่าของชีวิตคนอื่นเท่าไหร่ แต่การที่คนไม่รู้เรื่องราวมาโดนลูกหลงจากคนบ้าบอสองกลุ่มนี้ทำให้เขานั้นอยู่เฉยๆไม่ได้
เทียนหลางลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าปฐมพยาบาลในมือ ซึ่งก่อนหน้านี้เทียนหลางก็ได้โทรแจ้งตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เอาไว้ พร้อมกับโทรหาเลขาไป๋อีกทางเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
เทียนหลางเดินไปช่วยเหลือคนที่ได้รับลูกหลงจากการต่อสู้ด้วยความใจเย็น ด้วยฝีมือของเขาการจะปฐมพยาบาลพื้นฐานให้กับคนเจ็บเหล่านี้เป็นอะไรที่ง่ายมาก แต่ด้วยจำนวนคนที่ค่อนข้างจะเยอะปอกรกับเหตุการณ์ที่เริ่มวุ่นวายมากขึ้น
ทำให้เทียนหลางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย จนในที่สุดเทียนหลางก็ได้มาหยุดอยู่ตรงเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งกอดแม่ของเขาที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับเลือดไหลนอง
“แม่ แม่ แม่ลุกขึ้นสิ !!”
เทียนหลางมองเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“เจ้าหนูถอยไปหน่อยสิ ฉันขอดูอาการแม่ของเธอหน่อย”
เด็กชายคนนั้นได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมามองเทียนหลางก่อนจะถามออกมาด้วยความสงสัย
“พี่ชายจะช่วยแม่ของผมใช่ไหม”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
“แน่นอน แต่ว่าฉันจะทำงานลำบากถ้าเธอขวางอยู่ ถอยออกไปและก้มหัวลงต่ำๆด้วย”
เด็กชายทำตามอย่างเชื่อฟัง เทียนหลางนั่งลงก่อนจะดูอาการของผู้หญิงตรงหน้า
‘อืม… ไม่หนักเท่าไหร่เธอเพียงแค่สลบไปจากแรงกระแทกเท่านั้น แต่แผลถูกยิงตรงขาค่อนข้างจะร้ายแรง”
เทียนหลางส่งปราณของเขาเข้าไปในขาของผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับบังคับให้ลูกกระสุนออกมา เด็กชายเมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ถึงกับทำตาโตทันทีก่อนจะถามเทียนหลางว่า
“พี่ชายเป็นยอดมนุษย์งั้นเหรอ !?”
เทียนหลางไม่ตอบเขาเพียงยิ้มให้กับเด็กชายเท่านั้นก่อนจะทำการห้ามเลือดและพันแผล จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาและบอกกับเด็กหนุ่มว่า
“เอาตามฉันมา เดียวพาไปหลบในที่ปลอดภัย”
เทียนหลางพาเด็กชายและแม่ของเขาไปหลบยังบนรถบัสโดยสายที่อยู่ด้านหลังไม่ไกลจากรถของเขามากนัก ซึ่งผู้คนด้านในรถนั้นก็เป็นคนที่เทียนหลางพามาหลบก่อนที่เขาจะบอกกับคนอื่นๆว่า
“ในนี้น่าจะปลอดภัยแล้ว ก้มหัวต่ำๆหน่อยก็แล้วกันไม่งั้นเดียวจะโดนลูกหลง ไม่นานตำรวจกับทหารน่าจะมากันแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนกล่าวขอบคุณเทียนหลาง ซึ่งเขาก็ทำได้เพียงยิ้มตอบเท่านั้น
ในขณะที่เทียนหลางกำลังพูดคุยกับคนอื่นๆอยู่นั้นก็มีกระสุนจำนวนหนึ่งพุ่งมาที่รถบัส
ปัง ปัง ปัง
เสียงการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายดังขึ้นไม่ไกลจากจุกที่เขาอยู่ ทุกคนด้านในกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ใจเย็นทุกคน”
เทียนหลางทำการปลอบใจทุกคนพร้อมกับหันออกไปมองสถานะการณ์ด้านนอก ในขณะนั้นเองสายตาของเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้อารมณ์ของเขาหงุดหงิด
นั่นเป็นเพราะไอเจ้าโจรติดอาวุธกลุ่มนั้นได้ทำการยิงรถของเทียนหลาง ที่เหล่าบอดี้การ์ดได้ใช้เป็นโล่กำบังอยู่ เมื่อเทียนหลางเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด
“พวกแกบังอาจมายิงรถฉัน !!”