The simple life of the emperor - ตอนที่ 176
เทียนหลางที่เห็นอาวุธหนักกำลังยิงมาทางเขาก็อดไม่ได้ที่รู้สึกหงุดหงิด เขาเคาะที่ไปพวงมาลัยรถเล็กน้อยทันใดนั้นทั่วทั้งคันรถของเทียนหลางก็เรืองแสงสีขาวอ่อนๆขึ้นมา
นายตำรวจที่เห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเนื่องจากสถานะการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกัน
กระสุนจำนวนมากยิงมาที่รถของเทียนหลางแต่เมื่อมันปะทะเข้ากับแรงสีขาวนั่นตัวกระสุนก็ได้สลายกลายเป็นฝุ่นไปทันที ทำให้รถของเทียนหลางรอดปลอดภัยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
นายตำรวจหนุ่มตกใจก่อนจะมองไปที่เทียนหลางอย่างไม่เชื่อสายตา เทียนหลางยิ้มให้นายตำรวจหนุ่มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“เนื่องจากสถานะการ์มันกำลังวุ่นวาย คุณตำรวจอยากให้ผมช่วยเหลืออะไรไหมครับ ?”
นายตำรวจที่ได้ยินแบบนั้นก็อยากจะตอบตกลงแต่เมื่อเห็นว่าเทียนหลางนั้นเป็นเพียงพลเรือน แม้เขาจะมีความสามารถที่ไม่สามารถอธิบายได้แต่การจะให้พลเรือนมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของทางการนั้นเป็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหน้า
เทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างในเอกสารขึ้นมา เป็นสมุดหนังเล่มเล็กสีดำที่ตรงปกมีตราของราชการประทับอยู่ เขาโชว์มัให้กับนายตำรวจหนุ่มได้ดู
เมื่อนายตำรวจหนุ่มได้้เห็นแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะจ้องมองสมุดหนังสีดำนั่นด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเพราะก่อนหน้านี้เขาได้ฟังเรื่องราวมาจากหัวหน้าว่า ภายในประเทศนั้นมีหน่วยงานอยู่มากมายและหน่วยงานแต่ละหน่วยก็มีสถานะที่แตกต่างกัน
และแต่ละหน่วยงานนั้นมีตราสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่สำหรับหน่วยพิเศษของรัฐบาลนั้นจะมีสัญลักษณ์แทนหน่วยเป็นสมุดหนังที่สีแตกต่างกันเป็นเหมือนบัตรแสดงตัวตนอย่างหนึ่ง อย่างเช่นสมุดหนังสีเขียวจะเป็นของเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษของรัฐบาล มีหน้าที่คอยตรวจสอบการกระทำต่างๆของเจ้าหน้าที่รัฐ
และสีดำนั้นเป็นของหน่วยทหารพิเศษลับของรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ส่วนใหญ่ในการต่อต้านผู้ก่อการร้ายหรือทำงานลับพิเศษ
เมื่อนายตำรวจหนุ่มเห็นสมุดหนังสีดำที่แสดงตัวตนของเทียนหลางเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาเป็นว่าผมจะเล่าอย่างคร่าวๆก็แล้วกัน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทางเราได้รับสายแจ้งเหตุการณ์ด่วนว่ามีผู้ร้ายได้ทำการลักพาตัวลูกสาวของบุคคลในรัฐบาลกลาง พวกเราที่อยู่ได้แจ้งเหตุก็รีบติดตามพวกมันแต่ไม่คิดว่าพวกมันจะเตรียมตัวมาดีถึงขั้นลักลอบนำอาวุธหนักแบบนั้นเข้ามาได้”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมองกลับไปยังรถตู้คันนั้น และในจังหวะเดียวกันสัญญาณไฟจราจรก็ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียว รถที่ต่างติดไฟแดงก็เดินหน้าต่อทันทีรวมถึงรถของคนร้ายด้วย พวกมันออกตัวไปด้วยความเร็วทันที
นายตำรวจหนุ่มที่เห็นแบบนั้นก็พยายามจะรีบกลับไปที่รถของตัวเอง เทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า
“กลับไปที่รถคุณไม่ทันหรอก ขึ้นมาสิ”
เขาชี้ไปที่รถของตัวเอง นายตำรวจหนุ่มก็พยักหน้าทันที เมื่อนายตำรวจหนุ่มขึ้นมาเทียนหลางก็รีบออกตัวทันทีเพื่อที่จะตามรถของคนร้ายไป
นายตำรวจหนุ่มก็ได้วิทยุแจ้งสถานะกาณ์ต่างๆให้กับคนอื่นๆฟังอยู่ตลอดเวลาพร้อมกับยิงปะทะกับผู้ร้ายไปด้วย ดังนั้นการขับรถไล่ล่ากันก็ได้เริ่มต้นขึ้น
กำลังเสริมของตำรวจมากันอย่างรวดเร็ว จากการแจ้งสถานะการณ์ของนายตำรวจหนุ่มทำให้เจ้าหน้าคนอื่นๆตามมาได้เร็วขึ้น แต่ในขณะเดียวกันกำลังเสริมของฝ่ายตรงข้ามก็มาถึงด้วยเช่นกัน
พวกมันมาพร้อมกับรถฮัมวี่ที่ใช้ในการทหารที่ติดตั้งไปด้วยอาวุธหนักเต็มอัตรา พวกมันกระหน่ำยิงกระสุนใส่รถของเจ้าหน้าที่ดุเดือดโดยไม่สนใจพลเรือนเลยแม้แต่น้อย
เทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้าไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก การขับรถไลล่าดำเนินไปจนใกล้ถึงย่านใจกลางเมือง
นายตำรวจหนุ่มที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
“ถ้าพวกมันไปถึงย่านใจกลางเมืองได้ล่ะก็ ต้องมีผู้คนบาดเจ็บอีกมากเลยทีเดียว”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เจ้าพวกนี้ไม่สนใจคนรอบข้างเลยสักนิด สงสัยจะต้องสั่งสอนเสียหน่อย”
นายตำรวจหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าสงสัยขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองไปยังเทียนหลางด้วยความสงสัย
แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร
เทียนหลางมองไปที่รถของพวกผู้ร้ายเล็กน้อยก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ไปที่ล้อรถของพวกมันทันที
ตูม
ล้อรถที่ถูกเสริมความแข็งแรงเกิดระเบิดขึ้นทันที ทำให้รถของผู้ร้ายเสียหลักและพลิกคว่ำ ด้วยความเร็วของรถทำให้เกิดการพลิกคว่ำหลายตลบ
เทียนหลางไม่รอช้าส่งปราณกระบี่ไปยังล้อรถคันอื่นๆของพวกผู้ร้ายทันที จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ยางรถเกิดระเบิดขึ้นอย่างปริศนาอยู่หลายครั้ง ทำเอานายตำรวจหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับพูดไม่ออก