The Strongest Hokage - ตอนที่ 274
“เทพเจ้า…มีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์ เพราะแม้แต่ ฮันโซ…คนที่ถูกเรียกว่า นินจาครึ่งเทพ ก็เพิ่งถูกฆ่าตายโดยคนที่ได้รับฉายาเดียวกัน”
เพน พูดออกมา ในขณะที่เขาเดินเข้าไปหา ไนโตะ ด้วยความสงบ
ในตอนนั้น ยาฮิโกะ ก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้วถามว่า “แกเป็นใคร ทำไมแกถึงมีดวงตาของ นางาโตะ?”
เพน มองไปที่ ยาฮิโกะ แล้วตอบเขากลับไปว่า “ฉันคือ เพน และถ้าแกเรียกผู้ชายคนนั้นว่า นินจาครึ่งเทพ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็คือ…เทพเจ้า”
ไนโตะ มองไปที่ เพน อย่างเงียบ ๆ แต่ดวงตาของเขาแสดงก็ให้เห็นถึงความสนใจในตัว เพน เขาสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา นางาโตะ หายไปไหน แล้วเขากำลังทำอะไรอยู่?
จากการปรากฏตัวของ เพน ร่างนี้ ทำให้ ไนโตะ คิดว่า นางาโตะ ในตอนนี้คงไม่ต่างไปจากในการ์ตูน
ในการ์ตูน นางาโตะ เปลี่ยนไปหลังจากการตายของ ยาฮิโกะ เขาต้องการเป็นเทพเจ้าของโลกใบนี้ และเขาก็มอบพลังที่เขาบอกว่าเป็นพลังของเทพเจ้าให้กับร่างของ ยาฮิโกะ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ร่างของ เพน
เมื่อได้ยินคำตอบของ เพน ทำให้ ยาฮิโกะ ขมวดคิ้วและอยากถาม เพน มากกว่านี้ แต่ ไนโตะ ก็พูดขึ้นมา
“นี้คือวิชานอกวิถีของ เพน มันทำให้เขาสามารถควบคุมร่างของศพได้ถึง 6 ร่างจากระยะไกล เขาสามารถควบคุมร่างแต่ละร่างได้อย่างอิสระจนเหมือนว่าพวกเขาเป็นตัวของตัวเอง และร่างแต่ละร่างก็จะมีความสามมารถพิเศษเป็นของตนเอง…แต่ฉันยังไม่รู้ว่าร่างนี้มีความสามารถแบบไหน”
เพน ที่ก่อนหน้านี้ดูสงบมาก แต่เมื่อเขาได้ยินคำอธิบายของ ไนโตะ มันทำให้เขาแสดงใบหน้าที่ตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาจ้องมองไปที่ ไนโตะ ด้วยความสงสัย
“แกรู้เรื่องของฉันได้ยังไง?!”
นางาโตะ ไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับวิธีการและความสามารถของเขา เขาซ่อนตัวอยู่ในความมืดมาหลายปีและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาปรากฏตัว แต่ถึงอย่างนั้น ความสามารถทั้งหมดของเขาก็ถูกเปิดเผยเพราะ ไนโตะ
ดวงตาของ เพน แสดงให้เห็นว่าเขาตกใจเป็นอย่างมาก เขาคอยจับตาดู ไนโตะ อยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ ไนโตะ รู้นั้นเกินกว่าที่เขาคาดไว้มาก!
แม้แต่การที่เขาได้เห็น ไนโตะ ทำลาย ฮันโซ และกองทัพด้วยหมัดเดียวก็ยังไม่ทำให้เขาตกใจได้มากขนาดนี้
“แถวนี้มี เพน แค่คนเดียว…อีก 5 คนไม่ได้อยู่ที่นี่ หรือว่าเขายังไม่ได้สร้างมันขึ้นมา? แต่ นางาโตะ เองก็ไม่ได้อยู่แถวนี้นี่น่า”
ไนโตะ สงสัยเล็กน้อยเมื่อเขามองไปที่ เพน แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคำพูดของ ไนโตะ ก็เหมือนกับค้อนที่ทุบไปที่ นางาโตะ ทุกคำพูดของ ไนโตะ ทำให้ นางาโตะ รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดหนีไปก่อน
ในอีกด้านหนึ่ง ยาฮิโกะ และ โคนัน รู้สึกงุนงงและพวกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเขาได้แต่มองไปที่ ไนโตะ และ เพน อย่างเงียบ ๆ
ส่วน คุชินะ แม้ว่าเธอจะรู้ว่า ไนโตะ จะสามารถจัดการสถานการณ์นี้ได้ด้วยตัวเอง แต่เธอก็ยืนอยู่ข้าง ยาฮิโกะ และ โคนัน และเตรียมพร้อมที่จะเข้าโจมตี เพน
เพน เริ่มสงบสติและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็สงบลงในที่สุด
นี่คือความหมายของการมีพลัง ด้วยความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง ทำให้ นางาโตะ ไม่กลัวแม้ว่าศัตรูคือ ไนโตะ เพราะเขาคือผู้ใช้พลังของ เนตรสังสาระ เขาเป็นคนที่กลายเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่ของโลกใบนี้!
อย่างไรก็ตามเพียง คำพูดของ ไนโตะ เพียงไม่กี่คำก็ทำให้เขารู้ว่า ไนโตะ รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา แต่ในทางกลับกัน เขากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ ไนโตะ เลย
“แกไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่ฉันคิดสิน่ะ”
“คุณต้องการอะไร? คุณมาปรากฏตัวที่นี่เพื่ออะไร? ฉันคิดว่าคุณคงไม่ลงทุนเปิดเผยตัวเพียงเพราะมาดู 2 คนนี้ถูก ฮันโซ ฆ่าใช่ไหม”
ไนโตะ พูดกับ นางาโตะ
ไนโตะ พูดกับ นางาโตะ โดยที่พยายามไม่ให้ นางาโตะ รู้ว่าเขารู้เรื่องของ มาดาระ และแผนการของ มาดาระ มากแค่ไหน เพราะเขาไม่รู้ว่า มาดาระ จะทำยังไงถ้า มาดาระ รู้ว่าเขารู้แผนการทั้งหมดแล้ว เขาจึงพยายามทำตัวให้เหมือนเป็นเหมือนปกติ
“ฉันต้องการเห็นบางอย่างและฉันก็ได้เห็นมันแล้ว”
“นายอยากเห็นอะไร? นางาโตะ!”
เมื่อรู้ว่าชายคนนี้ถูก นางาโตะ ควบคุม ยาฮิโกะ จึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนถามออกไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่า นางาโตะ คนนี้ ไม่ใช่คนที่เขาเคยช่วยเมื่อหลายปีก่อนอีกแล้ว
ความมั่นใจและความเย่อหยิ่งแบบนี้ มันเหมือนกับว่า นางาโตะ คนนี้ แตกต่างจากคนเดิมอย่างสิ้นเชิง!
“ฉันคือเทพเจ้า และเทพเจ้าจะต้องจับตามองโลกใบนี้อยู่เสมอ”
ไนโตะ ไม่รู้ว่า นางาโตะ ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ที่ที่เขาอยู่นั้นอยู่ไกลเกินกว่า ไนโตะ จะสัมผัสได้
“นายแอบดูพวกเรามาตลอดเลยเหรอ?!”
ยาฮิโกะ ประหลากใจมาก เมื่อเขาได้ยินประโยคนั้นของ นางาโตะ
โคนัน เองก็ดูเศร้าขึ้นมาทันที เพราะเธอก็มักจะรู้สึกว่าถูกจับตามองบ่อยครั้ง
ไม่แปลกใจที่เธอจะรู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาเพราะ นางาโตะ แอบสอดแนม ยาฮิโกะ กับ โคนัน และเฝ้าดูองค์กรแสงอุษา ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนกระทั่งมันเติบโตขึ้นอย่างมาก และก็รู้ว่า ฮันโซ พยายามที่จะกำจัดพวกเขา
“ใช่”
เพน พยักหน้าแล้วพูดต่อ “นานแล้วที่ฉันคิดหาวิธีที่จะมองโลกใบนี้ได้อย่างถูกต้อง ฉันต้องการเห็นทุกย่างก้าวของนาย แต่ดูเหมือนว่านายจะล้มเหลวน่ะ ยาฮิโกะ”
ยาฮิโกะ กำหมัดในขณะนั้นการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป และเหมือนกับว่าเขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเขาก็แสดงให้เห็นถึงความเศร้าโศกบนในหน้า จากนั้นก็ถอนหายใจ
อันที่จริงสิ่งที่ นางาโตะ พูดก็เป็นเรื่องจริง
ยาฮิโกะ ไม่ได้พิสูจน์หรืออธิบายให้ ฮันโซ รู้ว่าเขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของ องค์กรแสงอุษา นั่นทำให้ ยาฮิโกะ ล้มเหลวโดยทั่วไป
“ฉันเชื่อในสิ่งเดียวกับนาย ฉันต้องการจะหยุดสงคราม แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่คนจะเข้าใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นมันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะลองใช้วิธีของฉันบ้าง”
เพน มองไปที่ ยาฮิโกะ และ โคนัน ด้วยดวงตาที่แน่วแน่
ยาฮิโกะ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย และอดไม่ได้ที่จะถาม นางาโตะ ว่า “วิธีอะไร?”
“โลกนี้จำเป็นต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวด ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวด และยอมรับความเจ็บปวด…”
เพน หยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อไปว่า “ไม่มีความสงบสุขในโลกที่ถูกสาปใบนี้ สงครามเป็นเพียงแค่อาชญากรรมที่ต้องจ่ายด้วยความเจ็บปวดของผู้แพ้…”
“หากโลกนี้เข้าใจถึงความเจ็บปวดที่แท้จริงเท่านั้น ที่จะสามารถรู้ถึงถึงความสงบสุขได้”
“และการที่จะทำแบบนั้นได้ ฉันก็จะต้องรวบรวม สัตว์หาง ทั้งหมด และสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะมีอำนาจทำลายล้างโลกได้ทั้งใบ มันจะทำให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แท้จริง ยิ่งเจ็บปวดมากเท่าไร พวกเขาก็จะรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งกลัวมากเท่าไร โลกก็จะต้องการยับยั้งความเจ็บปวดเหล่านั้น และยุติสงคราม จากนั้นพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างสันติสุขและมีความสุขอย่างแท้จริง”
สิ่งที่ เพน อธิบายให้ทุกคนฟังทำให้ ยาฮิโกะ และ โคนัน รู้สึกหวาดกลัวจนพูดอะไรไม่ออก
ความคิดของ ยาฮิโกะ ที่จะหยุดสงครามนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะการจู่โจมของ ฮันโซ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าวิธีการของเขานั้นไม่ได้ผล และผู้คนจะไม่มีทางเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นความคิดที่ไร้เดียงสา
แต่ความคิดของ นางาโตะ ก็หยิ่งผยองเกินไป
“นี่นะเหรอ…วิธีของนาย?!”
คุชินะ อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาขณะที่เธอจ้องมองไปที่ เพน เมื่อเขาพูดถึง สัตว์หาง
เมื่อ เพน ได้ยิน คุชินะ พูด เขาก็หันหน้ามาหา คุชินะ แล้วทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายเล็กน้อย และพูดว่า “และเป้าหมายสุดท้ายของฉันก็คือ 9 หาง เพื่อสร้างอาวุธขั้นสุดท้ายของฉันให้เสร็จ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าฉันจะได้พบกับ พลังสถิตร่าง ของ 9 หาง ที่นี่”
“ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะข้ามขั้นตอนไปหน่อย แต่ฉันคิดว่ามันถึงเวลาเริ่มแล้ว”