The Strongest Hokage - ตอนที่ 284
ณ โคโนฮะ
สำนักงานโฮคาเงะ
ซารุโทบิ เดินไปเดินมาด้วยความกังวล เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของเขาลงได้เลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะนั่งลงที่โต๊ะทำงานเขาก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ โลกคงหนีไม่พ้น มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 และไม่ต้องสงสัยเลยว่า โคโนฮะ จะต้องถูกปิดล้อมด้วยอีก 4 หมู่บ้านใหญ่อย่างแน่นอน
แม้ว่าหมู่บ้านใหญ่ทั้ง 4 จะไม่ยอมตกลงร่วมมือกัน และลงเอยด้วยการต่อสู้กันเอง แต่ โคโนฮะ ก็ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
หาก โคโนฮะ สามารถนำ ไนโตะ กลับมาได้เรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้ว ไนโตะ ก็เป็นคนเดียวที่สามารถบุกเข้าโจมตีทำลายหมู่บ้านและฆ่า คาเงะ ของหมู่บ้านนั้นได้ และถ้า โคโนฮะ ได้ ไนโตะ กลับมา หมู่บ้านใหญ่ทั้ง 4 ก็ต้องคิดให้ดีก่อนที่จะท้าทายเขา
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น ซารุโทบิ , ดันโซ หรือคนอื่น ๆ พวกเขาก็ไม่ต้องการให้ ไนโตะ กลับมา
เพราะหากเขากลับมาที่ โคโนฮะ อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา นับตั้งแต่ที่เขาออกจากหมู่บ้านไป เขาก็ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง โฮคาเงะ อีกต่อไป และพวกเขาจะไม่มีวันยกหมู่บ้านนี้ให้เขาอย่างแน่นอน!
กฎเกณฑ์มีความสำคัญในโลกนี้เสมอ แม้ว่าคุณจะเกิดใน โคโนฮะ แต่เมื่อคุณทำร้ายคนในหมู่บ้าน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนของ ตระกูลอุจิฮะ วินาทีนั้นคุณก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็น โฮคาเงะ อีกต่อไป!
ในทำนองเดียวกัน มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้มากขึ้นไปอีกสำหรับ ไนโตะ ที่เป็นคนที่มาจากนอกหมู่บ้าน
พวกเขาต้องการพลังของเขา แต่พวกเขาไม่ต้องการยกหมู่บ้านให้เขา
และเพราะพวกเขาไม่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ไปตาม ไนโตะ กลับมาเพื่อช่วย โคโนฮะ ต่อสู้กับ 4 หมู่บ้านใหญ่
แต่ถึงพวกเขาจะไปขอให้ ไนโตะ กลับมาช่วย แล้ว ไนโตะ จะกลับมาเหรอ?!
ขณะที่ ซารุโทบิ กำลังสูบไปป์ของเขาและมองผ่านหน้าต่างขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ฝนกำลังตกลงมาอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีคนเปิดประตูและเดินเข้ามาในห้องของเขา
“ท่านโฮคาเงะ ผมได้ข่าวมาจาก ภูเมาเมียวโบคุ…ตอนนี้ ไนโตะ กำลังฝึกโหมดเซียนของเขาอยู่ที่นั่น”
จิไรยะ มองไปที่ ซารุโทบิ แล้วพูดต่อว่า “ให้ผมไปคุยกับเขาได้ไหมครับ”
ซารุโทบิ ไม่ตอบ เขายังคงสูบไปป์อยู่ขณะที่มองไปที่ จิไรยะ
จิไรยะ กัดฟันแน่นก่อนที่เขาจะพูดว่า “ถึงเขาจะเป็นคนนอก…ถึงเขาจะมาจาก ตระกูลคุซานางิ…แต่เขาก็เป็นนินจา โคโนฮะ…และเขาสามารถหยุดสงครามครั้งนี้ได้ เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายพวกเรา! ถ้าอย่างนั้นถึงเขาจะแข็งแกร่งมากแล้วมันยังไงละ?!”
จิไรยะ อาจจะดูเป็นคนที่ไม่เอาไหน แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ และเขาก็รู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ดี
แต่ในขณะที่ ซารุโทบิ กำลังจะตอบ จิไรนะ คนอีกคนหนึ่งก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“เป็นไปไม่ได้!”
ดันโซ เปิดประตูและเดินเข้ามา ก่อนที่เขาจะพูดต่ออย่างเยือกเย็นว่า “โคโนฮะ จะไม่มีวันตกไปอยู่ในมือของคนนอกเด็ดขาด! โคโนฮะ ไม่ใช่หมู่บ้านที่อ่อนแอ!… โคโนฮะ ไม่เคยกลัวใคร!”
ดันโซ ต้องการให้เกิดสงครามครั้งนี้ขั้น เขาต้องการโอกาสที่จะนำ โคโนฮะ ไปความเจริญรุ่งเรืองและนี่ก็คือโอกาสนั้น ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสดีของเขาที่จะทำลายหมู่บ้านอื่น ๆ ด้วย และเมื่อเขาชนะสงคราม เขาก็จะกลายเป็นวีรบุรุษคนใหม่ของหมู่บ้าน ปัญหาเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือ ไนโตะ ได้ยึด พลังสถิตร่าง ของ 9 หาง เอาไว้
“ถึงเราจะไม่กลัวสงคราม แต่เราก็ไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ไม่ใช่เหรอ?! คิดดูสิ ถ้าสงครามเกิดขึ้น ก็จะต้องมีการต่อสู้ และผู้คนมากมายจะต้องล้มตายและต้องทนทุกข์ทรมานจากพิษสงคราม!”
จิไรยะ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้ และเขาก็ตะโกนคำเหล่านี้ใส่ ดันโซ
ดันโซ จ้องไปที่ จิไรยะ แล้วพูดว่า “สงครามจะนำพวกเขาไปสู่สันติภาพที่ดีกว่า”
ซารุโทบิ ยืนฟังทั้งคู่เถียงกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่พูดอะไรเลย เขายังคงสูบไปป์ต่อไป แล้วในที่สุดเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันหลังให้พวกเขา
………
ภูเขาเมียวโบคุ
คน ๆ หนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับแมลงนิ่งและแมลงทอดหลากหลายชนิดตรงหน้าเขา
“จิไรยะจัง เอาเลย ๆ ไม่ต้องเกรงใจ ฉันเตรียมอาหารมื้อพิเศษนี้ไว้ให้เธอโดยเฉพาะเลย”
ชิมะ มองไปที่ จิไรยะ แล้วยิ้ม
จิไรยะ มองไปที่โต๊ะ จากนั้นปากของเขาก็กระตุกขึ้นมา เพราะแค่กลิ่นของมันก็ทำให้เขาอยากจะอ้วกออกมาแล้ว
“ไม่เป็นครับ ผมกินมาแล้ว อีกอย่างตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมาพักผ่อน เราต้องจับตาดู ไนโตะ เอาไว้”
เมื่อเขาพูดถึงชื่อของ ไนโตะ ชิมะ ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที
“จิไรยะจัง ฟังฉันนะ อย่าพยายามต่อสู้กับเด็กคนนั้นเลย ท่านเซียนกบใหญ่ก็สั่งไม่ให้เราไปยุ่งกับเขา แม้ว่าเราจะไม่ชอบแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ นั่นคือคำสั่งของเซียนกบใหญ่”
“ผมเข้าใจครับ ผมไม่ได้จะสู้กับเขา ลำพังแค่โหมดเซียนของผมคงจะทำอะไรเขาไม่ได้ เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่ผมจะแตะต้องเขาได้”
จิไรยะ หายใจเข้าลึก ๆ แล้วทันใดนั้นเขาก็แสดงท่าทางจริงจังออกมา
ในขณะนั้น จิไรยะ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และเขาก็รู้สึกประทับใจมาก เมื่อเขานึกย้อนกลับไปเมื่อ 2 – 3 ปีก่อน ไนโตะ ยังเป็นแค่เด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ที่พยายามเอาชีวิตรอดจากความขัดแย้งที่เขามีกับ ตระกูลอุจิฮะ และไม่มีใครคิดว่าเขาจะรอดมาได้
แต่ถึงอย่างนั้น แค่ชั่วพริบตาเดียว ไนโตะ ก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของโลกเรียบร้อยแล้ว แม้แต่ 5 หมู่บ้านใหญ่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ จนเขาได้รับฉายาว่า เทพเจ้านินจาคนใหม่!
จิไรยะ ยังจำช่วงเวลาที่ ไนโตะ กำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สงครามก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
………
ไนโตะ ยังคงไขว่ห้างหน้าสระน้ำ เขายังคงดูดซับพลังงานธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา
ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับหยุดการดูดซับ เขาสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่กำลังใกล้เข้ามา จากนั้นเขาก็มองออกไกล ๆ ด้วยความสงบ
ไนโตะ ดูไม่ประหลาดใจเลย แม้ว่าเขาจะไม่ได้พบ จิไรยะ มาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
แต่เขาก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่เขาเข้าดูแล หมู่บ้านอาเมะ แล้ว หมู่บ้านโคโนฮะ ก็เต็มใจที่จะต่อสู้ในสงครามโดยลำพังและจะไม่ขอให้เขากลับไป นั่นทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
ไนโตะ ไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ ซารุโทบิ ต้องการใช่หรือไม่ แต่ถึงแม้ว่านี้จะไม่ใช่ความคิดของเขา ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็คงจะไม่ยอมให้เขาได้คุยกับ ไนโตะ อยู่ดี โดยเฉพราะ ดันโซ คนที่อยากให้เกิดสงครามขึ้นมากที่สุด
“ไนโตะ”
จิไรยะ เดินเข้าไปหา ไนโตะ ในขณะที่เขาถือกาน้ำชาและถ้วย 2 ใบ ไว้ในมือ เมื่อเขาเดินไปถึง ไนโตะ เขาก็นั่งลงข้าง ๆ ไนโตะ และยิ้ม
“นี่เป็นชาพิเศษจาก ภูเขาเมียวโบคุ มันเต็มไปด้วยพลังงานธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีเพียงผู้ที่สามารถควบคุมพลังงานธรรมชาติได้เท่านั้นที่จะสามารถดื่มได้”
ขณะที่เขากำลังพูด เขาก็เทชาใส่ถ้วยทั้ง 2 ใบแล้วยื่นให้กับ ไนโตะ ถ้วยหนึ่ง
ไนโตะ ไม่ได้เกลียดเขา แต่แค่ไม่ชอบเขาเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ได้ดีขนาดนั้น หากเป็น ซึนาเดะ ที่มาอยู่ที่นี่ ไนโตะ คงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นเธอ
“ไม่เลว”
หลังจากที่ ไนโตะ จิบชา เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้เกี่ยวกับชานี้ เพราะเขาเห็น ชิมะ และ ฟุคาซาคุ ดื่มบ่อย ๆ แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะไปขอพวกเขาดื่ม
ชานี้พิเศษจริง ๆ มันเต็มไปด้วยพลังและรสชาติดีกว่าชาธรรมดา ๆ
จิไรยะ ยิ้มให้ ไนโตะ จากนั้นเขาก็จิบชาก่อนจะพูดว่า “แน่นอนว่าไม่มีชาใด ๆ ในโลกที่จะเทียบกับชานี้ได้ แม้แต่ไวน์แพง ๆ ก็ไม่ได้มีรสชาติที่ดีขนาดนี้”
จิไรยะ พูด จากนั้นเขาก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เธอจะไม่กลับไปจริง ๆ เหรอ?”